รีวิว 'ชีวิตติดเที่ยว' ทริปแก้อึน อีกครั้งกับสถานที่นอกสายตา ....... เกาะสีชัง


ครั้งแรกกับการเขียนรีวิวในพันทิพ 

แต่เรียกรีวิวก็กระดากนิดๆ เรียกเวิ่นเว้อจะถนัดปากกว่าเนอะ เอิ๊กกกกก 

ก็นะเก็บไว้ไม่ไหวจริงๆ กับเกาะนอกสายตาแห่งนี้

รู้....ว่ามีเกาะชื่อเกาะสีชังนะ แต่ไม่เคยขวนขวายหาข้อมูลเลยสักครั้ง

เกาะสีชัง ... ครั้งแรกตอนสงกรานต์ไปกับเพื่อนและแม่ของเพื่อน ตื่นเต้นมาก 555+

แต่สุดท้ายสถานที่ไม่ประทับใจเท่าไหร่ เพราะคนเยอะมากกกกกกกก 

ที่หาด ลงเอาขาไปแหย่ๆ น้ำทะเลได้นิดหน่อยพอเป็นกิเสสจบ 55+

หยอกเย้าหยอกเย้าหยอกเย้าหยอกเย้าหยอกเย้า

มาว่ากันถึงครั้งนี้ ..... อีกครั้งกับเกาะสีชัง ในอารมณ์ที่ ... 

ชีวิตต้องไปสักที่! ต้องไป ไปไหนก็ได้

การนั่งเรือข้ามผืนท้องทะเล ปล่อยให้ลมเย็นๆ พัดอารมณ์ คือสิ่งที่ต้องการเป็นหลัก 

เกาะสีชัง ตัวเลือกที่สองมาแรงด้วยเหตุผล คือ.....

ไปนั่งโง่ๆ มองทะเล ........ ไม่ได้ 

อารมณ์ ณ ตอนนั้นไม่เหมาะที่จะทำแบบนั้น 

มั น ต้ อ ง แ ว๊ น ซ์ ! ! ! ! ! ! ! ! ! 




เป็นโชคดีที่การเดินทางมาแถวภาคตะวันออกเนี่ย มันสะดวกมาก อิอิ

ไม่ต้องออกไปอนุเสาวรีย์ หรือไปไหน เดินออกมาจากบ้านประมาณห้าร้อยเมตรกว่าๆ ก็เจอป้ายจอดรถตู้แปดริ้วที่วิ่งเข้าฉะเชิงเทราแล้ว 

ถ้าโชคดีเจอรถตู้ไประยองผ่านมานะโหยยย  ต่อเดียวค่า ถึงโล้ด 5555555+ 



ออกจากบ้านแปดโมง นั่งรถแปดริ้วไปขนส่ง ก่อนต่อรถระยองไปจุดหมายปลายทาง .... 

นั่งๆ ไปก็แบบ เอ่อ เอิ่ม.. ต้องลงไหนละเนี่ย ตอนมาครั้งแรกเพื่อนขับรถมาจอดเทียบท่าที่เกาะลอยเลย เอิ๊กกกกกก

ผ่านหนองมนปุ๊ป สะกิดสาวสวยข้างๆ ... "โทษนะคะ จะไปเกาะลอยต้องลงตรงไหนฮะ"  55555+ 

น้องคนที่ถูกถามนิ่งไปแป๊ปละตอบมาว่า "ต้องลงตรงแยกวังหินนะคะ เลยรร. ดาราสมุทรไปนิดอ่ะคะ"

โอเช รอดละ รู้จักๆ ดาราสมุทรจิ๊บๆ โด่วววว 

พอเห็นรร. ปุ๊ป ป้ายหน้าค่าพี่(บอกคนขับ) ละพี่คนขับก็จอดให้ลงปุ๊ป หันไปดูป้าย  แยกดาราสมุทรค่ะ ห่าน!!!! 

เอาละดิ มองซ้าย เอ้าแยกหน้าแน่ๆ เห็นลิบๆ แต่ไม่เป็นไร จากประสบการณ์ มันเข้าไปได้ทุกซอยแยกแถวนี้ละโว๊ะ มั่นสุดๆ 

เดินข้ามสะพานลอยตามกลุ่มน้องๆ กลุ่มนึงไป เดินตามต้อยๆ เข้าซอยไป อ่าวไอ่น้อง หนีไปนั่งรถสามล้อซะละ เง้อเอาไงดี

เดินมาถึงป้ายรถ เจอคุณตาคนนึงนั่งอยู่ แกมองมาละถาม "จะไปไหน" 

"ไปท่าเรืออะตา จะไปส่งหรอ ขี่ไหวหรอต๊าาาา" มองมอไซต์ มองตาสลับกัน เอิ่ม อายุอานามไม่น่าต่างกันเลยง่ะต๊าาาา 




