รีวิว ll ชัยภูมิ ll • แบกเป้ขึ้นรถพ่อ ไปชมดอกกระเจียวเที่ยวชัยภูมิ •

ย่างเข้าเดินห๊กฝนก็ตกพร่ำ กบมันร้องงึงงำ
พอเข้าช่วงหน้าฝนและเทศกาลเข้าพรรษาเป็นช่วงของดอกไม้แห่งวสีนตฤดูจะแบ่งบาน 

เราเองมีโอกาศได้หยุดยาวในช่วงเทศกาลนี้จึง ขอติดสอยห้อยตามพ่อแม่ และ ญาติๆ ไปทำบุญเขาพรรษาที่ชัยภูมิ บ้านของน้าเขยเรา

แต่เรื่องมันมีอยุ่ว่า !!  พวกเขาจะไปทำบุญวันเขาพรรษากัน  ในใจเราหยุดยาวทั้งที่ก็อยากจะอยุ่บ้านนิ่งๆ
จะนอนพัก นอนแผ่หรา  ทำตัวให้อยุ่ระนาบเดี่ยวกับแกนโลกแบบไม่ขยับ  มันจะนิ่งกว่านี้ถ้าพี่สาวและน้องสาวตัวฉนวนทำให้ไม่ไปเอา

เพจ Chaiyaphum City : ชัยภูมิ เมืองต้องห้ามพลาด   มาให้เราดู 

ปั๊ดโถ๊เอ้ย       มันแจ้งเตือนทุกวันและ ทำให้รู้ว่ามันไม่ได้มีดีแค่ดอกกระเจียว มันมีหมอก มันมีหน้าผาด้วย  
ไอ้เราเดิมที่ก็เป็นคนชอบถ่ายรูปอยุ่แล้ว ไม่มีอะไรเสียหาย ไปก็ไป แถมไปกับพ่อกับแม่แล้ว  ยิ้มมุมปากเลยว่าสบายกระเป๋าชัวววววว
และเป็นการไปเที่ยวเขาครั้งแรกที่ชัยภูมิ  อยากจับหมอกอยากหยิบหมอกมากิน อยากรู้ว่ามันจะเหมือนสายไหมอยุธยา หรือป่าวนะ 
นี้เป็นกระทู้ที่สองหลังจาก ครั้งที่แล้วรีวิวการเดินทางไปเยียวยาแผลใจที่เสม็ด พักใจให้ทะเลเลียแผล
http://pantip.com/topic/34629817/comment5 

มาครั้งนี้ไม่ต้องเลียแผลใจแล้ว ขอแบกเป้แบบสบายสบาย เที่ยวตามผา  ล่าดอกกระเจียบบาน
ต้องขออภัยและขอโทษตั้งแต่ต้นกระทู้เลยนะครับ  เพราะเรื่องที่พักผมไม่สามารถแนะนำได้
เนื่องจากทริปนี้ไปพักบ้านน้าเขย ได้เอาแต่ภาพบรรยากาศ การอยุ่การกินการใช้ชีวิตแบบบ้าน
และลายละเอียดสถานที่เที่ยวมาฝาก  


DAY 1

เริ่มต้นการเดินทางที่เวลา 11.30 วิ่งออกจากสมุทรปารการขึ้นทางด่วนกาญจนาภิเษก เข้าบางประอิน
เดินทางตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรีไปยังสามแยกพุแค แล้วเลี้ยวขวา
ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 21 ไปยังบ้านลำนารายณ์ จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 205
เส้นทางลำนารายณ์-ลำสนธิ-เทพสถิต-หนองบัวโคก-นครราชสีมาเดินทางจากบ้านลำนารายณ์ประมาณ 48 กิโลเมตร
ก่อนถึงที่ทำการอำเภอเทพสถิตประมาณ 1 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปอำเภอหนองบัวระเหว ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2354
ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ถึงทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านไร่ ใช้ระยะทางอีกประมาณ 14 กิโลเมตร
ก็จะถึงที่ทำการอุทยาน จะมีป้ายบอกตลอดทาง
ปลายทางเป็น อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ผมตั้ง GPS เลยครับเพราะเส้นทางเราก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน
วันนี้รถออก ตจว. ค่อนข้างเยอะ

