รีวิว • ○ • ภูเก็ตครั้งแรก!! คนเดียวก็เที่ยวได้ โดดเดียวแต่ไม่เดียวดาย • ○ •

นานาสวัสดีสวัสดีชาว pantip ทุกท่าน นี้เป็นกระทู้แรกในชีวิตเลย  ถ้าผิดพลาดตรงไหน ขออภัยด้วยนะค่ะ


☻ เราชื่อ เบียร์ กำลังศึกษาอยู่ เวลาจะไปเที่ยวไหนก็ต้องไปช่วงปิดเทอม แล้วปิดเทอมนี้ เราอยากไปเที่ยวทะเล อยากออกไปเจออะไรใหม่ๆ อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ สุดท้าย เราตัดสินใจได้ว่าจะไปภูเก็ต ทริปนี้เกิดจากโปร 0 บาท ของสายการบินหนึ่ง ที่จริงแล้วทริปนี้ได้ล่มไปแล้ว แต่เราก็รื้อมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง....


การเดินทางครั้งนี้ เราวางแผนไปกับน้อง แต่น้องดันติดธุระเลยไปไม่ได้ เราก็เลยล่มแผนไป แต่ตั๋วเครื่องก็จองไปแล้ว + ความอยากเที่ยว ถึงแม้ว่าราคาตั๋วจะถูกแต่ก็เสียดาย เราเลยตัดสิ้นใจไปคนเดียวก็ได้ เอาไงเป็นกัน สู้โว้ย.... 


หลายคนสงสัยว่าไปคนเดียวไม่กลัวอันตรายหรอ? ไม่กลัวเหงาหรอ? ต้องบอกเลยว่าถ้าเรา ไม่เอาตัวเองไปเสี่ยง อันตรายก็ไม่เกิด...จริงไหม  และไม่ต้องกลัวเหงา เพราะมีอะไรให้ทำมากมาย ไม่เหงาแน่นอน เราคิดว่าการออกเที่ยวคนเดียวมันเป็นปราะสบการณ์ที่สุดยอดเลยนะ เราได้ทำอะไรใหม่ๆ ได้สัมผัสกับความอิสะอย่างเต็มที่ ได้ท้าทายเอาชนะความกลัวตัวเราเองและสุดท้ายทำให้เราได้ใช้เวลากับตัวเองและรู้จักตัวเองมากขึ้น....


รีวิวนี้ได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นไว้มากมาย แต่ไม่เน้นเรื่องอาหารเท่าไหร่ เพราะอ้วนมากแล้ว555  กินง่าย อยู่ง่าย ชิวๆ


เราไปช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (หน้าฝนพอดี..แต่อย่าได้แคร์) ไปประมาณ 1 อาทิตย์ (เอาให้คุ้ม...กลัวไม่ได้ไปอีก555) ที่ไปอยู่นานเพราะเราไปอาศัยนอนบ้านพี่ประหยัดไปเยอะเลย 555

เพี้ยนทุบคอมใครสนใจหรืออยากปรึกษา......ช่องทางในการติดต่อ แวะไปทักทายได้ที่ 
          Facebook : https://www.facebook.com/bebeerrkt
          Instagram : bebeer_rkt




เรานั่งเล่นเฟสอยู่ก็เจอโฆษณาโปร 0 บาท เลยเข้าไปดู โอ้แม่เจ้า!! โครตถูก และที่ช็อคกว่าราคาหรือเวลาที่สามารถเดินทางได้คือ ช่วงพฤษภาคม – สิงหาคม2559  แต่ตอนที่จองคือเดือนธันวาคม 2558 (จองล่วงหน้า 6 เดือน) คิดตลอดว่าทริปจะล่มไหม แต่ราคามันน่าเสี่ยงมากๆ เลยไปดูปฏิทินของมหาลัยโดยด่วนเพื่อหาช่วงปิดเทอม แล้วก็ตัดสินใจเอาวันที่ 20 มิถุนายน 2559 ราคาตั๋ว 0 บาทจริง แต่เราต้องเสียค่าภาษีสนามบิน 100 บาท ค่าจ่ายตังโดยหักบัญชีธนาคาร 42 (ถูกกว่าจ่าย 7-11 มากๆ แนะนำเลย) รวมค่าตั๋ว 142.80 บาท แต่สายการบินนี้ นำสัมภาระขึ้นเครื่องได้ 7  กิโล แต่เราคิดว่าไม่พอแน่ๆ ไปนาน เพื่อไว้ก่อน เลยซื้อน้ำหนักเพิ่ม 15 กิโล ราคา 345 บาท รวมค่าตั๋วไปภูเก็ต ทั้งหมด 487.80 บาท โครตถูก!!!....

