รีวิว หน้าฝนเหงาๆ กับเราสองคน งบสองพันแบกเป้ไปได้ไกลกว่าที่คิด ^^

สวัสดีทุกคนที่หลงมาในกระทู้เพี้ยน ๆ กระทู้นี้นะคะ


     นี่เป็นกระทู้แรกของเรา หลังจากที่ซุ่มแอบอ่านของชาวบ้านเค้ามานานแสนนาน จากพันทิปของทุกคนนี้แหล่ะค่ะ ที่ทำให้จขกท.เพ้อเช้าเพ้อเย็นอยากแบกเป้ขึ้นเขาให้ลืมเรื่องของเรา เอ้ย ไม่ใช่ล่ะ เอาเป็นว่า เป็นแรงบันดาลใจให้เรากล้าที่จะออกไปตามที่ต่าง ๆ เราขอเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนกล้าที่จะเปิดโลกการท่องเที่ยวด้วยกันนะคะ แค่กล้าก็ได้เจออะไรมากกว่าคนอื่นล่ะ ^0^ ลุยยยยย 

    ช่วงนี้ก็เป็นช่วงใกล้ๆเปิดเทอมของหลายมหาลัยที่ทยอยเปิดกันไป #มหาลัยเราก็เช่นกัน แต่เดี๋ยวก่อน ไหนๆก็ปิดเทอมมาตั้ง 10 กว่าวันล่ะจะให้นอนสวยๆอยู่บ้านก็หน่าาา ง่ายไปมั้ย? กว่าจะผ่านพ้นมรสุมการสอบทั้งสามเทอมไปได้อย่างแสนสาหัสควรจะได้รับการพักผ่อนหน่อยเส่ งั้น ไปเที่ยวกันหน่อยม้ายยยยยยยยย ? ถึงเวลาจะมีแต่เงินไม่มีก็อดเว้ย TT แต่ๆๆ ยังมีเงินติดตัวนิ ตั้งสองพันแหน่ะเอ้ะหรือแค่สองพัน เอาไงดีสองพันจะไปพออะไร  จากยะลาเชียงใหม่นิ้ไม่ง่ายเลยน่ะเว้ย เอาว่ะ สองพันก็สองพัน ถ้าตั้งใจแล้วต้องไปให้สุดเว้ย  เนื่องจากทริปนี้มีงบประมาณที่จำกัด 555 เราเองก็อยากประหยัดให้ได้มากที่สุดด้วย เราเลยตัดสินใจแบกเต็นท์ไปกางเองจ้าาา ถามว่ากางเป็นมั้ย ตอบด้วยเสียงดังฟังชัดเลยว่าไม่ !! แต่ด้วยความไม่อยากเสียตังของเราก็ต้องยอม จะกางรอดไม่รอดค่อยว่ากันไปเนอะ คริ้ๆ

หน้าฝนเหงาๆแบบนี้อย่านอนกอดหมอนข้างเหงาคนเดียวเลย  ไปกอดหมอก กอดภูเขากันดีกว่ามั้ยย ??  ><



      เราออกเดินทางตั้งแต่ 9 โมงจากเบตงเพื่อไปขึ้นรถไฟฟรี ย้ำว่าฟรี !!  ที่สถานีรถไฟยะลา แต่ๆๆ ช่วงนี้เป็นช่วงหลังเทศกาลฮารีรายอของชาวมุสลิมพอดี คนที่มาใช้บริการรถไฟไทยเลยเยอะมากกกกกก กกกกกกกกกกคนนิ้เต็มสถานีรถไฟแย่งออกซิเจน วนไปค่ะ จุดพีคกว่านั้นก็คือ ที่นั่งทุกขบวนไม่ว่าจะขบวนไหนเต็มค่ะ เต็ม ! หันไปปรึกษาเพื่อนเอาไง ? ยืนมั้ย ไหนๆก็มาล่ะ เออยืนก็ยืนล่ะหว้าาาาา เป็นการขึ้นรถไฟที่โหดที่สุดตั้งแต่เคยขึ้นมาจริงๆ 



