เอาให้เขื่อนแตก! เมื่อเทยไปปักแอค ล่องแพที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก




      สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิพย์ทุกท่านค่ะ  อีกครั้งกับการรีวิวฉบับเทยๆ ที่คราวนี้หอบสังขารอวบอัด ยัดแพล่องแม่ปิง เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน บอกก่อนตรงนี้เลยว่า

- ไม่เน้นวิวสวย
- ไม่เน้นอาหาร
- ไม่เน้นทริปประหยัด
- ชอบถ่ายภาพพอร์ตเทต


       แต่จะมีข้อแนะนำเพิ่มเติมให้เพื่อนๆ ได้ทราบกัน เล็กๆน้อยๆ ปนเรื่องราวโจ๊กๆ สารภาพโดยดีค่ะว่า ครั้นไปตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะทำรีวิวเลยยยยยย แต่เฮ้ยยย เจ้าของแพแซ่บไง เอ้ยๆๆ ไม่ใช่ 5555+ เพราะบรรยากาศบนแพมันพาไปว่ะ ... สวย สงบ สบายใจ เลยคิดได้ว่า ที่นี่คือดียยยยย์นะ แต่ กุ๊กกุ๊กกู่ม๊ากกก คืองงว่าทำไมการล่องแพที่นี่ ไม่บูมเท่าเขื่อนอีกจังหวัด หรือแพเทคอีกที่  ตั้งใจว่า จะทำรีวิวเผื่อเป็นตัวเลือกให้ได้ไปดื่มด่ำในวันหยุดยาวหน้าค่ะ  อ่อ ... วันที่ จขกท. ไปนั้น คือ 13 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมานี่เองรีบรีวิว จะได้ไม่ลืม อ่ะๆ ๆ ไปค่ะ เชิญทัศนา


1. Let's go to "สามเงาตากท้ายแลนดดดดด์"!!!

    เขื่อนภูมิพลที่จขกท. ไป มีพิกัดที่ตั้งอยู่อ. สามเงา จ.ตาก และจากการสืบค้นในแผนที่อากู๋เมื่อครู่นี้ ค้นพบว่าอยู่ห่างจากกทม. ศรีรามเทพนครของเราประมาณเกือบๆจะ 500 กิโลฯ จ้า อันที่จริงจขกท. เคยไปมาก่อนหน้านี้แล้วคั้งสองครั้ง ... อย่างคราวที่แล้วก็มากเวยรถทัวร์ไทย ซิ่งไวจอดให้ยิ้มทุกป้าย 555555 ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง ค่ะ ... มาคราวนี้อัพเวลจ้าาาา ติดรถเขาไป แถมให้เขาเลี้ยงข้าวอีกจ้า ไม่มั่นหน้าทำไม่ได้55555 ขอบคุณเจ๊ป. และเฮียน. มาในโอกาสนี้ด้วยค่ะ
   เตรียมใจว่าต้องเจอรถติด ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้เพราะเป็นวันหยุด(เกือบจะ)ยาว นั่นคือวันแม่แห่งชาตินั่นเอง เอาเข้าจริงแพลนไว้แค่ 4-5ชั่วโมงก็น่าจะถึง แต่ด้วยความที่ว่าปีนี้ลูกๆน่าจะอยากกลับไปหาแม่และพาแม่ไปจับโปเกม่อนเยอะเป็นพิเศษ ... ไม่ทันได้คิดเรื่องนี้เลยพากันเอิงเอย ออกจากบ้านเกือบ 9โมง แวะกินโจ๊กอีกนิด ซื้อกาแฟอีกหน่อย ระหว่างทางแวะจับโปเกม่อนที่ปั๊ม พอหิวก็แวะปั๊ม แล้วปวดฉิ่งฉ่องบ่อยชิ...หาย บวกรถติดช่วงชัยนาท ทำให้แพลนจากเดิมน่าจะไปถึงบ่ายสาม เลยเลทไปถึง สามเงา ตาก ท้ายแลนด์!!! ในเวลา 6:30เป๊ะ!! ... เห-ดดดดดดด. นั่งรถจะไขมันละลายติดกับเบาะ ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงที่หมาย โดยสวัสดิภาพจ้าาาาา


เหล่าเทรนเนอร์ต่างมุ่งไปจับโปเกมอน 5555

2. Move on to "เขื่อนภูมิพล"

    มาถึง 6.30 โมงไม่ได้ขึ้นแพเลยนะจ๊ะ  (อ่อลืมบอกไปค่ะ ระหว่างตัวเมือง - สามเงาตาก ใช้เวลา 45 นาทีขับช้าๆ ชิวๆ แต่ถ้าฟาสแอนด์ฟีเรียสก็ 30 นาทีเท่านั้นจ้า)  ส่วนไปแพต้องขึ้นช่วงเช้า-เที่ยงในแต่ละวันค่ะ คืนนั้น อีเว้นต์ของกะเทย 2 จ้าม (มาจากคำว่าจ่ำม่ำ) เลยไปจบที่การดึ่มด่ำวัฒนธรรมและบรรยากาศที่อำเภอสามเงานั่นเอง จอยเว่อร์ๆ 
    และช่วงเวลาที่เราขึ้นแพก้มาถึง เทยแต่งหน้าทำผมรอ เสร็จตั้งแต่ 9 โมงเช้า กว่าจะมูฟ ๆ เชคๆ ไปที่เขื่อนภูมิพลก็เกือบๆ เที่ยงแล้ว ไหนจะแวะซื้อนั่นนี่โน่นขึ้นเรืออีก โอยยยยย เทยหิววว วว! 555555555 

ภาพอาจจะไม่ได้หวือหวา แต่ก็ถ่ายมาด้วยใจนะจ๊ะ


ปักแอคก่อนขึ้นแพนิสนุง

3. แพจะแตกมั้ย!
  
