รีวิว เปรโต๊ะลอซู น้ำตกรูปหัวใจผู้แสนลึกลับ



เกริ่นนำ
          ก่อนอื่นเลย ขอสวัสดีพี่ๆน้องๆเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านครับ อมยิ้ม17
ครั้งนี้จะเป็นการกล่าวถึงมินิทริปสั้นๆเล็กๆ ที่ใช้แรงกายมากมายมหาศาล
แถมยังเป็นการแบกเป้ full-option ครั้งแรกของ จขกท ด้วย
มาดูกันครับว่าจะลำบากยากเย็นขนาดไหนกว่าจะไปถึง เจ้าน้ำตกเปรโต๊ะลอซู 
หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ปิตุ๊โกร แล้วทำไมถึงได้บอกว่า 'ผู้แสนลึกลับ' ทั้งๆที่ก็เห็นมีคนไปกันเยอะ อยากรู้ต้องอ่านครับ ^^

อนึ่งรีวิวนี้จะคัดลอกมาจาก blog ของผมเอง หากอยากติดตามเนื้อหาเต็มๆ (ที่มีความเวิ่นเว้อ lol)
ติดตามได้ตาม link แนบครับ ยิ้ม)

http://harleluya.blogspot.com/2016/07/1.html
http://harleluya.blogspot.com/2016/07/2_23.html

ก่อนอื่น เนื่องจากเพื่อนร่วมเดินทางมีแค่ 2 คน ร่วม จขกท ก็แค่ 3 คนเลยเหมารถตู้ไม่ได้
ก็เลยเลือกใช้บริการของ บขส. โดยมีแผนการเดินทาง ดังนี้ครับ


Day 1-2 : จาก กรุงเทพฯ สู่ แม่สอด (15-16/07/2016)
          22.00 ของวันศุกร์ที่ 15/07/16 คณะเดินทางหรือ เดอะ แก๊ง ได้ออกเดินทางจากขนส่งหมอชิตด้วยรถ บขส. กรุงเทพฯ – แม่สอด โดยครั้งนี้มีเพื่อนร่วมชะตากรรมด้วยอีก 2 คน จากจำนวน 3 คน จะเช่ารถตู้ก็ไม่คุ้ม จะบินไปค่าตั๋วนกแอร์ก็ประมาณ 1,500 บาท
ไม่ต้องคิดมาก สายประหยัดคุ้มค่า บขส.จัดไป!!! ค่ารถขาไปอยู่ที่คนละ 290 บาท จุดมุ่งหมายที่เราจะไป คือ ขนส่งแม่สอด เพื่อเตรียมต่อสองแถวไปยังสามแยกแม่กลองและต่อสองแถวเข้าไปยังหมู่บ้านกะเหรี่ยง กุยเลอตอ เพื่อเดินทางเข้าไปยังน้ำตก



          ยังไม่ทันคิดอะไรให้มากความหลังจากลงจากรถ สองแถวก็มาถามไปไหน 
บอกสามแยกแม่คลอง โอเคจบหัวละ 130 บาท ใช้ชีวิตบนรถกันต่อไป
คนที่ขึ้นส่วนใหญ่ก็เป็นคนพื้นที่ มีทั้งคนไทย ชาวกะเหรี่ยง และมุสลิมประปราย 
นั่งไปสักพักคนเริ่มเยอะ ก็เลยหาเรื่องปีนขึ้นไปนั่งชั้นพิเศษ (หลังคาน่ะแหละ)
ตากลมสบายๆแทน เนื่องจากแดดไม่แรงและจะได้ไม่เมารถ (จขกท และ เพื่อนอีกคนเมารถง่ายมาก)
นั่งไปเรื่อยๆเจอจุด Check point บ้าง, จุดพักรถให้ซื้อของกินบ้าง, จุดพักเข้าห้องน้ำบ้าง 
โดยจะมีจุดใหญ่อยู่จดหนึ่งที่พักนานหน่อยเข้าห้องน้ำ ซื้อของกินได้ตามสะดวก


