รีวิว การท่องเที่ยวโดยรถไฟ ไปน้ำตกไทรโยคน้อย

เป็นการท่องเที่ยวโดยรถไฟครั้งแรกของ จขกท. ผิดพลาดอย่างไรก็ขออภัยด้วยนะครับ

เริ่มจากการที่ โทรไปจองตั๋ว และต้องมีผู้เสียสละไปรับตั๋วที่ หัวลำโพงก่อน ในส่วนของการซื้อตั๋วจองตั๋วของการรถไฟนั้น ถือได้ว่า -*-

ไม่พูดถึงละกัน เพราะมันยุ่งยาก มากเลย จองผ่าน internet ก็ไม่มี รับตั๋ววันที่ไปเลยก็ไม่ได้ เอ่อ... โอนเงินได้มั๊ย ไม่ได้

เหมือนกับว่า บังคับให้เราไปหัวลำโพงเพื่อต้องไป ซื้อตั๋วด้านหน้า แล้วบ้านบ้านไปนอน ๆ ๆ ๆ ๆ จนถึงวันเดินทางค่อยไปขึ้น รถไฟ เฮ้อ... เหนื่อย

แต่... ผมไม่เหนื่อยฮะ มีผู้เสียสละไปให้ โอเค เลยได้เริ่มต้นทริปนี้ขึ้น รับรองถ้าให้ผมไปเอง ชีวิตติดไซเบอร์อย่างผมมีหรอจะไป -*-

(เพราะงั้นตั้งแต่เด็กเลยยังไม่มีโอกาสนั่งรถไฟซะที) ตื่นเต้นสุดๆ

เช้าตื่นมาก็รีบโบกแท็กซี่กัน ไปหัวลำโพงครับ 





ถึงแล้วก็เวลาเหลือ เดินถ่ายรูปเล่นซะหน่อย พร้อมกับเตรียมซื้อเสบียงตุน



สภาพของสถานีรถไฟในเมืองหลวงนั้นยังคงความเป็นออริจินอลมากๆครับ ยังไงอย่างนั้นเลยจริงๆ(ไม่เคยมาแต่มองแล้วคิดว่าเก่า)




เช็คบอร์ดดิ้งพาสกันหน่อย ว่าที่นั่งไหน ขบวนอะไร ช่องโดยสารที่เท่าไหร่



ด้านในมีป้ายแอลอีดี ใหญ่ๆให้เราได้ดูครับ



อ้อ ที่นั่งบนรถไฟ มี 2 แบบนะ แบบหันหน้าเข้าหากัน เข่าชนกัน แคบโคตร -*- อึดอัดมาก

แนะนำให้ซื้อ 4 ที่นั่งไปเลยครับ ถ้าไป 2 คน เพราะเข่าชนจนอยากเอาขาไปพาดไหล่ฝั่งตรงข้ามเลยทีเดียว



ให้ดูสภาพที่นั่งหน่อยว่า เป็นแบบนี้หากเป็นผู้ชายขายาว มีเมื่อยแน่นอน อ้อ ส่วนที่นั่งอีกแบบ เป็นแบบหันหลังให้หน้าต่าง



เหมือนรถไฟฟ้า BTS ของเด็กกรุงอย่างเราเนี้ยแหล่ะ แต่ลมพัดระดับ 10 (ลมร้อนนะ)

รถออกมาได้สักพัก ก็จะมีพนักงานรถไฟ มาชี้แจงรายละเอียดของทริปภายในวันนี้ 



บอกเลยว่าวิวข้างทางเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ ชอบโคตร 



สถานที่แรกที่เราจะแวะคือ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ลงรถไฟก็เดินตามๆเค้าไป ให้ความรู้สึกเหมือนทัวร์ลง



ส่วนใครที่กลัวเมื่อย หรืออยากลองนั่งสามล้อถีบ ก็ขึ้นเลยครับ ไม่ไกลมากเท่าไหร่นะ

ส่วนผมเดินดีกว่า ตามทางก็มี ของกินให้ซื้อไปนั่งกินบนรถ หมูทอด ผลไม้ ขนมจีบ







หรือใครที่อยากจะใส่บาตร ก็มีพระท่านยืนรอรับตรงข้างหน้าร้านขายแหล่ะ -*- ไม่พูดดีกว่าไม่ค่อยชอบเท่าไหร่



ก่อนเข้าวัดก็มีการทำบาปที่คิดว่าบุญกันนิดนึง การปล่อยนก (ที่คุณไปจับมาอ่ะ) -*- จับเค้ามาทำไม

แล้วก็มาให้เราปล่อย  เย้ เราได้บุญแต่ คนขายยอมบาป เอ้อ...เป็นธุรกิจบาป ที่อยู่คู่วัดมานาน



แล้วก็มองเห็น สวยงาม สูง ใหญ่ ยกมือไหว้ ขอพร กันแต่ข้างนอก เพราะ เวลามีจำกัด ต้องรีบเดดินกลับไปขึ้นรถ



(ทัวร์ชะโงกดีๆนี้เอง)

เหลือบไปเห็น อาแปะ นั่งขายซองจดหมาย เป็นที่แปลกตาสำหรับ หนุ่มไซเบอร์อย่างผมอีกแหล่ะ -*-



สมัยนี้ มีใครใช้จดหมายเขียนถึงคนรักป่ะครับ line face มือถือ โทรศัพท์ มีแทบจะทุกบ้าน