ประมาณ 17.30 ก็ถึง ชัยภูมิ อ.เทพสถิตย์ ตอนแรกว่าขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกดินก่อน  แต่อุทยานเค้าปิด เข้าไม่ได้เลยต้องไปหาที่พักก่อน
เวลา เปิด-ปิด เยี่ยมชมอุทยาน  6.00 - 18.00 เท่านั้น คนขายของแถวนั้นแอบกระซิบมา  สามารถมาพักกลางเต้นท์ในอุทยานได้อยุ่
ถ้าไม่นอนเต้นท์ก็ไปหาที่พักเอาแถวนี้  พรุ้งนี้ค่อยมาใหม่
คนส้วนใหญ่เค้าต่อคิวขึ้นอุทยานกันแต่เช้ามืด ตี 5 นี้เค้ามาต่อแถวกันแล้วนะ  
ได้ยินตามนั้นเราก็ตะเวนหาที่พักใกล้ๆทางเข้านั้นแหละ  สุดท้าย บริเวณทางขึ้นอุทยานป่าหินงาน เต็มหมดเลย
ใกล้ๆหน่อยก็เต็มหมดแต่ราคาประมาน 1500 - 2000 หมดเลย
เราเลยหาที่พักไกลจากอุทยานออกมาหน่อยแต่ไม่ไกลมาก ได้นอนที่บ้านพัก คุณลุงเทพสถาพร คืนละ 500  บาท
เป็นบ้านพักไม้ธรรมดาๆ  มีเตียง ห้องน้ำ พัดลมแค่นั้น ได้ฟิวแบบบ้านป่ามากๆ  


และนี้คือรูปที่พักที่ถ่ายได้ก่อนไฟจะดับ   พระเดจพระคุณ คืนนี้จะรอดมั๊ยเนี้ย
แต่ไม่ต้องกังวนเลย  อากาศเย็นสบายมาก  อากาศเย็นอ่อนๆ หลอนๆ ดีครับคุณผู้ชม (เสียงในรายการมาเอง)
พักเอาแรง หากับข้าวกับปลาสักหน่อยแล้วกัน


DAY 2

เรานัดเจอกับพี่เราไว้ที่หน้าทางเข้าอุทยานป่าหินงามไว้ประมาณตี 05.30 
พี่เราออกจาก กรุงเทพฯ ประมานตี 01.30 ถึงหน้าทางเข้าอุทยานประานตี 5 กมว่า คือแบบว่าไวกว่าเราเยอะ
เอาหละ  05.50  เจ้าหน้าที่เริ่มปล่อยให้รถยนต์ทยอยเข้าไปจอดในพื้นอุทยานได้
มาเช้ามีสิทธิ์ก่อน เพราะสามารถนำรถเข้ามาได้ประมาน 300 คันเท่านั้น แต่มันไม่ได้ไกลเลย
พอขับเข้ามาประมาน 100 เมตร ก็ถึงประตูเข้า เข้าจะรู้ว่าคนจะเยอะขนาดนี้  นี้แค่พึ่งเปิดนะ
คนมารอกันซื้อบัตรเข้าเยี่ยมชมอุทยาน

ค่าบัตรเข้าคนละ 50 
ค่าจอดรถคันละ 30
ค่ารถรางพาวนรอบอุทยาน พาไปยังจุดต่าง 30  บาท

และแล้วก็ได้มาอยุ่ในมือ รีบเดินไปขึ้นรถรางกันเถอะ 

นั้นไงรถรางพาทัวร์ของเรา และนั้นพ่อเรา แม่เรา ย่าเรา น้องสาว น้าเขยเรา และพี่สาวเรา  ไปยืนรอคิวขึ้นรถ
เรื่องรถนี้ไม่ต้องรีบนะครับ เพราะไม่จำเป็นต้องขึ้นคันเดิมก็ได้  จะอยุ่จุดไหนนานๆก็ได้ 
เพราะจะมีรถ วิ่งวนไปเรื่อย ทุกๆ 15 นาที 

พร้อมไหมจร้าทุกคนนนนนนนนน  พอคนเต็มรถทันที ล้อก็หมุนทันใด
แต่ว่าไหม มันเหมือนทัวร์ซาฟารีเวิลด์เลย 5555+

และนี้คือบรรยากาศระหว่างทางขึ้นไปยังผาสุดแผ่นดิน

พื้นนี้มีแต่มอสสสส  เขียวไปทั้งป่าเลย สดชื่นดีนะ







ต่อจากจุดนี้เราต้องเดินต่อไปเองอีกนิดหน่อยก็ถึงจุดที่  เรียกว่าผาสุดแผ่นดินแล้วครับ

คนเยอะมากจริงๆ ช่วงเทศกาลแบบนี้ ใครๆก็อยากเที่ยว
นี้คือมวลมหาประชาชนที่แห่แหนกันมาดูดอกกนะเจียวบาน แต่จากตรงที่เราเดินขึ้นไปอีกประมาณ 50 เมตร
ก็ถึงจุดที่  เรียกว่าผาสุดแผ่นดินแล้วครับ เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดของป่าหินงาม
เป็นหน้าผา ที่คนรอถ่ายรูปเยอะมากเลยครับ จุดนี้จะอยุ่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาน 846 เมตร