Day 1

เครื่องออกไฟท์แรกเลย 6.50 น. เช้ามากๆ  


เครื่องลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ประมาณ 8.10 น. ตามที่สายการบินระบุพอดีเลย


ลงจากเครื่องก็เดินรอรับกระเป๋า บริเวณนั้นจะมีแผนที่ของจังหวัดภูเก็ตให้เลือกหยิบกันไปฟรีๆเลย จัดสิค่ะ..รอไร


เราจะไปพักที่ป่าตอง 2 คืนก่อนเข้าเมือง ก็หาข้อมูลมาอย่างดี ว่ามีรถแอร์พอตบัส จากสนามบิน–ป่าตอง ราคา 180 บาท  ก็เดินไปรอที่ท่ารถ แต่รถรอบต่อไป 9.30 น. อีกชั่งโมงกว่า ก็นั่งรอสิ สายประหยัดนี้


9.30 น. แล้วรถก็ยังไม่มา ก็ปลอบใจตัวเองว่าเดียวก็มา เลยรอไปต่อ จน 10.30 น. รถก็ยังไม่มา เลยตัดสินใจว่าไปรถตู้ก็ได้ ถามราคาก็ 180 เท่ากัน คิดในใจว่ากูรออะไรวะ


Hello หนี่ห่าว ต่างชาติหมดเลย คนไทย 2 คน รวมนายหัว(คนขับรถ) ประดุจว่าอยู่ต่างประเทศ


นั่งไปสักพักกำลังจะหลับ อยู่ๆนายหัวก็จอดข้างทาง น่าจะเป็นบริษัทแบบนำทัวร์หรือมีส่วนได้กัน ก็มีพี่พนังงานมาเปิดประตูแล้ว ฉีกยิ้มงามๆแล้วก็สปีคอิงลิช ให้เข้าไปข้างใน นั่งโต๊ะละคนเลย แล้วเขาก็ถามว่าพักที่ไหน แล้วก็เขียนในกระดาษ แล้วก็เชิญออกไปขึ้นรถได้ มาเร็วไปเร็วจริงๆ เล่นงงกันเลยทีเดียว เพราะเห็นว่าเป็นคนไทยเลยไม่ถามไรมาก เราก็เลยไปนั่งรอในรถ แต่ชาวต่างชาติน่าจะโดนเยอะแน่ๆ เช่น ขายทัวร์ บลาๆๆๆ 


เราพักอยู่ป่าตอง 2 คืน พักที่ ลับตาโฮลเทล อยู่ใกล้ร้านเสวยและก็ใกล้ทะเลมากๆ เราจองผ่านทางอโกด้า ราคา 780 /2  คืน จ่ายเงินเมื่อเข้าพัก คือคุ้มมาก... พี่พนักงานก็น่ารัก เป็นกันเอง คอยให้คำปรึกษาตลอดเลย

ที่พักจะอยู่ชั้น 2 มีทางเดินขึ้นไป


ก้าวเข้าประตูมาก็จะพบกับเคาน์เตอร์เช็คอิน เช็คอินที่ตรงนี้ยื่นบัตรประชาชน กรอกเอกสารนิดหน่อย จะได้คีย์การ์ด จากนั้นพนักงานจะแนะนำส่วนต่าง ๆ ของโฮสเทล 