     คนเยอะจนแทบขยับไปไหนไม่ได้ อากาศตอนบ่ายก็ร้อนมากกก  พัดลมตรงที่นั่งเราก็ไม่มี ที่นั่งก็ต้องคอยลุ้นว่าเจ้าของจะมาเมื่อไหร่ 555 แอบมีความจิตตกเล็กน้อย บางคนถึงขั้นนั่งไปกับพื้น นอนไปกับพื้นเลยจ้าา ส่วนพี่ๆแม่ค้าก็มีความพยายามขายกันเหลือเกิ้นนน  ถึงคนจะแน่นเต็มทางเดินแค่ไหน ก็ต้องเบียดเข้าไปให้ได้ ลำบากถึงเราๆนิ้ล่ะค่ะ แม่ค้ามาทีต้องลุกขึ้นยืนแบ่งที่ให้นางเดิน ไม่ลุกนางก็ตื้อจนลุกอ่ะ   แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่ๆหลายคนที่แบ่งที่นั่งให้เบียดจนพวกเราที่นั่งด้วยค่ะ กว่าจะมีที่นั่งสบายๆก็ สุราษฎร์ธานีตอนสามทุ่มนู้น พอมีที่นั่งก็พูดได้ยิ้มได้ เริ่มตื่นเต้นล่ะสิ หลับตาลงนึกเป็นภาพเชียงใหม่เลยแหล่ะ 5555

     ประมาณเกือบ 11 โมงก็ถึงกรุงเทพ มาถ่ายรูปกับหัวลำโพงซะหน่อย เอ่อ หาร้านข้าวมุสลิมได้แถวหัวลำโพงเลยน่ะ มีสองแหล่ง ถ้าขยันเดินอยากทานข้าวที่หลากหลายหน่อยก็ได้แถวซอยใกล้ๆเซเว่นเลยค่ะ จะมีทางเข้าด้านหน้าเป็นข้าวไทยพุทธพอเดินไปเรื่อยๆจะเจอร้านมุสลิมหลายร้านที่ซ่อนอยู่ 



      แต่คนเยอะไงโอเคกลับมาหาของกินในสถานีก็ได้ ในสถานีจะมีร้านมุสลิมร้านเดียวนะคะ  เราลืมถ่ายรูปมาแหะๆ ทานข้าวเสร้จเราก็ไปจองตั๋วรถไฟไปเชียงใหม่ แล้วไปห้องละหมาดค่ะ ห้องละหมาดจะอยู่แถวชานชาลาที่ 4 หลังป้ายกรุงเทพใหญ่ๆนั้นแหล่ะค่ะ ลองเดินวนหาดูได้นะคะ

      และแล้วเวลาบ่ายสองก็มาถึงงงงง กระโดดขึ้นรถไฟเชียงใหม่กรุงเทพเลยจ้า รถไฟฟรีสายเหนือจะคล้ายๆสายใต้ แต่สายเหนือจะสะอาดกว่า บริการดีกว่า  ที่สำคัญห้องน้ำสะอาดกว่ามาก



       นี่กระเป๋าเราเองหนักใช่ย่อย เหมือนแบกคนอีกคนไปด้วยเลยแหล่ะ เต็นท์กับเหล็กเต็นท์นิ้แหล่ะตัวดี นอกจากเต็นท์เสบียงยังพร้อมอีกน่ะห้ะ รับอะไรดีคะ ? มาม่า ปลาป๋อง ? 55555 