    ก้าวแรกที่เหยียบเท้าขึ้นแพนั้น ใจก็ประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ว่า จะรอดไหมเมื่อสองเทยเหยียบเข้าไป แพจะแตกไหมหว่า 55555 จขกท. ใช้บริการของแพ ช. โชคประเสริฐค่ะ เป็นแพขนาดใหญ่ 2 แพต่อกันยาวหลายร้อยเมตรได้! 5555 ไม่ได้โม้นะ เพราะมันแยกส่วนนอนกับส่วนรับประทานอาหารร้องรำทำเพลงออกจากกัน ลงเรือปุ๊ป แม่ๆน้าๆเขาก็ร้องรำทำเพลงกันสนุกสนานครื้นเครง ส่วนเทยก็ออกมาถ่ายแบบ ถ่ายวิวไปเรื่อย
   

ก็บอกแล้วไงว่าแพนั้นทั้งใหญ่ทั้งยาวอิอิ (ขอบคุณภาพจากเฟซแพ ช. โชคประเสริฐ)


นี่คือส่วนของห้องจัดงานรืนเริงค่ะ


   ในส่วนของสนนราคาแพนั้น จขกท. เสียแบบเหมาหัวค่ะ ทางหมู่คณะไปประมาณ 30 คน เสียไปหัวละ 800 ค่าอาหารกลางวัน เย็น ระหว่างวัน กลางดึก ปลาเผาสดๆๆ ก่อนนอน (ที่เจ้าของแพพิศวาสทำให้กลางดึก) อิอิ คิดดูนะ 800 บาทคุ้มขนาดไหน ถ้าไม่เชื่ออ่านกระทู้นี้ให้จบแล้วจะพบว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์จริงๆ 
   ซึ่งยืนยันนะคะว่า จขกท. "เสียตังเอง" ไม่ได้รับสปอนเซอร์ใดๆ  หรือมาเขียนอวยแพนี้ แต่ที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่าอยากเชิญชวนให้คนที่กำลังมองหาวันหยุดพักผ่อนกับครอบครัว และนี่ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าพากันไปชิลๆ ประหนึ่งร่องเรือสำราญกันเลยทีเดียว
    ถ้าไปกันไม่ถึง 30 คน ราคาเพิ่มเติมก็สอบถามได้ที่แพช.โชคประเสริฐ เลยค่ะ ... หากตามจากกระทู้นี้ไปอาจได้รับสิทธิพิเศษนะคะ อิอิ

ไปค่ะ สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น


โพสเบาๆ เห็นด้านหลังนั่นไหมคะ ประตูเขื่อน 5555

4. เรื่องราวดีๆ ระหว่างทาง

    เม้นนี้เป็นการเก็บตกภาพประทับใจระหว่างการเดินทางไปสู่จุดหมายในวันนี้ก็คือ "ถ้ำโยคี" ที่ระยะเวลาเดินทาง 3-4 ชั่วโมง ดังนั้น ควรรีบมาเพื่อ ใช้เวลาเผื่อในการเดินทาง และการเล่นน้ำหน้าวัด เพราะถ้ามึดมากไปปลาสังขวาทจะตอด 555 

   ไม่อยากเชื่อว่าจะเจอหินผาแบบนี้ 5555 นี่คือ "ดอยป้อหลวง"  เชื่อกันว่าเป็นสถานที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของชาวสามเงา จ.ตาก หากอยากรู้เรื่องความเป็นมาเพิ่มเติมคงต้องถามผู้เฒ่าผู้แก่ อายุไม่ต่ำกว่า 65 ปี อัพ

ระยะไกลๆ


ระหว่างทาง


วิวดี สุดลูกหูลูกตา นึกว่าอยู่ในท้องทะเล


ตอนแรกคาดว่ามันต้องเป้นภาพที่ ไฮแฟชั่น แต่ไหงเหมือนคางคงกโดนฟ้าผ่าซะงั้น 5555


อุ้ยหล่น! วิวดีๆ เนาะ อิอิ ปล. เจ้าของแพค่ะ แซ่บไม่แซ่บ! ตอบ! 5555555

5. ถ้ำวัดใจ ... จะหนาวจะเหน็บแค่ไหนต้องฝ่าไป

    ถึงแล้วเด้อค่ะเด้อ กับจุดหมายปลายทางของเรา "ถ้ำโยคี" ต้องดูกันค่ะว่าวัดใจแค่ไหนยังไง มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับถ้ำโยคีว่า มีฤาษีมาอยู่ในสมัยก่อน และมีชุมชนป่าคาอยู่ใกล้กัน จากการสำรวจก็ได้พบรอยพระบาทเล็ก ๆ อยู่ด้านบนเหนือถ้ำอีกด้วย แต่จขกท. คงปีนไปดูไม่ไหวหรอกค่ะ ด้วยสารร่างอวบอัดแบบนี้ ยัดลงเรือมากราบไหว้ท่านได้ก็ถือว่าบุญแล้ว 

ลิบๆ นั่นคือองค์พระนอนที่วัดกำลังสร้าง


ระหว่างทางที่ขึ้นคือแบบ โอยยยย เหนือ่ยมาก ... แต่เห็นพระท่านอยู่ริมผาก็สงบลง



องค์พระใหญ่ประจำวัดค่ะ


จริงๆด้านบนมีพระเจ้าตากสินด้วยค่ะ อยู่คู่กับพระพุทธรูปองค์ใหญ่เลย (จุ๊บรูปครูสาวว.มา)