นี่คือโต๊ะกินข้าว อยู่ข้างเคาน์เตอร์เช็คอิน จะมีบริการกาแฟ โอวัลติน น้ำเปล่า ตลอด 24 ชั่วโมงเลย ตอนเช้าจะมีขนมปังปิงให้ด้วย ตู้เย็นสามารถเอาของมาแช่ได้ด้วย แต่ของใต้ตู้แช่อยากกินต้องเสียตังนะ และเราสามารถซื้อของจากข้างนอกมานั่งกินก็ได้ นั่งฟังเพลง ดูหนัง หรือฟังฝรั่งเมาท์มอยก็สนุกดี(เผือกตลอดๆ)


ตอนเช้านั่งจิบกาแฟ แต่บรรยากาศมองออกไปมีแต่สายไฟ แล้วก็ตึก 5555


เรานั่งกินขนมปังอยู่มองออกไปเห็นพาราเซลลิ่งด้วย อยากเล่นจัง แต่ราคาแพงอยู่


ที่นี้มีห้องพักทั้งหมด 7 ห้อง ชื่อห้องเป็นตัวอังกฤษภาษาอังกฤษ A-G  เราพักห้อง E เข้าไปก็เจอเลย อยู่ด้านหน้าเลย


ในห้องที่เราพักเป็นพักรวมขนาด 8 เตียง เป็นเตียง 2 ชั้น มีผ้าม่านปิด มีความเป็นส่วนตัวอยู่นะ


อย่างที่บอกว่าเป็นโฮสเทล เตียงก็จะไม่มีอะไรมาก หมอนสองใบ ผ้าห่มหนึ่งผืน และก็มีผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืนค่ะ (เตียงนุ่มมากชอบๆ)


ปลายเตียงมีที่วางของและช่องเก็บของ สามารถล็อคกุญแจได้ ทางโฮลเทลมีบริการให้เช่ากุญแจ ราคา 50 บาท แต่ถ้าใครเตรียมมาก็ประหยัดไป


หัวเตียงมีไฟให้ มีช่องวางของ และปลั๊กไฟ


ไปสำรวจห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำจะอยู่ชั้นเดียวกับห้องพัก แต่จะอยู่ด้านในสุด มีห้องอาบน้ำ 2 ห้อง มีฝักบัวพร้อมเลย ปรับน้ำร้อนน้ำเย็นได้ มีแชมพู ครีมอาบน้ำให้ฟรีในห้องน้ำ ห้องน้ำมี 2 ห้อง มีชักโครกอย่างเดียว ข้างๆ ห้องน้ำจะมีราวตากผ้าขนหนูกับชั้นวางของให้ด้วย คือดีงาม


ตรงข้ามห้องอาบน้ำ เป็นอ่างล้างหน้าและกระจก มีไดร์เป่าผมด้วย แต่กระจกเล็กไปหน่อยนะ


หลังจากเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินออกไปห้าง  Jungceylon ก็เหมือนห้างทั่วไป แต่จะเน้นของพวกของฝาก และร้านอาหารมากมาย


เดินหาของกินอยู่นาน สุดท้ายจบลงที่ 7-11 ประหยัดไปไหม 555 


กินอิ่มก็ไปเดินเล่นในห้างสักพักก็ไปเดินเล่นที่ชายหาดดีกว่า โดยเดินผ่านซอยบางลา ประมาณ 6 โมงเย็น ยังเงียบอยู่เลย ต้องรอดึกๆถึงจะคึกคัก




ชายหาดป่าตอง ตอนเย็นๆ คนมักจะมานั่งกัน บ้างก็ซื้ออะไรมานั่งกิน บ้างก็นั่งรับลมชมวิว ชิวๆ





น้องหมาขุดทรายนอนสบายจังนะ



เดินเล่นชิวๆ ถ่ายรูปเสร็จ ก็เดินกลับโฮลเทล นอนกลิ้งบนที่นอนสักพัก ประมาณ 3 ทุ่ม ออกไปท่องราตรีกันดีกว่า

