หากจะเอ่ยถึง “บางปู” แน่นอนว่าหลายๆคน อาจจะรู้จักคุ้นเคยกันแต่สถานตากอากาศบางปู ณ สมุทรปราการ
แต่ที่นี่คือ “บางปู” ตำบลเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมอ่าวปัตตานี ในพื้นที่อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
ดินแดนปลายด้ามขวาน ที่หลายคนอาจจะยังคงมีความหวาดกลัวที่จะมาเยือนดินแดนแห่งนี้
ส่วนเรานั้นเป็นคนปัตตานี เกิดและโตที่นี่ มีช่วงเวลาหนึ่งที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปเรียนและทำงานที่เมืองกรุงกว่า 10 ปี
แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดแห่งนี้
นับตั้งแต่กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดอีกครั้ง มีที่ๆหนึ่งที่เรามักจะแวะเวียนไปเที่ยวอยู่บ่อยๆเมื่อมีเวลาว่าง
ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองปัตตานีมากนัก และยังคงเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม
และมีความอุดมสมบูรณ์มากมาย ทั้งป่าชายเลน และนกน้ำนับหมื่นแสนตัว
นั่นก็คือ ชุมชนท่องเที่ยวบางปู บ้านบาลาดูวอ ต.บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
เราขับรถออกจากตัวเมืองปัตตานีกันไปชิลล์ๆ ประมาณ 15 นาทีก็ถึงยังจุดที่เราจะลงเรือกัน เวลาใครถามทาง เราก็มักจะบอกตลอดว่าทางเข้าจุดลงเรือ อยู่ตรงด่านทหารด่านที่ 2 นับจากมัสยิดกรือเซะ ผ่านวัดบ้านดี ขับมาเรื่อยๆ ให้ชิดซ้ายในสุดเลยนะพี่แล้วเลี้ยวซ้ายตรงปากทางด่านเลย อยู่ตรงทางเข้าโรงเรียนบ้านบือเจาะน่ะ ขับตรงเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเจอสามแยก เลี้ยวขวา จะเจอสะพาน พอลงสะพานก็จะเห็นป้ายจุดล่องเรือชมป่าโกงกางอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ..แล้วก็จะมีน้องซัน ซึ่งเป็นคนขับเรือนำทางมารอรับที่ลานจอดรถ ตามเวลา 4 โมงเย็นที่นัดหมายเสมอ
(น้องเค้ามารอตรงเวลาตลอด แต่เราเป็นพวกที่มาตามเวลา เลทตล๊อดดด555 ไอ้เรามันสายชิลล์อ่ะนะ ก็ขับรถกันไปเรื่อยๆ)
แต่เดี๋ยวก่อน มาถึงถิ่นนี้แล้วก็ต้องอย่าพลาดกินขนมพื้นบ้านหายาก “มาดูฆาตง” ขายอยู่ตรงปากตรอกเข้าจุดลงเรือเลยคร้าาา
“มาดูฆาตง” หรือขนมรวมผึ้งเป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวจ้าวและกะทิผสมรวมกันแล้วนวดให้เหนียว เสร็จแล้วนำไปปั้นกับซี่ไม้ใผ่ แล้วก็นำไปย่างให้สุกเหลือง พร้อมราดด้วยน้ำกะทิและโรยด้วยน้ำตาล ยิ่งได้ทานตอนร้อนๆ นี่ฟินม๊ากกกก ขอบอก
เสบียงพร้อม คนพร้อม จะรออะไรล่ะคร้า ก็ลงเรือสิคร้า ได้เวลาล่องเรือ ดื่มด่ำ ชื่นชมกับธรรมชาติรอบตัวกันแล้ว
ชมนก ชมไม้ไปเรื่อยๆ
ชมความสวยงามของอุโมงค์โกงกาง และสภาพป่าชายเลนที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์
ระหว่างทางที่เราชื่นชมกับอุโมงค์โกงกางนั้น ก็ได้มีการจอดแวะพักระหว่างทาง ให้เราได้เก็บหอยกันในป่าโกงกางด้วย ขอบอกว่าเป็นช่วงเวลาสนุกกันม๊ากกก แต่ว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้เก็บภาพไว้ค่ะ แฮะๆๆ
เรือแล่นไปเรื่อยๆ ไม่นานนักก็แล่นออกสู่อ่าวปัตตานี เพลิดเพลินไปกับฝูงนกน้อยที่กำลังบินกลับเข้ารัง
