รีวิว กินลม ชมหมอก หยอกดอกกระเจียว


" กินลม ชมหมอก หยอกดอกกระเจียว"
สวีดัด สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน ก่อนอื่นเจ้าของกระทู้ (จขกท) ขอขอบคุณ review การเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวจากหลาย ๆ ที่นะครับ ที่ทำสามารถพา จขกท ไปยังดินแดนสวยงามแห่งนี้ได้ เลยอยากกลับมา Review ต่อ เพราะชื่อว่า ประสบการณ์การเดินทาง และ เรื่องราวดี ๆ ระหว่างทางของแต่ละคน ไม่เหมือนกันอย่างแน่นนอน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ ให้คนที่มีใจรักในการท่องเที่ยว ได้ออกเผชิญกับความ unseen thailand อย่างผมนะครับ
อมยิ้ม01อมยิ้ม01อมยิ้ม01อมยิ้ม01อมยิ้ม21อมยิ้ม21อมยิ้ม21อมยิ้ม29อมยิ้ม29อมยิ้ม29

หลังจากที่แพลนวันลา แล้วเริ่มจองตัวเครื่องบินด้วยสายการบินต้นทุนต่ำสีแดง เป็นที่เรียบร้อย ผมเดินทางวันที่ 22 -24 ก.ค. 2559 ด้วยการตีตั๋วเครื่องบินไป - กลับ หาดใหญ่-กรุงเทพ เริ่ม review การเดินทางจากกรุงเทพเลยแล้วกันนะครับ พร้อมยังครับ จะเริ่มละนะ นับ 1 2 3 Let's go ไปเที่ยวกัน

ลงเครื่องปุ๊บ ก็เลือกนั่งรถเมย์ครับ ประหยัดดี ค่าโดยสาร 30 บาทตลอดสาย รอที่ประตูทางออกเลยครับ (จำหมายเลขไม่ได้อ่ะ) รถเมย์สาย A1 ไปลงที่สถานีขนส่งหมอชิต2 เพื่อซื้อตั๋วไปชัยภูมิครับ ปล. พนักงานบนรถเมย์น่ารักมากครับ จะมีการบอกตลอดทุกครั้งที่รถเมย์จอด สำหรับคนที่ไม่เคยนั่งรถเมย์เหมือนผม ก็ไม่หลงอย่างแน่นอนครับ ---- และแล้วความซวยก็เกิดขึ้น เมื่อผมเห็นผู้โดยสารลงที่ MRT จตุจักรกันหมด ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นสถานีสุดท้ายรึเปล่า ผมเลยลงที่นั่นด้วย สุดท้าย ก็ต้องต่อ Taxi ไปหมอชิต 2 อยู่ดี สรุปภารกิจนั่งรถเมย์ Fail ครับ แต่ก็ได้ประสบการณ์ว่า รถเมย์สายนี้ไปลงหมอชิต2 ด้วยครับ


ถึงละครับสถานี้หมอชิต2 นกคงเหงาน่าดู ก็ไม่ต่างอะไรกับคนครับ การเดินทางคนเดียวย่อมมีความเหงาเป็นธรรมดา แต่ผมเลือกมองที่ปลายทางที่สวยงามมากกว่าต้นทางของความเหงาครับ