สรุปใช้บริการตาค่ะ รถแกนี่น่าสงสารมากกร๊ากกกกกก ตอนสตาร์ทไม่เท่าไหร่ ตอนบิดแว๊นซ์เนี่ยโหยยย เสียงดังไปถึงเกาะลอยเลยงี้5555+

แถ่ดๆๆๆ กันไปให้กำลังใจตากับรถไปอย่างฮาเฮ หน้าหนาหน่อยนี่โบกไม้โบกมือแจกละนะ คนมองตรึมอ่ะเสียงรถตาแกนี่ได้ใจจริงๆ 



อ่อลืมบอก ......... ณ เวลานี้ ท่าเรือเกาะลอยปิดให้บริการนะคะ เห็นว่าทำสะพานใหม่

เราเลยต้องเลยวงเวียนตรงทางเข้าเกาะลอยไปอีก ทรมานรถตากันต่อไปอีก 55555+

เอารูปท่าเรือเกาะลอยที่มาครั้งที่แล้วมาแปะแทน เห็นไกลๆ ว่าสะพานแถวๆนี้แหละที่เค้าทุบทิ้งละทำใหม่





บอกแล้วสายเวิ่น สาระหามีเน้นเวิ่นกร๊ากกกกกกกกกก




ตาส่งลงตรงปากทางเข้าท่าเรือ .... มันแคบมาก คือเป็นทางเข้าและออกในทางเดียว ต้องสลับๆ กันอ่ะ 

แต่สายเดินค่ะเรา เดินไปควักกล้องไป5555+  

อูยยยมันดีงามแท้ท่าเรือตรงนี้ 

รัวววววววววค่า ><











ชิลมาก5555+ เรียกได้ว่าคลาน เพราะรู้ว่าเรือออกชั่วโมงละลำและค่อนข้างตรงเวลา 





เดินไปกดรูปไป ปล่อยลมพัดโบกๆ ไป มีความสุขจริงๆ 











ปะได้เวลาลงเรือละเย้~~~



วันนี้ได้นั่งข้างบน ประสบการณ์การนั่งเรือข้างล่างครั้งที่แล้วเป็นไรที่ขนหัวลุกมาก 5555+

คือว่ายน้ำไม่เป็นไง กลัวไง ละข้างล่างเนี่ยมันต่ำเตี้ยเรี่ยน้ำเลยอ่ะ โยกทีงี้ใจเต้นตูมๆ เกร๊งชิบ ถึงไม่บังคับให้ใส่ชูชีพนี่ก็จะใส่นะต้องใส่เอิ๊กกกก 

แต่ .. ครั้งนี้ไม่มีคนมาบอกให้ใส่ชูชีพแฮะ ทำไม? ..... มีคนใส่อยู่ไม่ถึงสิบคนนะเท่าที่กวาดตาดู

ขาไปนี่ได้นั่งด้านในเรือ และคนที่นั่งข้างๆ เค้าก็คุยมุ้งมิ้งๆ กับสองคนข้างหน้าด้วยภาษาที่ฟังไม่เข้าใจเลยยย! 

เกรงใจที่จะยกกล้องส่องวิว เลยนอนค่ะ คร่อกZZZZZzzzzzz  

แต่นอนไม่หลับหรอกตัวเธอ แหมะโยกเยกซะขนาดเน้ ถ้าไม่เพลียจัดๆนี่ ไม่ไหวอ่ะ555+


45 นาทีโดยประมาณ ก็มาถึงล๊า  เกาะสีชังงงงงง 

ขึ้นท่าปุ๊ป หาที่นั่งปั๊ป คิดมาตั้งแต่อยู่ในเรือละ เอาไงดี ... 

จะใช้บริการมอไซต์รับจ้างไปทิ้งเป็นจุดๆ เพราะกลัวฝนตก ไม่อยากแว๊นซ์กลางสายฝน ห่วงกล้อง 

หรือลุยเลยดีฝนช่างแม่ม555+


น้าคนปล่อยมอไซด์ก็มาตีซี้ .... หว่านโน่นนี่นั่น จากสองร้อยห้าสิบเหลือสองร้อย น้ำมันเต็มถัง 

ไปรอบเกาะนานเท่าไหร่ตามใจท่าน กลัวฝนหรอเดี๋ยวให้เด็กไปเอาเสื้อกันฝนให้ โอยบริการสุดฤทธิ์ 

จัดไปค่ะแว๊นซ์ก็แว๊นซ์ ! 555555+ 






ก่อนแว๊นซ์ ศึกษาแผนที่ที่น้าคนให้เช่ามอเตอร์ไซด์ให้มาอยู่แป๊ป ...... 