จุด Check Point ด่านตรวจ ประมาณ 2-3 ด่าน

วิวไร่ระหว่างทาง

จุดพักรถใหญ่สุดท้ายก่อนยิงยาวไปสามแยกแม่กลอง
มีร้านขายของกิน-น้ำ-ไอติม และของฝากเล็กน้อย ห้องน้ำสะอาดดี

          และแล้วในที่สุดก็สามารถฝ่าโค้งนรก พิชิต 1,219 โค้งมาถึงประตูสู่อุ้มผาง สามแยกแม่กลอง 
แต่กว่าจะมาถึงก็ปาเข้าไป บ่าย 3 กว่าๆแล้ว TwT

1,219 โค้ง และยังต่อได้อีก

จุดหมายปลายทางข้างหน้า คือ กุยเลอตอ

เจ้าถิ่นประจำศาลา

บร๊ะ สายโหดจริงๆ lol

          เดอะ แก๊ง ก็นั่งรอที่ศาลาประมาณ 30-40 นาที จนมีสองแถวมารับ 
เอ้า รออะไรคนเยอะขนาดนี้นั่งชั้นพิเศษรับลมกันต่อ นั่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคนเหลือน้อยทุกที
เวลาล่วงเลยไปเกือบ 5 โมงกว่า เกือบ 6 โมง จนถึงปากทางเข้าน้ำตก (ที่ไม่มีป้ายอะไรบอกเลย)
ลุงคนขับเลยถามว่าจะไปต่อหรอ จะมืดแล้ว ทางไม่มีไกด์ แถมมีช้างบ้านของกะเหรี่ยงด้วย
จะไปจริงหรอ? พักที่บ้านลุงก่อนก็ได้นะ

พิจารณาดูแล้ว.....พวกผมต้องพึ่งลุงแล้วล่ะ 555
ก็เลยติดสอยห้อยตามไปจนสุดทาง
ระหว่างทางลุงชี้ทางเข้าจุดหนึ่งให้ดูเห็นเค้าว่าตอนนี้กำลังบุกเบิกทางใหม่
แต่ยังไม่ official เดินง่ายกว่าเดิมอีกพวกไกด์ทัวร์กำลังทำทางกันอยู่ ไว้ต้องรอดู

เดินทางอีกประมาณครึ่งชม. และแล้วก็เดินทางมาถึงสุดสาย ณ ปลายทางคือ 
สุดเขตประเทศไทย ‘หมู่บ้านเปิ่งเคลิ่ง’
(แล้วมันคือที่ไหนล่ะ ไม่เคยได้ยิน รีวิวอื่นๆไม่มีพูดถึง 
แหงล่ะ ก็ชาวบ้านเค้าไม่ได้มาเลทแบบพวกอ็งหนิ)
ไหนๆก็เข้าไปไม่ทันแล้วก็มาขอพักโฮมสเตย์กับลุงจักหน่อยละกัน

บ้านหลังน้อยที่จะขอโฮมสเตย์คืนนี้

          หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยก็แวะไปถ่ายรูปสุดเขตประเทศไทย 
(พี่ทหารบอกข้ามไปได้ไมต้องใช้พาสปอร์ต แต่ก็มืดละ จะข้ามไปทำไม ไม่เห็นอะไรอยู่ดี =w=)
เจอะเจอน้องหมาก็แวะเล่นซักหน่อย เออ เชื่องดี แวะร้านโชว์ห่วยซื้อของกินเล่นนิดหน่อยก่อนจะเดินไปเจอลุงที่ร้านข้าว


สุดเขตประเทศไทย

กม. 74+486 !!!