เข้าไปซื้อตั๋วไปชัยภูมิ ลงที่บอกคนขายว่าลงที่แยกบ้านไร่ครับ ด้วยบริษัทชัยภูมิทัวร์ จริงแล้วมีหลายทัวร์นะครับ จำหมายเลขไม่ได้ล่ะ แต่ประมาณช่องที่ 50 กว่าครับ หากใครไม่ทราบก็ถามประชาสัมพันธ์ด้านหน้าก็ได้ครับ ค่ารถ 205 บาทครับ เป็นรถบัสป.2 พนักงานบอกใช้เวลา 4.5 ชม. แต่จริงๆแล้ว 5.5 ชั่วโมงครับ แต่ตอนขากลับ กลับด้วยทัวร์อีกบริษัทใช้เวลา 4.5 ชม.ครับ ขากลับข้ามถนนมาที่ร้านขายของชำจองตั๋วจากนั้นได้เลยครับ มีรถประมาณ 13.30 น. 
.
.
.
.
.
.
เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผมเดินทางมาถึงแยกบ้านไร่เวลา 20.30 ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบเชียบ ฟ้าครึ้ม ไม่มีร้านค้าที่เปิดให้บริการ ไม่มีรถที่จะเข้าไปส่งที่รีสอร์ท มีเพียงแต่ผมกับหัวใจของผมที่ยังคงเต้นดังและแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความตื่นเต้นและกลัว ว่าจะเอาอย่างไรต่อ ในตอนนั้นโทรศัพท์ผมแบตหมด คือจะให้ทางรีสอร์ตมารับครับ เลยติดต่อไม่ได้ ก็คงต้องหาทางอื่น ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีครับ เมื่อมีน้องอีกคนเป็นคนในพื้นที่มาลงที่เดียวกับผม เหมือนน้องจะมาจากกรุงเทพด้วย ที่บ้านน้องมารับ ผมก็เลยขอติดรถไปด้วย พี่เค้าก็ถามว่าจะไป ผมก็ให้พี่เค้าไปส่งที่รีสอร์ตที่จองไว้ครับ ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยใจดีเกินคาด นั่งรถมาผมก็ขอบคุณพี่เค้ามาตลอดทาง นับว่าเป็นบุญของผมอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ป้าที่นั่งมาด้วยก็ชวนผมคุยตลอดทาง ป้าบอกว่า ถ้าอยู่อีกหลายวัน เดี๋ยวป้าจะพาเที่ยว OMG อะไรจะใจดีขนาดนี้ ผมซึ้งมากๆ น้ำตาเหมือนจะไหล ในความมีน้ำใจของคนที่นี่ เชื่อแล้วครับว่า " คน ไทย ใจ ดี"
ปล.จะดีกว่าถ้าดูตารางออกรถมาล่วงหน้า และมีการแพลน เพราะผมต้องรอรถออกตอนบ่าย 3 รอประมาณ 2 ชั่วโมงครับ 


มาถึงแล้วครับที่พัก บ้านเรือนเทพ ห่างจากอุทยานประมาณ 200 เมตร เดินไปก็ถึงสะดวก และอีกอย่าง เจ้าของที่นี่ใจดี อาหารอร่อยด้วยครับ
ผมจองที่พัก โดยการโทรจอง ได้เบอร์มาจาก เว็บนี้ครับ http://www.baankrajeaw.com/raireantep.htm ใครที่ยังไม่มีที่พัก แนะนำเลยครับ 
จะประทับใจ เนื่องจากไปคนเดียวเลยจองห้องเล็กครับ 600 บาท/คืน ไม่รวมอาหารเช้าครับ


สภาพห้องครับ ไม่กว้างมาก น่าอยู่เลยทีเดียว


เป็นห้องพัดลมครับ มีทีวีให้ดูด้วย


ห้องน้ำสะอาดมากครับ มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้อาบน้ำอุ่น ๆ ก่อนนอนด้วยครับ

ปล. สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่ต้องการชาร์ตหลายอย่าง อย่าลืมเอาปลั๊กไฟ หรือ เต้าเสียบ อื่น ๆ มาด้วยนะครับ เพราะที่นี้มีเต้าเสียบแค่เต้าเดียว
ซึ่งอาจจะไปชาร์ตที่ศาลาด้านนอกได้ แต่ผมไม่สะดวกเท่าไหร่ อันนี้คือสิ่งที่ผมพลาด 


เช้าวันใหม่แล้วครับ รีบตื่น ๆ จะได้ออกไปพากระเจี้ยวไปดูกระเจียว 555++ ผมตื่น 5.30 อาบน้ำอุ่น ๆ แล้วรีบแต่งตัวเพื่อไปขึ้นรถรางที่อุทยานครับ
ผมเดินไปนะครับ เพราะไม่ไกลมาก


ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีก็มาถึงอุทยานครับ ไม่เหนื่อยเลย แรงยังมีอีกเยอะ


ช่วงเช้า ๆ คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ครับ ถ้าจะมาต้องมาแต่เช้า ๆ นะครับ จะได้ไม่ต้องรอคิวถ่ายรูป อิอิ และจะได้บรรยากาศที่ดีกว่า วันนี้อากาศดีมากครับ มีหมอกปกคลุม ฝนไม่ตก สบาย ๆ


