รีวิว วันเดียวเที่ยวชัยภูมิ รอบนี้ไปดูทุ่งดอกกระเจียวคุ้มสุดๆครับ


สวัสดีครับ ^^ ...ก็ตามหัวข้อเลยครับ...เผอิญได้ทราบมาว่าทุ่งดอกกระเจียวปีนี้สวยที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่ไม่มีช่วงแล้ง พายุไม่เข้า และดอกบานช้า เลยทำให้ดอกบานในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน จึงบานเยอะมาก ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดไม่บ่อยนัก


ผมไม่รอช้าครับ เสาร์ที่ผ่านมาว่างพอดี เลยตัดสินใจขับรถไปเลยจากกรุงเทพ กด GPS เพื่อมุ่งตรงสู่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามครับเลยครับ จุ๊บๆ
...ผมไปคนเดียว ถ่ายรูป เที่ยว ถ่ายคลิป ตัดต่อวีดีโอ เองคนเดียว หากมีอะไรผิดพลาด ขออภัยมาณที่นี้ด้วยคร้าบบบ...



ผมออกเดินทางตั้งแต่ตี 4 เพราะว่าตั้งใจจะไปเที่ยวให้ครบทุกที่ๆอยากไปในชัยภูมิเลย (สำหรับเรื่องเที่ยว การตื่นเช้าไม่มีผลกับผมครับ ฮ่าาาาาา เพราะตื่นมายังไงเราก็ได้พักผ่อนทั้งวันนนนน อิอิ)

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ผมก็ถึงชัยภูมิครับ ขับเรื่อยๆครับ

ทางเข้าครับจะมีประตูสู่เทศกาลชมดอกกระเจียวต้อนรับเรา อุณหภูมิก่อนขึ้นข้างบนวันนั้นประมาณ 26-27 องศาครับ สบายๆ


ชำระค่าเข้าอุทยาน ถ้าเป็นคนไทย 20 บาท  และชำระค่ารถรางเพื่อขึ้นไปชมดอกกระเจียวอีก 30 บาทครับ

บรรยากาศบนรถรางครับ จะมีมัคคุเทศก์น้อยคอยบรรยายประวัติความเป็นมาต่างๆให้เราฟังด้วย

ผมชอบตรงบรรยากาศช่วงเช้าแบบนี้ครับ คือจะมีหมอกบางๆ(บางเวลาก็หนา) อากาศกำลังเย็นสบาย เข้ากับการเดินดูดอกกระเจียวมากๆเลย

พอขึ้นมาถึงที่นี่ จุดที่ต้องไม่พลาดเลยก็คือผาสุดแผ่านดินครับ สามารถเห็นจุดเชื่อมของภาคกลาง เหนือ อีสานได้ (ภาพนี้ตอนหมอกมา)

รอซักพักหมอกก็ปลิวไปครับ อีกเดี๋ยวก็มาใหม่ จับจังหวะถ่ายรูปดีๆ 5555

บรรยากาศและอากาศดีมากๆๆๆๆครับ ^^




สำหรับทางเดินก็จะเป็นแบบนี้ครับ บังเอิญฝนลงมาปรอยๆพอดี ดินเลยแฉะหน่อย ยิ่งเพิ่มความคลาสสิคได้มากๆเลย ^^

มาถึงที่นี่ก็จะเป็นทางเดินไปสะพานไม้เพื่อชมทุ่งดอกกระเจียวไปเรื่อยๆครับ







การมาชมดอกกระเจียวที่ อช.ป่าหินงามในตอนเช้าก็จะได้บรรยากาศแบบนี้ครับ คือมีหมอกลง ถ่ายรูปแล้วจะได้อารมณ์ผสมผสานที่ดีไปอีกแบบ ^^


ตลอดทางเดินหลัก เราจะเห็นธารน้ำอยู่ตลอดแนว ดูเหมือนน้ำตกไซส์มินิ ที่ดูชุ่มชื่นมากครับ แสดงว่าปีนี้น้ำเยอะจริงๆ(ผมเคยมาปีก่อน ข้างทางไม่มีน้ำแบบนี้ ส่วนใหญ่เป็นดินแห้งๆ)


หลังจากนั้นไฮไลท์สำคัญองที่นี่อีกก็คือ ลานหินงาม ครับ เป็นบริเวณที่มีหินอายุน่าจะเป็นล้านปีที่มีรูปร่างลักษณะต่างๆครับ ดูรูปดีกว่าาา



หินถ้ำมอง ก็จะมีรูแบบนี้ครับ ไว้เหมือนเอาไว้แอบบมอง (แต่แอบมองไรไม่รู้ ฮ่าาา)