และนี้ก็คือจุดแลนด์มาร์ค ของป่าหินงามเลยก็ว่าได้  เพราะคนยืนต่อคิวถ่ายรูปกันเยอะมาก
ลักษณะเหมือนเป็นหินยื่นๆ ออกไป เป็นผา
จุดนี้เค้าเรียกว่า ผาสุดแผ่นดิน  

การจะทำใจไปยืนในจุดนั่นมันไม่ง่ายเลยที่เดียว
ทุลักทุเลสุดๆ มีคนยืนต่อคิว ถอดใจไปก็หลายคนเหมือนกัน
ส่วนตัวเราหนะเหรอไปทั้งที่ จัดสิ   ได้ยินเสียงตามหลังของย่าๆยายๆ  มันจะโต๊กกกก มันจะตก #เสียงสูง

จะมาคนเดียวหรือเซลฟี่คู่ก็ไม่หวั่น
กลั้นใจยิ้มสุด แต่วิวมันก็สวยสุด  ถ้าไม่มีคนต่อแถวนะ จะนั่งมันทั้งวันเลย
อยากหายใจเอาโอโซน กลับไป กทม เยอะ 

ลองเดินไปเรื่อยตามหน้าผาหนีความวุ่นวาย ว่าไปวิวก็สวยไม่ต่างกันนะ ลมเย็นดี 
อากาศฃ่วงเช้าค่อนข้างเย็นแต่ไม่ถึงกับหนาว
ไม่มีหมอกเลยเสียดายไม่จับหมอกกับเค้า

ปะเราไปจุดต่อไปกันเถอะ  เดินลงย้อนกลับมาทางที่เดิม ตรงที่เราลงรถในตอนแรก
ยืนรอรถราง พาเราทัวร์ไปยังจุดต่อไป

จุดต่อไปที่เราจะไปก็คืนจุดชมดอกกระเจียวจุดที่ 1
เป็นสะพานเดิน วนไปวนมา ในทุ่งดอกกระเจียว

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เจ้าพระคุณรุนช่อง    คุณกิตติค่ะ  อิฉันเจอดอกกระเจียวแล้ว  แล้วค่ะ
สถานะการณ์ตอนนี้ตึงเครียดมาคะคุณกิตติ เนืองจากดอกกระเจียวมันยังไม่บาน และมีแค่ดอกเดียวเท่านั้น

แดดยังไม่ร้อนเท่าไรสู้ตาย

เรามาเดินตามทางไปเรื่อยๆดูว่าเราจะเจออีกไหม  
ในขณะที่เราตามหาดอกกระเจียวบาน  นักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาเยอะขึ้นเรื่อยๆ

เจออีกแล้ว มันไม่ได้มามีดอกเดียวอย่างที่คิด  คะคุณกิตติค่ะ 


มาดูใกล้ๆกันบ้าง ว่ามันเป็นแบบนี้เองหรอ  เจ้าดอกกระเจียว


ปะ ปะ ปะ กลับกันเถอะ ไปจุดต่อไปเดียวคนจะเยอะ 

และนี้ทางเดินกลับ ทำไมรู้สึกมันไกลจังแหะ
แต่พอมองรวมๆ เหมือนหญ้าจะเยอะกว่าดอกกระเจียว  ที่เห็นสีชมพูเล็กๆนั้นดอกกระเจียวนะนั้น


B : เองว่าพี่ถ่ายรูปท่าไหนดี


F : ไม่รู้โว้ยยยยย


B : เองทายว่า ท่านี้ ท่าอะไร


F : ท่าจะบ้า สิไม่ว่า  ไปเล่นตรงโน้นเลย


B :ถูกต้องนะครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบ


พอเถอะแล้วเราไปจุดต่อไปกัน เจ้าหน้าที่พาเราไปยังจุดกำเนิดหินงาม

และนี้คือจุดแวะอีจุดหนึ่งในอุทยาน  ผาหินงาม  มีก้อนหินประปราย หินท้องหินใหญ่





นอกจากหินแล้ว ก็ยังมีดอกกระเจียว ขึ้นตามทางเดินชมเหมือนกันนะ




พอดอกกระเจียวมันบานรวมๆกัน  มันก็สวยอยุ่นะ





พอมองออกไปยังจุดรอรถคนต่อแถวเยอะมาก เราก็ถ่ายรูปรอละกัน



พลัดกันถ่ายบ้าง


ก่อนจะมาต่อกัน ขอบอกก่อนเลยว่าจริง ช่วงนี้ดอกกระเจียวบานเยอะมากจริง
เพียงแต่ช่วงที่เราไป มันแดดร้อน ติดต่อกันมาหลายวันแล้ว ทำได้ดอกยังไม่ค่อยบาน
หมอกไม่ค่อยมี  แต่ลมแรงตลอด
สำหรับคนที่สนใจอยากมาเที่ยวชม  แนะนำให้เช็คสภาพอากาศมาก่อนก็ดีครับ
หรือจะมาช่วง มิถุนายน ถึง กันยายน  ก็ได้ครับ