     โอเคนั่งไปก็เหมือนไม่เจออะไร จนมีผู้หญิงผมหยิกๆหัวยุ่งๆเดินขึ้นมานั่งตรงหน้าเราก็คิดว่าเห้ยนี้ลูกครึ่งแน่นอนมีเฮนนาที่มือเก๋ๆด้วย ที่ไหนได้แกนางเขียนกับปากกาเคมีจ้าาาา  เขียนแบบเฮนนามืออาชีพเลยแก แรกๆก็ไม่มีอะไร  นางก็นอนของนางอ้าแข้งอ้าขาตามภาษานาง นอนแบบนอนจริงๆ จนมีป้าผู้หญิงปลุกนางบอก หนูเดี๋ยวเลยสถานีนะ หนูจะลงไหน นางก็ไม่ยอมพูดกับใครแถมมองแรงใส่อีก เราถามอะไรก็ไม่ตอบ พอสักพักนางก็ถามเวลาแล้วก็ขอพาวเวอร์แบงค์เรา เราก็บอกอ่อหมดพอดี นางจ้องจ้าาาา จ้องพาวเวอร์แบงค์เราปานจะกลืนกิน นางแอบเปิดกระเป๋าลุงที่นั่งตรงข้ามเราด้วย แล้วนางก็จ้องโทรศัพท์เรากับเพื่อนด้วย เรานิ้กลัวเป็นมิจฉาชีพเก็บทุกอย่างโทรศัพท์พาวเวอร์แบงค์อะไร จะไม่ให้คิดงั้นได้ไงเล่าคนอะไรพกโทรศัพท์สามสี่เครื่อง พอสักพักนางก็คอลกับใครสักคน มันดูปกติใช่มั้ยคะ ? แต่ที่ไม่ปกติก็คือบริเวณนั้นไม่มีคลื่นเว้ยแก สัญญาณอะไรไม่มีเลยจ้าาา ที่สำคัญไม่ได้ขึ้นโทรออกด้วยเราแอบดูหน้าจอโทรศัพท์นางเอง 5555 ก็เราสงสัยอ่ะ  แล้วที่นางคุยเป็นเรื่องราวนางคุยกับใคร ? เริ่มรู้สึกแปลกๆล่ะคนอะไรคุยคนเดียว  เราเลยบอกป้าที่นั่งข้างๆบอกขอนั่งด้วย หนูกลัววว พอเห็นนางนอนนั้นแหล่ะเรานิ้รีบเอาของมากิน โทรศัพท์มาเล่นเลยจ้าา แอบถ่ายมีความร้ายกาจจจ 555 แต่ปิดหน้าหน่อย



     พอประมาณตีสาม นางสะดุ้งตื่นนางหันมาทางพวกเราจ้องโทรศัพท์เพื่อนเราเลยแหล่ะ ดีน่ะที่เพื่อนเรารู้สึกตัวเว้ย เพื่อนเราระแวงจนนอนไม่ได้เลย ส่วนเราหลับตายค่ะะ 5555 พอตื่นมาถึงสถานีก็รีบๆเดินหนีนางค่ะ ปรากฏว่านางตามเว้ย แกคือผมนางเหมือนคนไม่ได้สระผมมาเป็นอาทิตย์อ่ะแก แบบงานกลิ่นก็มา ดูๆแล้วผมน่าจะแข็งมากอ่ะแบบเราแอบเห็นตอนผมพัดอ่ะผมแทบไม่ขยับอ่ะ ตอนนั้นเพื่อนเราไปเข้าห้องน้ำมีเราอยู่คนเดียวเราชาร์จแบตพาวเวอร์แบงค์ไว้ ส่วนนางกำลังจะขึ้นรถไฟกลับไปไหนสักอย่าง พอเห็นเราชาร์จนางเดินลงมาจากรถไฟเลยจ้าา เราถอยไปนั่งอีกเก้าอี้แต่ตาก็จ้องพาวเวอร์แบงค์ไว้ 555 นาวก็แบบมาจับๆแตะๆ เรานิ้นั่งไม่ติดเก้าอี้เลยอ่ะ ฟิลเหมือนลุ้นบอลอ่ะ เราเลยเดินไปเฝ้าใกล้ ๆ นางก็จ้องหน้าเราจ้าาา พอเรานั่งนางก็มานั่งข้าง ๆ เดินตามก้าวต่อก้าวเลย เรานิ้แบบ หื๋ยยย ทำไงอ่ะ เพื่อนก็ไม่อยู่เลยเดินวนเก้าอี้ไปค่ะ มองหน้าแล้วยิ้มให้แบบนางงาม บอก เธอไปขึ้นรถไฟเถอะเดี๋ยวตกรถน่ะ 5555555555 ไม่ได้ผลจ้ะ จากที่นางจะขึ้นรถไฟ มาชวนเราคุยอีก
สักพักนางบอกนางจะกลับปัตตานีเราก็แบบอ้าวเพิ่งนั่งรถไฟมาถึงเชียงใหม่ด้วยกันตะเกี้ยะ แต่ไม่กล้าถามเว้ยได้แต่คิดแล้วก็สงสัยย ... พอรถไฟจะออกนางก็วิ่งขึ้นรถไป เราก็ได้แต่หวังว่าเราคงจะไม่เจอกันอีกนะ ยังไงก็ต้องขอบคุณนางเล็กๆที่สอนให้เรารู้จักระวังตัวถึงจะมีอะไรหรือไม่มีอะไรก็ต้องระวังไว้ก่อนยังไงซะเราก็ไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ระวังตัวเราเองไว้ก่อนดีกว่าเนอะ แล้วยังสอนให้เรารู้ว่าสมัยนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ก็คอลคุยได้นาจาาา