สรุปลงตัวที่เราจะไปที่ที่ไกลที่สุดก่อน ... แน่นอนว่าไม่เคยไป55555555+ 

ท่ายายพิมและแหลมงู การจะแว๊นซ์มาจุดนี้จะผ่านเส้นทางที่จะแยกไปสถานที่เล่นน้ำยอดฮิตบนเกาะ นั่นก็คือหาดถ้ำพัง

ขี่รถตรงขึ้นมาจากทางแยกนั้นได้ ก็แทบจะอโลน 5555+ แทบจะเหมือนอยู่บนเกาะส่วนตัวเอิ๊กกกกก นานๆจะมีรถขี่สวนมาที 

เพราะไม่ได้ศึกษาสถานที่ต่างๆ มาล่วงหน้าเลยไม่รู้ว่า ปารีฮัท เนี่ยเราสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ เสียดายมั่กๆ -*- 

ช่างมัน ไว้คราวหน้าค่อยมาเก็บ 5555555555555+


ขี่ๆ แบบอโลนมาจนถึงทางแยก แหมะ...ด้วยความไว้ของมือเห็นคำว่า แหลมงูซึ่งต้องไปทางซ้าย นี่ก็หักขวาค่า

บิดมาอีกนิดเจอเลย กองขยะ!!! โอ๊วววววววววว กร๊ากกกกกกกกก โอ๊ยฮาอิหลี ก็มาได้เนาะ-*-

จอดรถตะโกนถามลุงที่กำลังง่วนอยู่กับกองนั่นอยู่

ลุงจ๊า ... ยายพิมไปไงอ่ะ ...... 

ทางเดียวกับแหลมงูล่ะอิหนูเอ๊ย ....

แป่วววว ขอบคุณคุณลุงเสร็จก็ชิ่งสิคะ อย่างว่อง แมงหวี่แมงวันบินวนตอมจะแย่ละ555555555+ 

ท่ายายพิม ........... อโลนมากกกกกกก มีมอไซต์ขี่มาบ้างแว๊บๆ แต่ไม่มีคันไหนจอดเลย 

ท่าของข่อยสินะ อโลนไปเซ่ กร๊ากกกกกกกกกกกก






















เมื่ออยู่คนเดียว ........ ท่าของข้า หาดของข้า เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ก็ต้องหาสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นสินะ

แอ๊กชั่นนนน

น้องปู .... มองหน้ามีปัญหาเรอะ


น้องเปลือกหอย ...... อันนี้ไม่มีชีวิตซะละ 555+



น้องติ๊ชชชช เสกให้มีชีวิตเพี้ยงๆๆๆ








หมกมุ่นกับน้องติ๊ชและการเดินลุยน้ำทะเลเล่นจนฉ่ำปอด ได้เหงื่อไม่มากไม่น้อยก็โบกมือลาท่ายายพิม

มุ่งสู่แหลมงู ...... แหลมที่ต้องวกลงด้านล่าง เมื่อออกมาจากท่ายายพิม ช่วงนี้มีรถสวนไปมาบ้าง คงเริ่มที่จะคนบนเกาะจะเยอะละ 

เรือนี้เตะตาตั้งแต่เลื้อยลงมาจากถนน 


แชะไปได้รูปเดียว .... เจ้าถิ่นฮ่ะ มาทักทาย ไม่มีอะไรติดมือมาฝากเจ้าถิ่นเลย นี่ยังหิ้วท้องอยู่เหมือนกัน เอิ๊กกกกก
เดินตามเจ้าถิ่นมาเล่นด้วย แต่นางหลบใต้หินไม่ยอมออกมา เล่นตัวนัก ถ่ายรูปซะเลย555+




สรุปเจ้าถิ่น เข้าถ้ำไม่ยอมออกมา เลยต้องมาเล่นกะติ๊ชแทน 5555555+ 
แหลมงูนี่ มีคนมาตกปลาด้วย มีสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากข่อยด้วยเย้~

ชอบเรือมากขลังดี

ติ๊ชกะเรือขลังๆ 



เราลงมาจากแถวๆ เสาโน่น  ตรงหินๆ มีลุงมาตกปลาอยู่ด้วย ไม่ได้เดินไปส่อง ร้อนมาก หัวหูร้อนไปหมดตอนนี้ 555+
กำลังจะออกจากแหลมงู เห็นช่องเขียวๆนี่ .......... โอ๊ะ คืออาราย อยากรู้ก็จอดรถ ลุย 555555+

คือไม่มีอะไร เดินเข้าไปก็เสียวๆ จะไปโผล่ที่ไหนน๊อ ... เอิ๊กกกก


เหมือนจะตัน ไม่กล้าเดินเข้าไปจนสุด กลัวงู แดดยังเผาหัวอยู่แต่อากาศตรงนี้ร่มรื่นดี 

ออกจากจุดที่ไกลสุดทางด้านนี้ละ มุ่งสู่หาดยอดฮิตของเกาะ หาดถ้ำพัง หรืออ่าวอัษฎางค์ 