หลังจากที่ออกจากป่าหินงามแล้วก็ประมาน 9 โมงกว่าๆ
เราก็เคลื่อนตัวไปยังที่ต่อไปคือ  อุทยานไทรทอง 

ไม่ไกลจากที่เดิมเท่าไร  ขับรถตามทางที่เจ้าหน้า
ก่อนจะเข้าอุทยานได้ก็ต้องชำระค่าบำรุงกันก่อน

ค่าเสียตามนี้เลยครับท่าน  
เราสามารถไปเยี่ยมชม ผาพ่อเมือง ผาหด น้ำตกไทรทอง ทุ่งบัวสวรรค์ จุดชมวิวเขาพังเหย ได้ครับ
แต่เราเลือกที่จะไป ที่ผาหดครับ เพราะอยากรู้ว่าจะหดจริงไหม

สำหรับเส้นทางที่จะไปต่อจากนี้ค่อนข้างลำบากนะครับ รถเก่งมาสามารถเข้าได้ ต้องจอดไว้ด้านบน 
แต่ไม่ต้องเสียใจเพราะมีรถกระบะโดยสารบริการอยุ่ แต่ผมไม่มันใจเท่าไรเรื่องค่าโดยสาร
(ไปสืบมาจากพี่กูแล้วครับ ราคาคันละประมาณ 500 บาท นั่งได้ 10 คน ตกคนละ 50 บาท)

อย่าว่าแต่ผาหดเลยครับ แค่จะข้ามลําธารก็เริ่มหดนิดแล้วครับ น้ำสูงเกินครึ่งล้อ 

พอข้ามลําธารมา ประมาน 10 นาทีก็ถึงที่หมาย

ณ จุดตรงนี้ก็กลางเต้นท์ได้เหมือกันนะครับ

เอาละเริ่มต้นเส้นทางตาหาผาหดแล้วครับ เหมือนต้องเดิมตามริมๆเขาไป 

ศึกษาเส้นทางก่อนนิดนะครับ ว่าเราจะไปไหนบ้าง 
หรือใครชอบเดินป่าสามารถเดินจากทุ่งบัวสวรรค์มาผาหดก็ได้นะครับ 
ระยะทางรวมแล้วประมาน 4 กม. แต่ผมมี่คุณย่ามาด้วยเลย อาศัยมาดูผาหดเอาอย่างเดียว 
(พี่ๆที่อุทยานบอกว่า ทุ่งบัวสวรรค์นี้ดอกกระเจียวบานเยอะกว่า จะลานกว่างๆบนยอดเขา  )
อยากไปอยุ่นะ แต่ให้เดินก็ไม่ไหวจะเดินจริงๆ  แนะนำนะครับอยุ่ที่ช่วงเวลาและสภาพอากาศจริงๆ ว่าเราจะเจอตอนมันบานหรือไม่บาน

พอเห็นทางลงบวกกันสภาพอากาศที่แดดเริ่มออกแล้ว คุณย่าถึงกับถอดใจ ขอนั่งรอดีกว่า 

เส้นทางเดินค่อนข้างชันและเดินลำบากหน่อย 

ระหว่างทางก็เจอได้เจ้านี้  เค้าเรียกว่าลูกอะไรก็ไม่ทราบ  บ้างก็เรียกยางนา  บ้างก็เรียก ตะแบก
ที่เวลาเราโยนแล้วมันหมุ่น ๆ ช้า ๆ ลงมาที่พื้น ของเล่นตามธรรมชาติ

เดินขึ้นเขาลงเขากันต่อไปเรื่อย จุดตรงที่เราอยุ่ตอนนี้เค้าเรียกว่า ผืนป่าและแนวสันเขาสลับซับซ้อนของเขาพังเหย

เดินไปเดินมาเจอจั๊กจั่น ซะงั้น จะขอลายเซ็นต์หน่อยก็ไม่ได้ เพราะ  ไม่ใช่ จั๊กจั่น อคัมย์สิริ แต่อย่างใด

