รีวิว 3วัน 2คืน ที่เชียงคาน เมืองน่ารัก ไปแล้วจะติดใจ

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นการรีวิวกระทู้แรก หากผิดพลาดยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ
ทริปนี้เราใช้มือถือ LG G3 บวกกับฝีมือการถ่ายรูปที่ยังเด็กน้อยนัก แต่งก็รูปก็ไม่ค่อยเก่ง ดังนั้นรูปอาจจะไม่ค่อยสวยนะคะ^^

เอาละ พฤษจิกายน เวียนมาบรรจบอีกครั้ง ตามที่ จขกท. แพลนกับตัวเองไว้ว่า จะสะพายเป๋ออกไปโลดแล่น ในเดือน พ.ย. ของทุกปี ปีนี้นัดแนะกับน้องสาวร่วมโลกว่าจะไป เชียงคาน กันค่ะ โดยจะนั่งรถไฟไปลงที่ ขอนแก่น แล้วนั่งรถต่อไป เชียงคาน กำหนดการคือ 25 - 27 พ.ย. 



เรานัดเจอกับน้องที่ MRT หัวลำโพง เจอกันตอน 20.00 น. ก็ไปซื้อตั๋ว ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ บอกว่าไปขอนแก่น ก็จะได้ตั๋วมาค่ะ เป็นรถไฟฟรี (เอ๊ะ ฟรี ก็ไม่เรียก "ซื้อ" ซิเนอะ^^)



รถไฟออก 20.45 น. ค่ะ ยังพอมีเวลาค่ะ เลยออกไปหาข้าวทานด้านนอก ซื้อขนมในเซเว่นนิดหน่อยไว้ทานเล่นระหว่างทาง พอกลับมา เดินไปที่ชานชาลา รถไฟก็มาจอดรออยู่แล้วค่ะ ขึ้นรถกันได้เลย



20.45 น. รถไฟก็เคลื่อนขบวน ตรงเวลาเป๊ะเลย (ลืมถ่ายรูปบรรยากาศในรถไฟอะ T^T) ตอนที่รถไฟวิ่งลมเย็นสบายดีค่ะ แต่พอรถจอดจะร้อนๆ หน่อย
บนรถจะมีอาหาร พวกปลาหมึกปิ้ง ไก่ย่าง ข้าวกล่อง น้ำ เดินมาขายเป็นระยะๆ ค่ะ  ดึกๆ หน่อยจะมี กาแฟร้อน โอวัลตินร้อน มาม่า มาขายด้วย....ได้กลิ่นมาม่าแล้วหิวเลย แต่เราไม่ได้ซื้อค่ะ^^

ประมาณเที่ยงคืน เริ่มหนาวแล้ว ต้องเปิดกระเป๋าหยิบผ้าคลุมออกมาห่ม แม่-ลูก ที่นั่งตรงข้ามเรานี่เอาผ้านวมมาคลุมโปงกันเลยค่ะ น่ารักดี
เรานั่งมองวิวไปสักพัก (แต่ความจริงก็มืด มองไม่ค่อยเห็นอะไรนะ) เริ่มง่วง เลยพักสายตาหน่อย ก็หลับๆ ตื่นๆ มาตลอดทาง

05.45 น. ก็ถึงสถานีขอนแก่นแล้วค่ะ เกินจากเวลาที่บอกในตั๋วแค่ 13 นาทีเอง แปลกใจนิดหน่อย ปีที่แล้วนั่งไปสถานีน้ำตก ที่เมืองกาญจน์ สายกว่านี้มาก แต่ครั้งนี้วิ่งตอนกลางคืน เลยไม่รู้ว่าวิวสวยสู้เส้นเมืองกาญจน์ได้มั้ย^^





ลงจากรถไฟ ก็เดินมารอรถสองแถวเพื่อจะไป บขส. ขอนแก่น(เก่า) ที่หน้าสถานีรถไฟค่ะ




น้องสาวบอกว่าต้องรอรถสองแถวสีฟ้าค่ะ แต่เรารออยู่มีรถสองแถวสีเหลืองมา เลยลองโบกถามดูว่าไป บขส. เก่า ไหม คุณลุงคนขับพยักหน้า เรากับน้องก็ขึ้นเลยค่ะ (ลืมถ่ายรูปรถอีกแล้ว -_-) จ.ขอนแก่น จะมี บขส.เก่า และ บขส.ใหม่ นะคะ ถ้าจะไป จ.เลย ต้องไปขึ้นที่ บขส.เก่า
รถจะวิ่งผ่านศาลหลักเมือง, เซนทรัลขอนแก่น ประมาณ 10 นาที ก็ถึง บขส.เก่า แล้วค่ะ ค่ารถคนละ 9 บาท

จากนั้นก็เดินหารถทัวร์ที่จะไปเมืองเลย พี่คนขับบอก "รถออกเจ็ดโมง ไปหาอะไรกินก่อนได้เลย" เราเลยเดินไปหาของทานก่อน ได้ข้าวจี่ กับไก่ทอดมา



เดินกลับมาที่รถ รถออกแล้ว....อ้าว! อ้าว! พี่จะหนีหนูไปไหน
แล้วพี่คนขับก็โบกมือเดินไปข้างหน้า แล้วพี่เขาก็จอดรถ....อ๋อ มันต้องมาซื้อตั๋ว ขึ้นรถตรงนี้นี่เอง ก็อาคารที่เราเดินผ่านตอนไปซื้อข้าวจี่แหละค่ะ
ตรงที่พี่เขาจอดตอนแรก มันเป็นแค่ที่จอดพักรถ 555

ซื้อตั๋วคนละ 127 บาท แล้วก็ขึ้นไปรอบนรถเลยค่ะ




7.00 น. รถออก แล้วสักพักเราก็หลับยาวเลยค่ะ ไม่รู้เลยว่าผ่านอะไรบ้าง วิวทิวทัศน์ เป็นยังไงบ้าง สงสัยจะเพลียจากการนั่งรถไฟ
มาถึง บขส. เลย เวลา 11.00 น. ค่ะ นั่งรถนานเหมือนกัน ตั้ง 4ชม.  
พอลงรถแล้ว กำลังจะเดินหารถทัวร์ไป เชียงคาน พอดีคุณป้าที่เดินสวนมาถามว่า "ไปไหนหนู"
เราตอบ "ไปเชียงคานค่ะ" คุณป้าก็ชี้ไปที่รถสองแถวคันใหญ่ๆ ที่จอดอยู่ "นี่ไง รถจะออกแล้ว ขึ้นเลย ๆ"
ถามคุณป้าว่า ค่ารถเท่าไหร คุณป้าก็ไม่แน่ใจ แต่น่าจะถูกกว่ารถทัวร์ เรากับน้องเลยตัดสินใจขึ้นค่ะ ไม่อยากเสียเวลารอรถทัวร์ด้วย