     โอเคเรามาถึงสถานีเชียงใหม่ตอน 4.00 เข้าห้องน้ำ กินมาม่ารุสกีที่แบกมาจากยะลาแดนไกลลล 555 นู้นนี้นั้นเสร้จก็ติดต่อเช่ารถมอไซค์จากร้าน sk service คือร้านนี้ดีจริงๆแก รวดเร็วทันใจมาก เบอร์ตามนี้เลยน้า 0987532665 เราโทรตอน 5 ครึ่ง เกือบๆ 6 โมงรถก็มาล่ะ ติดต่อเช่ารถ อาบน้ำอะไรเสร็จก็ลุย .. ไปหาไรกินกัน 
     ตอนเกือบแปดโมงเราก็ไปหาอะไรกินวนไปแถวซอนนิมมานก่อน ผ่านร้าน iberry แต่ยังไม่เปิด ขับไปเรื่อยๆจะหาถนนเจริญประเทศ หาพิกัดจากจีพีเอสได้เลยจ้าา กว่าจะเจอเนี้ยะเพื่อนเรามองบนใส่ตั้งหลายรอบแหล่ะ ขอโทษษ จะไม่อ่านกูเกิลแมพมั่วอีกล้าววว



    ถึงจะหลงวนไปค่ะแต่สุดท้ายก็ถึงน่ะ ถนนเจริญประดิษฐ์ ที่นี้มีร้านมุสลิมหลายร้าน แล้วก็มีสุเหร่าบ้านฮ่อ สุเหร่าบ้านฮ่อเป็นเหมือนมัสยิดไทย-จีน สะอาดมากอ่ะแก เค้าดูแลดีมากก ที่นี้พี่แม่บ้านพูดออกจีนฮ่อหน่อย เราก็ฟังไม่ค่อยออกหรอกแต่ก็พอสื่อสารได้นิดนึง พวกเราขอขึ้นไปพักชาร์จแบตอะไรหน่อย พอตั้งกระเป๋าที่สุเหร่าเสร็จก็จะมานั่งอัพรูปหาอะไรล่ะ ลุยยยย



     แล้วออกไปหาข้าวซอยกินกันมาเหนือทั้งทีก็ต้องลองอาหารเหนือใช่มั้ยล้าาา  บรรยากาศร้านถือว่าร่มรื่นดี รสชาติอร่อยติดแค่น้อยไปนิด ผมนิ้อยากซื้อกลับบ้านเลยครับแหม่ แต่ก็นะ ซื้อวันนี้ไม่ทันถึงบ้านแน่นแน่ ไม่สวยแต่รูปน่ะเธออร่อยด้วยต้องลอง พิกัดข้าวซอยเฟื่องฟ้าเสริชกูเกิลแมพเลยจ้าาา 