ปะเดินต่อ  เดิมมาประมาน 350 เมตร เราก็เจอกับผาพ่อเมือง 



แวะถ่ายรูปตามทางไป คนละรูปสองรูป

มัวแต่ถ่ายรูปกันอยุ่สองคนกับน้อง คนอื่นเค้าไปหมดและไม่มีใครถ่ายให้ 
ตั้งกล้องผูกไว้กับกิ่งไม้ถ่ายเองโล้ดดดดดดดดด  

เก็บเอาบรรยากาศบนยอดเขาบ้าง อยากให้มาสัมผัสบ้างยัง  โครตแฮปปี้อะบอกตรง ๆ

และแล้วก็ถึงผาหด  มาเห็นชาวต่างชาติสองคนนี้พอดี 
มันได้เว้ย มันสวยมันมีความผมปลิวลม มีความสูง และหน้ากลัวกว่าเมือเช้าเยอะเลย

ป้ายเตือนว่าห้ามไปเกิน 3 คน เค้าเตือนอะไรก็ฟังไว้เนอะ 
ทำใจอยุ่พักหนึ่ง

ก็ถึงคิวเราที่ต้องไปถ่าย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องถ่ายเท้าตัวเอง 

เหมือนดูรูปแล้วมันทำให้รู้สึกว่าเท่าเราไม่แตะอะไรเลยอ่ะ มันหวิว หวิวดี
และเมื่อมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นที่ราบภาคกลางในเขต จังหวัดเพชรบูรณ์เป็นบริเวณกว้าง 
สบายใจอีกตามเคย

ก่อนกลับไปขอให้ชาวต่างชาติ มะตะกี้ถ่ายรูปหมู่ให้หน่อย  
เห้ย  ยู  ยู  ยู แคปเจ้อ เฉะๆ  (วิบัติไปหมด) 

รูปที่ได้ คือองค์ประกอบก็ดี  หน้าตาดีแถมยังใจดีอีก  THANK YOU NAJA

จะพลาดไม่ได้เลยจริง   มาผาหด ต้องทำท่าหดด้วย หดจริงไรจริง

จุดต่อไปน้าเขยเราพาไป  ร้านผ้าไหม เค้าว่ามาถึงชัยภูมิต้องไปแวะ  
ร้านผ้าไหมบ้านเขว้า
ร้านนี้เลย อัญชลี ผ้าไหม 

มีให้เลือกมากมาย ไปดูรวมๆกัน


ทั้งชุดผู้ชายผู้หญิงเลย ใครชอบผ้าไหมนี้แนะนำเลยนะ

ผ้าไหม ผ้าขาวม้า คาดเอว ก็มีนะเออ

ผ้าขาวม้า คาดเอวธรรมดา ก็มา

ผ้าไหมหลากหลายสี ก็สวยดี




เดินถ่ายรูปไปเรื่อย  แม่เรียกมาถามว่าชุดนี้สวยไหม

สรุปโดนไปสองชุด 

ถึงเวลาที่เราต้องเข้าบ้านกันแล้วหละ  คืนนี้เราไปนอนกันที่บ้านน้าเขย 
ตำบลนาเสียว อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ
ถึงเวลาที่ต้องผักผ่อนแล้วหละ  แวะพักใช้ชีวิตแบบชาวบ้านสบาย ๆ กันบ้าง
วางแผนต่อว่าวันพรุ่งนี้เราจะไปไหนกันดี 
น้าเราบอกว่า มันอยุาใกล้ น้ำตกตาดโตน แล้วก็ มอหินขาว ผาหัวนาค
สรุปแผลนพรุ่งนี้ตื่นตี 5.30 ไป ผาหัวนาค เช้า  แล้วบ่าย ไปเล่นน้ำตกตาดโตน
อยากจะเปลียนชื่อทริป  จากตามล่าหาดอกกระเจียวบาน  เป็น ล่าท้าผา จังเลย  เหมือนไปผาเยอะมาก


แล้วนี้คือพี่พักของพวกเราในคืนนี้  ตอนนี้ก็เวลาประมาน 5 โมง กว่าๆ
อยู่ๆก็อยากดูพระอาทิตย์ตกดิน ริมคันนา  เราไปสำรวจ พื้นที่รอบๆต่ออีกสักหน่อยค่อยกลับมากินข้าวเย็น

สองข้างทางเข้าบ้าน ไม่มีรถจอดแออัด เหมือนทาวน์เฮ้าส์ บ้านเราเลยนะ ดูแล้วสบายหูสบายดี

มีจักรยานอยู่สองคัน  ไปปั่นจักรยาน ทำเอ็มวีโอเย้  เหมือนแฟนฉัน (ภาพในหัววาดฝันไว้แบบนั้น)