เจ้าถิ่นผู้แสนเชื่อง

          ปรากฏว่าไปถึงเห็นลุงนั่งอยู่ตรงรถไม่เข้าไปในร้าน
ลุงก็เล่าว่ามีกะเหรี่ยงเมาอยู่ เริ่มมีแนวโน้มจะอาละวาด
ลุงเลยบอกให้รอในรถ เปลี่ยนเป็นสั่งห่อไปกินที่บ้าน
ระหว่างรอตอนใกล้ๆเสร็จ เริ่มมีเสียง เพล้ง!!! และเริ่มมีการโวยวายหนักขึ้น
=___=" อืม...โอเค ดีแล้วครับที่ห่อกลับไปกินบ้าน

          หลังจากกลับมากินที่บ้านก็นั่งตั้งวงกะคุณลุง คุณป้า ช่วยคุยกันไป
ลุงก็เล่าว่าตัวบ้านที่ไปพักไม่ใช่บ้านของลุงเองแต่เป็นบ้านเช่าสำหรับคนขับรถสองแถว
ลักษณะเป็นบ้านไม้ยกสูงมีห้องนอน- ห้องน้ำให้ ไฟที่นี่จะเปิดเที่ยงคืน-เที่ยงวัน
เห็นเค้าว่าใช้จากพลังงานน้ำ แต่ก็เห็นมีแผง Solar Cell นะ หรืออาจจะบางส่วน

          ระหว่างนั่งกินก็พูดคุยกับลุงและป้ากันไป
ลุงแกมีชื่อว่า ‘โกมล’ (แถวนั้นเรียกโกมล, โกม่น) ส่วนป้ามีชื่อว่า ‘แตน’
สรุปแล้วลุงแกเป็นคนใต้ นครศรีธรรมราช มาปลูกยางพารากับอินทผาลัมที่นี่ 
ส่วนขับรถเป็นอาชีพเสริมแต่ดวงกุดหน่อย ตอนต้นยางพร้อมกรีดให้ยางราคาก็ตกดิ่งเหวซะแล้ว
(3,000 กว่าต้นเลยนะนั่น) แกบอกว่าราคาจะกลับมาอีกทีก็ปี 2570 นู่น
ส่วนอินทผาลัมแกเป็นรายใหญ่ในตาก (หรืออย่างน้อยก็อุ้มผาง) 
ซื้อกล้ามาปลูกต้นละ 150 ปลูกขึ้นก็เก็บได้ทุกเดือน
ถ้าเกรดดีๆก็โลละ 600 เกรดรองห่วยๆก็โลละ 300

พูดคุยกินข้าวกระเพราหมูสับเสร็จก็ได้ลองชิมขนมเทียนแก้วฝีมือคุณป้าทำเอง
รสชาติใช้ได้เลยกินเพลินดี -w- กับทุเรียนพันธุ์ป่าคล้ายๆกระดุม 
ชาวบ้านเค้าเรียกกันว่าพันธุ์โบราณ 3 ลูก 100 เม็ดนี่อย่างใหญ่ 
ส่วนรสชาติพอให้หายอยากได้อยู่แต่ไม่เท่าหมอนทอง กินไปแค่ 2-3 พลู ก็เริ่มรู้สึกร้อนๆขึ้นมา 
(โอ๊ว ของเค้าแรงจริงๆ)

ลุงโกมลกำลังผ่าทุเรียนให้ชิม

หน้าตาทุเรียนพันธุ์โบราณ

หลังจากกินเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันเข้านอน
(เริ่มเขียนเนื้อหาบล็อกก็ตอนนี้แหละ lol)
แพลนไว้ว่าจะตื่นตี 5 รถรอบแรกออก 6.30 ก็จะไปที่จุดแรก
แล้วกะลงของกางเต็นท์ เดินตัวเปล่าไปจุด 2 ยอดดอยมะม่วงสามหมื่น
แล้วค่อยลงมานอนฐานแรกแทน ก็จบวันที่ 2 ลงไป
เดี๋ยวเรามาดูกันต่อว่าจะเดินทางได้ตามแผนไม๊