     เราซื้อข้าวเปล่าติดตัวไปสองกล่อง เผื่อบนดอยไม่มีร้านมุสลิมได้กินปลาป๋องประทังชีวิต 5555 และแล้วก็ได้ฤกษ์เที่ยวซ้ากกกที ไปลุยจ้าา สถานีแรกของเราจะเป็นโซนทางอำเภอแม่ริมนะ แอบไปเปิดในทวิตมาเห็นอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าพิกัดไม่ไกลจากทางไปม่อนแจ่มพอดีเลยขอแวะสักหน่อย 
    กว่าจะออกมาจากเมืองได้แกคือวนไปมากอ่ะ แบบเชียงใหม่มันเป็นทางวันเวย์ไงถ้าเลยซอยทีนิ้คือต้องวนไปอีกรอบ ควรอ่านจีพีเอสดีๆนะคะจุดนี้ ขับรถไปเรื่อยๆตามจีพีเอสเลยเดี๋ยวก็เจอ 5555 เสียค่าทางเข้าอ่างเก็บน้ำคนละ 20 บาทแล้วเข้าเลยยย มันเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่กว้างๆดีน่ะเราไปถึงแดดไม่ค่อยร้อนมากสวยน่ะมองท้องฟ้าได้สุดๆ แสงโอเคทำให้วิวดูแพงงง 555  สถานีห้วยตึงเฒ่าา ,,, 





เลนส์ใหม่ไฉไลกว่าเดิม เช็คความสะอาดของหมวกกันน็อคกันหน่อยย 555 





     รูปสุดท้ายของห้วยตึงเฒ่าได้พี่เจ้าของถิ่นมาถ่ายให้ พี่เค้าน่ารักมากเลยแนะนำที่เที่ยวบอกทางอะไรให้ด้วย พี่เค้าชี้ภูเขาสูง ๆ บอกเนี่ยะถ้าน้องขึ้นไปถึงม่อนล่อง จะมองวิวอ่างน้ำได้ชัด เห็นมั้ยล้าาาา คนเจียงใหม่น่าฮ้ากกกกก ><  ต่อ ๆ ไปสวนพฤกษศาสตร์

     สวนพฤกษศาสตร์นิ้เสียค่าเข้าชม คนละ 40 บาทค่าจอดจักรยานยนต์อีก 30 บาท ทางค่อนข้างโหดดีที่เพื่อนเราเป็นวินเก่าเลยขับได้ สบายโลดดดไปถึงเราเข้าเรือนกระจกป่าดิบชื้นก่อน คือมันน่ารักมากเลยแกเค้าจำลองป่าในเรือนกระจกได้แบบสมจริงมากอ่ะ เดินเพลินๆไป มีเรือนทะเลทรายของพวกกระบองเพชรอะไรงี้ด้วย คือมีหลายเรือนมากอ่ะ เราเข้าไม่หมดจริงๆ เหมาะแก่การเที่ยวครอบครัวมากจริงๆค่ะ ที่นี้มีหลายโซนเลยทีเดียว แต่ทางเดินเรือนกล้วยไม้ปิด คือเราอยากมาเดินเรือนกล้วยไม้ แต่ปิดอ่ะ เสียใจ สงสัยเหมือนจะต้องทริปอีกสักรอบซะแล้ว ^^







     ทางลงนิ้มันโหดมากต้องระวังดีๆนะคะ ดูทางโค้งนั้นก่อนเรานิ้อยู่เงียบใช้สมาธิพอๆกับคนขับเลยครับแหม่ เกือบบ่ายสามล่ะไปม่อนแจ่มกันเดี๋ยวมืดค่ำจะ ลำบากเอา สถานีต่อไปม่อนแจ่มจ้าาา

    มีหลังไมค์มากันหลายคนว่าใช้กล้องอะไร แห้ะ ๆ คือจขกท ใช้กล้องโทรศัพท์นิ้แหล่ะ เป็นรุ่น samsung A5 อีกเครื่องเป็น vivo x shot ค่าาา 
ถึงกล้องจะไม่แพงแต่ก็ไปกินข้าวแกงเป็นแฟนได้นะเห้ยย โอเคไม่มีใครขำ จขกท เล่นเองขำเองก็ได้ โอ้ยยย แอบตกใจคนแชร์เล็ก ๆ ตอนแรกคิดว่าได้อ่านกับเพื่อนสองคนซะล่ะ ขอบคุณค่าาาาา -/\-