ซอยบางลา....ถนนนี้เปรียบดั่งจุดนัดพบยามราตรี สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า ผับ บาร์ นักท่องเที่ยวมากมาย มาชมการแสดงโชว์ สตรีทโชว์ โชว์สาวประเภทสอง นักมายากล หรือจะนั่งดื่มฟังดนตรี มีสินค้าแฮนด์เมด ร้านทำผม ร้านสัก บางสิ่งดูขัดกับวัฒนธรรมของคนไทยไปบ้าง แต่ซอยบางลาก็เป็นมนต์เสน่ห์ของหาดป่าไปแล้ว....












หัวใจคนนี้เบอลว่ารักแถบเลยอะ 555


เดินลั้นลาพอใจแล้ว ก่อนกลับไปนอน แวะไปเดินชายหาดสักแปป 




Day 2

เราตั้งนาฬิกาปลุก 6 โมงเช้าเลย ในห้องยังไม่มีใครตื่นเลย ตั้งใจจะไปถ่ายรูปที่ทะเล บริเวณชายหาดมีชาวต่างชาติออกมาวิ่ง และพาน้องหมาออกมาเดินเล่น




แสงกำลังสวยพอดีตั้งกล้องถ่ายรูปกันดีกว่า อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้คือ ขาตั้งกล้อง และก็โทรศัพท์มือถือ ไว้เชื่อมต่อ wifi กับกล้อง แค่นี้ก็ได้ภาพถ่ายที่สวยงาม ไม่ต้องง้อใครเลย คนเดียวก็ถ่ายได้นะ แค่อย่าอายก็พอ 555






ถ่ายรูปหน่ำใจแล้วก็กลับไปอาบน้ำแต่งตัว ตั้งใจว่าวันนี้จะออกลุย แต่สุดท้ายฝนตก!! ทำไงได้หละ นอนกลิ้งต่อไปรอฝนหยุดตกไปสิ


นอนกลิ้งไปกลิ้งมา ดูนาฬิกาจะ 11 โมงแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุด แต่ตกปอย ๆ คิดสักพักว่าจะเอายังไงดี เลยตัดสินใจออกไปเช่ารถมอไซด์ ตรงบริเวณหน้าหาดป่าตอง ตรงนั้นมีบริการรถเช่าเยอะมาก เราก็เดินไปถามราคา แต่แล้วเราเลือกร้านที่ใกล้โฮลเทล เพราะราคาก็เท่ากันหมด เวลาไปคืนจะได้ไม่ต้องเดินไกล 

ตกลงราคาอยู่ที่วันละ 300 บาท มัดจำ 3000 กับบัตรประชาชน (โหดมากเลย)


พี่พนักงานที่โฮสเทลแนะนำให้ไปเที่ยวที่หาดสุรินทร์ก็จัดเลยค่ะ ก่อนไปแวะ 7-11 เพื่อซื้อเสื้อกันฝนก่อน แล้วก็ออกลุยกันเลย แค่ฝนกลัวไร 

เส้นทางเปิด Google Map เอา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใจได้แค่ไหน ไม่ลองไม่รู้ เอาไงเป็นกัน ทางอยู่ที่ปากไม่รู้ก็ถามคนแถวนั้น อย่าอายเด็ดดาด 


ระหว่างทางที่ไปหาดสุรินทร์ก็ผ่านจุดชมวิวแหลมสิงห์ก็แวะเก็บภาพสักแปป


และมาถึงหาดสุรินท์แล้ว โอ้โห!! ไม่มีคนเลย ใช่สิฝนตกนี้ ใครจะบ้ามาเที่ยว นอกจากเรา 555 น้ำทะเลสีสวยมากเลย แต่คลื่นแรงมากๆ 






ไม่นานก็กลับเพราะฝนตกหนักขึ้น ขณะขับรถกลับเจอป้ายทางลัดไปป่าตอง ก็จัดสิค่ะ เผื่อใกล้กว่าทางเดิม ขับไปเรื่อยเจอถนนแบบนี้ ยอมไปทางเดิมดีกว่า แต่ฝนตกหนักมาก ขับไปตอนนี้อันตรายหน้าดู เลยไปขอหลบฝนร้านค้าแถวนั้นเอา


พอกลับมาก็นอนเอาแรงไว้ลุยต่อเย็นนี้....