โอ๊..เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย  โอ๊เย โอ๊เย โอ๊โอ๊เย โอ๊เย โอ๊เย...
ต้นข้าวมาเป็นคนดู มีปูมาสังเกตการณ์   ลำโพงเขาคือต้นตาล ลำโพงเขาคือต้นตาล
เสียงหวานเหลือเกิน         คันนานั้นคือเวที เวทีก็คือคันนา
ก้านกล้วยมาเป็นกีตาร์ ก้านกล้วยมาเป็นกีตาร์     เอาไม้ฟืนมาเป็นไมโครโฟน

ปั่นไปร้องเพลงไป ใครจะไปนึกว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

ต้น ต้น !!  รถเป็นอะไรอะ     ( ถ้าใครเกิดทันต้องตอบว่า    รถเสียสตาท์ไม่ติดอะ )
แต่นี้ยางรั่ว ต้องกลับไปเอาที่เติมลมที่บ้านมาเติม โอ้ยเหนื่อยโคตร

ทางเข้าทุ่งนาค่อนข้างเป็นไร่มันสัมปะหลัง  ช่วงนี้เค้าฮิตปลูกกันทั่วทุกพื้นที่เลย

เดินกันต่อไปหามุมหลบแดด  ถ่ายรูป

ในน้ำมีปลา  ในนามีข้าว  ในรูมีอะไรนะ 


ทุ่งนาสีเขียว กับ พระอาทิตย์ยามเย็น 

จริงๆ ดอกหญ้ามันก็สวยนะ  แต่มันคู่ควรที่จะอยุ่ที่ ที่ของมัน  
มันมีค่ามีในที่ของมันอะ เอาดอกกุหลาบมาปลูกริมคันนา คิดว่าเข้าไหม 
อาจเข้าแต่มันไม่คู่ควร

พี่สาวบอกอยากทำเอ็มวี แบบต่ายอรทัย

น้องสาวเอาบ้าง  อยากเป็น พิมฐา อินคันนา  (ว่าแต่ไม่ต้อง concentrate ขนาดนั้นก็ได้นะ นี้ไม่ใช่ THE FACE)

วิทยุ-ธานินทร์ เครื่องเก่าที่คุ้นเคยบนหัวนอนตา  คลาสสิคสุดแล้ว


กลับมาบ้านเจอเจ้าตูบตัวนี้หน้าซื่อ ดีเนอะไม่เจ้าเล่ห์ เหมือนหมา กทม. 

ในขณะที่เล่นกับตูบอยุ่นั้น หางตาซ้ายเหลือบไปเห็น  เตา  นี้มันเตาอะไรกัน  เย็นนี้เราจะได้กินอะไร
น้าเขยบอกว่าเราจะได้กิน  หมูหลุม  นี้เป็นตาย่างหมูหลุม
เอ้า งง ไหม ว่าหมูหลุมคืออะไร
เป็นหมูทั่วไปนี้แหละแต่ลักษณะคอกหมูหลุมจะแตกต่างจากคอกหมูโดยทั่วไป 
คอกที่เลี้ยงจะเป็นลุมให้ลึกลงในดิน แล้วนำวัสดุที่ย่อยสลายได้ใส่ลงไป  ให้มันกินมันอยุ่แค่ในหลุมเท่านั้น
ส่วนการนำมากินหรือนำมาทำอาหารนั้นก็ขึ้นอยุ่ว่าจะเอาไปทำอาหารอะไร ย่าง หรือจะ ต้มก็ได้ ตามชอบ


ปู่ๆ ตาๆ ช่วยกันทำหมู

chicken stadium บ้านนา

ยายไม่ไหวละกินก่อนละตาเอ้ย

และนี้คือเมนูอาหารเย็นของเรา



กินอยุ่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันไม่ได้เร่งรีบอะไรมากนัก

ค่ำละขอตัวไปพักผ่อนแล้วไปลุยกันต่อวัน พรุ่งนี้

DAY 3 
เริ่มที่ผาหัวนาคเลยละกัน  ตอนนีเวลาประมาน 7.30
ถือว่ายังเช้าอยุ่  หมอกจาง ยังพอให้เห็นบ้าง 
แต่ไม่เป็นไรให้อภัยวันนี้อากาศหนาวกว่าเมือวานนิดหน่อย

เสียค่าธรรมเนียมเข้าอีกตามเคย 

บรรยากาศดีขนาดนี้ ค่าธรรมเนียม ลืมไปได้เลย

ขับเลยด่านมาอีกนิดหน่อยก็จะป้ายผาหัวนาคพร้อมลานจอดรถ เราต้องเดินขึ้นเขาอีกแล้วหรอเนี้ย