ใกล้ถึงม่อนแจ่มล้าวววว 



     ถึงม่อนแจ่ม ตอนนั้นฝนใกล้เท แต่ก็ยังไม่เท ลมแรงมากกกก หนาวเย็นมากแก คนถ่ายรูปกันเยอะมากด้วย เลยว่าค่อยมาตอนเช้าดีกว่า
งั้นไปหาที่พักกัน เราอ่านจากหลายๆรีวิวเค้าบอกม่อนอิงดาวโอเค หาพิกัดกันเลยจ้าา ก็เจอ นี่ไงม่อนอิงดาว พอไปติดต่อที่พักเสียค่ากางเต็นท์คนละ 100 ดีนะที่แบกเต็นท์มาเลยเสียแค่ค่าที่กางเต็นท์ เจ้าของที่พักบอก ชอบตรงไหนก็กางได้เลยน่ะหนู 
เนื่องจากเต็นท์เราค่อนข้างจะบอบบางเหมือนตัวเรา คริ้ๆ เราเลยเลือกกางแถวๆศาลาเล็กๆ  เผื่อฝนตกเผื่ออะไรทำไมดูอนาถแท้ 
พอเอาเต็นท์ออกมา เริ่มยังไงว่ะเนี้ยะ  เราก็กางมั่วๆเน้นแข็งแรงไว้ก่อน กว่าจะกางได้ก็เถียงวนกันไป มีความแมนซ่อนอยู่ 55555 จะบอกว่าเนี้ยะเป็นครั้งแรกของพวกเราสองคนเลยแหล่ะที่กางเต็นท์แบบนี้ถึงจะครั้งแรกแต่ก็ทนลมทน ฝนได้ดีเลยที่เดียว ไปเที่ยวด้วยกันม้ะ เรากางเต็นท์เป็นละนะว้อยยยยยยย 55555 







เห็นเต็นท์ส้มเล็ก ๆ นั้นไหมมมมม ? 



     สุดท้ายกางเต็นท์เสร็จกินข้าวเปล่ากับปลาป๋อง เป็นอาหารง่ายๆแต่ตอนนั้นคือมันอร่อยมากกอ่ะ  จากที่เหนื่อยมาทั้งวัน แถมคนที่นั่งกินข้างกันคือดี มื้อนี้เลยเป็นอีกมื้อที่วิเศษสำหรับเรามื้อนึงเลยแหล่ะ



     กินเสร็จก็กลับเต็นท์นอนตายจ้ะ ตื่นอีกทีตอนนั้นลมแรงมากกก เต็นท์นิ้สนั่นหวั่นไหวเลยจ้าา มีฝนพร่ำเล็กๆ ดีที่เต็นท์กันฝนปลอดภัยหายห่วง อากาศหนาวมากก หนาวจนต้องไปเช่าถุงนอนเพิ่มตกคนละ 50 บาท พวกเราไปชาร์จแบตโทรศัพท์พาวเวอร์แบตไว้ จริงๆแล้วชาร์จแต่ละครั้งต้องเสียเงินครั้งละ 20 แต่เจ้าของม่อนอิงดาวบอกถ้าเล็กๆน้อยๆไม่ต้องคิด เงินหรอก นั้ลล้ากกกก พอดึกๆอากาศยิ่งหนาววว เราจัดมาม่ารุสกีกันสักหน่อย มีความฟินนนนนนนน  อากาศหนาวๆ กับมาม่าร้อนๆ แกคือมันดีจริงๆ เหมือนเราเททุกอย่างออกไปแล้วโอบกอดความสบายใจจริงๆ อ่ะ เริศไปอีก


เช้าวันที่สองในเชียงใหม่ ตื่นสายนิดนึงรีบอาบน้ำแต่งตัวขึ้นม่อนแจ่มเลยจ้า อากาศหนาวเหมือนตอนเย็นแต่คนน้อยกว่า ชอบฤดูฝนตรงนี้แหล่ะความเขียวของต้นหญ้า มองภูเขาสุดสายตา มีความโลกสวย มีความเดินเล่นกลางทุ่งลาเวนเดอร์ 5555 