หินถ้วยฟีฟ่า เวิร์ลคัฟ


ใครมาที่นี่ก็ต้องมาหยุดตรงมอhumตั้งนี่แหละ โดยเขามีตำนานเล่าว่าสำหรับใครที่ยังไม่มีคู่ถ้าไปแตะมอhumตั้ง อีกไม่น่นจะได้คู่ และหากใครมีคู่แล้ว และไปแตะเข้าก็จะได้คู่เพิ่ม(อ้าวววว!!!! งานนี้มีเลือดตกยางออกครับ สำหรับคนมากับแฟน 5555)

ผมใช้เวลาอยู่ที่ อช.ป่าหินงามถึงสิบโมงกว่าๆ แล้วเดินทางไปต่อที่ อช.ไทรทอง ซึ่งห่างไปอีกประมาณ 65 กิโลเมตรครับ (ขับรถประมาณชั่วโมงเดียว)


ไปถึงได้เจอเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อัธยาศรัยดีมากเลย แจ้งว่าตอนนี้ทุ่งบัวสวรรค์ 1 ดอกกระเจียวบาน 100 % (คือเวลาเขาบอกระดับการบานของดอกกระเจียว เขาวัดปริมาณการบานของดอกต่อพื้นที่ของทุ่งครับ) ซึ่งเวลาใครจะไปเที่ยว สามารถโทรถามที่อุทยานก่อนได้เลยนะครับ



สำหรับ อช.ไทรทอง หากใครนำรถยนต์มา เขาจะให้จอดไว้แล้วขึ้นรถกระบะต่อไปอีก 9 กิโลเมตร เพื่อเดินทางต่อไปชมดอกกระเจียวนะครับ เพราะบางช่วงของทาง ต้องขับผ่านลำน้ำ และทางขึ้นเขาครับ (แต่ผมเห็นพี่ๆบิ๊กไบค์ใจสู้มากเลย ทั้งน้ำ ทั้งฝน ทั้งเขา พี่ๆแกก็บ่ยั่น 5555 ปรบมือรัวๆ)



ขึ้นมาถึงก็จะพบเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และให้เราเดินตามแผนที่ครับ

จุดแรกที่แวะของที่นี่คือ ผาhumหดครับ (สงสัยเอาไว้แก้ฤทธิ์มอhumตั้ง)

วิวจากบนผาhumหด


หลังจากนั้นก็เดินไปเรื่อยๆครับ สนุกดี ระหว่างทางเดินไปเราก็จะต้องผ่านทุ่งบัวสวรรค์ 5,4,3,2 ซึ่งเป็นทุ่งดอกกระเจียวเหมือนกัน แต่ในวันที่ผมไปยังบานไม่เยอะนัก ผมเลยตั้งใจตรงไปที่ ทุ่งบัวสวรรค์ 1 เลย (ปล.ที่นี่มีเอกลักษณ์อีกอย่างคือ ทุ่งบัวสวรรค์ 4,5 จะมีดอกกระเจียวสีขาวด้วยครับ)

เดินมาเกือบ 2 กิโลครึ่ง ผมก็ถึงทุ่งบัวสวรรค์ 1 ครับ.....







มันสวยมากจริงๆครับ มันละลานตามาก เห็นดอกกระเจียวเต็มทุ่งและวิวเมืองทางด้านหลัง สุดๆไปเลย


หลังจากนั้นช่วงเย็นๆผมเดินทางไปมอหินขาวต่อเลยครับ (ห่างจาก อช.ไทรทอง 110 กิโลเมตร ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง)


ทางไปครับ ต้องขับรถขึ้นเขาเช่นกัน แต่ทางดีมาก ลาดยางจนถึงเลยครับ



มออหินขาวครับ



แต่ไฮไลท์จริงๆอยู่ที่นี่ครับ ผาหัวนาค ขับรถต่อขึ้นไปอีก 2 กิโล จะเจอจุดชมวิวที่สวยที่สุด



นั่งชิลล์เพลินจนพระอาทิตย์ตกเลยครับ มันดีมากกกก



และนี่ก็คือปลายทางของทริปนี้ของผมครับ


...หลายๆครั้งที่การเดินทางของเรา "จุดหมาย"และ"ปลายทาง"คือคนละที่กัน...
อย่างที่ใครหลายคนบอกว่า การเดินทางนั้นความสุขมันไม่ได้อยู่แค่จุดใดจุดหนึ่งที่เราจะไปเพื่อตามหามัน แต่มันอยู่"ระหว่างทาง" ตลอดการเดินทางนี่แหละ

....นี่เป็นอีกทริปนึงครับ ที่ผมรู้สึกแบบนั้น...

ออกไปกอดเมืองไทยกันครับ ยิ้ม

ขอบคุณครับสำหรับการติดตาม หัวใจ

ติดตามการไปเที่ยวของผมได้ที่ www.facebook.com/khunkabphom
และถ้าชอบ ผมฝาก subscribe ช่อง youtube ของผมด้วยนะครับ พิมพ์คำว่า "กิน เที่ยว คุณกับผม" ในช่อง search ของหน้า youtube ครับ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคร้าบบบ


ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2190553