ธุจ้า _/\_



   หลังจากกราบไหว้พระเสร็จแล้วนั้น ทางหมู่คณะทั้งหลายก็นำกันเข้าถ้ำไปจ้าา พูดเลยว่ามืด แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องอันตรายใดๆ เพราะเค้ามีไฟส่องตลอดทาง ไม่เชื่อดูจากในรูปสิ


    เข้าไปด้านในบอกเลยว่าถ้ำงามล้ำเหลือ หินปูนด้านในงอกย้อยมาดูระยิบระยับยามต้องไฟ ใจชื้นขึ้นมาทันทีเมื่อเห็น ด้านในถ้ำไม่ได้ร้อนอย่างที่คิด เหงือไม่แตกอย่างที่หวังไว้ 555555  ระยะทางเข้าไปไม่ลึกมาก ประมาณ 300-500 เมตรเห็นจะได้ แรกๆทางเดินเข้าถ้ำพูดเลย โอยยยย กลัวจะไปทำหินงอกหินย่อยและทรัพยากรธรรมชาติเสียหายมากๆ  เกือบรอดช่องว่างระหว่างชั้นหินไปไม่ได้เสียแล้ว 55555  สมอล์เสมอตัวจขกท.เวอร์! แต่สุดท้ายก็เข้าไปได้ ซึ้งจะไปเจอกับอะไรนั้น ต้องไปเทีย่วชมกันเอง รับรองดีงาม พระราม 3 แน่นอนค่ะ 

เช็คนางแบบได้ค่ะ 5555 (นี่พีหญิงเทยจ้ามของจขกท.เอง)


   หลังจากสวมบทบาทเป็นนักสำรวจถ้ำสาวและดร.จูน ในเรื่อง Suicide จบก็ไม่ได้พบกับแม่มด Enchantress แต่อย่างใด หากแต่สิ่งที่ทำให้เทยหายเหนื่อยได้อย่างปลิดทั้ง นั่นคือ ทัศนียภาพโดยรอบที่มองมาเห็นความกว้างขวางสุดลูกหูลูกตาของเวิ้งน้ำ ช่องลมที่แม่น้ำแม่ปิง นั้นเอง สวยขนาดที่แบบ สะพรึงอึ้ง ตะลึงกันไปเลยทีเดียว ไม่เชื่อลองทัศนาสิเพคะ

Beautiful Moment



อีกฟากฝั่ง


รูปนี้ยืมภาพมาจากเจ๊ป. มา เพราะกะเทยล็อตใหญ่มาก ลงมาพบแขกเลยไม่ได้สัมผัสกับบรรยากาศที่อาทิตย์อัสดง โอยย พลาด


กะเทยได้แค่นี้ก็ดีละค่ะ แยกย้าย

5. ตามธรรมเนียม
  
    หลังจากกลิ้งลงเนินเขาบนวัดกลับมาสู่แพเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ก็เจอหมู่คณะเด็กใสๆ วัยมหาลัยแพข้างๆ โดดน้ำกันตูมๆ อิฉันก็ ยิ้มย่องในใจ รอเจ๊แปป เดี๋ยวเจ๊ตามไป แต่ใใใไม่โดดน้ำ ไม่อะไรหรอกค่ะ เพราะไหว้น้ำไม่เป็น ... และตามธรรมเนียมของจขกท. ต้องไปปักแอคด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น ว่าแล้วก็ไปค่ะ เปลี่ยนชุด

ฮายยยย ว่าไงเด็กๆ


ไปค่ะ บนหัวเรือ (กราบแม่ย่านางเรียบร้อยแล้ว


ฟิลแบบดิบๆ 5555


  คือเรื่องโจ๊กคือ ...  ตอนนี่โพสต์ท่าถ่ายแบบในเรือเล็ก พูดเลยว่า เซเลปนะจ๊ะ 555 เอาเข้าจริงพวกนางไม่ค่อยได้เห็นของสวยๆงามๆ ปนแปลกๆ มากกว่า โอยยยยย จะมุงมาดูกันทามมาย ยิ่งมุงดู จขกท. ก็ยิ่งเอาใหญ่ โนสนใดๆ ทั้งสิ้น ถือว่าเฮฮา มอบกำไร อะไรก็กว่าไปปปป ว่าละก็ ถ่ายกับตัวเครื่องแมนๆ ดี ไปคร้าาา าาา
  

6.  Party Time

    จขกท. ไม่ได้ลงน้ำเองค่ะ พี่หญิงของน้องอาสาจะลงน้ำ นั่นเป็นเวลาเกือบ 1 ทุ่มเข้าไปแล้ว ซึ่งไอ้เราก็ไม่รู้ว่าเรือใกล้ออกจากนี่เพื่อล่องไปที่ "เกาะวาเลนไทน์" และเราจะนอนกันค้างคืนที่นั่น เราลงได้แปปเดียว คนเฒ่าเขาก็มาไล่ เพราะ ปลาจะตอด แต่เด็กๆอีกแพรีบลง นางเลยได้เล่นน้ำนาน ทางแพนี้โดดไปได้แปปเดียว ตู้มสองตู้ม ก็โดนตัดเวลา ไล่ให้ขึ้นแล้ว ใครจะไปต้องเมเนจเวลาดีๆนะคะ ไม่งั้นจะพลาดแบบ จขกท. 
    