เพลิดเพลินไปกับวิถีชาวเล
เก็บภาพบรรยากาศกลางอ่าวปัตตานีไปเรื่อยๆ
เฝ้ารอแสงสุดท้ายยามพระอาทิตย์อัสดง
ได้มานั่งๆรอๆชมตะวันตกน้ำกลางอ่าวปัตตานี บนเรือลำน้อยๆ นี่มันช่างฟินดีแท้^^
พักกาย พักใจ ณ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก
ต่างคน ต่างมุม เลือกเอาที่สบายใจกันเลยคร้าาา
คนนำทางก็ขอพักบ้างไรบ้างนะคร้าาา
ตะวันลับขอบฟ้า ฝูงนกน้อยทยอยบินกลับเข้ารัง ก็ได้เวลากลับขึ้นฝั่งกันเพื่อประกอบศาสกิจกันต่อคร้าาา
แต่เดี๋ยวก่อน ยัง เรายังไม่จบเพียงเท่านี้น๊าาา
หลังจากที่แต่ละคนประกอบศาสกิจกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ลงเรือกันอีกรอบ ประมาณทุ่มครึ่ง
เพื่อชมไฮไลต์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ นั่นก็คือ การล่องเรือชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน ซึ่งจะเปล่งแสงเล่นเวฟกันให้ได้เห็นกันอย่างสวยงาม
แต่ว่าเราไม่สามารถเก็บภาพสวยงามที่อยู่ตรงหน้านั้นได้ กล้องเราไม่เทพขนาดนั้นอ่ะค่ะ
ความงดงามทางสายตาที่ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ บวกกับความมีน้ำใจของคนในชุมชนที่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายด้วยแล้ว
ทำให้ “บางปู” ยังคงเป็นสถานที่ที่ยังคงมีเสน่ห์อยู่เสมอ
ปัตตานีไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด...เพียงแค่ก้าวข้ามความกลัว...แล้วก้าวขาออกเดินทาง...
มาเห๊อะ...อยากเจอ ^_^
ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 1637156
แต่ที่นี่คือ “บางปู” ตำบลเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมอ่าวปัตตานี ในพื้นที่อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
ดินแดนปลายด้ามขวาน ที่หลายคนอาจจะยังคงมีความหวาดกลัวที่จะมาเยือนดินแดนแห่งนี้
ส่วนเรานั้นเป็นคนปัตตานี เกิดและโตที่นี่ มีช่วงเวลาหนึ่งที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปเรียนและทำงานที่เมืองกรุงกว่า 10 ปี
แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดแห่งนี้
นับตั้งแต่กลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดอีกครั้ง มีที่ๆหนึ่งที่เรามักจะแวะเวียนไปเที่ยวอยู่บ่อยๆเมื่อมีเวลาว่าง
ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองปัตตานีมากนัก และยังคงเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม
และมีความอุดมสมบูรณ์มากมาย ทั้งป่าชายเลน และนกน้ำนับหมื่นแสนตัว
นั่นก็คือ ชุมชนท่องเที่ยวบางปู บ้านบาลาดูวอ ต.บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี
เราขับรถออกจากตัวเมืองปัตตานีกันไปชิลล์ๆ ประมาณ 15 นาทีก็ถึงยังจุดที่เราจะลงเรือกัน เวลาใครถามทาง เราก็มักจะบอกตลอดว่าทางเข้าจุดลงเรือ อยู่ตรงด่านทหารด่านที่ 2 นับจากมัสยิดกรือเซะ ผ่านวัดบ้านดี ขับมาเรื่อยๆ ให้ชิดซ้ายในสุดเลยนะพี่แล้วเลี้ยวซ้ายตรงปากทางด่านเลย อยู่ตรงทางเข้าโรงเรียนบ้านบือเจาะน่ะ ขับตรงเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเจอสามแยก เลี้ยวขวา จะเจอสะพาน พอลงสะพานก็จะเห็นป้ายจุดล่องเรือชมป่าโกงกางอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ..แล้วก็จะมีน้องซัน ซึ่งเป็นคนขับเรือนำทางมารอรับที่ลานจอดรถ ตามเวลา 4 โมงเย็นที่นัดหมายเสมอ
