สวัสดีค่ะเพื่อนๆ สมาชิกชาว blueplanet ทุกๆ ท่าน ห่างหายจากการทำรีวิวไปนานแสนนานทั้งๆ ที่ไปเที่ยวทุกๆ เดือน
วันนี้ฤกษ์งามยามดีมารีวิวสักหน่อยค่ะ
เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา (9 - 10 กรกฎาคม 2559) ได้เดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ ไหว้พระทำบุญ หาอะไรอร่อยๆ ทาน
และใช้ชีวิตแบบ slow life ท่ามกลางป่าเขาสูดโอโซนแสนสดชื่น ตามไปเที่ยวด้วยกันเลยนะคะ
เราเดินทางด้วยสายการบิน Bangkok Airways ซึ่งได้ทำการเช็คอินออนไลน์เรียบร้อยแล้ว มาถึงก็โหลดกระเป๋าอย่างเดียวค่ะ
เสร็จแล้วก็ตรงไปที่เล้านท์ของ Bangkok Airways ซึ่งอยู่หน้าเกท A3 หาอะไรรองท้องก่อนซึ่งแน่นอนต้องมีสิ่งนี้อยู่ด้วย
เบาๆ ก่อนขึ้นเครื่อง
วันนี้ได้เกท B7 ซึ่งไกลจาก lounge มากๆ ต้องเผื่อเวลาเดินกันเยอะๆ หน่อย แล้วก็โหนรถบัสไปยังเครื่องบิน
ตอนแรกรถได้ชะลอความเร็วแถวนี้ ยังนึกว่าจะได้นั่งลำโล้นๆ ลำนี้เลยค่ะ
และแล้วก็มาถึงเครื่องบินที่จะพาเราไปแอ่วเชียงใหม่ วันนี้ได้นั่งคุณศรีสัชนาลัย เป็นเครื่องบินแบบ Airbus A319 ค่ะ
มุมบังคับ
ทานเสร็จก็มองวิวไปเรื่อยๆ
ลดระดับแล้วค่ะ
เอ๊ะ ทำไมวันนี้วิวไม่คุ้นเลย ตึกรามบ้านช่องเต็มไปหมด
ปกติเวลามาเชียงใหม่เราจะต้องเห็นดอยสุเทพเวลาแลนดิ้งนี่นา ที่แท้วันนี้เครื่องแลนอีกฝั่งนึงค่ะ
พอเครื่องออกจากรันเวย์มาสู่แท็กซี่เวย์เราก็ได้เห็นวิวอันคุ้นเคย
น้องหางแดงตามมาติดๆ
พอรับกระเป๋าเสร็จเราก็เดินทางไปไหว้พระขอพรกันที่ วัดพระธาตุดอยคำ อันนี้เป็นทางขึ้นวัดค่ะ
ขึ้นมาถึงวัดเรียบร้อย ฟ้าฝนช่างไม่เป็นใจเอาซะเลย
ไหว้พระขอพรหลวงพ่อทันใจค่ะ
ปิดทองลูกนิมิต
ฟ้าเริ่มใสขึ้นมาหน่อยเพราะเมื่อสักครู่ฝนได้ตกมาแล้วค่ะ
ก่อนจะออกจากวัดต้องถ่ายพระองค์นี้ก่อนค่ะ
ออกจากวัดพระธาตุดอยคำเราได้ไปทานมื้อเที่ยงที่ร้าน ตวงตอง แคนยอนวิว
นี่เป็นวิวจากที่ร้านค่ะ
ปลากะพงทอดสมุนไพร
บล๊อคเครี่ผัดกุ้ง
กุ้งคั่วเกลือ
ผลไม้รวม
มีต้มยำอีกอย่างแต่ไม่ได้ถ่ายมาค่ะ
หลังจากนั้นก็เดินทางกันต่อค่ะ
วิวสวยๆ ระหว่างทาง
เรากำลังเดินทางสู่ที่พัก The Giant Chiangmai
โดยใช้เส้นทางที่ไปน้ำพุร้อนสันกำแพง แล้วตรงไปเรื่อยๆ ไปทางอำเภอแม่ออน เลยโครงการหลวงตีนตกไปนิดนึงแล้วเลี้ยวซ้ายไปทางบ้านป๊อกค่ะ