ทั้งคน ทั้งของ เต็มรถเลย



นั่งรถแบบนี้ก็เย็นสบายดีค่ะ แต่สาวผมยาว เก็บผมให้เรียบร้อยก็ดีนะคะ เราไปถึงหัวยุ่งเลย 555
ใช้เวลานั่งรถสองแถวประมาณ ชม.ครึ่ง ค่ะ ค่ารถคนละ 35 บาท
พอถึง ถ.ศรีเชียงคาน รถจะกลับรถตรงสามแยก เราก็ลงตรงนั้นแหละค่ะ เพื่อความมั่นใจถามคนที่นั่งมาบนรถก็ได้^^

ถึงแล้ววว เชียงคาน มาถึงเวลา 12.30 น. ค่ะ จากสามแยกที่บอก เราก็ข้ามถนน เดินเข้าไปในซอยวัดศรีคุณเมือง หรือ ซอย.7 เดินจนสุดก็จะเป็น ถ.ชายโขง หรือ ถนนคนเดิน นั่นเองแหละค่ะ

แปะรูปหน่อย กันคนอ่านงง
เส้นสีแดง คือ ถ.ศรีเชียงคาน หรือบางคนเรียก ถนนบน จุดที่เราลงรถสองแถวคือตรง สำนักงานสาธารณสุข ค่ะ
เส้นสีชมพู คือ ถ.ชายโขง หรือ ถนนคนเดิน หรือบางเรียก ถนนล่าง
เส้นสีเหลือง ที่มีรูปจักรยาน คือ ทางที่ให้ปั่นจักรยาน เราขอเรียกว่า ริมโขง นะคะ



เอาละ พอเดินเข้าซอยมาจนเจอ ถ.ชายโขง ก็เลี้ยวซ้าย เดินอีกนิดเดียวก็เห็นป้ายที่พักของเราแล้วค่ะ


สองผัวเมีย เกสท์เฮ้าส์


รูปหน้าบ้าน แต่ถ่ายตอนกลางคืน

ห้องที่เราพักเป็น ห้องแอร์ ห้องน้ำรวมค่ะ แต่ไม่ต้องห่วง ถึงจะเป็นห้องน้ำรวม เขาก็มีผ้าขนหนูให้ ไม่ต้องหอบไปให้เปลืองเนื้อที่ในกระเป๋า อิอิ

ไฟในห้องจะเป็นวอร์มไวท์นะคะ ไม่ค่อยสว่างเท่าไร แต่งหน้าลำบากนิดนึง แต่น่าจะโรแมนติกสำหรับคู่รัก


ห้องน้ำ ถึงแม้จะเป็นห้องน้ำรวม แต่สะอาดดีนะคะ มีเครื่องทำน้ำอุ่น แชมพู ครีมอาบน้ำให้ด้วย แต่แชมพู,ครีมอาบน้ำ เป็นของวัตสันนะคะ ถ้าใครไม่ชอบก็พกไปเองตามความพอใจได้เลย


อันนี้ห้องน้ำชั้นล่าง มีตุ่มด้วย น่ารัก


ไปดูบรรยากาศในบ้านกันบ้างค่ะ






มีทีวีให้เปิดดู และกาแฟให้ชงดื่มตามสบายเลยค่ะ


ดื่มกาแฟเสร็จ ก็เดินมาทางด้านหลัง มาล้างแก้วตรงนี้ค่ะ


ด้านล่างค่ะ


มีตู้ปลาซ่อนอยู่ที่พื้นด้านหน้าน้องควายด้วยค่ะ


ข้างบ้านจะเป็นที่จอดจักรยาน ให้แขกที่มาพักนำไปปั่นกันได้ตามสบายค่ะ ที่นี่ประตูหน้าบ้านจะปิดตอนสามทุ่ม เราก็มาเข้าทางนี้แทนได้


ส่วนหน้าของบ้าน จะเป็นร้านกาแฟค่ะ ตกแต่งเก๋ไก๋เชียว






ที่สองผัวเมีย เกสท์เฮ้าส์ ไม่ได้อยู่ติดริมโขงนะคะ เปิดประตูมาไม่เห็นวิวริมโขง แต่สิ่งที่ดึงดูดเราเข้าไปที่นี่ ก็คือ นี่ค่ะ
:
:





เจ้าเหมียวเต็มเลย ทั้งที่เดินไปมาในบ้าน และที่อยู่ในกรงใหญ่หลังบ้าน พวกน้องเปอร์เซียรู้สึกเจ้าของบ้านเขาจะเพราะขายด้วยค่ะ

หลับสบายเลยน้าา

เจ้าตัวนี้พอเราเปิดประตู เดินเข้าห้องมาเฉยเลยค่ะ...อ่อ นี่บ้านท่านซินะ เรามันแค่แขกผู้อาศัย^^

แหนะ มานอนตักเค้าเฉยเลย

หนูจะอ้วนไปมั้ยลูก

มาแล้วค่ะ มาต่อกันเลย^^

พอเราชื่นชมบ้านพัก และเหล่าเจ้าเหมียว พอหอมปากหอมคอ ก็อาบน้ำให้เย็นชื่นใจ สมกับที่ตากลม ตากแดด มาตั้งแต่เมื่อคืน ประมาณบ่ายสามโมง ก็ค่อมจักรยาน ปั่นออกไปหาอะไรทานก่อน 

มื้อแรกของเราก็หนีไม่พ้นสัญลักษณ์หนึ่งของ เชียงคาน นั้นคือ ข้าวเปียกเส้น ค่ะ หรือก๋วยจั๊บญวน นั้นแหละ ใส่เนื้อหมู หมูยอ ไข่ น้ำซุปอร่อยดี อยากได้ข้าวสวยร้อนๆ เลย^^  สั่งไข่กระทะมาด้วย ก็เฉยๆ เหมือนไข่กระทะทั่วไปค่ะ ร้านนี้อยู่ในซอย ถ้าเดินไปตามถนนคนเดินเรื่อยๆ จะมีป้ายร้าน แต่เราจำชื่อไม่ได้แล้ว ถ้าจำไม่ผิดจะมีโลโก้เป็นหัวหมูสีชมพูค่ะ แล้วก็มีลูกศรชี้ให้เข้าไปในซอย

ข้าวเปียกเส้น 2 ชาม + ไข่กระทะ 1 ที่ + น้ำอัดลม 1 ขวด  ราคารวม 135 บาท


อิ่มแล้ววว ทีนี้เราก็จะไปแก่งคุดคู้กัน

ก่อนออกจากร้านเราลองถาม กู๋แมพ ดูค่ะ กู๋บอกประมาณ 5.4 กม. ....เฮ้ย! ชิล ชิล ปั่นได้สบาย ก็ไปกันเลย
จากในซอยปั่นขึ้นมาบน ถ.ศรีเชียงคาน เลี้ยวซ้าย แล้วตรงตลอดเลยค่ะ อ่อ ถนนใหญ่ รถค่อนข้างเยอะ ปั่นระวังๆ กันนิดนึงนะคะ
ปั่นมาเรื่อยๆ จนเจอป้ายทางเข้า แก่งคุดคู้ ก็เลี้ยวเข้าไปเลย