ดูรูปจากอากู๋ เหมือนว่าจะมีบานาน่าโบ๊ตให้เล่นด้วย แต่ไปสองรอบมานี่ไม่เห็นนะ ไม่มีแล้วหรือว่าไงก็ไม่รู้

จอดรถได้ก็รัวๆ กันตั้งแต่ด้านบนเลยทีเดียว 






ตั้งใจไว้ว่าจะมากินพวกทอดๆ ที่เขาทอดขายตรงด้านขวาสุดของทางลงหาดอันแรก 
แต่ต้องแห้ว เขาไม่ได้มาขายอ่ะ เสียใจ ...... 
มื้อนี้เลยจบลงที่ผัดผงกะหรี่กุ้ง กะกาแฟหนึ่งแก้ว อร่อยมากกกกกกกก รึเพราะหิว 5555+++

เนื่องจากเก้าอี้นั่งบริการฟรี เสียแต่ค่าอาหาร มื้อนี้ 100 บาทถ้วน
อิ่มเสร็จก็ต้องย่อย วันนี้คนน้อย ดีงาม แต่น้ำลดไปโน่น

ว่าจะเดินลงไปแตะน้ำเล่น ไม่เอาดีกว่า ไกล 55555+

กดรูปมานิดๆ ก่อนจะโบกมือลา เพราะที่นี่ไม่ใช่จุดหมายหลักในวันนี้ 5555+









Next station ......... แหลมจักรพงษ์

ครั้งก่อนที่มาหาดถ้ำพัง เห็นละว่ามันมีทางไปได้อีก ........ วันนี้ต้องลุย!! 

เส้นทางดีงาม บางจุดจอดกดรูปริมทางได้อะเริดดด


มาถึงตรงนี้ ท้องฟ้าเริ่มขมุกขมัว ฝนตั้งเค้า ต้องรีบชิ่ง ยังหาศาลาพักร้อนอันเป็นจุดเด่นของแหลมนี้ไม่เจอเลย เสียใจ ..
แต่หนทางไปสู่จุดหมายหลักของวันนี้อีกหลายกิโลอยู่ กลัวฝนเทเลยต้องตัดใจ ..... ติดไว้ก่อนๆ 555+
มาถึงตรงนี้ อารมณ์หม่นๆ ขมุกขมัวที่ติดตัวมาจากบ้าน ปลิวหายไปหมดละ เชื่อได้เลย55555555+

การตั้งหน้าตั้งตากับอะไรที่ชอบเนี่ยมันดีงามจริงๆนะ 

ถึงจะได้ทำแค่วันเดียวก็เหอะ ......... 

ถ้ายังมีแรงสักวันคงได้ไปเกี่ยวดาวแตะท้องฟ้าบนยอดภูในฝันกับเขาบ้างแหละ


ส่วนวันนี้ .......... ไปที่นี่ก่อน จุดหมายหลักของวันนี้ ฮิ้ววววววววววววววววววววว

พระจุฑาธุชราชฐาน......... พระราชวังบนเกาะแห่งเดียวในประเทศไทย ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชการที่ 5 .... มันเลอค่ามากอ่ะ



รัวไปก่อนข้างล่างนี่ จุดหมายอยู่สูงค่ะวันนี้ ^^





สะพานอัษฎางค์


ต้นโพธิ์ ใหญ่มากก
พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์  ปัจจุบันพระที่นั่งนี้ถูกย้ายไปสร้างใหม่อยู่ที่พระราชวังสวนดุสิตในกรุงเทพฯแล้ว 
มีชื่อใหม่ว่า  “พระที่นั่งวิมานเมฆ”




เรือนเขียว ... มีน้ำมีขนมไว้บริการนักท่องเที่ยวที่จุดนี้ด้วย ... แวะดับกระหายด้วยน้ำองุ่นนะ 
อร่อยมากกก สดชื่นนนจริงๆ  ><



ได้แผนที่สำรวจพื้นที่ภายในพระจุฑาธุชราชฐานฉบับระเอียดยิบจากจุดนี้ ............. 

พร้อม!

พี่ที่ให้แผ่นพับจากร้านเรือนเขียวบอกมาว่าให้เดินมาขึ้นเขาจากทางนี้ ..... เจอที่เก้าอี้ นั่งพักสะสมแรงแป๊ป 555+  



วันนี้น้ำลงหรือว่าไงนะ มันแห้งๆ หายๆยังไงไม่รู้ 555+



มองๆไป ก็ไม่ได้สูงอะไรเท่าไหร่ แปดจุดด้านบนไม่น่าจะเก็บไม่หมด ลุยยย!