ทางเริ่มเล็กลงๆ คดเคี้ยวและชันเป็นบางช่วง
ส่วนตัวแล้วคิดว่าทางมาที่นี่ ไม่น่ากลัวเลยนะคะ อาจเป็นเพราะว่าเราขึ้นดอยบ่อย หรือไปเจอเขาที่ชันๆ กว่านี้ ที่นี่เลยคิดว่าไม่น่ากลัวค่ะ
ตรงที่ชันๆ ไม่ได้ถ่ายมานะคะ มัวแต่มองวิวเพลินเลยลืมถ่ายค่ะ
และแล้วก็มาถึงที่นี่ค่ะ ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีประตูแบบนี้ด้วย
เปิดประตูเข้ามาก็เจอต้นไม้ยักษ์ต้นนี้ค่ะ เย๊..... มาถึงจนได้ ฝันมานานแล้วว่าอยากมาไม่คิดว่าจะมีวันนี้ (เว่อร์อ่ะ อิอิ)
มีพนักงานต้อนรับน่ารักๆ วิ่งมาหาด้วยค่ะ
มาดูห้องนอนกันดีกว่าค่ะ ที่นี่มีห้องพัก 5 ห้อง ห้องเล็ก 2 ห้องใหญ่ 3
เราพักห้องเบอร์ 2 ซึ่งเป็นห้องเล็กค่ะ
เตียงนอนขนาด 5 ฟุต นอนสบายมาก ห้องไม่มีแอร์ (มีพัดลมเพดาน) ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น
แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับเรา เพราะอากาศเย็นสบายกลางคืนหนาวจนต้องปิดพัดลมเลยค่ะ
สิ่งต่างๆ ที่ไม่มีแต่ทดแทนด้วยธรรมชาติอันสวยงามคุ้มสุดๆ ค่ะ
ห้องน้ำเล็กๆ น้ำแรงมากค่ะ
หลังจากนั้นก็กลับขึ้นมาชั้นบนซึ่งเป็นร้านกาแฟค่ะ
แต่ขณะนี้ร้านปิดแล้ว เราก็ถ่ายรูปเล่นได้อย่างสบายเลย
พอถึงเวลาพนักงานก็ยกอาหารเย็นมาเสิร์ฟค่ะ
ราคาห้องพัก (ห้องเล็ก) ปกติ 3,500 บาท แต่ช่วงนี้เค้าลดให้เหลือ 2,500 บาท รวมอาหารเย็น และอาหารเช้านะคะ
อาหารเย็นของเราค่ะ
ก่อนทานอาหารก็เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ
น้องหมาน่ารัก
น้องแมวก็น่ารัก
หลังจากทานข้าวเสร็จก็กลับเข้าห้อง ทีวีไม่มีดูก็ไม่เป็นปัญหาเพราะสัญญาณ WiFi ของที่ร้านแรงมาก
สัญญาณมือถือของ True & AIS แรงมากนะคะ ส่วนดีแทคไม่ทราบเพราะไม่ได้ใช้ค่ะ
ตัดมาที่ตอนเช้าเลยนะคะ ตื่นมามองออกไปข้างนอกมีหมอกนิดหน่อยค่ะ
อันนี้เป็นวิวตอนสายๆ ก่อนที่จะขึ้นไปทานข้าวค่ะ
ก่อนเดินขึ้นข้างบนเห็นมุมนี้แปลกดีเลยถ่ายมาค่ะ เพราะถ้าไม่ได้พักที่นี่คงไม่เห็นมุมนี้แน่นอน
แล้วก็แวะไปถ่ายรูปกับต้นไม้ยักษ์ก่อนที่แขกจะมากันเยอะค่ะ
บรรยากาศร้านกาแฟที่ยังไม่มีลูกค้ามาค่ะ
อยากให้เห็นกันหลายๆ มุมนะคะ บรรยากาศดีจริงๆ ค่ะที่นี่ ชอบมาก
มีความสดชื่นที่สุด
ตรงนี้เป็นโซนใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นปี โต๊ะเบอร์ 9 นี่วิวแจ่มสุดๆ ค่ะ