จากนั้นก็ตรงตลอดเช่นเดิม ระหว่างทางจะเจอร้านขาย มะพร้าวแก้ว เยอะมาก เพราะเป็นของฝากขึ้นชื่อของที่นี้ ปั่นผ่านวัด ผ่าน Grandma's Garden ไม่นานก็ถึง แก่งคุดคู้ แล้วค่ะ

เราว่าป้ายสังเกตุยากไปหน่อย (หรือเราตาไม่ดีเองหว่า) ตอนแรกจะเลยแล้ว แต่น้องเลี้ยวนำเข้าไปก่อน 55
ไม่ได้ดูเวลาตอนเริ่มออกจากร้านข้าวเปียกเส้นค่ะ แต่คิดว่าน่าจะปั่นมาไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง (มั้ง)
ที่แก่งคุดคู้ ก็จะมีร้านขายของฝากรอบๆ ถ้าใครมองไม่เห็นป้ายเหมือนเรา ก็สังเกตุดูตรงที่เป็นคล้ายๆ ตลาด นั้นละ^^

ไปดูบรรยากาศที่ แก่งคุดคู้ กันดีกว่า เหมือนน้ำจะแห้งไปนิด แต่ก็สวยไปอีกแบบ เราอยู่กันจนเย็นค่ะ แสง สี ที่ได้จึงออกมาตามรูป





พาโนรามา ซักหน่อย


เราเดินเล่น ถ่ายรูป กันอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ปั่นกลับ ตอนแรกว่าจะแวะถ่ายรูปที่ Grandma's Garden ด้วย แต่เริ่มเย็นแล้ว กลัวมืดแล้วปั่นบนถนนใหญ่จะอันตราย เลยกลับเลยดีกว่า ถ้าใครไปแล้วเวลาเอื้ออำนวย หรือขับรถไป ก็ไปแวะถ่ายรูปกันได้นะคะ มองจากด้านหน้า มีมุมน่ารักๆ เยอะเลย อันนี้ขอยืมรูปมาจากเพจ Grandma's Garden ค่ะ
เราปั่นกลับมาถึง ถนนคนเดิน ก็เริ่มมืดแล้วค่ะ คนเริ่มเดินเยอะ ปั่นไม่ค่อยสะดวกแล้ว ต้องจูงเดิน
เรากลับมาล้างหน้าล้างตาที่บ้าน เตรียมจะออกไปเดินกับเขาบ้าง 
แต่ก่อนออกไป แวะถามพี่เจ้าของบ้านก่อน ว่ามีเบอร์โทรของรถที่จะไปภูทอกมั้ย ใช่แล้วค่ะ พรุ่งนี้เช้าเราจะไปภูทอกกัน^^
ได้เบอร์มา 080-1917195 ชื่อลุงสิงห์ ใครจะไปโทรหาลุงแกได้เลยนะคะ ความจริงก็มีรถหลายคันแหละ แล้วแต่ว่าเจ้าของบ้านแต่ละบ้านจะแนะนำคันไหนให้  เราก็โทรหาลุงสิงห์เลยค่ะ นัดแนะกันว่า 5.30 น. ลุงจะมารอที่หน้าบ้าน ค่ารถคนละ 100 บาท

คุยกับลุงสิงห์เรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินแล้วว


เดินมาเจอเมี่ยงคำ ขอลองก่อนเลยค่ะ ไม้ละ 10 บาท เห็ดเข็มทองพันเบคอนก็มี แต่ไม่ได้ลอง
ใบชะพลู และสมุนไพรที่อยู่ข้างในอร่อยดีนะคะ แต่น้ำจิ้มเยอะ และหวานไปหน่อย ขนาดเราสั่งแบบใส่พริกด้วย ยังไม่รู้สึกถึงความเผ็ดเลย

สินค้าน่ารักๆ สวยๆ เยอะเลยค่ะ ถ้ามีเงินไปสักหมื่น แล้วขับรถยนต์ไปเองนะ 555555555


มีน้องๆ นักเรียนชาวม้ง มาเต้นเพื่อหาเงินเป็นค่าอาหารกลางวันที่โรงเรียนด้วยค่ะ น่ารักกันจัง


เนื่องจากวันนี้ วันที่ 25 พ.ย. เป็นวันลอยกระทง เพราะฉะนั้นก็ต้องมีกระทงขายค่ะ....กระทงแบบนี้เหมือนจะดี แต่แอบมีโฟมเป็นฐานรองนะ -_-  ความจริงก็มีกระทงใบตองสวยๆ อีกเยอะค่ะ แต่เดินดูของเพลินเลยไม่ได้ถ่ายรูป เราเองก็ไม่ได้ลอยเหมือนกัน

มีประกวดกระทง และนางนพมาศด้วย



เจอพี่คนนี้ เพลงบร๊ะเจ้าลอยในหัวเลย...เธออาจจะลืมไปแล้ว ว่าฉันก็เป็นสิ่งมีชีวิต ที่คิดได้และเจ็บเป็นเหมือนเธอ...


เดินดูแถวๆ นี้ แล้วก็เดินเลยไปชมวิว รับอากาศเย็นๆ ที่ริมโขงยามค่ำคืนค่ะ แล้วก็วนกลับมาที่ถนนคนเดินอีกรอบ

ร้านนี้พ่อค้าน่ารักจัง


ลองชิมปาท่องโก้ยัดใส้หน่อย เราสั่งใส้หมูสับค่ะ อร่อยอะ ปาท่องโก๋กรอบๆ ตัวใส้มีกลิ่นพริกไทย รสชาติออกเค็มๆ หวานๆ ราคา 30 บาท


โปสการ์ด ภาพเขียนสวยๆ ก็มีเยอะ....เห็นรูปผู้หญิงผมสั้น แล้วนึกถึงเพื่อนสาวเพี้ยนคนนึง ถ้าไม่ติดว่าราคาสูงไปนิดจะซื้อมาฝากนาง



เดินจนสุดก็แวะเติมมื้อดึกกันตรงร้านที่อยู่ปลายๆ ถนนคนเดินค่ะ เราสั่งข้าวต้มหมู ส่วนน้องสาวทานข้าวเปียกเส้นเหมือนเดิม
ข้าวต้มอร่อยดีค่ะ ลองชิมข้าวเปียกเส้นของน้องก็รสชาติคล้ายๆ กัน แต่น้องบอกตัวเส้นนิ่มกว่าร้านเมื่อตอนบ่าย ชามละ 30 บาท