ตอนเย็นฝนหยุดตกก็ไปเดินเล่นที่ชายหาด ถ่ายรูปต่อดีกว่า...







อยากถ่ายรูปไม่ต้องง้อใคร ตั้งกล้องให้ไว้ก่อนแสงหมด





และค่ำคืนนี้จะไปไหนได้หละ กลัวฝนตกไง บุกซอยบางลาต่อแล้วกัน





Day 3

เช้านี้ต้องเช็คเอาท์แล้ว แต่ก่อนเข้าเมืองขออำลาหาดป่าตองก่อนนะ

เดินไปไม่ถึงไหน โอ้โห!! สงสัยเมื่อคืนคงหนัก พี่แกเล่นนอนคาขวดเบียร์เลย 555


เช้านี้ที่หาดเงียบกว่าเมื่อวานอีก




เดินเล่นไปซักพัก อุ๊ย !! ไม่รู้ว่าจะขำหรือเห็นใจดี เมาหนักแน่ๆเมื่อคืน แต่ก็ยังดีที่มีน้องหมานอนเป็นเพื่อน 555


เช็คเอาท์เรียบร้อย วันนี้เราจะเข้าเมืองกัน โดยรถสองแถว ป่าตอง-ภูเก็ต(ตัวเมือง) ราคา 30 บาท ประมาณ 30 นาทีก็ถึงตัวเมืองแล้ว 


เราไปลงแถววงเวียนสุริยเดช แล้วให้พี่มารับ ตลอดเวลาที่อยู่ตัวเมือง เราไปนอนที่บ้านพี่ แถวสะพานหิน ประหยัดค่าที่พักกับค่าอาหาร ไปเยอะเลย 555

หลังจากเอากระเป๋าไปเก็บที่บ้านพี่ ก็ออกไปหาร้านแกงใต้กินแถวตลาดดาวทาวน์ ก็เจอกราฟฟิตี้เด็กน้อยมาร์ดี ใส่ชุดพื้นเมืองของคนภูเก็ต เข็นรถส่งของ ใหญ่เต็มผนังของตึก 2 ชั้นเลย


กินอิ่มก็ออกตะลอนเลย เราจะขึ้นเขารังไปดูเมืองภูเก็ตกัน



จอดรถปุ๊ป เจ้าที่ก็มาทักทายทันที


โอ้แม่เจ้า!!  นางเปิดถังขยะเองได้ ถังละตัวเลยของใครของมัน





พี่เขาซื้อมะพร้าวให้ลิง ใจดี รักสัตว์ น่ารักงะ 555


เขารัง....เป็นเนินเขาเตี้ยๆ สามารถชมทิวทัศน์ของเมืองภูเก็ต จากยอดเขาจะเห็นตัวเมืองภูเก็ต ทะเลกว้าง  รวมทั้งวิวของเกาะต่างๆ 





Day 4

เช้านี้ที่ สะพานหิน...เดิมทีบริเวณสะพานหินเป็นท่าเรือสำคัญที่เรือขนส่งสินค้า และเรือโดยสารใช้เป็นจุดเทียบท่า ถือเป็นท่าเรือใหญ่ของการเดินทางในเขตทะเลอันดามัน



มาถึงภูเก็ตก็ต้องไปสักการะหลวงพ่อแช่มที่วัดฉลองหรือวัดไชยธาราม วัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีชื่อเสียงของภูเก็ต  ถ้าใครมาภูเก็ตจะต้องแวะมานมัสการหลวงพ่อแช่ม เพื่อเป็นสิริมงคลแต่ตัวเอง






หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว ตั้งใจจะไปแหลมพรมเทพต่อ แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจเลย ก็ต้องเปลี่ยนแผนกลับมาในเมืองก่อนแล้วกัน