สภาพห้องภายใน ตามจริงมีแค่มุ้งก็บุญโขแล้ว ดีกว่าต้องไปกางเต็นท์นอนป่าข้างทาง TwT


Day 3 : จาก เปิ่งเคลิ่ง สู่ เปรโต๊ะลอซู (17/07/16)

               ยังตามเวลาอยู่ ตื่นตี 5 กว่าๆ มาอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน จากนั้นก็จัดๆของ 
รอจนถึง 6.30 รถสองแถวก็มารับ ขับๆวนๆรับคนในหมู่บ้านจนประมาณ 7.30 ก็เริ่มออกจากหมู่บ้าน 


บรรยากาศยามเช้า

หน้าบ้านยามเช้าเป็นร้านขายของชำ

รถมาแล้ว เจ้าตูบแกจะขึ้นตัวแรกหรือ?

รูปงามๆจากกล้องเพื่อน

สัมภารกทั้งหลาย

เอาของเทินหัวไปไหนกันนะ

ไปไหนติดไปด้วยเด้อ

บริการครบครันดีแท้

เงาะป่า เสียดายไม่มีโอกาสชิม

ทุเรียนป่า 3 ลูก 100

เตรียมลุย /0/!!!
               นั่งรถเรื่อยๆ สุดท้ายก็มาถึงสามแยกกุยเลอตอ..... ตอนแรกยังไม่ลงไม่แน่ไจ 
จนเค้าเลยมาตรงศาลาที่ไว้เรียกรถขากลับ แล้วเค้าก็จอดถามอีกทีว่าไม่ลงหรอ 
(ผมไม่รู้ ไม่คุ้นทางครับ =///=) โอเค อย่างน้อยก็ได้เห็นศาลาขากลับละ ก็เดินย้อนนิดๆ


ศาลารอรถขากลับ 
ซ้าย : แม่กลอง ขวา : เปิ่งเคลิ่ง ตรงไป : บ.กุยเลอตอ


เดินย้อนกลับมา ขวามือคือทางเข้า

               ตอนเข้าป่าเวลาก็ประมาณ 8 โมงกว่าๆแล้ว เริ่มเดินตะลุยกันเข้าไป สักพักถึงทางแยก 
เอาไงดี ซ้ายทางเดินเท้า หรือ ขวาที่มีรอยรถ สรุปด้วยความชิลเช้าๆ ไม่มีคน ไม่สนรีวิว 
เดินซ้ายจ้าาาา (ตามสเต็ป ขวาร้ายซ้ายดี) ละเป็นไง นู่นเสียเวลาไป-กลับ เกือบชม.กว่าๆ 
ออกป่าไปถึงไร่ชาวบ้าน สุดท้ายเลยกลับมาจุดเดิมก็ป๊ะกับอีกกลุ่มที่มีไกด์ชาวบ้าน 
ค่อยๆเดินทางขวาขึ้นไป ทางจะเป็นลูกรัง โคลนเหนียวๆ น้ำขังบ้าง 
แนะนำคือพวกรองเท้าเดินป่า หรือ สตั๊ดดอยจะดีกว่า ส่วนพวกรองเท้ายางจะจมโคลน
ดึงไม่ขึ้นค่อนข้างลำบาก แถมจะล้มเอาได้ ยิ่งถ้าแบกของเองแล้วด้วยนะ หึหึ
ส่วนเรื่องเปียกเละไม๊ แน่นอน ไม่เหลือครับ เพราะต้องลุยลำธาร ตามทางน้ำเข้าไป =w=
ก็ค่อยๆแบกของเดินๆ ถามไกด์ของอีกกลุ่มเอา (อยากจ้างแต่หาหมู่บ้านไม่เจอ+มาถึงดึกด้วย)
จนมาถึงทางแยก ถ้าตรงไปจะขึ้นไปถึงแคมป์ 2 ได้ แต่เนื่องจากเวลาที่มีจำกัดจากดีเลย์ของ บขส.
ก็เลยไปทางซ้ายเพื่อเข้าสู่แคมป์แรก เดินๆไปเรื่อยๆ อีกไกลพอสมควรใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชม.
ก็มาถึงแคมป์แรก