พักทานข้าวบนเรือให้ใจดีขึ้นมาหน่อย บอกเลย แพนี้เค้าจัดเต็มให้ทุกมือ


ไหว้แม่ รับพรเป็นสิริมงคลกันบนเรือค่ะ อีเวนท์วันแม่


ภาพชาวคณะบางส่วนค่ะ ^^


และแล้วก็ถึงเวลา ปาร์ตี้ไทม์ 5555+


   หากสนใจและตามไปจากกระทุ้นี้ เจ้าของแพเฮียแกบอกแล้วว่าจะได้ลิ้มรสกับปลาเผาย่างเกลือแสนอร่อยเหาะ นุ่มลิ้น ฟินถึงเช้า มาเป้นของสมนาคุณ ยังไงตามไปเที่ยวกันได้นะคะ ^^

7. เมื่อเทยพลาด!!!

   เช้าวันที่ 2 สะดุ้งตื่นด้วยเสียงเรือยนต์ติดเครื่องดังสนั่น ...  ใจกะเทยหายไปเลย เพราะคอนเช้าวาดฝันไว้ว่าจะถ่ายแบบ บนเกาะวาเลนไทน์ แต่พลาดมาก เพราะกว่าจะคิดได้ เรือได้ออกจากเกาะไปเป็นที่เรียบร้อยและน่าใจหายเป็นอย่างยิ่ง T^T ชุดราตรีที่เตรียมมาโพสต์ถ่ายปังๆเป็นอันต้องเป็นหมันไป ... หากไม่อยากพลาดเหมือน จขกท. ที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆและถ่ายรูปบนเกาะวาเลนไทน์ เสียดายสุดๆ

เรือใกล้กลับเข้าฝั่งแล้วจ้า

8. สุดท้ายที่เขื่อนภูมิพล

    เอาตามตรงจากใจ จขกท. ไม่คิดว่าจะมารีวิวเลยไม่ได้เตรียมถ่ายรูปวิวสวยๆไว้มากนัก อย่างหาดวาเลนไทน์ที่พลาดลงไปถ่ายก็เสียดายมาจนถึงกระทั่งพิมพ์กระทู้นี้ ... เราต้องเมเนจฯเวลาดีๆ ค่ะ ซึ่งทางแพเค้าก็มีเวลากำหนดไว้ ต้องถามไถ่กันให้ชัดเจน ไม่งั้นก็บร้ายยย  เสียหายกันล้านแปด เพราะพลาดเรื่องไม่เป็นเรื่อง

    สุดท้ายอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ที่อ่านจนจบทุกคนว่าจังหวัดเล็กๆอย่างตาก ก็มีสถานที่ที่น่าสนใจ Unseen Thailand ได้เช่นเดียวกับที่อื่น โดยเฉพาะเชื่อนภูมิพลที่รองรับนักท่องเที่ยวได้ทุก Season เทศกาลวันหยุด (ต้องโทรไปจองล่วงหน้านะคะ)  หากมีครอบครัวและกำลังแพลนเที่ยวในวันหยุดต่อไป ถ้าใครยังคิดไม่ออก เถียงกันอยู่ว่าจะไปไหนดี เชิญที่นี่ค่ะ เขื่อนภูมิพล สามเงา ตาก ท้ายแลนนดดดดด์ ที่แพจะพาเราล่องขึ้นไปไกลถึงแม่น้ำปิง และพบเจอบรรยากาศสุดชิลแน่นอนค่ะ

  ปล. 1 ขอบคุณรุปภาพจากทุกท่านที่ให้จขกท. จุ๊บมาฝากชาวพันทิพย์ค่ะ
  ปล. 2 ขอบคุณ แพช.โชคประเสริฐที่พาเราล่องไปพบกับประสบการณ์ใหม่ๆค่ะ ติดต่อได้ เจ้าของแพแซ่บมาก คอนเฟิร์ม
  ปล. 3 ขอบคุณแม่ๆ น้าๆ พี่น้องที่ล่องไปเที่ยวกันอย่างเฮฮาปาร์ตี่ค่ะ