เอาล่ะกลับมาขึ้นรถ สุดท้ายก็มีคนมานั่งด้วย กลายเป็นครอบครัวไปเลยทีนี้ (เพื่อน จขกท มีคนนั่งด้วยแล้ว)

กำลังเดาว่าจะมี สาวน่ารักๆมานั่งรึเปล่า 



พอแดดส่อง รถไฟมีหน้าต่างที่สามารถปรับได้เหมือน รถเมล์ ที่เราท่าน เคยนั่งก็แหล่ะ มีช่องลดให้ลอดผ่าน บังแดดไป

ด้วยความที่เคยชิน ผมเลยต้อง ลุกปรับมันซะหน่อย 



รถออกมาได้สักพัก ลุงเจ้าหน้าที่คนเดิม เพิ่มเติมคือ มุขฮา ยิงได้ตลอด



เอาจริงๆแล้ว ทริปนี้ของผม ไม่ได้หวังปลายทางเลยแม้แต่นิด แต่เป็นการนั่งรถไฟ เพราะอยากนั่งเลยไม่ได้สนใจอะไรมากนักกับสถานที่



สำหรับผมแล้ว วิวข้างทาง ก็ยังคงสวยงามอร่ามตาอยู่ดี 



ผ่านสถานีๆหลายที่ 





จนมาถึง คลองบำหรุ เฮ้ย ทันสมัยดู ใหม่กว่าหัวลำโพงอีก (แน่ล่ะเค้าสร้างใหม่) แต่ในใจเอ่อ...แล้วไม่ปรับปรุงอันเก่าหรอครับ

อนุรักษ์หรอ แล้วรถไฟก็วิ่งไปจนผ่าน 

ทุ่ง !!! เฮ้ยมันสวยมาก ตื่นเลย โผล่พรวดออกไป อากาศดี

โชคดีที่ไม่ร้อน นั่งคุยเล่นกันสักพักก็มาจอดที่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว



มวลมหาประชาชน เข้ !!!! ทลักมาก ล้นเลย ไม่เดินเข้าไปหรอกนะ แค่มองด้านนอกก็รู้สึกอึดอัดละ




มีนักร้องนักดนตรีเยอะมาก



มีของกินให้แวะเวียนถ้าหิว ส่วนผมเก็บท้องไว้ทีเดียวน้ำตกเลย


ขึ้นรถแล้วก็จะได้ยินเสียง แตร คุณพระ !!! นี้คืออะไร ไปยืนกันตรงนั้น น่ากลัว



บนสะพานเค้ามีที่ให้ยืน รถไฟวิ่งช้ามากๆ ค่อยๆไหล เหมือนเราเป็น ลิง อยู่บนรถ แล้วนักท่องเที่ยวก็ถ่ายรูปขึ้นมา 555+



เดี๋ยวๆ แต่แค่นั้นมียังไม่จบ ไปเรื่อยๆจะเจอหน้าผา มีคนไปนั่งอยู่ด้วย เฮ้ย !!! นี้อันตรายของจริงเลย





และ ผมก็ยังคงเสพสุขกับวิวข้างทางรถไฟ


จนถึง สถานีน้ำตก ! แวะกินข้าวตรงนั้นเลย ลงรถปุ๊บร้านแรก อร่อยจนไม่อยากถ่ายรูป

ส้มตำบอกไม่เผ็ด ก็หวานมาเชียว -*- แต่คอหมู อร่อยให้เยอะ เยอะ มากๆ จนมีแรงเดิน ขึ้นไป เพื่อที่จะดู จุดน้ำผุดของน้ำตก !!



เดินขึ้นมาด้านบนจะมีรถอีแต๋น บริการ ไปกลับคนล่ะ 20 บาท พี่เค้าจะให้เบอร์โทรไว้ เล่นน้ำเสร็จโทรเรียกละกัน

ตื่นเต้น  ไม่เคยเจอ ไปถึงปุ๊บ แฮ่ น้ำตกไทรโยคน้อย น้อยเลย





บอกเลยภาพนี้ เจ็บ ผมเล็งอยู่นานว่าเด็กจะโดดท่าไหน 555+

จากนั้นเลยคิดว่า เราน่าจะเดินลงกันนะ บุกป่าฝ่าดง เดินกลับโดยที่ไม่ใช่ทางเก่า -*- ผลปรากฎ หลงครับ

หลงไป เจอค่ายลูกเสือ เก่าๆ เงียบๆ - -* และผม ปวดอ๊อด เลยเดินหาห้องน้ำในค่ายมันต้องมีแน่นอน 



เห็นอะไรในภาพมั๊ยครับ มีแมวดำ นั้นแม่ครับ ลูกๆมันอยู่ในห้องน้ำ 555+ เลยต้องทิ้งเสบียง ทาโร่ฉีกๆวางไว้ 


สุดท้ายก็ต้องโทรเรียกพี่อีแต๊นมารับ แล้วเราก็เดินไปดูน้ำตกครับ แฮ่ แห้งแก๊กเลย


แล้วเราก็ขึ้นรถไฟกลับ โดยขากลับใช้เวลาออกจาก สถานี บ่าย 2 ครึ่ง ถึง 2 ทุ่ม

อ้อ ขากลับ เตรียมน้ำไว้ด้วยล่ะ ไม่งั้นจะหิวน้ำเอา เตรียมทิชชู่เปียกไปด้วย ทิชชู่แห้งด้วย

เพราะควันมาติดที่ตัวเรา เหนียวตัวไปหมด แต่สนุกครับ ต้องลอง ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้


ที่มา Pantip
Cr. TORRider