มีความแบคแมน 



แอบเห็นทะเลหมอกด้วยแก 



พี่เค้าบอกว่าถ้าจะไปม่อนสูงสุดต้องม่อนล่องเลยขึ้นไปประมาณ 2 กม เราจัดการถามทางลุงที่ขายไอติมแถวนั้นลุงบอก เข้าทางนี้เลยหนู จากป้ายม่อนแจ่ม หันไปทางซ้ายเลยจ้าาาา ปอลิง ใครสนจะเล่นไอ่เครื่องเนี้ยะ ต้องลองนาจาาา คนละ 50 มีที่ม่อนแจ่มเท่านั้นจ้าาาา 



     เราเลยขับเข้าคือมันป่าจริง ทางมันเป็นดินชื้นๆแฉะๆ มอสเยอะๆ ชอบตรงความเขียวของต้นไม้นิ้แหล่ะ ดูชื้น ๆ ป่า ๆ ดี แต่พอขับไปสักพักเจอทางยิ่งโหดแล้วล้อรถมันสะบัดเราเลยทำได้แค่ลองเดินเข้าไปดูไม่ได้เอารถมอไซค์เข้า วิวมันดูสวยกว่าม่อนแจ่มอาจเป็นเพราะสูงกว่าป่ากว่าตรงม่อนแจ่มมั้ง เห็นทะเลหมอกชัดกว่าด้วยแต่ตอนเราเดินไปเราลืมไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วยเลยไม่มีรูปให้ดูเลยอ่ะ แหะ ๆ ถ้าไปหน้าร้อนหรือหนาวถนนไม่แฉะก็ลองไปกันดูได้น้าาาา 



     พอดูแถวนี้เรียบร้อยก็กลับที่พักไปเก็บเต็นท์เก็บอะไรตั้งใจจะไปนอนกางเต็นท์ฟินๆบนดอยอินทนนท์ซะหน่อย ทางลงนิ้ขับดี ๆ ระวังทางด้วยนะคะ ทางมันค่อนทางชันหน่อย ระหว่างทางเห็นร้านกาแฟเลยขอแวะซะหน่อย ตั้งใจว่าจะกินกาแฟแต่เจ้าของร้านไม่อยู่ขอน้ำร้อนแล้วกินมาม่าตามเคย ถ้าถามว่าไฮไลท์ของทริปนี้คืออะไร เราว่ามาม่านิ้แหล่ะ เพื่อนคู่ใจสุดละ 



     บรรยากาศร้านฟินไปอีก หมอกจาง ๆ กับคนข้าง ๆ ที่สำคัญ 55555555555 >< 



     ระหว่างทางลงเราอยากกินสตอเบอรี่มากแต่แบบมันไม่มี เจอแต่ร้านสตอเบอร์รี่อบแห้ง ป้าเค้าแบบมาชิมเลยน้องมาชิมมม เราชิมไปเป็นโลได้มั้ง คุยไปชิมไปจนอิ่มเลยจ้าาา ป้าเค้าก็ถามแล้วนี่มาจากไหนยังไง เราก็บอกมาจากยะลา ป้าก็แบบมาไกลน่ะเนี้ยะ บอกปกติขายขีด 30 แต่กับพวกเราให้ขีด 25 ล่ะกัน  ป้าพูดเบาๆเหมือนกลัวเจ้าของร้านได้ยิน 555555 ลดราคาให้ไม่พอใส่ให้เกินอีก เราเอาสองขีดป้าเค้าก็ใส่ให้เกือบสามขีดแหน้ะ  คนเจียงใหม่มีความน่าฮ้ากก ใครผ่านแวะอุดหนุนป้า เค้าได้น่ะ ชิมฟรีแถมมีแม่ค้าน่ารักอีกต่างหากกก เริศ ไปอีก ^^ ก่อนไปป้าเค้ายังแนะนำร้านอาหารมุสลิมให้อีก บนดอยหาของกินมุสลิมยากเลยว่าจะแวะไปหาของกินแถวตลาดข้างเผือกกันก่อนน 