ร้านจะเปิดแล้ว พนักงานประจำที่เตรียมพร้อมค่ะ
ข้าวต้มของพี่สาว
อันนี้ของเรา
สั่งพิซซ่ามาทานด้วย ราคา 199 บาทค่ะ
เคยทานพิซซ่ากลางป่ากันมั้ยคะ
ที่นี่มีโหนสลิงระยะสั้น ฐานเดียว ด้วยนะคะ ราคาไปกลับ 200 บาท
แต่แขกที่พักที่นี่ได้ฟรีคนละ 1 รอบ (ไป - กลับ) ค่ะ
ทานข้าวเสร็จแล้วก็กลับไปเก็บของที่ห้อง เห็นแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอยู่เลยขอเข้าไปดูห้องค่ะ
อันนี้ห้องเบอร์ 5 เป็นห้องใหญ่นะคะ
หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับเพราะจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ
แต่ลุงคนที่โบกรถบอกว่า ยังไปไม่ได้เพราะมีต้นไม้ล้มขวางทาง ต้นไม้ล้มทับเสาไฟล้มด้วย ต้องรอตัดต้นไม้ก่อนค่ะ
เราก็ต้องเดินกลับมานั่งรอ ทางร้านได้ให้กาแฟฟรีคนละแก้ว ส่วนเค้กส้มอันนี้ซื้อเองนะคะ
ส่วนตัวรสชาติกาแฟ ก็อร่อยดีนะคะ แต่ไม่ถึงกับอร่อยมากเหมือนร้านประจำที่เราชอบค่ะ (เห็นหลายคนบอกไม่อร่อย)
สักพักเริ่มเห็นมีลูกค้าร้านกาแฟมากันเยอะเลยถามเค้าว่ารถสามารถผ่านได้แล้วใช่ไหม ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า
รถเก๋งผ่านได้ แต่รถตู้ไม่สามารถผ่านได้เลยรีบไปค่ะ เพราะพนักงานบอกว่าต้องรีบไปก่อนที่รถยกเสาไฟจะมา
ไม่งั้นจะเสียเวลารออีกนาน
ตรงนี้ไงที่ทำให้ต้องเสียเวลารอนาน เลยอดไปเที่ยวบ้านแม่กำปองเลยค่ะ เพราะเวลามีน้อย
ในภาพไม่ใช่เสาไฟล้มทับรถนะคะ แต่เป็นรถขับลอดเสาไฟที่ล้มค่ะ
หลังจากนั้นเราได้แวะที่ โครงการหลวงตีนตก กันค่ะ
น่าพักดีเหมือนกันนะคะ
แล้วเราก็กลับเข้าเมืองเพื่อแวะทานอาหารที่ร้านนี้ค่ะ โอ้กะจู๋
สเต็กซี่โครงสะพานโค้ง ไซส์ S ราคา 255 บาท
สลัดแซลมอนย่าง 205 บาท
สลัดผลไม้ 185 บาท
อาหารอร่อยทุกอย่างโดยเฉพาะสเต็กซี่โครงสะพานโค้ง อร่อยจริงๆ ค่ะ อาหารที่นี่จานใหญ่มากมากัน 2 คนทานไม่หมดค่ะ
บรรยากาศในร้านค่ะ อันนี้เป็นชั้น 2 ร้านนี้คนเยอะมาก
แต่ดีที่เรามากัน 2 คนเลยรอคิวไม่นานค่ะ
ถ่ายมาทำไมเนี้ยะ
พอทานเสร็จก็ต้องรีบไปสนามบินทันทีค่ะ เพราะตอนนี้เวลา 15.00 น. แล้ว
เครื่องเราออกตอนสี่โมงกว่าๆ ค่ะ
มาถึงก็กินอีก อิอิ
แล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่องค่ะ ขากลับนั่ง 7A ค่ะ