นั่นลิบๆ จุดแรก อิอิ ใกล้แล้ว


ปีนขึ้นมาก็เจอทักทายจากเจ้าร้อยขาตัวนี้ ... ตอนจะถ่ายมันหยุดให้ถ่ายนะ พอจะเดินมันหันหัวมาเดินตามเฉยกร๊ากกกกกก 

ที่นี่กิ๊งกือเยอะมาก ตอนแว๊นซ์ไปท่ายายพิมนี่เจอตัวอย่างเบ้ง 

ต๊วมเตี๊ยมมาบนถนน เกือบเหยียบด้วยอ่ะ
ตั้งแต่เดินขึ้นมา เหมือนอยู่บนเกาะสวนตัวอีกครั้ง เงียบ สงบ ลมเย็นสบาย บรรยากาศขมัวนิดๆ นี่ มันสุดยอดมากจริงๆ 


ที่แรก เรือนอภิรมย์ ......... ที่เรือนนี้ด้านในมีจัดแสดงโมเดลของสถานที่ภายในพิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐานไว้ 

เข้าไปดู แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา 55555+ จุดนี้มีเจ้าหน้าที่อยู่หนึ่งคนกำลังทำอะไรอยู่ไม่รู้ จอดรถกับถอดรองเท้าไว้ตรงทางขึ้น 

เลยไม่ได้เก็บภาพด้านหน้ามาด้วย มันไม่งามเอิ๊กกกกกกก 



เดินไปอีกไม่กี่ร้อยเมตร ก็จะเจอเรือนที่สอง เรือนผ่องศรี ...... เดินมาถึงหน้าเรือน ฝนพรำทันที แง๊ กดรูปมาได้ก็วิ่งเข้ามาหลบฝนด้านใน




ฝนไล่ช้างสินะ ชิชะ ......... ถ่ายรูปด้านในไม่กี่รูป หันหน้าออกมาอีกทีฝนหายละ อมยิ้ม19อมยิ้ม19


ฝนหาย เดินขึ้นมาเรื่อยๆ อีกหน่อยก็เจอนี่ เจดีย์เหลี่ยม สงสัยว่ามันคืออะไร ก่อนโพสนี่ก็หาข้อมูล คือไม่มีที่มามีแต่บันทึกของราชทูตอังกฤษบอกเพียงลักษณะ สันนิษฐานว่าเป็นที่สำหรับชาวเรือมานมัสการ 

แต่ๆ ประเด็นมันอยู่ตรง หินระฆังไง ... นี่ก็ส่องไปดิ ไหนเนี่ย ไหนคือหินระฆัง 
จากป้ายบอกคือห่างไปแค่ 25 เมตร!
บอกเลยหาไม่เจอ! งง ยืนมึนอยู่นานมาก ถามใครก็ไม่ได้ อโลนเอิ๊กกกกกก 


มารู้จากการถามอากู๋นี่แหละ ว่ามันคือหินด้านบนสุดลิบๆโน้นนน 
ดีนะที่ยังถ่ายติดมา 555+
ต้องลองเคาะงี้ จะได้รู้ว่าที่มาของคำว่าหินระฆังคืออะไร โห่ ... พลาดดดอย่างแรง!

สวัสดีเช้าวันใหม่ เช้าวันฝนตกพรำๆ .......... 

ช่างฟ้า ..... มาเวิ่นต่อดีกว่า 555+


เมื่อวาน เบรคไปตอนปีนขึ้นมาด้านบนเขาน้อย ผ่านไป 4 จุดละ ไปต่อจุดที่ห้ากันเหอะ ... 

หอบแป๊ป  ... เหนื่อยนะถึงจะไม่ค่อยร้อนแดดแบบเผาไหม้ตามช่วงเวลา 

แต่มันก็ยังมีแดดหุบๆ ร้อนแบบขมุกๆ ฝนหยดแบบไม่ค่อยต่อเนื่อง 55+


เดินมาอีกไม่กี่สิบก้าวก็ถึงจุดนี้ พระเจดีย์อุโบสถ วัดอัษฎางคนิมิตร 
ตามข้อมูลคือเป็นวัดแห่งแรกบนเกาะสีชัง มีมาก่อนที่พระวังราชต่างๆ จะมาสร้างในบริเวณนี้อีก
แต่ถูกย้ายที่ตั้งและถูกเปลี่ยนชื่อ ..... มองไปรอบๆ ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นวัดเลยแฮะ 
สถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่ตัวเจดีย์ที่สร้างครอบพระอุโบสถไว้ให้อารมณ์งดงามแบบไม่คุ้นเคยดี 555+


สถานที่ทุกแห่งบนพิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐานตอนนี้ ได้รับการบูรณะ ทาสีซ่อมแซมใหม่หมดแล้ว สวยงามตามท้องเรื่องมาก 





ด้านใน เรียบ ง่าย สงบ ร่มเย็น เหมาะแก่การนั่งพักเก็บแรงมาก
จากจุดห้าด้านบน เรากำลังจะเดินไปจุดบนสุดของฝั่งทางด้านนี้กันแล้ว  ตื่นเต้นนนน 