     สถานีต่อไปหาอะไรกินกันนน ตลาดช้างเผือกมาไม่ทันเค้าเก็บของหมดล่ะ เลยไปหาร้านมุสลิมแถวนั้นแทน พิกัดก็ขับรถเลยตลาดไปนิดนึงแล้วเลี้ยวซ้านเจอทางวันเวย์อีกแล้วจ้ะ วนไปประมาณ 2 รอบกว่าจะเจอสุเหร่าดูร์นูร์ จริง ๆ หาไม่ยากหรอกเรามั่วเราหลงเองง 55555  เห็นร้านโรตีร้านนึงข้างๆสุเหร่า แต่แบบเราหิวข้าวไง เลยถามป้าแถวนั้นว่าแบบมีร้านข้าวมุสลิมมั้ยคะ มีจ้าหนูเลี้ยวทางแคร์คัทอะไรสักอย่างเลย ก็เจอร้านนึง เป็นร้านแม่น้องขายข้าวราดแกงก๋วยเตี๋ยวอะไรด้วย เรากับเพื่อนกินต้มยำกัน จานละ 40 บาทอร่อยด้วย เยอะด้วย ตามมาอุดหนุนได้เลยจ้าา เด็ดจริง นอกจากแม่น้องจะมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายข้าวแล้ว แม่น้องยังเป็นกูเกิลแมพส่วนตัวของพวกเราด้วยน่ะ แม่แกจะมีทางลัดแล้วก็จำทางได้เกือบทั่วเชียงใหม่อย่างแม่นด้วย แม่แกจะชอบเล่านู้นนี้ให้ฟัง พอเราบอกเราขึ้นรถไฟฟรีมา แม่ก็เล่าตอนแม่ขึ้นบอกแม่เจอมิจฉาชีพขโมยของแม่ก็เลยเรียกคนที่คอยตรวจตั๋วอ่ะเรียกว่าไรละ นั้นแหล่ะเรียกคนนั้น เค้าก็ให้มิจฉาชีพคนนั้นลงไป แม่บอกเป็นผู้หญิงหัวยุ่ง ๆ ตัวเล็ก ๆ เค้าจะขึ้นรถไฟฟรีไปกลับกรุงเทพ-เชียงใหม่พอเล่าไปเล่ามา เอ้ย ทำไมมันคุ้นๆอะแม่ ในหัวเราตอนนั้นประมวลภาพหญิงสาวหัวยุ่งเลยจ้าาา หัวยุ่ง ๆ เหมือนเด็กหนีออกจากบ้าน มีกระเป๋าเล็ก ๆ ชอบจ้องโทรศัพท์เรา แอบเปิดกระเป๋าลุง แล้วก็นั่งรถไฟมาถึงปุ้บกลับเลยด้วย บรรลุเลยจ้าาาาาา เรานิ้วางช้อนถามแม่เลยใช่คนหัวยุ่งๆตัวเล็กๆผอมๆหน่อยมั้ย อ่อ หนูมีรูปคนนี้ ใช่มั้ยคะ ? แม่ดูสักพักใช่เลยจ้าาาาาาา จ้ะ คนที่นั่งตรงหน้าเรานั้นเองง ดีน่ะที่เราระวังตัวดี ของอะไรเลยอยู่ครบทุกอย่าง เออตลกดีเราคุยกับมิจฉาชีพแถมยังมีอาการสติไม่ดีพ่วงมาด้วยได้ตั้งนานมันเป็นประสบการณ์ที่พีคมากจริงๆ แต่ก็ยังดีที่ไม่มีอะไรหายอ่ะ กินข้าวเสร้จก็มุ่งหน้าไปดอยอินทนนท์กันเลยจ้าก่อนไปแม่ยังแบบห่วงอีกน่ะ เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ สองคนจะขึ้นดอยน่าฝนแบบนี้เนี่ยะนะ พอ ๆ ไม่ต้องไปเลยคืนนี้นอนในเมือง โห้ว แม่ หนูจาปายยยยยยยยยยยยยยย


ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 3305500