แล้วก็ทานอาหารบนเครื่องต่อ รีเควสซีฟู๊ดไว้เช่นเคยค่ะ
สักพักก็ถึงสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัย
แต่เอ๊ะ เครื่องเทียบงวงเกท C1 นี่มันเกทอินเตอร์นี่นา หมายความว่าเราต้องออกจากงวงแล้วเดินลงบันไดไปขึ้นรถบัทอีกแล้วล่ะสิ
ระหว่างที่ลงบันไดก็ถ่ายรูปคุณป้าม่วงซะหน่อย รู้สึกจะเป็น B777-200 นะคะ (ถ้าไม่ใช่โปรดชี้แนะ)
รับกระเป๋า
เสร็จแล้วเดินมานั่งรอพี่สาวซึ่งมาคนละไฟลท์ตรงนี้ค่ะ เพราะเราเอารถมาจอดที่นี่
2 วัน 500 บาท ค่าแท็กซี่แพงกว่าค่ะ
ภาพสุดท้ายคือน้อง Haha จาก The Giant Chiangmai น่ารักมากๆ
สำหรับที่พักที่นี่ส่วนตัวแล้วคิดว่าราคาสูงไปหน่อย แต่เมื่อเทียบกับวิวแล้วขั้นเทพมากๆ
อากาศดีสุดๆ นอนหลับสบายโดยไม่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งนั้น ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายจริงๆ
กลางคืนนอนต้องเปิดไฟไว้ข้างนอก เพราะแมลงเยอะมาก เสียงแมลงธรรมชาติที่เราไม่ค่อยได้ยินฟังเพลินดีเหมือนกันนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชม แวะมาทักทาย แวะมาให้กำลังใจด้วยนะคะ
ถ้ามีโอกาสจะทำรีวิวให้ชมอีกค่ะ
ที่มา Pantip
Cr. ข้าวปุ้นจอมยุ่ง
วันนี้ฤกษ์งามยามดีมารีวิวสักหน่อยค่ะ
เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา (9 - 10 กรกฎาคม 2559) ได้เดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ ไหว้พระทำบุญ หาอะไรอร่อยๆ ทาน
และใช้ชีวิตแบบ slow life ท่ามกลางป่าเขาสูดโอโซนแสนสดชื่น ตามไปเที่ยวด้วยกันเลยนะคะ
เราเดินทางด้วยสายการบิน Bangkok Airways ซึ่งได้ทำการเช็คอินออนไลน์เรียบร้อยแล้ว มาถึงก็โหลดกระเป๋าอย่างเดียวค่ะ
เสร็จแล้วก็ตรงไปที่เล้านท์ของ Bangkok Airways ซึ่งอยู่หน้าเกท A3 หาอะไรรองท้องก่อนซึ่งแน่นอนต้องมีสิ่งนี้อยู่ด้วย
เบาๆ ก่อนขึ้นเครื่อง
วันนี้ได้เกท B7 ซึ่งไกลจาก lounge มากๆ ต้องเผื่อเวลาเดินกันเยอะๆ หน่อย แล้วก็โหนรถบัสไปยังเครื่องบิน
ตอนแรกรถได้ชะลอความเร็วแถวนี้ ยังนึกว่าจะได้นั่งลำโล้นๆ ลำนี้เลยค่ะ
และแล้วก็มาถึงเครื่องบินที่จะพาเราไปแอ่วเชียงใหม่ วันนี้ได้นั่งคุณศรีสัชนาลัย เป็นเครื่องบินแบบ Airbus A319 ค่ะ
มุมบังคับ
ทานเสร็จก็มองวิวไปเรื่อยๆ
ลดระดับแล้วค่ะ