ทางเดินไปจุดชมวิวเขาน้อย เงีบบ สงบ อโลน ลั่นทมมากกก 

เดินไปเรื่อยๆ จากอุโบสถ ป้ายบอกระยะทางที่ประมาณห้าร้อยเมตรนิดๆ แฮ่กๆ
ฝนยังมีพึมพัมๆ เบาๆ บางๆ เป็นระยะอยู่ ลุยๆ เดินๆ 


นั่นนน  อีกนิดเดียวเท่านั้นเอ๊งงง .... จากจุดนี้ได้ยินเสียงโม้งเม้งโช้งเช้งดังแว่วๆ ขนลุกแว๊บนึง
... เสียงไรวะ เห้ยนี่คิดว่าอยู่อโลนนะ ข้างหน้าคืออะไร? มีงานอะไรกัน? ....... มโน มโน มโนไปโน้นนน
เดินยื่นคอชะเง้อ ชะแง้นำตามเสียงมากเรื่อย ๆ ยิ่งดังๆ จนกระทั่งเดินมาถึง ....... 

เสียงที่ได้ยิน มันคือ ... เสียงเชียร์มวย จากโทรทัศน์! กร๊ากกกกกกกกก 

จุดนี้มันน่าจะเป็นจุดที่พี่ๆ เจ้าหน้าที่ระแวกนี้ไว้พักผ่อน ไว้จัดการกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายไรงี้ 

พี่เจ้าหน้าที่คนเดียวที่อยู่ตรงนั้นหันหน้ามามองมาแว๊บนึง เลยส่งยิ้มสวยๆ ให้ไปทีก่อนเดินต่อ 55555+ 

เดินต่อแป๊ปนึงก็ถึงแล้วววว 


คือ .... ขาเริ่มสั่นนิดๆ เมื่อเห็นบันได .... 
แต่ความคิดกลับเหวี่ยง ว่าเนี่ยนะจุดชมวิว ทำไมเตี้ยงี้อ่ะ จะเห็นไรเนี่ยยยย 
.........(เอ็งแหละเตี้ยเหอะมั๊ย)
ปีนขึ้นมาได้ ก็เหินฟ้าาาาาา ........ 
สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ ลึกๆ ไปเจ็ดแปดรอบ 
ฮ่าาาาาาาาา สดชื่นนน  55555+ 




ขาสั่นแบบรู้สึกได้ .... ตะคริวกำลังจะมาแน่ๆ โอยย นั่งเลยสิงานนี้ นั่งมันตรงบันไดนั่นแหละ 
จุดชมวิวของข้า ............ ไม่มีใครหือหรอก กร๊ากกกกกกก 
นั่งนวดๆ ขา พักเอาพลังสักแป๊ป ก็เดินกลับทางเดิม ....
ช่วงขาลงเขา อาการเริ่มออกหนักที่น่อง จะรอดมั๊ยยยย

เดินๆ หยุดๆ จนจะออกจากทางเดินลั่นทมแห่งนี้ละ รัวซะหน่อย



ลั่นทม & พื้นหิน 

ลั่นทม & ใบไม้ใบหญ้า


มีช่วงระทึกตรงช่วงเดินลงนี้ นิดนึง .... 
ตะคริวรับทานค่า เดินๆ อยู่ก็ขึ้นมาเลยกลางน่อง เจ็บจริง ปวดจริง นั่งโอดโอยมันกลางทางเดินนั่นแหละ เง้อออออออ 
ฝนหยดแหมะบางๆ พื้นร้อน อากาศร้อน เหงื่อพรักๆ โอโห ได้ฟิลมากกกก
บิดปลายเท้าซ้ายๆ ขวาๆ นวดๆ บีบๆ ไม่ทุเลาเลย มันขึ้นๆ แบบรัวมาก
แหกปากร้องไป หันซ้ายหันขวาไป ไม่มีใครเลย 555555555+ 
คือ .... ถ้าตายตรงนี้ จะมีใครเห็นซากมั๊ย โอ๊ยยย เจ็บบบบ (เว่อร์จริงจัง 55+)
ผ่านไปสักสามสี่นาที ยังกระตุกเกร็งบ้าง แต่มันไม่หาย และยังไร้เพื่อนร่วมทางอยู่ เลยเปิดอากู๋ถามวิธีแก้เบื้องต้น
มีอยู่เว๊บ บอกว่าให้นวดๆ ขยับๆ และพยายามเดิน! เอ๊า ...... พยายามเดินด้วยหรอแว๊
ลุกเลยสิคะ เออ พอลุกละมันก็ดีขึ้นจริงอ่ะ ปวดแต่ไม่ถึงกะร้อง 
เลยลองออกเดินดู สีห้าก้าว มันหายไปเลยไอ่อาการปวดตรงช่วงน่อง 
ป๊าดดดดดดดด นั่งอยู่ได้ตั้งนานเด้5555+