ก่อนเข้าไปในอุทยานก็ต้องซื้อตั๋วก่อนนะครับ จ่ายค่าเข้าอุทยาน 40 บาท และค่าขึ้นรถราง 30 บาทครับ 


ไปนั่งรถรางเที่ยวกันนะครับ ไปเที่ยวกับผม อิอิ



ทางไปทุ่งดอกกระเจียวครับ แค่ระหว่างทางก็ ฟิน แล้วใช่ไหมครับ 


ถึงแล้วครับ ผาสุดแผ่นดิน กับทุ่งดอกกระเจียว ผมเลือกไปผาสุดแผ่นดินก่อนครับ เพราะใกล้กว่า อิอิ 


ถ่ายรูปก็ระวังกันด้วยนะครับ ด้วยความเป็นห่วง อยู่หน้าผาระวังลื่น แต่อยู่กับผมระวังจะรักนะครับ อิอิ งานเสี่ยวก็มา


เนื่องจากมาแต่เช้า คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ก็มีพอสมควรครับ แค่เห็นหมอกก็ฟินแล้วครับ


อย่างที่บอกครับว่า คนไทยใจดี มาคนเดียวก็มีรูปได้ มาแล้วก็ถ่ายรูปคู่กับป้ายหน่อยแล้วกันครับ 
ปล.มีแต่รูปป้าย อยากมีรูปคู่บ้าง 555++


มุมนี้น่าจะถ่ายรูปออกมาสวยสุด สังเกตจากการรอคิวนะครับ 


ยืนแล้วก็อยากนั่งบ้าง แอบมีเสียวกลัวจะตกเหมือนกันครับ


รึจะถ่ายแบบหันหลังก็ได้นะครับ ดูแบบฮิปเตอร์ดี


เห็นรอยยิ้มจากทุกคนไหมครับ เพื่อน ๆ จะไม่มีวันเข้าใจ จนกว่าเพื่อน ๆ จะมาด้วยตัวเองนะครับ ว่ามีความสุขแค่ไหน



ถ่ายรูปจนอิ่มละ ไปชมทุ่งดอกกระเจียวกันครับ ไม่รู้ว่าใครเหมือนกัน เห็นเดินอยู่อย่างเหงา ๆ เลยแอบถ่ายซะเลย อิอิ 


เดินไปเรื่อย ๆ ครับ แนะนำให้ใส่รองเท้าผ้าใบมานะครับ เดินง่ายดี 


หรือยืนเกาะต้นไม้แล้วถ่ายรูประหว่างทาง แบบในภาพก็ได้นะครับ 


แค่เห็น สีเขียว ก็ฟินแล้วครับ เพื่อน ๆ


เจอเป้าหมาย ก็ขอช่วยให้ถ่ายรูปให้ซะเลย เพราะ คนไทยใจดี


คนเริ่มเข้ามากันเยอะขึ้น


เริ่มเดินเข้ามาสู่ความสวยงามของทุ่งดอกกระเจียว สวรรค์บนดินกันแล้วครับ


เจอแล้วครับ สวยมาก


ออกดอกเต็มทุ่งเลย ครับ 


ต้องลองมานะครับ มันสวยเกินบรรยายจริง ๆ


Selfie ซะหน่อยเดี๋ยว คนจะไม่เชื่อว่ามาแล้ว 


มาแบบกลุ่มก็ถ่ายกลุ่มครับ ผมมาคนเดียวก็ถ่ายคนเดียวต่อไป


ตรงนี้เป็นจุดไฮไลท์ครับ ดอกกระเจียวมากที่สุด น้องมัคคุเทศก์น้อยบอกว่า บานประมาณ 60 - 70 % อยู่ครับ


สายลม สายหมอก ดอกไม้ ฟินครับ 


เจอเป้าหมายก็ขอช่วยซิครับ คิดท่าไม่ออกก็ ขอเท่าเยอะ ๆ ไว้ก่อนครับ


มองไปทางไหนก็มีแต่ดอกกระเจียว ชีวิต ดี้ดี ครับ ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว อ๋อมีซิ คือการได้ถ่ายรูปคู่ไง อิอิ