ข้อควรระวัง : ไม่มีป้ายบอกทางไดๆทั้งสิ้น ถ้าเดินทางไปแคมป์แรก
จุดสังเกตว่าไปถูกไหม คือ จะผ่านไร่ชาวบ้าน และมีไห้ถามทางต่อได้


มาถึงก็ลุยน้ำเลย TwT

หนทางช่างสบาย (ประชด)

มีไม้หล่นขวางทางบ้าง

และมีดินโคลน(ไม่)บ้าง ไปหลงก็ตรงทางแยกก่อนเข้าเส้นนีแหละ

สักพักจะพ้นป่าแรกก็มาเจอไร่

ทางแยกถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นตามภาพไปแคมป์ 1 (ตรงไปขึ้นแคมป์ 2)


เพื่อความชัวร์ถามไกด์ชาวบ้านอีกกลุ่ม

ไร่ชาวบ้านอีกแลนด์มาร์คที่มั่นใจว่าไม่หลง


เจอกระท่อมแล้ว จุดสังเกตแคมป์ 1

ในที่สุดก็ถึงแคมป์ 1

คุณเพื่อนผู้หมดแรง หมดสภาพ กำลังล้างรองเท้า

เย็นนี้เจอกัน จะกลับมาแช่ให้หนำใจเลย!!!

               ในที่สุดก็มาถึงรีบจัดแจงกางเต็นท์เสร็จ ก็เตรียมลุยต่อ ออกจากแคมป์แรกประมาณที่ยง 
ค่อยๆกระดึ๊บไปแคมป์สอง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ถึงแคมป์สอง 
หลังจากถึงแคมป์ 2 เดินตัดไปทางซ้ายจะมีทางไปต่อ เดินไปอีกนิดก็จะถึงน้ำตกเปรโต๊ะลอซู
(ระหว่างทางไปน้ำตกจะมีข้ามลำธาร จุดนั้นเดินขึ้นไปนิดเดียวสามารถกรอกน้ำไว้กินได้เลยไม่ต้องต้ม
ใสและสะอาดอยู่)

ทำเวลารีบไปแคมป์ 2 ต่อ ปีน ปีน ปีน และ ปีน

จุดสังเกตว่ามาถูกทาคือต้นไม้ใหญ่ต้นนี้

สุดทางเป็นผา ข้ามไปฝั่งขวาต่อ

ถ้าก้าวพลาดเปียกแน่นาย นอกจากเปียกแล้วคงเจ็บน่าดู

น้ำตกเปรโต๊ะลอซู ในที่สุดก็ได้เจอกัน

               จัดแจงถ่ายรูปเสร็จ (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เนื่องจากคนเยอะ) ก็กลับมาแคมป์สอง
เพื่อไปต่อยังยอดมะม่วงสามหมื่น ขณะเดินออกมาจากน้ำตกก็ปาเข้าไป 14.20 แล้ว 
จะทันไม๊ ยังไงดีลองหน่อยละกันถึงไหนถึงกัน ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ บอกได้คำเดียวทางชันนรก 
กินแรงมาก แต่ถ้าเทียบกับเขาหลวง ที่นั่นยังชันและโหดกว่า(แต่ที่นั่นเดินตัวปลิว เพราะจ้างลูกหาบ)
ก็ค่อยๆไต่ๆด้วยความเร็วระดับหอยทาก ดึ๊บๆๆๆ สุดท้าย 15.40 ก็มาถึงจนได้.... หมายถึง
ถึงจุดชมวิวหมื่นห้านะครับ TwT รวมแล้วใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที


วิวระหว่างทางไปยอดมะม่วง

หนทางข้างหน้าช่าง.... TT
               ถามคนระหว่างทางก็บอกว่าไปต่อได้นะอีก 40-60 นาที ส่วนตอนลงใช้เวลาแป๊ปเดียว
20 นาทีได้ แต่ดูจากสภาพนักปีนเขา เดินป่าระดับสมัครเล่นอย่างพวกเราแล้วที่ต้องเตรียมทำงานวันพุธต่อ 
ไม่ได้หยุดวันเข้าพรรษา.......กลับเถอะ -w- ไม่งั้นได้ลาอีกวันแหงมๆ

มุมสูงจากยอดหมื่นห้า

โฟกัสที่น้ำตกบ้าง

               ตัดสินใจได้แล้วก็ขอนั่งพักยาว ดื่มด่ำกับธรรมชาติและวิวทิวทัศน์จนถึง 4 โมงกว่าๆ
ก็เริ่มเดินลงยิงยาวจนถึงแคมป์แรกก็ประมาณ 5 โมงครึ่ง ฟ้าเริ่มจะปิดแล้ว จัดแจงเก็บของเตรียมพักผ่อน
และแน่นอนมาน้ำตกทั้งทีก็ต้องแช่น้ำตกสิ!!!! ว่าแล้วก็จัดไป อ่า จากุซซี่ธรรมชาติ เย็นได้ใจจริงๆ
หลังจากพัก แช่น้ำจนหนำใจแล้วกรอกน้ำเตรียมนำมาต้มทำอาหาร สำหรับมื้อนี้ถือเป็นมื้อแรกของวัน T[]T

เมนูที่จัดคืออาหารซองสำเร็จรูป Smart Eat : ไก่ทอกกระเทียม, กระเพรา, เขียวหวาน คนละ 3 ห่อ
อุ่นร้อนๆด้วยหม้อสนาม พร้อมด้วยไมโล, โอวัลติน, ชานม, น้ำมะนาวผงแล้วแต่สไตล์ กิน-ล้างจาน
ทำอะไรเสร็จก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ ฝนเริ่มตกปอยๆ ก็จัดของ เตรียมเก็บเต็นท์ตอนเช้า แล้วรีบลง
ไม่งั้นถ้าตกรถต้องไปนอนอุ้มผางแทนและอาจกลับรถตามที่จองไว้ไม่ทัน
แพลนไว้ตื่นตี 5 ครึ่ง เดี๋ยวมาดูกันครับว่าจะไปถึงแม่สอดกันกี่โมง


ชานมผงก่อนนอน ฟิน ><


Day 4 - 5 : จากเปรโต๊ะลอซู สู่ แม่สอด (18 - 19/07/16)
               ตั้งปลุกตี 5 ครึ่งแต่กว่าจะตื่นก็...6 โมงกว่า =w= จัดการเก็บถุงนอน เสื่อรอง ล้มเต็นท์ 
ต้มน้ำเอามากรอกไว้กินกลางทาง ส่วนที่เหลือก็เอามาต้มโอวัลติน น้ำมะนาว 
จัดเก็บเต็นท์-ผ้ารองเสร็จเรียบร้อย สตาร์ทเดินทาง 8.10 ค่อยๆไต่ๆลงมาประมาณครึ่งชม.
ลงมาถึงแลนด์มาร์คแรกไร่ชาวบ้าน โอเค ลงมาถูกละ 
 
เริ่มเดินทางกลับ

ผ่านไร่ชาวบ้านขามา โอเคถูกทางละ แต่แดดเปรี้ยงดีจริ๊งงงง

ผ่านป่ามาจะเจอทางเดินตัดไร่ชาวบ้านอีกจุด

               จากนั้นก็ค่อยๆเดินลงมาจนถึงกระท่อม แลนด์มาร์คที่ 2 ก็จัดแจงพักริมลำธารเย็นๆ
จังหวะนี้คนเริ่มทยอยลงมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็เดินๆตามเค้าไป
ขากลับรู้สึกจะลุยทางน้ำมากกว่าเก่า ตามรูปเลยเปียกเละเทะเลยจ้า TwT