บร้ายยย ค่ะ ^^

ที่มา Pantip
Part 1 การเดินทาง ห้องพัก น้ำตกสิริภูมิ


          เที่ยวครั้งนี้ไปกับเพื่อนสมัยมัธยม ไปกันทั้งหมด 4 คน ไปเชียงใหม่กันเถอะ ไปไหนยังไม่รู้ รู้แต่ไปเชียงใหม่ ด้วยราคาตั๋วเครื่องบินทำโปรลดกระหน่ำยั่วยวนใจเหลือเกิน เราเลือกบินกับแอร์เอเชีย ไปกลับรวมค่าโหลดน้ำหนักกับประกันการเดินทาง ตกคนละ 1,963 บาท หลังจากจองตั๋วก็เหลือการทะเลาะกันว่าจะไปเที่ยวจุดไหนดีอ่านรีวิวไปเรื่อย ด้วยความต้องการหลักๆ คือ พักผ่อน ไม่ได้อยากเที่ยวเยอะ อยากนั่งพูดคุยในบรรยากาศดีดี เราเลยชวนไปพักที่โครงการหลวงดอยอินทนนท์ โทรไปสอบถามเรื่องที่พัก ว่างพอดี  โอนเงินจอง 3 วัน 2 คืน (26-28 สิงหาคม 2559) 2 ห้องพักสิริภูมิ B คืนละ 1,100 บาท ก่อนเดินทางเลนส์ kit 14-42 กล้อง Olympus เริ่มรวน ต้องส่งซ่อม ลุ้นอยู่ว่าจะทันทริปนี้ไหม สรุปว่าไม่ทัน เลยต้องใช้เลนส์14-150 mm f4-5.6 ตลอดทริป
       เริ่มเดินทางที่สนามบินดอนเมือง เที่ยวบินที่ FD-3445 เวลา 8.15 น. ถึงเชียงใหม่ 9.30 น. นั่งรถแดงหน้าสนามบินบอกว่าไปท่ารถจอมทอง คุณพี่รถแดงคิดราคาเหมา 150 บาท นั่งรถบัสสีฟ้าต่อไปอำเภอจอมทอง ถึงหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารใกล้ๆ เที่ยง เราหาข้าวกลางวันกินแถววัด แล้วเข้าไปสักการะพระธาตุซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีชวดหรือปีหนู ที่หน้าวัดมีรถสีเหลืองขึ้นดอยอินทนนท์ มีหลายเจ้าให้เราเหมารถขึ้นไปโดยจะแวะสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางให้ แต่เราไม่ต้องการ เราอยากขึ้นไปที่พักเลย สรุปเลยได้ราคาขึ้นไปโครงการหลวงอินทนนท์คนละ 50 บาท ทั้งรถ มีแค่เรา 4 คนแหล่ะ ขึ้นไปได้สักพักก็เจอด่านของกรมอุทยาน เสียค่าเข้าคนละ 50 บาท ค่าธรรมเนียมรถอีก 30 บาท ด้วยความที่ระยะทางจากจอมทองไปโครงการหลวงมากกว่าที่เราคาดคิดพวกเราเลยทิปพี่คนขับรถไปอีก 200 บาท 


โบยบินไปเชียงใหม่กับลำนี้


รถบัสไปจอมทอง


วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร


รถขึ้นดอย มีรออยู่หน้าวัด


นาขั้นบันไดระหว่างทาง

      ถึงโครงการหลวงด้วยความตื่นตาตื่นใจ ดอกไม้สวยมาก เราเช็คอินเข้าห้องพัก ระหว่างทางเดินไปห้องพัก เราผ่านอาคารผลิตผล (Packing House) ตอนเช้าเราจะเห็นรถกระบะมาจอดส่งผลผลิตที่นี่ ห้องที่เราพักชื่อสิริภูมิ B นอกจากมีเตียงห้องน้ำตามปกติ ก็มีชั้นลอยที่สามารถเพิ่มที่นอนตรงชั้นลอยห้องใต้หลังคาได้ ที่ห้องพักไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม แต่ก็ไม่จำเป็นเพราะอากาศเย็นอยู่แล้ว ห้องพักสะอาดสะอ้านดี มีชากาแฟสดพร้อมอุปกรณ์ให้เราลองชงด้วย สภาพห้องพักไม่ได้ใหม่มาก ในส่วนของห้องน้ำ เราว่าทางโครงการคงต้องปรับปรุงสักหน่อยก็น่าจะดีขึ้น แต่โดยรวมเราค่อนข้างพอใจกับราคา 1,100 บาท/คืน (ราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ไปพัก) พร้อมอาหารเช้า 


ถึงแล้วโครงการหลวงอินทนนท์


Lobby


อาคารผลิตผล (Packing House)


บ้านพักสิริภูมิ B


สวนสวยหน้าบ้านพัก


ห้องพัก


เครื่องดื่มบริการในห้องพัก

      พักผ่อนสักพัก ก็เดินไปน้ำตกสิริภูมิซึ่งอยู่ใกล้ที่พักเดินเลยจากที่เราพักไปไม่ไกล แต่ไปถึงช้า เพราะทุกมุมที่เดิน สวยไปหมด ถ่ายรูปกันมือเป็นระวิง อากาศที่โครงการหลวงอินทนนท์เย็นเหมือนดอยติดแอร์ตลอดทั้งวัน มีความชื้นปนๆ อยู่ด้วย เดินเล่นไม่หงุดหงิด ระหว่างทาง มอส เฟิร์น ตระไคร่ ขึ้นเต็มไปหมด เวลาเดินต้องระมัดระวัง เพราะค่อนข้างลื่น ใครพาเด็กหรือผู้ใหญ่ไปต้องดูแลให้ดี ทางเดินไปน้ำตกมีกูดหัวอ้ายเป็ด หรือเฟิร์นหัวอ้ายเป็ด ที่โครงการปลูกไว้เต็มไปหมด เป็นเฟิร์นภูเขาที่มักพบอยู่ตามภูเขาสูงระดับ 800-1,700 เมตร ใกล้บริเวณลำธาร มีขนาดใหญ่สูงท่วมหัวเราเลย นอกจากนั้นยังมีพืชชนิดอื่นๆ ดอกไม้ขึ้นแซมเป็นระยะ มีดอกไม้เล็กๆ แทรกอยู่ตามก้อนหิน พวกเราเดินไปถ่ายรูปกันเพลินไป น้ำในน้ำตกเย็นมาก เราเอาเท้าแช่ลงไปสะดุ้งเฮือกเลย น้ำใสไหลเย็นแต่เราไม่เห็นตัวปลาสักตัว 555 น้ำค่อนข้างเยอะ ไหลตกมาจากหน้าผาสูงเสียงเลยดัง 