ทานเสร็จก็เดินกลับบ้าน ตอนเดินกลับนี่ถนนเงียบแล้วค่ะ ร้านค้าเริ่มทยอยเก็บของ น่าจะประมาณสามทุ่มได้
กลับถึงบ้านแวะทักทายเจ้าเหมียวนิดหน่อย แล้วก็อาบน้ำนอน เตรียมไปภูทอกพรุ่งนี้

อ่อ....ที่นี่ตอนดึกๆ จะมีเสียง ต๊กโต มาทักทายบ้างนะคะ สาวๆ บางคนอาจจะตกใจ แต่เราเฉยๆ อะ และเดาว่าบ้านอื่นก็คงมีเหมือนกัน (มั้ง) ต๊กโต มันคงไม่มาอยู่ที่บ้านที่เราพักหลังเดียวหรอก^^

วันที่ 26 พ.ย. เราตื่นตั้งแต่ 4.30 น. อาบน้ำแต่งตัว ลงมาจากบ้านเกือบๆ ตี 5.30 น.  ลุงสิงห์มารออยู่แล้วค่ะ ก็ขึ้นรถออกเดินทางกันเลย ทางไปภูทอก ค่อนข้างเป็นหลุม เป็นบ่อนิดนึง นั่งรถไปไม่นานมากค่ะ ลุงสิงห์จะจอดให้ลงตรงด่าน ที่จะขึ้นไป ภูทอก แล้วจอดรอรับเรากลับอยู่แถวนั้น
เราก็ไปซื้อบัตร ตรงจุดจำหน่ายบัตรก่อนค่ะ แล้วขึ้นรถที่จอดรออยู่ จะมีทั้งรถตู้ และรถกระบะ แล้วแต่ว่าคิวคันไหนจะออกก่อน ขากลับก็ขึ้นรถนี่เหมือนเดิมค่ะ
ตอนที่ขึ้นไปยังไม่สว่างเลย รูปนี้เราถ่ายตอนลงมาแล้วค่ะ



รถตู้พาเราขึ้นมาถึง ภูทอก เจอเส้นขอบฟ้าสีแดง พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว^^


เราเดินมาตรงที่มีป้าย "เบิ่งตะเว็นมื้อเช้า"  ไม่ได้ถ่ายป้ายนะคะ เพราะคนถ่ายกันเยอะ ไม่ว่างให้เราถ่ายเลย
หมอกบางมากกก...ไหน? ไหนทะเลหมอก? T_T


พักเรื่องหมอกก่อนแล้วกัน พระอาทิตย์ขึ้นแล้วว มาดูพระอาทิตย์ก่อน



เดินย้อนกลับมาทางเดิม มาทางนี้พอจะเห็นหมอกหน่อยค่ะ แต่อยู่ไกลหลิบๆๆๆ


เขยิบเข้าไปอีกนิด


เดินต่อไปอีกหน่อย


ไม่เป็นไรค่ะ ถึงจะไม่ได้เจอทะเลหมอกอย่างที่ภาพฝันไว้ แต่ก็ได้ชมพระอาทิตย์ขึ้น ได้ซึมซับอากาศดีๆ ยามเช้า ให้อภัยได้^^


ดอกอะไรไม่รู้ สวยดี จะมีขึ้นอยู่ประปรายบนภูทอก และที่ริมโขงค่ะ


ณ จุด จุดนั้น แม้ดอกหญ้าก็มองว่ามันสวย (หรือจะติดมาจาก ยัยน้องบ๊องหว่า)


ชื่นชมธรรมชาติ ถ่ายรูปจนหน่ำใจแล้ว ก็ขึ้นรถกะบะลงมาค่ะ ลุงสิงห์จอดรออยู่ นี้ค่ะ หน้าตารถลุงสิงห์



ลุงแกก็ถามนะคะ จะไปเที่ยวไหนต่อไหม ถ้าไปก็คิดราคาเพิ่มตามความใกล้ไกลค่ะ แต่น้องสาวเราต้องเตรียมตัวกลับ กทม. แล้ว เพราะพรุ่งนี้มีธุระต้องไปทำ เลยให้ลุงแกพากลับบ้านเลย

ยาวจังวุ้ย คืนนี้ขอตัวไปนิทราก่อนนะคะ เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้มาเล่าต่อ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

มาแล้ว มาแล้ว ขออภัยค่ะ ที่ให้คอยนาน มาเที่ยวกันต่อเลยค่ะ

ลงมาจากภูทอกแล้ว ก็นั่งรถลุงสิงห์กลับมาถึงบ้านประมาณ 8.00 น. ได้เวลาเติมพลังงานให้ร่างกาย เราก็คว้าจักรยานปั่นออกไปหามื้อเช้าทานกันค่ะ ตอนเช้าๆ บนถนนคนเดินยังไม่ค่อยมีอะไรให้ทาน ก็เลยปั่นขึ้นมาดูบน ถ.ศรีเชียงคาน มาเจอร้านป้าลี่ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว เอาร้านนี้แหละ อยู่ตรงซอย 14 ใกล้ๆ กับวัดมหาธาตุค่ะ


ด้วยชื่อร้าน ป้าลี่ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว เราก็เลยต้องลองเลยค่ะ สั่งข้าวปุ้นน้ำแจ่วไป คิดว่าน่าจะเด็ด 
เป็นอารมณ์ประมาณก๋วยเตี๋ยวน้ำใสค่ะ แต่เปลี่ยนเป็นเส้นขนมจีน ใส่เครื่องในหมู ผักที่ใส่มาจะเป็นผักกาดขาว กับถั่วงอก
เวลาทานก็ใส่พริกตำที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ บีบมะนาว ปรุงรสตามชอบ.... ถามว่าอร่อยมั้ย ก็ทานได้นะคะ แต่เราว่าเส้นขนมจีนมันจะมีกลิ่นเฉพาะตัวของมันอยู่ นำมาทานแบบนี้รู้สึกไม่ค่อยเข้ากันเท่าไร อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวค่ะ คนอื่นทานอาจจะชอบก็ได้^^
ส่วนน้องสาวสั่ง แกงเส้น จะคล้ายๆ ก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นน้ำข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศ ลองชิมดู อร่อยกว่าของเราอีกอะ ทั้ง 2 เมนู ชามละ 30 บาทค่ะ


ทานเสร็จน้องข้ามมาซื้อข้าวเหนียวหมูทอดฝั่งตรงข้าม ร้านอยู่เยื้องๆ กับร้านป้าลี่ฯ ค่ะ เป็นข้าวเหนียวอัญชัน แย่งน้องทาน ข้าวเหนียวนิ่ม อร่อยดีค่ะ ห่อละ 10 บาท