ในเมืองภูเก็ตวันเวย์เยอะมากเลย มึนไปหมดไม่รู้จะไปทางไหนดี จนมาเจอวงเวียนสุรินทร์หรือวงเวียนหอนาฬิกาภูเก็ตนั้นเอง ก็วนกันต่อไป


สุดท้ายก็มาถึงถนนพังงาจนได้ บริเวณต้นซอยก็เจอกราฟฟิตี้ตายาย ก็ถ่ายภาพกันหน่อย



และแล้วเราก็เจอโรงแรมออน ออน ได้แต่ถ่ายรูปด้านนอกไม่กล้าเข้าไปด้านใน





สุดท้ายก็เดินกลับมาที่ถนนรัษฏา เพื่อจะมานั่งชิวๆ ที่ร้าน White chalk dessert cafe  ร้านนี้พี่เราการันตีเลย ราคาไม่แพง บรรยากาศดีมาก แถมฟรี wifi 




ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจที่พาเที่ยวและเลี้ยงขนมน้องสาวคนนี้ 555



ก่อนกลับบ้าน เดินไปถ่ายรูปธนาคารกสิกรไทยกันก่อนดีกว่า ตึกสวยงามมากเลย แต่เกลียดสายไฟมาก ดูรกมากๆ 



Day 5

เช้านี้ไปไหนดี แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง พี่เราเลยจัดหมี่สั่วมาให้เพราะวันก่อนซื้อมาฝากแล้วติดใจ วันนี้ใจไปเลย 2 ถุง 


วันนี้ไม่รู้จะไปเที่ยวไหน เพราะไม่ได้ว่างแผนไว้ล่วงหน้า ก็ลองหาใน Google ก็ได้ที่เที่ยวมา คือ แหลมพันวา อิ่มแล้วออกเดินทางได้ โดยอีแก่ของพี่เราเพี้ยนแว๊น


ก่อนไปถึงแหลมพันวา แวะไปจุดชมวิวเขาขาดกันก่อนดีกว่า แต่กว่าจะขึ้นไปถึงใจแถบขาด ทางมันชันมากจริงๆ ดีนะรถมีเกียร์ ถ้าเป็นออโต้ไม่น่ารอด 

จุดชมวิวเขาขาด...จุดชมวิวแห่งใหม่ของภูเก็ต ที่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จักเท่าไหร่ สร้างโดยเทศบาลตำบลวิชิต เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองได้ 360 องศา มีไม่กี่ที่ในภูเก็ตที่สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา เมื่อขึ้นไปยังหอชมวิวเขาขาดจะมองเห็นเกาะ ภูเขา บ้านเรือน หมู่บ้าน ทะเลได้อย่างชัดเจน




ลงจากจุดชมวิวเขาขาด ก็มุ่งหน้าสู้แหลมพันวากันเลย ขับรถไปสุดถนนก็เจอ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต หรือ  Phuket Aquarium คนไทย ค่าเข้า 50 บาท จัดไปค่ะ






































หลังจากเดินท่องโลกใต้ทะเลเสร็จ ก็เดินออกมาด้านหน้าถ่ายรูปทะเลแสนสวยกันหน่อย






นางพญาเม่าโอ้ ศรีพันวา โรงแรมที่หลายๆคนอยากเข้าไปสัมผัสสักครั้ง ตอนนี้มีปัญญาแค่นี้แหละ 555


กลับเข้าเมืองไปหาอะไรกินกันต่อดีกว่า กลับมาที่ถนนพังงา จอดรถแถวโรงแรมออน ออน เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอกราฟฟิตี้บริเวณกำแพงร้านคุณจี๊ดราดหน้ายอดผัก


เดินต่อไปอีก ก็เจอกราฟฟิตี้พี่เสือบริเวณซอยทางเข้าจอดรถ โรงแรมสินทวี



สุดท้ายเดินก็กลับมาซอยรัษฏา ก็เจอร้าน Mellow yellow toast & bistro ก็จัดไปเลยด่วนๆ 



กินเสร็จก็ออกเดินสายต่อ ถนนที่เราจะไปบุก คือ ถนนดีบุก...