และแล้วก็เข้าใจว่าทำไมถึงเรียกว่าผาหัวนาค 

พอรู้ว่ามีหมอกนะรีบวิ่งขึ้นไปยืนดูกับน้อง บ้ากันอยุ่สองคน  แมร่งโครตสุดยอด
เย็นเยือกๆ ลมแรง ตีเข้าหน้าชาไปตามๆกัน

มุมนี้เป็นมุมกว้างๆ หน่อย เหมือนหมอกมันถ่ายไม่ค่อยติดอะ  มันลอยๆ

พอเดินขึ้นมาหน่อยเริ่มเห็นอะไรได้มากขึ้น

ที่เห็นลอยต่ำนั้นหมอกนะ  ไม่ใช่เมฆแต่อย่างใด

เอ๊า ... เจอนักร้องอีกละ ตั๊กแตน ชลดา 55555

วิวดี หน้าผาสูงมาก  คนเหลือกระจิ๋วเดียว

คือมันเช้ามาจนไม่มีคนมาเลยอะชอบมาก
ตั้งกล้องถ่ายรูปเองซะเลย  ครอบครัวฮิปสเตอร์ ก็มาแบบไม่อายใคร
หลังจากนั้นแยกย้ายมุมใครมุมมัน

เราว่ามุมนี้มันดี  เราควรสร้าง แลนด์มาร์ค ของเราที่จุดนี้ 

จัดไปรูปแรก ลมแรงต้องเสยผม

มุมหล่อก็มา  หล่อหันหลัง กับ หล่อ 200 เมตรนี้แนวผมเลย

พี่สาวขอมุมใสใส 

อยู่ๆก็อยากเป็นสไปเดอร์แมน เหมือนมะ

เปลียนใจ อยาเป็นไอรอนแมนละ เหมือน โทนี่สตาร์คไหมละ

นั้นไงย่าสู้ด้วยท่าโยคะ  ไอรอนแมนก็ไอรอนแมนเถอะ
ช่วง WANNA BE ON TOP  ก็มา



วิวกว้างแบบสุดลูกหูลูกตามาก  

ยกนิ้วให้เลยเมืองไทย  มันมีอะไรดีกว่าที่คิดเยอะ

ถ้าพูดไปก็จะหาว่าโม้   มาดูวิวเอานะ  ดีจริง เสียวจริง 

สบายจนอยากนอน  

เอ๊ะไหนลอง  มองมุมกลับสิ อะจ๊ากกกกกกกกก ขนลุกเลย

โอ้ยยยย เพี๊ยนจนตกเขาเลยเป็นไงหละ 
พอแล้วไหมละ  ปั๊ดโถ๊ววววววววว
เออจะบอกว่าตอนทางขึ้นมาผาหัวนาค แอบเห็นทุ่งดอกหญ้า  เหมือนตรงพัฒนาการเลย
เลยขอให้พ่อแวะถ่ายรูป 

ก่อนจะถ่ายรูป เติมแรงก่อนละกัน 
ข้าวกล่อง ย่า เอามาด้วย จกข้าวเหนียวกันไป ตามสไตล์

วิวรวม ก็มีหินมีดอกหญ้า บ่นๆกันไป 




เดินไปเดินมา เจอจุดพี่เบิร์ดมาดูดาวด้วย 


กินข้าวเสร็จพี่สาวน้องสาวก็ตามมา ขอถ่ายแนวพิมฐา 
พิมฐาต้องดีใจนะ  ว่ามีอิทธิพล ต่อทุ่งหญ้าแล้วหญิงไทย

เราว่าเราเหมาะกับถนนหนทางมากกว่า หน้าเราลงคล้าย ซากด้านๆ หยาบๆ 55555

ตีลังกาโชว์พลัง  วันนี้ฟิต แรงยังเหลือ  
ไปมอหินขาว ต่อเลยพ่อ

ถึงแล้ววไม่ไกลจากเดิมมากมาย แต่แดดสุดแสนจะร้อน

ดูไปดูมาก็เหมือน สโตนเฮด เหมือนกันเนอะ 


ตอนแรกก็เฉยๆนะ  แต่พอเห็นเค้าขึ้นก้อนหินเท่านั้นหละ

จัดการต่อคิวขึ้นทันทีไม่ต้องถาม 

คิดว่ามุมนี้มันต้องได้รูปสวยๆแน่  น้องเอาด้วย 

มีความเป็นหยิงหยาง ไฟท์กัน

คือมันร้อนเนอะ ไม่มีร้มเลย แล้วใจนี้อยากลงน้ำเต็มทน  
รีบถ่ายรีบหนีไปน้ำตกละ  อยากเล่นน้ำสุดขั่วหัวใจ  จะแช่จะอยุ่ในน้ำให้เปื่อยเลยคอยดู