จากนั้นก็ปั่นจักรยานเล่นไปเรื่อยค่ะ อาคาร สำนักงาน ที่นี้ตกแต่งน่ารักอีกแล้ว ออกไปทางอาคารไม้ สวยดีนะ ไม่ค่อยได้เห็นที่อื่น






ธนาคารกรุงไทย ตอนกลางคืนมียามเฝ้าด้วยค่ะ

ปั่นจาก ถ.ศรีเชียงคาน ลงมาริมโขง วนเข้าถนนคนเดิน ชมบรรยากาศไปเรื่อย




เสร็จแล้วน้องก็กลับมาจัดกระเป๋า เราก็ว่าจะพักสายตาสักครึ่ง ชม. ...แต่ยาวไป ชม. ครึ่ง เลยค่ะ น้องก็หลับตามเหมือนกัน 55 ตื่นมาอีกทีเที่ยง ได้เวลามื้อกลางวันอีกแล้ว

ลงมาจากบ้าน เจ้าของบ้านเพิ่งอาบน้ำให้เจ้าข้าวซอยค่ะ กำลังเป่าขนให้ ตัวหอมเชียว


เมื่อเช้าตอนปั่นจักรยาน เราเห็นมีป้าย บอกว่ามีร้านชาบู บุฟเฟ่ อยู่ใน ซอย 5 เปิด 11.00 น.  มื้อกลางวันก็ตั้งใจจะไปฝากท้องที่นี้แหละ....แต่ไปถึง ร้านยังไม่เปิดค่ะ แขวนป้ายไว้ว่าวันนี้เปิดเย็น  ไม่เป็นไร เมื่อวานเห็นมีร้านผัดไทยโบราณ อยู่บนถนนคนเดิน ไปกินผัดไทยละกัน แต่....ร้านยังไม่เปิดอีกแล้ว T_T  ถัดจากร้านผัดไทยมาหน่อย มีร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นค่ะ ทานร้านนี้แหละ หิวแล้ว

วิวหลังร้านค่ะ งดงาม!!!

ด้วยความหิว เราเลยสั่งพิเศษเลยค่ะ กลัวไม่อิ่ม ได้เยอะมาก 50 บาท  ถ้าธรรมดาก็ 40 บาท  รสชาติก็อร่อยนะ ไก่นิ่มมาก ฟิน


ทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จ ก็กลับมานั่งดื่มกาแฟกันที่บ้าน เราสั่ง เอสเพรสโซ อัฟโฟกาโต้ เพิ่มวิปครีม (ความจริงไม่รู้จะดื่มอะไรเหมือนกัน รู้แค่ว่าอยากดื่มกาแฟ เลยหลับตาจิ้มในเมนูเอา)  เป็นกาแฟเอสเพรสโซ ใส่ไอศครีมวานิลาค่ะ  ตัวกาแฟขมเอาเรื่องอยู่ แต่พอปล่อยให้ไอศครีมละลาย ความขมก็จะลดลง แก้วนี้ 75 บาท  (ปกติ 60.-  เพิ่มวิปครีมอีก 15.-)

ส่วนน้องสาวสั่ง กาแฟสองผัวเมีย ค่ะ  หวานๆ มันๆ ดี เหมือนจะมีช็อคโกแลตอยู่ด้วย

พอดื่มกาแฟเสร็จ ได้เวลาอันสมควร น้องก็หอบกระเป๋าออกจากบ้านด้วยใบหน้าอันเศร้าสร้อย (นึกภาพบ้าน The Star นะคะ)  
เราก็ปั่นจักรยานไปส่งด้วย ตอนแรกจะไปที่ท่ารถเข้าตัวเมือง จ.เลย ค่ะ  จากสามแยกที่เราลงรถสองแถวเมื่อวาน เดินตรงขึ้นไปค่ะ แต่ยังไม่ทันถึงท่ารถ ก็เห็นปั้มน้ำมันเล็กๆ ปั้มนึง มีป้ายเขียนว่า "ที่จำหน่าย ตั๋วรถทัวร์ไปกรุงเทพฯ"  อ้าว! ต่อเดียวถึง กทม. เลย  ก็ลองเข้าไปถามดู ได้ความว่า รถจะออกตอน 18.20 น.  ถึงหมอชิต ประมาณ 4.00 น.  ค่าตั๋ว 430 บาท  ก็ไม่ไม่แพงนะ น้องเลยซื้อตั๋วไว้ แล้วลัลล้าเดินกลับทางเดิม มีเวลาอยู่ต่อได้ถึงเย็น^^
รูปนี้เราถ่ายตอนเย็นแล้วนะคะ

ตอนที่ปั่นกลับมา ไหนๆ ผ่าน วัดศรีคุณเมือง แล้ว เลยถามน้อง เข้าวัดมั้ย?  น้องก็โอเค เลยเลี้ยวเข้าไปค่ะ




ตรงนี้น่าจะเป็นศาลาไว้สำหรับเวลาคนมาทำบุญค่ะ จากที่มองผ่านประตูกระจกเข้าไป ที่น่าสนใจคือ มีภาพเขียนสวยๆ เต็มฝาผนังด้านหน้าเลย





ออกจากวัดศรีคุณเมือง ก็กลับมานอนเล่น นั่งเล่น เพลิดเพลินกับเจ้าเหมียวที่บ้าน  ประมาณห้าโมงเย็นกว่าๆ ก็ออกไปถนนคนเดิน เพื่อให้น้องหาของทานรองท้องกันหิวบนรถ ช่วงนี้เริ่มมีร้านค้าเยอะขึ้นจากตอนกลางวันแล้วค่ะ แต่ยังไม่คึกคัก
แวะเก็บภาพริมโขงยามเย็นหน่อย


แล้วก็เดินไปส่งน้องที่ปั้มเดิมค่ะ รถทัวร์มาจอดรออยู่แล้ว...บ๊าย บาย แล้วเจอกันใหม่น้าา 

จากนั้นเราก็เดินกลับมา...แล้วตรงไปที่ ซอย 5 ค่ะ  #อยากกินต้องได้กิน   หลังจากที่พลาดไปเมื่อตอนเที่ยง  เย้!!! ร้านเปิดแล้ว รออะไรละคะ เปิดประตูเข้าไปเลย  #คนเดียว ฉันก็กินได้

บรรยากาศภายในร้านค่ะ ยังไม่มีคนเลย

สั่งเป็นชุดบุฟเฟ่ไปค่ะ (ที่ร้านเขามีเป็นอาหารจานเดียวขายด้วย)  จะได้มาเป็นชุดแบบนี้เลย  ราคา 189 บาท

น้ำซุปมี 2 อย่าง  น้ำใส กับ ต้มยำค่ะ

ทานกัน ทานกัน

เรื่องรสชาติก็กลางๆ ค่ะ ไม่ได้อร่อยเลิศ และก็ไม่แย่  แต่ทานคนเดียว อิ่มมากมาย!!