มาเจอสี่แยก (ตัดกับถนนเยาวราช) จะเจอตึกทรงโคโลเนียลสีเขียวตั้งเด่นอยู่ที่แยก 



อาคารเหลืองๆ ตรงนั้น เป็นภูเก็ต ซันนี่ โฮสเทล เป็นโฮสเทลที่เราดูไว้ว่าจะมาพักตอนอยู่ในเมือง แต่พี่บอกว่าไปอยู่กับพี่ดีกว่าจะได้ประหยัดค่าที่พักไปด้วย


ถนนดีบุกจะได้สัมผัสกับบรรยากาศตึกเก่าสไตล์ชิโน โปรตุกีส  ที่หาดูได้ยากขึ้นทุกวัน







บริเวณถนนดีบุกก็มี Street Art มายมาย จะเป็นพวกขนม










ประมาณ 4 โมงกว่าพี่เราก็พามาตามหาพระอาทิตย์ตกกันที่แหลมพรหมเทพอีกครั้ง แต่ก็น่าเสียดายวันที่เรามาพระอาทิตย์ไม่สวยเท่าไหร่ 



ขณะที่กำลังเดินไปปลายแหลมพรหมเทพ ก็จะมีหินตั้งต่อๆกันแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันมีความหมายว่ายังไง













ดูความแรงของคลื่อนเมื่อกระทบโขดหินสิ แต่ก็มีคนชอบไปยืนบริเวณนั้น อันตรายอยู่นะยู


ก็ต้องขอขอบคุณผู้นำทัวร์ในครั้งนี้อีกครั้ง 555 

Day 6

วันนี้ไปบุกถนนถลางกัน...
ถนนถลาง...เป็นถนนเก่าแก่เส้นหนึ่งของภูเก็ต ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ สวยงาม และถือได้ว่าเป็นจุดสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมมา










และก็เจอเราก็ร้าน Eleven Two & Co ที่ใครๆมาซอยนี้ก็ต้องมานั่ง หรือเดินเข้ามาดูสินค้าหน้าร้านกัน





ภายในร้านด้านหลังจะเป็นห้องแอร์ไม้ต้องกลัวร้อนเลย



ช่วงบ่าย พี่เราจะพาไปไหว้พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี หรือ พระใหญ่ อยู่ที่เขานาคเกิด ทางขึ้นมันจะมีช่วงโค้งที่ชันอยู่หนึ่งที่ มันเป็นอะไรที่ลำบากมาก เราต้องลงเดินแล้วให้พี่ขับรถขึ้นไปรอเมื่อพ้นโค้งนั้นไป เล่นเอาขาตึงเลยทีเดียว สำหรับคนที่ขับรถไปเอง + ครั้งแรก มันน่ากลัวอยู่นะ

ระหว่างทางที่ขึ้นไปยังเขานาคเกิดก็จะเห็นทิวทัศน์มุมสูงของอ่าวฉลองและหาดราไวย์



จอดรถเสร็จก็เดินขึ้นบันไดไปอีกนิดก็ถึงพระใหญ่แล้ว






บนนั้นจะเห็นทิวทัศน์ของหาดราไวย์


หลังจากลงจากเขานาคเกิดก็ไปเดินเล่นที่ท่าเรืออ่าวฉลองกันต่อเลย



ความที่อยากเล่นน้ำทะเลขึ้นมาทันใด ก็มุ่งหน้าต่อไปหาดกะตะ โอ้โห คนเล่นน้ำกันเยอะเลย อยากเล่นบ้าง แต่เราไม่ได้เตรียมชุดมาเปลี่ยนเลย คิดไปคิดมา วันอื่นก็ได้ อีกอย่างเล่นตอนนี้เกรียมแน่นอน