เอ๊ะ ทำไมวันนี้วิวไม่คุ้นเลย ตึกรามบ้านช่องเต็มไปหมด
ปกติเวลามาเชียงใหม่เราจะต้องเห็นดอยสุเทพเวลาแลนดิ้งนี่นา ที่แท้วันนี้เครื่องแลนอีกฝั่งนึงค่ะ
พอเครื่องออกจากรันเวย์มาสู่แท็กซี่เวย์เราก็ได้เห็นวิวอันคุ้นเคย
น้องหางแดงตามมาติดๆ
พอรับกระเป๋าเสร็จเราก็เดินทางไปไหว้พระขอพรกันที่ วัดพระธาตุดอยคำ อันนี้เป็นทางขึ้นวัดค่ะ
ขึ้นมาถึงวัดเรียบร้อย ฟ้าฝนช่างไม่เป็นใจเอาซะเลย
ไหว้พระขอพรหลวงพ่อทันใจค่ะ
ปิดทองลูกนิมิต
ฟ้าเริ่มใสขึ้นมาหน่อยเพราะเมื่อสักครู่ฝนได้ตกมาแล้วค่ะ
ก่อนจะออกจากวัดต้องถ่ายพระองค์นี้ก่อนค่ะ
ออกจากวัดพระธาตุดอยคำเราได้ไปทานมื้อเที่ยงที่ร้าน ตวงตอง แคนยอนวิว
นี่เป็นวิวจากที่ร้านค่ะ
ปลากะพงทอดสมุนไพร
บล๊อคเครี่ผัดกุ้ง
กุ้งคั่วเกลือ
ผลไม้รวม
มีต้มยำอีกอย่างแต่ไม่ได้ถ่ายมาค่ะ
หลังจากนั้นก็เดินทางกันต่อค่ะ
วิวสวยๆ ระหว่างทาง
เรากำลังเดินทางสู่ที่พัก The Giant Chiangmai
โดยใช้เส้นทางที่ไปน้ำพุร้อนสันกำแพง แล้วตรงไปเรื่อยๆ ไปทางอำเภอแม่ออน เลยโครงการหลวงตีนตกไปนิดนึงแล้วเลี้ยวซ้ายไปทางบ้านป๊อกค่ะ
ทางเริ่มเล็กลงๆ คดเคี้ยวและชันเป็นบางช่วง
ส่วนตัวแล้วคิดว่าทางมาที่นี่ ไม่น่ากลัวเลยนะคะ อาจเป็นเพราะว่าเราขึ้นดอยบ่อย หรือไปเจอเขาที่ชันๆ กว่านี้ ที่นี่เลยคิดว่าไม่น่ากลัวค่ะ
ตรงที่ชันๆ ไม่ได้ถ่ายมานะคะ มัวแต่มองวิวเพลินเลยลืมถ่ายค่ะ
และแล้วก็มาถึงที่นี่ค่ะ ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีประตูแบบนี้ด้วย
เปิดประตูเข้ามาก็เจอต้นไม้ยักษ์ต้นนี้ค่ะ เย๊..... มาถึงจนได้ ฝันมานานแล้วว่าอยากมาไม่คิดว่าจะมีวันนี้ (เว่อร์อ่ะ อิอิ)
มีพนักงานต้อนรับน่ารักๆ วิ่งมาหาด้วยค่ะ
มาดูห้องนอนกันดีกว่าค่ะ ที่นี่มีห้องพัก 5 ห้อง ห้องเล็ก 2 ห้องใหญ่ 3
เราพักห้องเบอร์ 2 ซึ่งเป็นห้องเล็กค่ะ
เตียงนอนขนาด 5 ฟุต นอนสบายมาก ห้องไม่มีแอร์ (มีพัดลมเพดาน) ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น
แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับเรา เพราะอากาศเย็นสบายกลางคืนหนาวจนต้องปิดพัดลมเลยค่ะ
สิ่งต่างๆ ที่ไม่มีแต่ทดแทนด้วยธรรมชาติอันสวยงามคุ้มสุดๆ ค่ะ
ห้องน้ำเล็กๆ น้ำแรงมากค่ะ
หลังจากนั้นก็กลับขึ้นมาชั้นบนซึ่งเป็นร้านกาแฟค่ะ
แต่ขณะนี้ร้านปิดแล้ว เราก็ถ่ายรูปเล่นได้อย่างสบายเลย