ทานชาบูเสร็จ ก็ออกมาเดินถนนคนเดินต่อค่ะ วันนี้เก็บภาพได้เยอะมาก คงเพราะไม่มีคนให้คุยด้วยแล้วมั้ง เลยถ่ายรูปอย่างเมามัน
ถนนช่วงเลขซอยต้นๆ จะค่อนข้างเงียบนะคะ เพราะไม่ค่อยมีร้านค้า จะเริ่มมีร้านเยอะหน่อยก็ตรงบ้านพักของเรา
วันนี้ออกจะเงียบๆ กว่าเมื่อวานค่ะ คงเพราะเมื่อวานเป็น วันลอยกระทง เลยคึกคักกว่า
ตรงหน้าวัดศรีคุณเมือง มีกลุ่มคุณตามาเล่นดนตรีไทย เชิญให้ร่วมบริจาคเงินสร้างที่พำนักพระเถระผู้ใหญ่ค่ะ

เสื้อผ้า ของฝากเยอะแยะไปหมด


เสื้อร้านนี้สวยดีค่ะ เลยสอยมาฝากแม่ 1ตัว^^

ชุดนี้ก็สวย




หอม....กลิ่นใบเตย

ยืนฟังเพลงเพราะๆ จากพี่ๆ เขาพักนึง

ได้ยินร้านนี้เปิดเพลง ตรงเข้าไปทันทีเลยค่ะ เพลงสากลเก่าๆ มันเพราะดีนะ นึกถึงพี่ชายใจดีเลย ชอบฟังเพลงแนวนี้เหมือนกัน^^

ไก่ทอดจี๊ดจ๊าด พี่คนขายน่ารัก แอคท่าให้ถ่ายรูปด้วย อยากลองชิมนะคะ แต่ยังอิ่มจากชาบูอยู่เลย ทานไม่ไหวแล้ว

ขนมเปี๊ยะ ก็ดูน่าทาน

รูปล่าง ที่เห็นเป็นเส้นๆ สีสวยๆ นั่นเป็นเส้นขนมจีนค่ะ เวลาจะทานก็ทำเหมือนวุ้นเส้นเลย แช่น้ำให้นิ่มก่อน แล้วนำไปลวกน้ำร้อนอีกที

นาฬิกาโบราณ ดูวินเทจ เก๋ๆ

แหวนหยก จี้หยก ชิ้นละ 90 บาทค่ะ  ของแท้หรือเปล่า ดูไม่เป็น แต่ชอบเลยได้ติดนิ้วมา 1 วง....มาดูรูปทีหลัง อยากได้ข้อมือด้วยจัง ตอนนั้นให้ความสนใจแต่แหวนอย่างเดียว

มีนวดแผนไทยด้วยค่ะ ชั่วโมงละ 200....น่าจะเพลินดีนะ

บ้านหลังนี้มีกลุ่มคุณยาย มาเล่นดนตรี ร้องเพลงกันด้วย น่ารักดี.....ว่าแต่เครื่องดนตรีที่คุณยายเขาเล่น มันเรียกว่าอะไรหนา






"จำเลยรัก"  แหม ช่างตั้งชื่อร้าน



ก่อนกลับเข้าบ้าน แวะซื้อนมปั่นร้านนี้หน่อยค่ะ ร้านน่ารักอีกแล้ว  สั่งแอปเปิ้ลเขียวนมสด ก็เหมือนน้ำปั่นทั่วไปค่ะ ไม่มีอะไรพิเศษ ราคา 30 บาท

เข้าบ้านมาก็แวะทักเจ้าเหมียว อีกแล้ว^^ แล้วก็อาบน้ำนอน เตรียมตื่นมาใส่บาตรข้าวเหนียวพรุ่งนี้เช้าค่ะ

วันสุดท้ายแล้ว วันนี้เราตื่น 5.00 น. ....ปกติไปทำงานไม่ตื่นเร็วแบบนี้นะเนี้ยะ เมื่อวานอีกตื่นตั้งแต่ 4.30 น.^^  แต่ก็ตาสว่าง ลุกจากที่นอนได้ทันทีเลยนะคะ ไม่มีงัวเงีย ไม่มีขอต่อเวลา เหมือนตอนไปทำงาน.... ตื่นแล้วก็อาบน้ำแต่งตัว ลงมาข้างล่างตอน 5.30 น. ลงมาเจอลุงสิงห์อีกแล้ว แกมารอแขกคนอื่นค่ะ  ตอนนี้ก็มีแม่ค้านำชุดใส่บาตรมาวาง แล้วปูเสื่อรอไว้ จะมีเป็นระยะๆ ตลอดถนน

เราเห็นพระยังไม่มา ก็เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก่อนค่ะ


ต๊กโตยักษ์ โดนน้องหมาฟัดมาหรอ ผ้าพันแผลเต็มตัวเลย


เดินไปได้ไม่นาน คุณป้าแม่ค้าใกล้ๆ ก็ถาม "หนู ใส่บาตรไหมลูก พระมาแล้ว"  เลยซื้อชุดใส่บาตรกับคุณป้าตรงนั้นเลย ชุดละ 60 บาท

นั่งรอแป็บเดียวก็เห็นพระเดินมาแล้วค่ะ  วิธีใส่บาตรก็คือ หยิบข้าวเหนียวที่ละนิดใส่ในบาตร แล้วใส่ของตามอีก 1 ชิ้น  ตอนแรกเราไม่รู้ ใส่กล้วยไปทีเดียว 2 ลูกเลยค่ะ ส่วนดอกไม้เราเก็บไว้ใส่หลังสุด  พระท่านจะมาทีละรูป สองรูป หรือบางทีก็มาเป็นกลุ่ม เห็นคุณป้าบอกพระมีทั้งหมด 9 วัด ประมาณ 30 กว่ารูป  เราก็ค่อยๆ ใส่ไปจนของหมดค่ะ  ระหว่างที่นั่งรอพระ ก็จะมีแม่ค้าหิ้วขนมมาขายด้วย เผื่อใครอยากได้ขนมใส่บาตรเพิ่ม


ใส่บาตรเสร็จก็ไปเดินเล่น ถ่ายรูป เก็บบรรยากาศยามเช้า ของถนนคนเดิน และริมโขง  ช่วงเช้าที่นี่อากาศจะเย็นๆ กำลังสบายค่ะ ไม่หนาว
อยู่คนเดียวแบบนี้ก็มีความสุข สบายใจไปอีกแบบนะ อยากทำอะไร ก็ทำเลย