อยากได้แบบแนวฮิปเตอร์ ก็ต้องหันหลังนิดนึงครับ



มีรายการมาถ่ายที่นี่ด้วยนะครับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ารายการอะไร ไม่กล้าเข้าไปถาม คนที่นั่งอยู่คือพิธีกรคับ น่ารักมาก ใครทราบบอกด้วยนะครับ ผมจะไปดู


นั่นไง ดอกกระเจียว เห็นไหมครับ หน้าผม หรือ ดอกกระเจียว อันไหนน่ามองกว่าครับ อิอิ ล้อเลียนโฆษณา


นี่ก็ดอกกระเจียว 


เดินออกมาข้างถนนทางออกแล้วครับ แต่ก็ยังมีดอกกระเจียวอยู่ดี


ดอกกระเจียวยังมีคู่ แล้วคู่ผมละ อิอิ ยังไม่เกิดมั้ง รอต่อไป


เพลงบ่าววีมีขอนไม้กับเรือ แต่ที่มีขอนไม้กับดอกกระเจียวนะครับ


ดอกสวยงาม อดไม่ได้ที่จะ Selfie ด้วย


ถ่ายแบบไหนก็สวย ก็ดอกมันสวยอ่ะ ว่าป่ะ


ผมรู้นะว่าเพื่อน ๆ อยากมาก ถ้ามัวแต่รอ ก็คงไม่ได้มาครับ



ออกมาจากทุ่งดอกกระเจียวก็ เดินขึ้นไปตรงผาหินตั้ง นะครับ เพื่อไปเดินชม เส้นทางศึกษาธรรมชาติ บอกเลยสวยไม่แพ้กัน คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเดินครับ ผมเดินเข้าไประยะทางประมาณ 2 กม. เจอนักท่องเที่ยวประมาณ 5 คน ซึ่งผมเดินคนเดียว


จะมีป่าสีเขียวปกคลุม เห็นแล้วสดชื่นมากครับ


ที่จริงแล้วตรงนี้เดินไปอีกนิดจะเป็นหน้าผา มีหมอกปกคลุมครับ 


เดินมาก็จะเจอลานหินครับ สวยงาม


เส้นทางสวยมากครับ 


อากาศเริ่มร้อนละครับ อย่าลืมพกร่มกันไปด้วยนะครับ เดี๋ยวผิวจะเสียกันหมด


ก้อนหินแม้ไม่มีค่า แต่ถ้ามันอยู่ถูกที่ก็สร้างความสวยงามให้กับพื้นที่นั้นได้ครับ คนเราก็เหมือนกันครับ ทุกคนมีค่าในตัวเอง เมื่อเราอยู่ถูกจุดเราก็จะมีค่ามากขึ้น เหนื่อยนัก ก็มาเที่ยวที่นี่ซิครับ


ดอกไม้ข้างทางครับ สวยดีเลยถ่ายมาเล่น ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าดอกอะไร ใครทราบบอกด้วยนะครับ


ที่นี่ก็มีดอกกระเจียวนะครับสวยไม่แพ้ที่ทุ่งดอกกระเจียวเหมือนกันครับ


แวะมาเส้นทางนี้กันบ้างนะครับ เดี๋ยวดอกกระเจียวที่นี่จะน้อยใจ


ไม่เคยจะมีใครผ่านมาทางนี้ นี่ฉันรออะไรอยู่หรา ผมคิดว่าถ้าดอกกระเจียวพูดได้มันคงร้องเพลงนี้ครับ เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเดินเข้ามาเลยจริง ๆ ครับ


ออกมาเที่ยวกันนะครับ แล้วดอกกระเจียวก็จะดีใจ



ออกจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติกันแล้วก็นั่งรถราง มาลงที่ ลานหินหน่อครับ มาดูกันครับ ว่าลานหินหน่อเป็นอย่างไร


เห็นไหมครับ มีหินเป็นหน่อ ๆ โผล่ขึ้นมาจากดิน


มองไปมองมา ก็สวยนะเนี่ย


ต้อง ถ่ายภาพนะครับ เดี๋ยวคนไม่เชื่อว่ามาแล้ว


ถ่ายไปเรื่อย ๆ ครับ


ถ่ายอย่างไรให้สวย ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ่ายมั่วมาก อิอิ