(น้องเค้ามารอตรงเวลาตลอด แต่เราเป็นพวกที่มาตามเวลา เลทตล๊อดดด555 ไอ้เรามันสายชิลล์อ่ะนะ ก็ขับรถกันไปเรื่อยๆ)
แต่เดี๋ยวก่อน มาถึงถิ่นนี้แล้วก็ต้องอย่าพลาดกินขนมพื้นบ้านหายาก “มาดูฆาตง” ขายอยู่ตรงปากตรอกเข้าจุดลงเรือเลยคร้าาา
“มาดูฆาตง” หรือขนมรวมผึ้งเป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวจ้าวและกะทิผสมรวมกันแล้วนวดให้เหนียว เสร็จแล้วนำไปปั้นกับซี่ไม้ใผ่ แล้วก็นำไปย่างให้สุกเหลือง พร้อมราดด้วยน้ำกะทิและโรยด้วยน้ำตาล ยิ่งได้ทานตอนร้อนๆ นี่ฟินม๊ากกกก ขอบอก
เสบียงพร้อม คนพร้อม จะรออะไรล่ะคร้า ก็ลงเรือสิคร้า ได้เวลาล่องเรือ ดื่มด่ำ ชื่นชมกับธรรมชาติรอบตัวกันแล้ว
ชมนก ชมไม้ไปเรื่อยๆ
ชมความสวยงามของอุโมงค์โกงกาง และสภาพป่าชายเลนที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์
ระหว่างทางที่เราชื่นชมกับอุโมงค์โกงกางนั้น ก็ได้มีการจอดแวะพักระหว่างทาง ให้เราได้เก็บหอยกันในป่าโกงกางด้วย ขอบอกว่าเป็นช่วงเวลาสนุกกันม๊ากกก แต่ว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้เก็บภาพไว้ค่ะ แฮะๆๆ
เรือแล่นไปเรื่อยๆ ไม่นานนักก็แล่นออกสู่อ่าวปัตตานี เพลิดเพลินไปกับฝูงนกน้อยที่กำลังบินกลับเข้ารัง
เพลิดเพลินไปกับวิถีชาวเล
เก็บภาพบรรยากาศกลางอ่าวปัตตานีไปเรื่อยๆ
เฝ้ารอแสงสุดท้ายยามพระอาทิตย์อัสดง
ได้มานั่งๆรอๆชมตะวันตกน้ำกลางอ่าวปัตตานี บนเรือลำน้อยๆ นี่มันช่างฟินดีแท้^^
พักกาย พักใจ ณ จุดชมวิวพระอาทิตย์ตก
ต่างคน ต่างมุม เลือกเอาที่สบายใจกันเลยคร้าาา
คนนำทางก็ขอพักบ้างไรบ้างนะคร้าาา
ตะวันลับขอบฟ้า ฝูงนกน้อยทยอยบินกลับเข้ารัง ก็ได้เวลากลับขึ้นฝั่งกันเพื่อประกอบศาสกิจกันต่อคร้าาา
แต่เดี๋ยวก่อน ยัง เรายังไม่จบเพียงเท่านี้น๊าาา
หลังจากที่แต่ละคนประกอบศาสกิจกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ลงเรือกันอีกรอบ ประมาณทุ่มครึ่ง
เพื่อชมไฮไลต์สำคัญอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ นั่นก็คือ การล่องเรือชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน ซึ่งจะเปล่งแสงเล่นเวฟกันให้ได้เห็นกันอย่างสวยงาม
แต่ว่าเราไม่สามารถเก็บภาพสวยงามที่อยู่ตรงหน้านั้นได้ กล้องเราไม่เทพขนาดนั้นอ่ะค่ะ
ความงดงามทางสายตาที่ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ บวกกับความมีน้ำใจของคนในชุมชนที่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายด้วยแล้ว
ทำให้ “บางปู” ยังคงเป็นสถานที่ที่ยังคงมีเสน่ห์อยู่เสมอ
ปัตตานีไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด...เพียงแค่ก้าวข้ามความกลัว...แล้วก้าวขาออกเดินทาง...
มาเห๊อะ...อยากเจอ ^_^
ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 1637156