ผ้าทอสวยๆ ตัดเป็นกระโปรงก็น่ารัก



เห็นร่มสีม่วงๆ ในดงดอกไม้มั้ยคะ....เจ้าของเขาเปิดวิทยุให้ดอกไม้ฟังค่ะ เห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว^^


คุณลุงเพิ่งไปหว่านแห หาปลามา

ต้นกรรณิการ์ค่ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ดี  คุณตาเจ้าของแกมาเก็บดอกร่วงๆ ไปถวายพระ แกจะไม่เก็บจากต้น ปล่อยให้มันร่วงลงมาเอง


ชอบหลังนี้จัง....ไว้มีผู้ชายหลงมาติดกับสักคน จะพามาฮันนีมูนนะคะ









สังเกตุให้ดี มันคือตำลึงค่ะ ยอดสวยน่าทานเชียว....นึกถึงแกงจืดตำลึง

จากริมโขง วนมาถนนคนเดินอีกรอบ ร้านนี้คนเยอะจัง ที่เรามาทานข้าวต้มคืนแรกก็ที่ร้านนี้แหละค่ะ






ปิ่นโต แก้วน้ำ สีสันสดใส


เราสะดุดกึก!! กับเสื้อตัวนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ ถูกใจ ใช่เลย แต่ตัวใหญ่ไป เลยไม่ได้จับจอง.... เช้านี้มาก็เจออีก คือส่วนใหญ่ร้านค้าที่นี้จะเปิดช่วงสายๆ ค่ะ แต่ร้านนี้เปิดแต่เช้า! เหมือนรอเราอยู่ ....มันคงเป็นโชคชะตาซินะ เธอคงอยากไปอยู่กับฉันใช่ไหม.... ตัดสินใจ ใหญ่ก็ใหญ่ฟะ
สอยมาในราคา 170 บาท ยังเช้าอยู่ไม่อยากต่อ เดี๋ยวจะเสียฤกษ์แม่ค้า^^


อมยิ้ม24 ตีห้า! ขอ Pause ไว้ตรงนี้ก่อนนะคะ  เหลืออีกนิดเดียว เดี๋ยวว่างแล้วจะมาต่อให้จบ^^

มาแล้วจร้า วันนี้จบแล้ว^^

เดินเล่นอยู่จนแปดโมงกว่าๆ เริ่มหิวแล้วละ เลยกลับไปเอาจักรยานที่บ้านแล้วปั่นไปหามื้อเช้าทาน  เช้านี้เราก็มาที่ร้านป้าลี่ฯ เหมือนเดิมค่ะ ไม่รู้จะไปไหน แต่วันนี้สั่งเป็นต้มเลือดหมู....มาหน้าตาคล้ายๆ ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว เมื่อวานเลย เพียงแต่ไม่มีเส้นขนมจีน และเพิ่มปริมาณเนื้อ รสชาติก็เหมือนกัน เพราะเป็นน้ำซุปเดียวกัน แต่ทานแบบนี้อร่อยกว่าอีก^^  ชามนี้ รวมข้าวด้วย 35 บาทค่ะ

ทานเสร็จก็ปั่นไปที่ปั้มน้ำมัน เพื่อจะซื้อตั๋วรถทัวร์กลับเย็นนี้ค่ะ

อีก 417 กม. ก็หลวงพระบางแล้ว  อยากไปเหมือนกันนะ ไว้โอกาสอำนวย กระเป๋าสตางค์เอื้อ ไปซักหน่อยดีกว่า


มาที่ปั้มน้ำมัน แล้วก็เข้าไปซื้อตั๋วในห้องนี้ค่ะ  430 บาท



กลับมานั่งเล่นที่บ้านสักพัก ก็เก็บกระเป๋า ลงไปเช็คเอาท์ตอนประมาณ 11.00 น. แล้วก็ฝากกระเป๋าไว้ที่บ้านก่อน พี่เขายังให้ใช้จักรยานได้อยู่ค่ะ เราก็ปั่นเล่นไปเรื่อยเปื่อย เข้าซอยโน้น ออกซอยนี้ จนมาเจอร้านนี้ค่ะ
ก๋วยเตี๋ยวเรือ สูตรกะทิสด วันนี้ขาย 19 บาทด้วย ต้องลองหน่อยแล้ว

ร้านเพิ่งเปิดวันนี้วันแรก ด้านหลังยังทำไฟกันไม่เสร็จเลย มีหมู กับเนื้อ ให้เลือกค่ะ เราสั่งเป็นหมู  ก๋วยเตี๋ยวมาในชามเล็กๆ ใหญ่กว่าก๋วยเตี๋ยวเรือที่อนุเสาวรีย์นิดหน่อย  น้ำซุปออกหวานๆ ไม่ค่อยถูกปากเรา ต้องปรุงเพิ่มเยอะเลย แต่ลูกชิ้น กับหมูตุ๋น อร่อยดี ทานๆ ไปแล้วได้กลิ่นกะทิอ่อนๆ ค่ะ

จากนั้นก็ปั่นต่อค่ะ มีพักนั่งเล่นบ้าง ปั่นๆ พักๆ ไปเรื่อย ฆ่าเวลา











ขอสัมผัสแม่น้ำโขงหน่อยนะ....แขนสั้น เอื้อมได้เท่านี้แหละ  เย็นดีจัง


น้ำใสมากเลยค่ะ แต่ที่เห็นแดงๆ นั่นคือดินข้างใต้

ประมาณ 14.30น. หาอะไรเติมท้องหน่อยดีกว่า ซื้อกุ้งทอด มานั่งทานที่ริมโขงค่ะ แพละ 40 บาท กรอบๆ อร่อยดีๆ แต่แพใหญ่ไปหน่อยสำหรับการทานคนเดียว เล่นเอาเลี่ยนเลย


เจอกุ้งแพใหญ่เข้าไป ปั่นกลับไปดื่มโกโก้เย็นๆ แก้เลี่ยนที่บ้านดีกว่า วันนี้สั่งเป็น โกโก้ ดับเบิ้ล เชอรี่ เพิ่มวิปครีมค่ะ
ฮ๊าา เย็น อร่อย นมเชอรี่ด้านล่างไม่หวานมาก โกโก้ก็เข้มกำลังดี  แก้วนี้ 75 บาท (ปกติ 60.-  เพิ่มวิปครีมอีก 15.-)

แล้วก็นั่งเล่น ดูทีวีอยู่ที่บ้านแหละค่ะ จนห้าโมงเย็นเศษๆ ก็ออกไปถนนคนเดิน หาของรองท้อง สเต็ปเดียวกับน้องเลย^^





เดินหาร้านไก่จี๊ดจ๊าด ที่อยากลองตั้งแต่เมื่อคืน แต่พี่เขายังไม่เปิดร้านค่ะ เลยได้หมูยอ กับเคพกูสเบอร์รี่มาแทน

หมูยออร่อยอะ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็ยังได้ ซื้อมา 2 ไม้ค่ะ ไม้ละ 10 บาท  ถ้าไปอีกต้องซื้อทานอีก!