     เรื่องนี้เล่าไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับขาลุยนะคะ การที่จะบ้าพลังเนี่ย ควรเตรียมพร้อมด้วย 
มิฉะนั้น ต้องมาโอดโอยไร้คนเหลียวแลแบบเรานี่ กร๊ากกกกกกกก
ถามเภสัชกรร้านขายยามา เภสัชบอกว่าก่อนการจะลุย หรือใช้พลังกล้ามเนื้ออะไรแบบนี้ 
ควรรับประทานกล้วยหอม 1 ลูก ก่อนการเริ่มกิจกรรมสักชั่วโมงนึงค่ะ มันช่วยได้ดีเลยทีเดียว 
รอบหน้าต้องลองสักหน่อยละ ว่าดีจริงไหม5555555+


เดินมาเรื่อยๆ อาการตะคริวก็ดีขึ้นเรื่อยจนไม่หน่วง ไม่ปวดแล้ว 
ดิ่งลงมาที่จุดต่อไป ตรงนี้ .... พลับพลารัชกาลที่ ๕ 
จุดนี้จัดสร้างโดยกรมศิลปากรเมื่อปี 2535 ..... ก็ยี่สิบสี่ปีแล้วนะเนี่ย
สักการะเพื่อเป็นศิริมงคลกัน


กองหินที่เรียงสูงเพื่อค้ำกิ่งไม้ตรงนี้ สวยดี555+


ผ่านจุดนี้ .... นึกถึงป้ายสระดโนดาต ตรงสระนั้นไม่มีน้ำเหลืออยู่แล้ว เลยไม่ได้เก็บภาพมา 
ตอนนี้นึกเสียดายแฮะ -*-  อ่านข้อมูลมาว่า สระดโนดาต หากมองจากด้านเป็นจะเป็นรูปหัวใจ
แต่ถ้ามองจากด้านล่างจะเป็นรูปหยดน้ำ .. อดเลย
เดินลงมาจากเขา มาแวะจุดสุดท้ายสักนิด จริงๆผ่านตั้งแต่ตอนก่อนเดินขึ้นเขาแล้วแหละ 
แต่มีเจ้าหน้าที่มานั่งพักอยู่ เลยเอาไว้ก่อน 
ตอนลงมานี้เหมาะมาก 55555+
เรือนวัฒนา ..... ไม่ได้เข้าไปด้านใน ดูจากเวลาละอ้อยอิ่งไม่ได้ละแฮะตอนนี้ 5555+
แต่เรือนนี้ มาครั้งหน้าต้องสำรวจรอบๆให้ละเอียดซะละ คึคึ ... แปะโป้ง

สี่โมงนิดๆ แล้ว เหลืออีกจุดที่จะไปเก็บ รัวๆ


โบกมือลา พระจุฑาธุชราชฐาน แว๊นสู่ที่หมายสุดท้ายอย่างรวดเร็ว 
จะกลับเรือรอบห้าโมงเย็น .... ป่านนี้จะสี่โมงครึ่งแล้วววว

ช่องอิศริยาภรณ์หรือช่องเขาขาด .... ชื่อเพราะ รูปในแผนที่ดึงดูดให้ไปเหยียบ สักนิดก็ยังดี
มีเวลาประมาณยี่สิบนาที่ ณ สถานที่แห่งนี้ เลยไม่ได้เดินลงไปจากด้านบนนี้ ...... ไว้มาเก็บเอาคราวหน้าเน้นๆ คึคึ

ศาลาที่พัก หรือศาลานักถ่าย ก็ว่ากันไป ที่ศาลาตรงนี้ มุมถ่ายช่องเขาขาดนี่ ตามในโบว์ชัวร์เด๊ะๆ  555+




หันซ้ายหันขวา ... หันหลัง โป๊ะ! มีทางปูนโบกไว้หยาบๆ ให้ป่ายให้ปีนขึ้นไป ..... ก็ปีนสิรอไร 555+
หวาดเสียวอยู่เหมือนกัน คือถ้าพลาดนี่ ร่วงแน่ๆอ่ะ เหอๆ แต่ก็นะ อย่าคิด ปีนค่ะปีนนนน 
ปีนไปนั่งแล้วได้มุมตรงนี้ ก็งามอยู่นะเออ  


ตอนนี้เลยได้นั่งนิ่งๆ นั่งโง่ๆ มองฟ้า มองทะเล  
แป๊ปนึง สมองก็ทำงาน ........ เฮ่ย รอพระอาทิตย์ตกมะ 
พระอาทิตย์น่าจะตกตรงนี้ . รึเปล่าหว่า ......... เอ ..... เอาไงดี เอ
ยกนาฬิกาขึ้นดู อีกห้านาทีห้าโมง ......
กลับดีกว่า เอิ๊กกกกกกกกกกก 