บันไดขึ้นบ้านพักบริเวณทางไปน้ำตก


Ferns Kingdom


ทางไม้ไผ่ไปน้ำตก


เฟิร์นหัวอ้ายเป็ด


ดอกไม้เล็กๆ ขึ้นบนก้อนหิน


ทางลื่นมาก


เขียวครึ้ม ลื่นฝุดๆ


น้ำตกสิริภูมิ


น้ำตกสิริภูมิ


น้ำตกสิริภูมิ


ใส เย็น


อากาศชื้นมาก


ลำธารเล็กๆ ระหว่างทาง

Part 2 สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

        กลับมาจากน้ำตกก็เข้าห้องพัก อาบน้ำ เตรียมตัวไปกินข้าวเย็นที่สโมสรอินทนนท์ ขณะที่นั่งรอเพื่อนๆ เราก็หยิบโบชัวร์แนะนำสถานที่พร้อมแผนที่ที่ได้จาก Lobby ได้ความว่าตรงที่เราเข้าพักเรียกว่าสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ เป็นสถานีวิจัยหนึ่งในสี่ของมูลนิธิโครงการหลวง ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นสถานีรวบรวมพันธุ์ไม้ พืชผัก ผลไม้ การประมงบนพื้นที่สูง เพื่อการส่งออกส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกรชาวไทยภูเขา (เผ่ากะเหรี่ยงและเผ่าม้ง) นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่วิจัย และยังเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ อีกด้วย สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 513 ไร่ ตลอดทางที่เราเดินไปดูโน่นดูนี่ เราเจอคนที่ทำงานดูแลต้นไม้ ปลูกต้นไม้ ทำความสะอาด ทำครัว เป็นบริกร คนบริการให้ความสะดวกเรา พูดไทยสำเนียงน่ารักๆ แต่งชุดปกติบ้าง ชุดพื้นบ้านบ้าง เดินผ่านก็ยิ้มให้กัน ชวนคุยบ้าง พอเราถามว่าบ้านอยู่ไหน ทุกคนก็บอกเราว่าอยู่แถวๆ นี้ เช้ามาก็มีรถไปรับ เย็นมาก็มีรถไปส่ง หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน ร่างกายแข็งแรง ไม่อ้วนไม่ผอม ด้วยพระบารมีแผ่ไพศาลทำให้ทุกคนอยู่ดีกินดี มีความสุข

โครงการหลวงอินทนนท์


โรงเรือนของชาวเขา


หลังเลิกงานที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์

คนงานในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์


เกษตรกรที่อยู่รอบๆ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์


ผลผลิตของเกษตรกร


ผักไฮโดรโปนิกส์ ในโรงเรือนของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์


พันธุ์ไม้ระหว่างทางในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์


ที่ทำกินของชาวเขา


Part 3 สโมสรอินทนนท์

       อาหารทุกมื้อที่เราอยู่ที่นี่ เรากินที่สโมสรอินทนนท์ ไม่ออกไปกินที่ไหน เพราะราคาไม่แพงเลย เมื่อเราเทียบกับที่เราเคยกิน รสชาติของอาหารก็จัดว่าอร่อยเลย โดยเฉพาะกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา เราและเพื่อนติดใจกันมาก แต่น่าเสียดายช่วงที่เราไปไม่มีปลาเรนโบว์เทราต์ พนักงานบอกว่าต้องมาเดือนตุลาคมถึงจะมี อดกินไป แป่วววววว ไม่เป็นไร อาหารอย่างอื่นก็อร่อยดีอยู่แล้ว พนักงานเสริฟ ที่นี่ก็ดูแลเอาใจใส่ลูกค้าดี จะเรื่องมากยังไงก็ไม่มีชักสีหน้า กาแฟที่ชงให้หอมรสชาติดีราคาถูก เราดื่มคาปูชิโนร้อนทุกเช้าแก้วละ 45 บาท แล้วก็มีสมูทตี้ผลไม้ต่างๆ แล้วแต่ว่าวันนั้นมีผลไม้อะไร ขนมที่ชื่นชอบเป็นพิเศษก็พานาคอตต้าพีช หอมอร่อยกำลังดีไม่หวานจนเกินไป ถ้าได้แวะไป ก็ลองสั่งมาชิมกันดูค่ะ พนักงานเสริฟที่นี่เป็นผู้ชายเกือบทั้งหมด ส่วนผู้หญิงจะเป็นแคชเชียร์ แล้วก็เป็นบาร์เรตต้า พนักงานที่ทำอาหารในครัวที่เราเห็นก็เป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด

สาวน้อยบาร์เรตต้า


สโมสรอินทนนท์


เมนูเครื่องดื่ม


อาหารเช้าเริ่ม 7 โมง


คาปูชิโน่ กับสลัด อร่อยตามความสดของวัตถุดิบ


โกฮัง หนุ่มน้อย ที่คอยบริการเรา


ดอกไม้ในสโมสรอินทนนท์ ไม่ต้องรดน้ำ มีท่อต่อตรงเลย


ขาหมู

หมั่นโถวฟักทองกินคู่กับขาหมู

แกงส้มอินทนนท์

กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา อร่อยจนต้องสั่งซ้ำ


สมูทตี้อินทนนท์ เพื่อสุขภาพ


พานาคอตต้าพีช

เห็นแล้วอารมณ์ดี


ทีมงานคุณภาพ บริการดีเยี่ยม


สโมสรอินทนนท์

Part 4 เดินเที่ยว

      เรากับเพื่อนไม่ได้ออกไปไหนเลย อยู่ในนี้มีความสุขดี เดินเล่นถ่ายรูปกันทั้งวัน ถ้าใครมาที่นี่และอยู่จนคุ้มที่สุดก็เป็นเรากับเพื่อนนี่แหล่ะ วันที่สองช่วงเช้าเราเดินออกจากโครงการ เดินเลาะพื้นที่ด้านซ้ายของโครงการขึ้นไปบนเขา ที่เราเห็นจากที่ห้องพักว่าบนเขามีโรงเรือนอยู่เต็มเขา ตอนกลางคืนก็เปิดไฟในโรงเรือนจนทั้งเขาสว่างไปทั่ว เดินไต่เขาไปเรื่อยๆ เจอเกษตรกร เราก็ชวนคุย ถามโน่นนี่ ขออนุญาตเข้าไปในแปลงดอกไม้ ช่วงที่เราไปปลูกเบญจมาศกันเยอะเลย เราขออนุญาตถ่ายรูปในแปลงปลูกดอกไม้ ถามรายละเอียดราคา โน่นนี่ไปเรื่อย คุยกันไปสนุกดี เดินขึ้นไปจะเห็นน้ำสิริภูมิตกมาจากหน้าผาสูงชันแทรกอยู่กลางภูเขา แบ่งเป็นสองสาย พอเดินขึ้นไปเรื่อยๆ จนสุดแปลงเกษตร มองลงมาอีกด้าน เห็นภูเขาหลายลูกซ้อนกัน มีหมอกเคลื่อนตัวผ่านภูเขาไป รูปถ่ายทุกรูปที่ได้ถ่ายจากที่นี่ไม่สวยเท่าที่ตาของเรามองเห็น เราเดินกลับโครงการโดยเข้าทางน้ำตกเดินลัดเลาะขึ้นไปตามเส้นทางด้านบนของทางศึกษาธรรมชาติ ที่ตลอดข้างทางมีท่อส่งน้ำขนานไปกับทางเดิน ลงไปทางด้านหน้าของโครงการเพื่อไปกินข้าวกลางวันที่สโมสร เราเปิดดู application วัดระยะทางเดิน ไปกลับร่วมๆ 3 กิโลเมตร เดินเพลินมาก

เดินมาเจอทุ่งดอกเดซี่


พร้อมเดินครับ หรือเปล่า เบื้องหลังคนรู้ทัน


ทางเดินชุ่มฉ่ำ

โรงเรือนของชาวเขา


ดอกเบญจมาศ


เกษตรกรหนุ่มน้อยช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงาน


น้ำตกสิริภูมิ


คุณแม่ยังสาว


มีน้ำอุดมสมบูรณ์


เดินขึ้นเขามาเพื่อดูวิวแบบนี้


โรงเรือนเต็มภูเขา


ภาพถ่ายยังไม่สวยเท่าที่เราได้มองจริงๆ


น้ำตกสิริภูมิ


สตอเบอรี่


ทางเดินต่อเพื่อขึ้นไปบนเขาอีกทาง


วิวที่มองมาจากเขา


คุณแม่คุณลูก ที่เราขอถ่ายรูประหว่างทาง


มัดดอกไม้เตรียมส่งขาย


ใบไม้เปลี่ยนสี มีนิดหน่อยให้เราเห็น


เส้นทางด้านบนของทางศึกษาธรรมชาติของโครงการ


เส้นทางด้านบนของทางศึกษาธรรมชาติของโครงการ


หน้าสโมสร เดินกลับมากินข้าวกลางวันที่นี่

      ช่วงบ่ายก็เดินอีก ไปช๊อปที่จุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ช๊อปเสร็จก็ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวกลับมารับ เพราะต้องเดินเล่นต่อไปชมสวนดอกไม้ 80 พรรษา ในโซนโรงเรือนจัดแสดงพรรณไม้ เดินออกไปทางด้านขวาข้างๆ โครงการเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำบ้านขุนกลาง ไปดูปลาเรนโบว์เทราต์ พื้นที่ติดๆ กันเป็นโรงเพาะกล้าพืชผัก โรงผลิตไม้กระถาง โรงผลิตเฟิร์น เข้าทุกโรงที่เขาเปิด ก่อนเข้า เราก็ต้องถามเจ้าหน้าที่ด้านในโรงเรือนก่อนว่าขออนุญาตไปชมได้ไหม เราเข้าไปชมทุกโรงเรือน ไปดูวิธีการปลูก ถามโน่นถามนี่ตามประสาคนช่างสงสัย ไปเจอคุณพี่ชาวเขาใส่ชุดประจำเผ่ากำลังดูแลต้นโรสแมรี่ เราเลยถามวิธีการปลูก เราบอกคุณพี่ไปว่าเราปลูกแล้วตาย คุณพี่หัวเราะคิกคัก เพราะจริงๆ แล้วโรสแมรี่ปลูกง่ายมาก แค่เอากิ่งมาชำก็ขึ้นแล้ว คุณพี่อธิบายได้ดี ต้องตั้งใจฟังหน่อย เพราะสำเนียงค่อนข้างน่ารักอาจไม่ค่อยคุ้นหูเรา 

ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์


ภายในร้าน


ข้างร้าน


เข้าสู่โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ


โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ


โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ


โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ


โรงจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับ




บ่อปลาเรนโบว์เทราต์


ปลาเรนโบว์เทราต์


โรงเรือนปลูกพืชผักต่างๆ ของโครงการ


โรงเรือนปลูกพืชผักต่างๆ ของโครงการ


ลำธารเล็กๆ ระหว่างทาง


เบื้องหลังความสวยงามของต้นไม้ดอกไม้


โรงเรือนปลูกพืชผักต่างๆ ของโครงการ



ผู้เชี่ยวชาญการปลูกโรสแมรี่


โรงเรือนปลูกพืชผักต่างๆ ของโครงการ

      จากนั้นเราก็เดินออกจากโครงการไปทางหมู่บ้านข้างๆ โครงการ บ้านขุนกลาง เดินเลาะเลี้ยวไป เจอใครก็ทักก็สวัสดีไปตามเรื่องตามราว ชวนคุยแซวกันไปมา ขอถ่ายรูป ขอเข้าไปชมในบ้านบ้าง ก็ไม่ได้ว่าอะไร น่ารักกันดี เราตั้งใจเดินไปพิพิธภัณฑ์ชาวเขา คุณเพื่อนซึ่งเดินล่วงหน้าไปก่อนกลับมาบอกว่า ไม่เปิด ร้าง เราเลยเดินกลับ 