ค่ำๆ ออกท่องเมืองภูเก็ตตอนกลางคืนหน่อยแล้วกัน 



บ้านชินประชา ...เป็นบ้านเก่าแก่สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ซึ่งสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของเกาะภูเก็ต มีอายุกว่า 100 ปี  ตั้งอยู่ที่ถนนกระบี่ ในตัวเมืองภูเก็ต เป็นบ้านของตระกูลตัณฑวณิช  ผู้เป็นเจ้าของได้อนุรักษ์ตัวอาคารและเครื่องเรือนเครื่องใช้ต่าง ๆ ในบ้านไว้เป็นอย่างดี โดยมีความมุ่งหวังให้สถานที่แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงไปแล้ว


Day 7

วันนี้..วันอาทิตย์พี่เราหยุดพอดี เราก็เลยหยุดพักร่างสักครึ่งวันอยู่บ้านเล่นกับไอแสบดีกว่า พี่น้องคู่นี้ เวลาดีกันก็กอดกันหอมกัน แต่พอเวลาทะเลอะกันเท่านั้นแหละบ้านแทบแตก..



เด็กหลับแล้วมันก็เหงา เอาไงต่อดี ไปไหนดี วันนี้แดดร้อนมากขี้เกรียจไปไหนไกล ไปสำรวจแถวถนนถลางใหม่ดีกว่า

ในถนนถลาง ทางเข้าปากซอยรมณีย์จะมีกราฟฟิตี้อยู่เช่นกัน




ในซอยรมณีย์เป็นซอยที่เชื่อมระหว่างถนนถลางและถนนดีบุก ทั้งหมดอยู่ในเขตเมืองเก่าของภูเก็ต เป็นที่ตั้งของตึกเก่าศิลปะชิโนโปรตุกีส



เดินกลับมาที่ถนนถลางก็จะเจอร้านหนัง(สือ) ในร้านตกแต่งได้น่ารัก เป็นร้านเค้ก กาแฟ จำหน่ายหนังสือ และภาพยนตร์




พอแดดร่มลมตก ช่วงเย็นๆ บนถนนถลางแห่งนี้ได้ถูกเนรมิตให้เป็น “ถนนคนเดินหลาดใหญ่” ทุกเย็นของวันอาทิตย์  จัดว่าเป็น  Phuket Walking Street เลยก็ได้





เดินหลาดใหญ่เสร็จ ขึ้นเขารังอีกครั้งไปดูเมืองภูเก็ตยามค่ำคืนกันดีกว่า






Day 8

ตอนเช้านี้ไม่รู้ไปไหนดี นอนยาวเลยแล้วกัน ตอนเย็นนัดกับพี่ว่าจะไปเล่นน้ำทะเลอำลากันหน่อย เพราะพรุ่งนี้กลับแล้ว  อยู่มา 1 อาทิตย์แล้วยังไม่ได้เล่นน้ำทะเลเลย ตอนแรกว่าจะไปหาดกะตะ แต่เปลี่ยนใจไปหาดในหานดีกว่า 

หาดในหาน...เป็นหาดที่ไม่กว้างมาก เป็นที่นิยมสำหรับนอนอาบแดดของชาวต่างชาติ หาดทรายไม่ขาวมากแต่มีเม็ดทรายเล็กละเอียด



เบียร์แทนแทน ไปแล้ว หลังจากนั้น เบียร์ดำดำเลย


ผู้นำทัวร์คนเดิมเช่นเคย 555 


ก่อนกลับบ้านขึ้นไปดูพระอาทิคย์ตกกันหน่อยที่จุดชมวิวกังหันลม แต่แล้วก็ไม่ทันพระอาทิตย์





ปิดท้ายรีวิวนี้ไปด้วยภาพพี่ชายคนนี้ ที่พาเที่ยวทุกวันเลย...



นานาขอบคุณสุดท้ายนี้...ขอบคุณเพื่อนๆ ที่แวะเข้ามาชมนะคะ แล้วเจอกันใหม่ ทริปหน้านะค่ะ


ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2765455