ที่นี่ก็มีดอกกระเจียวเหมือนกันนะครับ


ผมขอเรียกมันว่า ดอกกระเจียวคนดังแล้วกันนะครับ เพราะมีระดับคนสำคัญมาปลูกเอาไว้ครับ



โบกรถรางแล้วไปเดินทางกันต่อครับ กับที่นี่ครับลานหินงาม จะงามอย่างไร ไปดูกันครับ


หินรูปถ้วยฟีฟ่า ครับ


ไปดูหินมอตั้ง 


ไปดูหินแม่ไก่ยักษ์


ไปดูหินปราสาท


ไปดูหินรูปร่าง แปลก ๆ


แล้วก็นั่งรถราง มาลงที่หน้าอุทยาน เพื่อกลับรีสอร์ท จะมีมัคคุเทศก์น้อย เด็กนักเรียนประถม บรรยายให้พวกเราฟังนะครับ น้องๆดูเป็นมืออาชีพมาก เด็กที่นี่กล้าแสดงออกมาก สมควรที่จะให้ทิป นะครับ อิอิ


เดินกลับมาที่พักละครับ เหนื่อย แดดร้อน ผมใช้เวลาอยู่ที่ทุ่งดอกกระเจียวประมาณ 4 ชม ครับ คิดว่าไปมาครบทุกจุดครับ

[img]http://f.ptcdn.info/653/044/000/oatpphryxlWy23w8jlt-o.jpg[/i
อาหารมื้อเช้า และมื้อเที่ยงครับ


กุ้งผัดกะปิสะตอครับ ตอนแรกคิดว่าสะตอมาจากภาคใต้ แต่ที่นี่ปลูกเองครับ เม็ดใหญ่ดี


ผัดยอดฟักแม้วครับ ผมซื้อมาจากบนอุทยานให้ แม่ครัวที่นี่ผัดให้ น่ารักมากครับ แม่ครัวผัดให้ผมทานด้วย อร่อยสมใจอยาก แอบกินไปนิดก่อนถ่าย อิอิ เนื่องจากหิวจัด
.
.
.

อาบน้ำเช็คเอ้าออกจากด้วรีสอร์ท ก็ได้เจอเพื่อนใหม่สองคนครับ สาวสงขลา หากตามมาอ่านรีวิว บอกเลยผมดีใจนะที่ได้เพื่อนใหม่ เพราะมิตรภาพระหว่างทางย่อมสำคัญกว่ารูปภาพทั้งมวล เสียดายครับไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกัน อิอิ พวกเรา 3 คน โบกรถกลับไปลงที่ปากทางแยกบ้านไร่ครับ คำแนะนำนะครับ จากประสบการณ์การโบกรถ รถเก๋ง จะไม่ค่อยรับ ให้โบกรถกระบะนะครับ หรือรถเก่า ๆ ที่มีที่กั้นกระบะ เช่นรถขนผัก พวกเรา 3 คนไปกับรถที่ซื้อขวดพลาสติกครับ พี่เค้าใจดีมาก ๆ มาส่งที่สามแยก แล้วพี่ก็เลี้ยววนกลับไปทางเดิม เพราะมาส่งพวกเรา
.
.
.
.
หากกระทู้นี้มีการใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เช่น สะกดคำผิด หรือ เขียนผิด ต้องขออภัยด้วยนะครับ ตอนพิมพ์ตาลาย โปรดชี้แนะและให้อภัยด้วยนะครับ
.
.
.
แล้วจะกลับมา review ใหม่ในทริป ถัดไปครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และ comment ครับ ฝากติดตามภาพต่าง ๆ ใน IG ได้นะครับ IG:pongwongchoo หรือสอบถามการเดินทางเพิ่มเติม ทางแชท FB:pongsak phetreem ได้เลยครับ ด้วยความยินดีครับ ออกมาเที่ยวเมืองไทย เงินไม่รั่วไหลไปไหน ชาวบ้านมีรายได้นะครับ ออกมาเที่ยวกันเยอะ ๆ นะครับ I LOVE THAILAND


ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2643364