เดินออกมาจากโครงการจะเจอโบสถ์




เดินเข้าหมู่บ้าน






  ตอนเดินกลับเราผ่านศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยอากาเป้ เรากับเพื่อนเดินเข้าไปด้อมๆ มองๆ เห็นลำธารผ่านตรงกลางเลยเดินไปดูเล่น เห็นบ้านพัก แล้วก็มีผู้ชายสองคนกำลังสร้างบ้านพักใหม่ เลยขออนุญาตเดินเล่น พอได้พูดคุยกันเลยรู้ว่าเป็นคุณหมอมนัส หมอแผนไทยของศูนย์ฯ  คุณหมอบอกว่าสร้างที่พักเพิ่มเอาไว้เป็นรายได้พัฒนาศูนย์ ที่พักของคุณหมอน่ารักดี ราคาหลักร้อยเท่านั้น ที่สำคัญมีลำธารใสแจ๋วอีกด้วย คุณหมอบอกว่า อากาเป้เป็นคำภาษากรีกหมายถึงรักไม่มีที่สิ้นสุด โรแมนติกไหมละ 

ศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยอากาเป้

ศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยอากาเป้


บ้านพักที่เปิกให้บริการนักท่องเที่ยว ในศูนย์พัฒนาการแพทย์แผนไทยอากาเป้


คุณหมอ


ที่นอนในบ้านพัก

      ออกจากศูนย์การแพทย์ก็เดินกลับโครงการ เดินออกมาจากหมู่บ้านมาเรื่อยๆ ก็เห็นรถในโครงการ คนขับเห็นพวกเราก็เลยจอดรับขึ้นไปโครงการด้วยกัน วันนี้เราเดินจนเมื่อยก้นเพราะขึ้นลงเขาตลอดทาง เดินกันไปเกือบ 6 กม. กลับมาอาบน้ำกินข้าวเย็น นั่งคุยกันแซวกันไปตามประสาเพื่อนที่รู้ทันกัน พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับแล้ว

คุณพี่เรียกขึ้นรถ


ขอบคุณค่ะที่จอดรับ

ได้เวลาอาหารเย็น


คนเยอะน๊าาาา


สโมสรอินทนนท์
Part 5 กลับบ้าน

      วันที่สาม วันสุดท้าย เราตื่นเช้าตามความเคยชิน ใส่เสื้อกันหนาวออกไปเดินเล่นที่สวน 80 พรรษา ไปดูในโซนที่เรายังไม่ได้ไป เป็นโรงเรือนรวบรวมและจัดแสดงพันธุ์เฟิร์น แล้วก็เดินมากินข้าวเช้าที่สโมสร เช็คเอ้าท์จากโครงการตอน 11.00 น. 








      นัดรถมารับไป อ.จอมทอง 11.30 น. ต่อรถสองแถวจากจอมทองเข้าเชียงใหม่ ต่อรถอีกครั้งไปสนามบินเชียงใหม่ เช็คอินโหลดกระเป๋าเรียบร้อย เคลียร์ค่าใช้จ่ายกันกับเพื่อนที่เราวางเงินกองกลางกันไปคนละ 1,500 บาท เหลือทอนคนละ 200 บาท สรุปใช้จ่ายกันไปคนละ 1,300 บาท รวมค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริป 4,663 บาท (ค่าเครื่องบินไปกลับ ค่าที่พัก ค่าเดินทางในเชียงใหม่ ค่าอาหาร) เรากลับเที่ยวบินแอร์เอเซีย FD-3426 เวลา 15.50 น. ถึงดอนเมือง 17.10 น. เรากับเพื่อนแยกย้ายกันที่นี่ เพื่อนทั้งสามอยู่กรุงเทพฯ ส่วนเราอยู่บ้านนอกต้องเดินทางต่อ เราขึ้นรถเมล์สายพิเศษหน้าสนามบิน สาย A1 ไปหมอชิตใหม่ นั่งรถตู้กลับศรีราชา ถึงศรีราชาตอนสามทุ่ม เดินทางตลอดทั้งวันอ่อนเพลียมากมาถึงอาบน้ำนอนเลย ถึงแม้จะเพลียมากกับการเดินทาง แต่ก็คุ้มที่ได้ไปเยือนโครงการหลวงดอยอินทนนท์โดยเฉพาะไปกับเพื่อนที่รู้ทันกัน มีวีรกรรมและได้หัวเราะตลอดการเดินทาง แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้าค่ะ

เดินตามหลังเพื่อนขึ้นรถกลับบ้าน


ท้องฟ้าชุ่มฉ่ำ ขากลับจากจอมทองมาเชียงใหม่มีฝนตลอด


ใช้บริการ ขสมก. สายพิเศษ


ท้องฟ้าเมืองกรุงฝ่าการจราจรที่หนาแน่น กลับบ้านศรีราชา

ที่มา Pantip