มาทันเรือรอบห้าโมงแบบฉิวเฉียด ซื้อตั๋วขึ้นเรือปุ๊ป เรือออกปั๊ป 
ขากลับนี่ คนไม่เยอะ เลยได้นั่งด้านริม ยกกล้องส่องได้ไม่ต้องเกรงใจใครแล้ว เอิ๊กกกกกกกกกกก

ก่อนกลับทริปนี้ ... ขอแปะรูปจากครั้งที่แล้วทิ้งทวนสักหน่อย วันนี้ไม่ได้ขึ้นไปที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ชอบวิวที่ได้จากด้านบนนี้ ><





บ๊ายบายนะ เกาะสีชัง
บ๊ายบายนะเกาะสีชัง ............ 
ถึงจะมาเที่ยวคนเดียว แต่สนุกมาก ได้ประสบการณ์ ได้อารมณ์ ได้โมเมนท์ ได้ฮา เยอะแยะมากมาย 

แล้วเจอกันใหม่นะ จะกลับมาตามเก็บส่วนที่ยังเหลือให้หมดเล๊ยยย ติ๊ชมองตาละห้อยยยย555+


ขอบคุณตัวเอง ที่ตัดสินใจมาดับอารมณ์หม่นๆ ขุ่นๆของตัวเองที่นี่ 

ขอบคุณทุกสถานที่บนเกาะสีชังที่ทำให้คลายอารมณ์ทั้งหมดทั้งมวลไปได้อย่างชะงัด


ขอบคุณผืนทะเล ลมทะเล ต้นไม้ ใบหญ้า กิ๊งกือ และผู้คนรอบกายที่ทำให้แม้จะโดดเดี่ยวเพราะมาคนเดียว แต่ไม่เหงาเลยสักนิด ^^


เมื่อไหร่ ที่คิดจะเดินทาง หรือต้องเดินทาง หัวใจมักจะไปก่อนแล้วหลายช่วงตัว 

แต่หลายปีมานี้ ยากเหลือหลายที่จะได้ไปยังที่ต่างๆ ตามที่ใจอยาก

หัวใจมันเลยด้านชากับอารมณ์ที่เคยมี ...........



วันนี้ ..... ความรู้สึกเหล่านั้นเหมือนจะกลับมาอีกครั้ง 

อาจเพราะได้มานั่งทบทวนเรื่องราวที่ประสบ ได้นั่งดูรูปที่กดมาจากมือตัวเอง 

และเวิ่นเว้อผ่านตัวอักษรมาถึงตรงนี้ .... ไม่ต้องผ่านสายตาใคร แต่แค่ผ่านสายตาตัวเอง

หัวใจมันก็พองโต คิดคึก มีแรงในการใช้ชีวิตอันผิดแผนแบบนี้ต่อๆ ไปอีกสักพัก


นั่นหมายความว่า .........  ข่อย ต้องไปอีกหลายๆ ที่ ที่อำนวยกับการเดินตามฝันเอียงๆ ทีละก้าว ทีละก้าวนี้

และกลับมาบันทึก เวิ่นเว้อ อีกครั้ง และอีกหลายๆครั้ง .. สินะ 


กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  


จบ.

เคลียร์ค่าใช้จ่ายแป๊ป 

ค่ารถตู้แปดริ้ว จากหน้าบ้าน - แปดริ้ว      = 30  บาท
ค่ารถตู้ระยอง  จากแปดริ้ว - ศรีราชา       = 80  บาท
ค่ามมอไซต์คุณตาขาแว๊น (จริงๆให้ตาไปร้อยนึง) แต่คิดจากราคาขากลับเอาละกัน  =    30  บาท
ค่าเรือข้ามไปเกาะ ไป - กลับ (รอบละ 30 บาท)                                             =    60  บาท
ค่ามอไซต์แว๊นรอบเกาะ                                                                           =  200   บาท
ค่าข้าวหนึ่งมื้อ                                                                                       =  100  บาท
ค่ามอไซต์ออกจากท่าเรือมาที่ท่ารถตู้กลับกรุงเทพฯ                                        =    30  บาท
ค่ารถตู้ระยอง ยิงยาวถึงปากซอยบ้านเลย (ดีงามมมม)                                     =   120  บาท
ค่าน้ำค่าหนม ถัวไปที่                                                                            =   100  บาท

เตรียมตังไปสามหมื่นแปด 5555555+  อัยยะใช้ไปรวมทั้งทริป  750  บาท  

คือ ... ไม่ได้จะคิดประหยัดอะไรนะเนี่ย เพียงแต่เวลาได้จดจ่อกับอะไรแล้วเนี่ย 
ต่อมความหิวหรือเรื่องกินนี่เหมือนจะหยุดทำงานไปชั่วคราว จริงๆ 5555+

รอบหน้า ... ปารีอัท โดนแน่ๆ เก็บตังแป๊ป 5555555555+ 
ที่มา Pantip