กระท่อมแลนด์มาร์คขากลับอยู่ซ้ายมือติดลำธาร ขอพักหน่อยนะ

อีกคณะทำไมเค้าดูพร้อมจัง
สังเกตมือซ้ายเจ้ซ้ายมือสุด เค้าเก็บขยะระหว่างทางให้ด้วย สุดยอด *0*

แห้งมาตลอดทางจนใกล้ทางออกเท่านั้นแหละ...

ในที่สุดก็ถึงทางออก

               ในที่สุด 9.45 ก็ออกมาถึงหน้าปากทางจนได้ ใช้เวลากลับรวมทั้งสิ้น
จากแคมป์ 1 ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง - ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นก็เดินย้อนไปทางซ้าย
เพื่อไปรอรถตรงศาลาใกล้ๆไม่ถึง 5 นาที แล้วก็รอโบกรถสองแถว
ใช้เวลาพอสมควรกว่ารถจะมา ตอนได้ขึ้นก็ปาเข้าไป 10.40 แล้ว จะทันรถกลับแม่สอดไม๊นั่น


ที่นั่งชั้นพิเศษ again lol

               บรื๊นๆๆ ก็เกาะหลังคาตะลอนๆๆไปเช่นเดิม จนผ่านแถวหมู่บ้านนึง
แถวๆหน่วยพิทักษ์ป่านุโพเห็นมีงานบุญอะไรซักอย่าง คนก็ลงกันหมด
พี่คนขับเลยบอกให้ลงมานั่งข้างล่างเถอะ  โอเคลงก็ลงครับ เริ่มร้อนด้วย 555+


งานบุญแถว น.ป่านุโพ

กลับมายังศาลายกแม่กลองใหม่อีกครั้ง

               ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งก็มาถึงสามแยกแม่คลองเพื่อรอต่อรถกลับไปยังแม่สอด 
ระหว่างนี้ก็มีร้านขายน้ำ รออะไรครับ จัดเลยน้ำอัดลมให้ชื่นใจ พร้อมกับค่อยๆอัพรูป เล่นเน็ตไป 
รอสักพักประมาณ 40 นาที รถก็มาพร้อมกับคนมหาศาล O__o?!?
สรุปว่ารถดังกล่าวรับคนมาจากทีลอซู โดยมีแก๊งทัวร์คนไทย กับ ชาวฝรั่งเศส 2 คนพร้อมไกด์ 
และชาวบ้านประปราย แน่นอนครับ ที่นั่งประจำ ชั้น 2 โลดดดดดดด 
ตอนนั้นก็มีพี่ไกด์มานั่งด้วยแกก็เล่าให้ฟัง ว่าฝรั่งที่มาเที่ยวอายุเพิ่ง 22 (แต่หน้าประมาณ 30) 
ไล่เที่ยวมาจาก กทม.-อยุธยา-ตาก เสร็จเดี๋ยวจะขึ้นเหนือต่อก่อนไปลาว 
แล้วก็เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ตอนแบคแพคไปอินเดีย 2 ปีเมื่อปี 2538?!? 
โอ๊ว จขกท ยังเพิ่ง 3 ขวบ ฟังแล้วก็อยากไปลุยบ้างแฮะ

นอกเรื่องเกินพอแล้ว 555+ ต่อๆๆ

นั่งตากแดดลุยโค้งกว่าพัน มาดำก็ตอนนี้นี่แหละ
ทำไมวันกลับแดดแรงจังฟระ?!? ระหว่างทางนอกจากฟังพี่ไกด์แล้ว
ก็มีผ่านหมู่บ้านชาวม้ง พี่ไกด์ก็ลากยาวไปเรื่องเปรียบเทียบม้งกับกะเหรี่ยงได้อีก
สุดยอดจริงๆ ได้ความรู้เยอะเลย