เคพกูสเบอร์รี่ กล่องละ 100 เปรี๊ยวๆ ดี อันนี้หิ้วกลับมา กทม. ค่ะ

สตอเบอรี่ก็มีขายนะคะ ร้านเดียวกับเคพกูสเบอร์รี่ กล่องเล็ก 100 บาท กล่องใหญ่ 200 บาท

กุ้งน้ำโขงนี่ก็ยังไม่ได้ลองเลย



ก้อยกุ้งน้ำโขงก็น่าชิม เอาไว้มาครั้งหน้านะคะ จะซื้อทาน

ตั้งใจจะลองปาท่องโก๋ยัดใส่ ร้านคุณลุงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ แต่อิ่ม ทานไม่ไหว วันนี้ก็รู้สึกว่าได้ของทานเยอะแล้ว งั้นติดไว้ครั้งหน้าเช่นกันนะคะ

ได้อาหารเรียบร้อย ก็กลับมาเอากระเป๋าที่บ้าน แล้วเดินออกไปปั้มน้ำมันค่ะ แต่แวะซื้อของที่เซเว่นก่อน แล้วเจอพี่แม่บ้านที่บ้านพัก พี่เขาเลยให้ซ้อนมอเตอร์ไซค์มาส่งที่ปั้ม ใจดีจัง

รถมาแล้วค่ะ จะได้กลับ กทม. แล้ว....แต่ยังไม่อยากกลับเลย


พอขึ้นรถมาก็จะมี ผ้าห่ม น้ำดื่ม และยูโร่ เค้ก แจกค่ะ....เอ๊ะ! อันนี้คงไม่ใช้เรื่องแปลกหรอกเนอะ แต่พอดีเราเพิ่งเคยนั่งรถทัวร์ระยะไกลเป็นครั้งแรกค่ะ ทุกทีนั่งไปใกล้ๆ ไม่มีแจกแบบนี้^^


18.20 น. รถก็ออกค่ะ บ๊าย..บาย.. ไปแล้วนะ เชียงคาน แต่จะหาโอกาส กลับมาอีกนะ

รถทัวร์จะแวะพักรถตอนประมาณ 1.30 น. ค่ะ แล้วให้ผู้โดยสารนำตั๋วไปแลกอาหารทานได้ แต่เราไม่ได้ทาน ขอนอนดีกว่า  จากนั้นรถวิ่งยาวมาถึง ฟิวเจอร์รังสิต ตอน 4.00 น. ความจริงเราลงตรงนั้นใกล้กว่า แต่ยังงัวเงียเมาขี้ตาอยู่ เลยนั่งยาวมาหมอชิตเลยค่ะ รถมาถึงหมอชิตตอน 4.20 น. จากนั้นก็ต่อรถกลับห้อง จบทริปเชียงคาน อย่างราบรื่น 

เราประทับใจกลับที่นี้จริงๆ ค่ะ เมืองเล็กๆ แต่น่ารัก ไม่วุ่นวาย อยู่แล้วสบายใจ
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาอ่านกระทู้ของเรา
ขอบคุณของขวัญจากเมืองไทย
ขอบคุณน้องตะเกียง ที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดทริป


ปล. เป็นข้อเสียของเราเองค่ะ ที่ไม่ค่อยกล้าชวนคนแปลกหน้าคุย ไม่อย่างนั้นทริปนี้คงสนุกขึ้นอีกแยะ  อย่างเจ้าเหมียวทั้งหลายที่บ้านพัก ถ้าเราชวนพี่เจ้าของบ้านเขาคุย คงได้นั่งสนทนากันยาวแน่  สงสัยต้องฝึกสกิลโดยการออกไปเที่ยวคนเดียวบ่อยๆ แล้ว

หากกระทู้นี้มีข้อผิดพลาดอย่างไร เชิญติชมกันได้เลยค่ะ เรายินดีน้อมรับฟัง

มาสรุปค่าใช้จ่ายกันค่ะ


ค่าตั๋วรถไฟ                                                             0 .-
ค่าที่พัก สองผัวเมีย เกสท์เฮ้าส์ 2คืน                          1,162.- (จองผ่าน Agoda)
ค่ารถสองแถว สถานีรถไฟขอนแก่น - บขส.ขอนแก่น(เก่า)  9.-
ค่าตั๋วรถทัวร์ ขอนแก่น - เลย                                       127.-
ค่ารถสองแถว บขส.เลย - เชียงคาน                              35.-
ค่ารถลุงสิงห์ ไปภูทอก                                               100.-
ค่าบัตรขึ้นภูทอก                                                       25.-
Tip Box น้องๆ ชาวม้ง 20.-, Tip Box พี่หุ่น 20.-  =         40.-
ชุดใส่บาตรข้าวเหนียว                                                60.-
ค่ารถทัวร์กลับ กทม.                                                  430.-

รวม          1,988 บาท    


ค่าอาหาร  แต่ละคนทานมากน้อยไม่เท่ากัน  ในส่วนของเราก็ตามนี้ค่ะ
(วันแรก)
ข้าวจี่+ไก่ทอด ที่ บขส.ขอนแก่น  45 ÷2 =                      22.50
ข้าวเปียกเส้น 2ชาม + ไข่กระทะ + น้ำอัดลม  135 ÷2 =     67.50
สตอเบอรี่ ที่แก่งคุดคุ้                                                    20.-
เมี่ยงคำ 1 ไม้                                                             10.-
ปาท่องโก๋ยัดไส้                                                          30.-
ข้าวต้มหมู                                                                 30.-
(วันที่สอง)
ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว                                                             30.-
ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น                                                            50.-
กาแฟ ที่บ้านพัก                                                           75.-
ชาบู + น้ำ + น้ำแข็ง                                                    214.-
น้ำแอปเปิ้ลเขียวนมสด                                                  30.-
(วันที่สาม)
ต้มเลือดหมู + ข้าวเปล่า                                               35.-
ก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรกะทิ                                                    19.-
กุ้งทอด                                                                     40.-
โกโก้ ที่บ้านพัก                                                           75.-
หมูยอ 2 ไม้                                                               20.-
เคพกูสเบอร์รี่                                                             100.-

รวม          868 บาท    


ค่าของฝากทางบ้าน และฝากตัวเอง          1,440 บาท   (ช้อปเก่งเหมือนกันนะเนี้ยะเรา)


รวมแล้วทริปนี้จ่ายไปทั้งหมด     4,296 บาทค่ะ    
แต่ถ้าไม่รวมค่าของฝาก ก็ใช้ไปแค่      2,856 บาทเอง^^

เกือบลืม  คู่ใจของเราทริปนี้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pantip