พอถึงเวลาพนักงานก็ยกอาหารเย็นมาเสิร์ฟค่ะ
ราคาห้องพัก (ห้องเล็ก) ปกติ 3,500 บาท แต่ช่วงนี้เค้าลดให้เหลือ 2,500 บาท รวมอาหารเย็น และอาหารเช้านะคะ
อาหารเย็นของเราค่ะ
ก่อนทานอาหารก็เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ
น้องหมาน่ารัก
น้องแมวก็น่ารัก
หลังจากทานข้าวเสร็จก็กลับเข้าห้อง ทีวีไม่มีดูก็ไม่เป็นปัญหาเพราะสัญญาณ WiFi ของที่ร้านแรงมาก
สัญญาณมือถือของ True & AIS แรงมากนะคะ ส่วนดีแทคไม่ทราบเพราะไม่ได้ใช้ค่ะ
ตัดมาที่ตอนเช้าเลยนะคะ ตื่นมามองออกไปข้างนอกมีหมอกนิดหน่อยค่ะ
อันนี้เป็นวิวตอนสายๆ ก่อนที่จะขึ้นไปทานข้าวค่ะ
ก่อนเดินขึ้นข้างบนเห็นมุมนี้แปลกดีเลยถ่ายมาค่ะ เพราะถ้าไม่ได้พักที่นี่คงไม่เห็นมุมนี้แน่นอน
แล้วก็แวะไปถ่ายรูปกับต้นไม้ยักษ์ก่อนที่แขกจะมากันเยอะค่ะ
บรรยากาศร้านกาแฟที่ยังไม่มีลูกค้ามาค่ะ
อยากให้เห็นกันหลายๆ มุมนะคะ บรรยากาศดีจริงๆ ค่ะที่นี่ ชอบมาก
มีความสดชื่นที่สุด
ตรงนี้เป็นโซนใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นปี โต๊ะเบอร์ 9 นี่วิวแจ่มสุดๆ ค่ะ
ร้านจะเปิดแล้ว พนักงานประจำที่เตรียมพร้อมค่ะ
ข้าวต้มของพี่สาว
อันนี้ของเรา
สั่งพิซซ่ามาทานด้วย ราคา 199 บาทค่ะ
เคยทานพิซซ่ากลางป่ากันมั้ยคะ
ที่นี่มีโหนสลิงระยะสั้น ฐานเดียว ด้วยนะคะ ราคาไปกลับ 200 บาท
แต่แขกที่พักที่นี่ได้ฟรีคนละ 1 รอบ (ไป - กลับ) ค่ะ
ทานข้าวเสร็จแล้วก็กลับไปเก็บของที่ห้อง เห็นแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอยู่เลยขอเข้าไปดูห้องค่ะ
อันนี้ห้องเบอร์ 5 เป็นห้องใหญ่นะคะ
หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับเพราะจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ
แต่ลุงคนที่โบกรถบอกว่า ยังไปไม่ได้เพราะมีต้นไม้ล้มขวางทาง ต้นไม้ล้มทับเสาไฟล้มด้วย ต้องรอตัดต้นไม้ก่อนค่ะ
เราก็ต้องเดินกลับมานั่งรอ ทางร้านได้ให้กาแฟฟรีคนละแก้ว ส่วนเค้กส้มอันนี้ซื้อเองนะคะ
ส่วนตัวรสชาติกาแฟ ก็อร่อยดีนะคะ แต่ไม่ถึงกับอร่อยมากเหมือนร้านประจำที่เราชอบค่ะ (เห็นหลายคนบอกไม่อร่อย)
สักพักเริ่มเห็นมีลูกค้าร้านกาแฟมากันเยอะเลยถามเค้าว่ารถสามารถผ่านได้แล้วใช่ไหม ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า