ทิวทัศน์ไร่ขากลับ

อ่านบ่ออก =w=

               จนกระทั่งบ่าย 3 กว่าๆ ก็มาถึงจุดแวะพักรถสุดท้ายก่อนยิงยาวเข้าแม่สอด
ไม่รอช้าก็จัดเลยเนื้อๆทั้งหลายไส้กรอกอีสาน ไส้กรอก ลูกชิ้นปิ้งมาหมด
พักประมาณ 10 นาทีก็ลุยต่อและแล้วในที่สุดก็เดินทางต่ออีกประมาณ 2 ชม.


จุดพักรถสุดท้ายก่อนยิงยาวถึงแม่สอด

เนื้อ!!!
               ในที่สุดมาถึงโรงแรมควีนพาเลสในตัวเมืองแม่สอด 
ที่ได้จอดที่โรงแรมเลยเพราะคู่ฝรั่งชาย-หญิง (เป็นแค่เพื่อนเที่ยวนะไม่ใช่แฟน) 
เค้าจองนอนที่นี้ไว้ ก็เลยลงด้วยแล้ว walk in พักด้วยเลย 😆 
อีกสาเหตุที่เลือกที่นี่เพราะไกด์บอกว่าราคาถูกและมีบริการหาแท็กซี่ให้

โรงแรมควีนพาเลส

               ห้องที่จองเป็นแบบเตียงคู่+เสริมเตียง รวมทั้งหมด 650 บาท พร้อมอาหารเช้า
หลังจากเช็คอิน อาบน้ำทำไรเสร็จก็ไปเดินหาของกินกัน จากโรงแรมมาทางซ้าย
จะมีร้านข้าวต้มปลากะพงอยู่ ฝั่งตรงข้าม แต่หากไม่หนำใจก็เดินไปต่อ
เจอสี่แยกให้เลี้ยวซ้าย ตรงยาวจนมาสุดที่แยก ให้เลี้ยวซ้ายอีกที
ก็จะเข้าเส้นที่ขายของกิน มีทั้งไก่ทอด น้ำเต้าหู้ ขนม และก็มี 7-11 ให้จัดการตามสะดวก

จขกท เลือกเดินไปถึง 7-11 ก่อนจากนั้นค่อยเดินกลับมากินข้าวต้ม สั่งเป็นกับเอา
กินเสร็จก็เดินกลับเข้าไปโรงแรมพักผ่อน เตรียมเดินทางกลับวันพรุ่งนี้
19/07/16 ตื่นนอนประมาณ 6 โมง ทำไรเสร็จเรียบร้อยก็ลงมากินข้าวเช้าตอน 7 โมง
ของค่อนข้างครบครัน ทั้งปาท่องโก๋, ข้าวต้ม, ข้าวสวยพร้อมกับให้เลือกตักทั้งผัก ของทอด ต้มยำ
ส่วนน้ำก็มีทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ให้

กินเสร็จก็ขึ้นแท็กซี่ที่จองไว้ตอน 7.30 ไปถึงขนส่งแม่สอด สนนราคาอยู่ที่ 100 บาท
และแล้วในที่สุดก็ได้ขึ้นรถ รอบ 8 โมงกลับสู่ กทม. ประมาณ 5 โมงกว่าๆ
เป็นอันจบทริปเปรโต๊ะลอซูในครั้งนี้


ห้องทานอาหารเช้า

ตั๋วขากลับ แม่สอด - กรุงเทพฯ

สรุปค่าใช้จ่าย


*ค่าใช้จ่ายนี้ ไม่ได้รวมค่าอุปกรณ์เดินป่าส่วนตัวใดๆทั้งสิ้น

ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ ^___^


ที่มา Pantip
Cr. Harleluya-kun