จ่ายค่าทางเข้ากันไป  ค่ารถ4ล้อ 50 บาท  ผู้ใหญ่หัวละ 40

จอดรถได้เราก็ต้องเดินตามทางไปอีกประมาน 500 เมตร

ในนี้มีร้านสะดวกซื้อด้วย ขนมขบเคี้ยวก็มีนะครับ แต่ราคาก็บวกไปหน่อยตามสถานที่ 

มีห้องน้พด้านบนจุดเดียว ถ้าใครจะเล่นน้ำก็เปลียนจากตรงนี้ไปเลยเนอะ
ผู้ชาย ไม่มีปัญหาอยุ่แล้วเปลียนตรงไหนก็ได้ 


พอเดินลงมาเท่านั้นแหละ พระเจ้าคิดว่าจะไม่มีคน
คนมาเล่นน้ำเยอะกว่าที่คิด 



ลูกเด้กเล็กแดงพากันมาเล่นน้ำหมด  นี้มันบ่ายโมงแดดกำลังแรงเลย 
เด็กๆเล่นกันไม่กลัวดำเลย 

แต่ไม่ต้องห่วงเลย มีพี่ทหารอยุ่ทุกจุด  ตรวจความเรียบร้อยอยุ่อย่างใกล้ชิด

ที่นั่งฝั่งนี้หาที่นั่งแบบไม่ได้เลย เลยต้องเดินข้ามน้ำไปฝั่งตรงข้าม
ปกติถ้าน้ำเยอะจะข้ามไม่ได้นะครับ

พอเวลาบ่ายแก่ๆ  ถึงเวลาของสามสหายจะลงเล่นน้ำ

โห้ยยยยยยยยย น้ำมันเย็นมาก  สบายตัวสุด 
เข้าใจแล้วทำไม่ทุกคนไม่ยอมขึ้น

สบายจนหนาว  หนาวแล้วก็ไม่อยากจะขึ้นสิทีนี้  แล้วเป็นไง
ไอ้ยิ้มยยยยยตะคริว กินทีนนนนนนนนนนนน

ยังคงไหว สู้ตาย ก่อนจะขึ้นไปเก็บภาพน้ำตกมาฝากครับ


ช่วงที่ผมไปน้ำไม่ค่อยน่าเล่นเท่าไร เพราะเมืออาทิตย์ก่อนจะมา  ฝนตกหนัก
น้ำเลยค่อนข้างเหลืองๆ แต่ไม่เหม็นสาปนะ 
เอาหละถึงบ้านพักผ่อนเนอะ ไว้พรุ้งีน้เช้าเจอกันแต่เช้ามืด  
ต้องตื่นมาทำครัว ทำอาหารไป ถวายพระวัน เข้าพรรษา ที่วัดแต่เช้าตรู

DAY 4
ถึงเวลาต้องตื่นมาเข้าครัวละครับ


พอเตรียมสำหรับเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาเข้าวัด


ผู้เฒ่าผู้แก่ มาถึงวัดนี้ก็ประมาน 7 โมงนะครับ ผู้เฒ่าผู้แก่ นี้มารอกันเต็มวัดไปหมด
ถ้าอยู่บ้านเรานะ ป่านนี้ยัไม่ตื่นเลย


เด็กน้อยๆก็มากัแต่เช้า

เอาละเริ่ม ตอนแรกจะเป็นการตัดบาทเข้าสาร ก่อน

ตามด้วยข้าวเหนียว

พอใส่บาตรเรียบร้อย ฟังเทศน์ฟังธรรม รับทรัพย์ กันไป

พรมน้ํามนต์ เสริมสิริมงคลให้กับชีวิต

สาธุ ..........  กราบลาพระท่าน


สำหรับ ผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ยังไม่กลับก็จะอยุ่ ปฏิบัติธรรม นั่ง สมาธิ ทำวัดเช้า-เย็น
เป็นเวลา 2 วัน

จบแล้วสำหรับทริป  แบกเป้ขึ้นรถพ่อ ไปชมดอกกระเจียวเที่ยวชัยภูมิ 4 วันนิดๆ กับอีก 3 คืน
ยังเหลือแก้คำผิดเด๋วผมจะเข้ามาแก้เรื่อยๆนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาจนจบ
แค่อยากจะแชร์เรื่องราวการเดินทางให้เพื่อนได้เห็นถึงความงามและความเป็นอยุ่
เพื่อนความบรรเทิงนะครับ มีอะไรผิดพลาดต้องไหนขออภัยไว้ตรงนี้เลยนะครับ
หรือถ้าล่วงเกินหรือล่วงละเมิดในผู้ใดผมขอโทษแล้วจะทำการแก้ไขครับ
โชคดีครับทุกคน  ขอบคุณครับ

ที่มา Pantip