รถเก๋งผ่านได้ แต่รถตู้ไม่สามารถผ่านได้เลยรีบไปค่ะ เพราะพนักงานบอกว่าต้องรีบไปก่อนที่รถยกเสาไฟจะมา
ไม่งั้นจะเสียเวลารออีกนาน
ตรงนี้ไงที่ทำให้ต้องเสียเวลารอนาน เลยอดไปเที่ยวบ้านแม่กำปองเลยค่ะ เพราะเวลามีน้อย
ในภาพไม่ใช่เสาไฟล้มทับรถนะคะ แต่เป็นรถขับลอดเสาไฟที่ล้มค่ะ
หลังจากนั้นเราได้แวะที่ โครงการหลวงตีนตก กันค่ะ
น่าพักดีเหมือนกันนะคะ
แล้วเราก็กลับเข้าเมืองเพื่อแวะทานอาหารที่ร้านนี้ค่ะ โอ้กะจู๋
สเต็กซี่โครงสะพานโค้ง ไซส์ S ราคา 255 บาท
สลัดแซลมอนย่าง 205 บาท
สลัดผลไม้ 185 บาท
อาหารอร่อยทุกอย่างโดยเฉพาะสเต็กซี่โครงสะพานโค้ง อร่อยจริงๆ ค่ะ อาหารที่นี่จานใหญ่มากมากัน 2 คนทานไม่หมดค่ะ
บรรยากาศในร้านค่ะ อันนี้เป็นชั้น 2 ร้านนี้คนเยอะมาก
แต่ดีที่เรามากัน 2 คนเลยรอคิวไม่นานค่ะ
ถ่ายมาทำไมเนี้ยะ
พอทานเสร็จก็ต้องรีบไปสนามบินทันทีค่ะ เพราะตอนนี้เวลา 15.00 น. แล้ว
เครื่องเราออกตอนสี่โมงกว่าๆ ค่ะ
มาถึงก็กินอีก อิอิ
แล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่องค่ะ ขากลับนั่ง 7A ค่ะ
แล้วก็ทานอาหารบนเครื่องต่อ รีเควสซีฟู๊ดไว้เช่นเคยค่ะ
สักพักก็ถึงสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัย
แต่เอ๊ะ เครื่องเทียบงวงเกท C1 นี่มันเกทอินเตอร์นี่นา หมายความว่าเราต้องออกจากงวงแล้วเดินลงบันไดไปขึ้นรถบัทอีกแล้วล่ะสิ
ระหว่างที่ลงบันไดก็ถ่ายรูปคุณป้าม่วงซะหน่อย รู้สึกจะเป็น B777-200 นะคะ (ถ้าไม่ใช่โปรดชี้แนะ)
รับกระเป๋า
เสร็จแล้วเดินมานั่งรอพี่สาวซึ่งมาคนละไฟลท์ตรงนี้ค่ะ เพราะเราเอารถมาจอดที่นี่
2 วัน 500 บาท ค่าแท็กซี่แพงกว่าค่ะ
ภาพสุดท้ายคือน้อง Haha จาก The Giant Chiangmai น่ารักมากๆ
สำหรับที่พักที่นี่ส่วนตัวแล้วคิดว่าราคาสูงไปหน่อย แต่เมื่อเทียบกับวิวแล้วขั้นเทพมากๆ
อากาศดีสุดๆ นอนหลับสบายโดยไม่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งนั้น ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายจริงๆ
กลางคืนนอนต้องเปิดไฟไว้ข้างนอก เพราะแมลงเยอะมาก เสียงแมลงธรรมชาติที่เราไม่ค่อยได้ยินฟังเพลินดีเหมือนกันนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชม แวะมาทักทาย แวะมาให้กำลังใจด้วยนะคะ
ถ้ามีโอกาสจะทำรีวิวให้ชมอีกค่ะ
ที่มา Pantip
Cr. ข้าวปุ้นจอมยุ่ง