รีวิว พัทลุง เขาเล่าว่า...เมืองต้องห้าม...พลาด Plus



... อยากทิ้งความเหนื่อยล้า จากงานที่กองอยู่ตรงหน้า แล้วหาที่เที่ยวที่สงบกาย สงบใจ ไม่วุ่นวาย ...
"พัทลุง" คือคำตอบ


หากไม่รีบร้อนไปไหน..เดียวจะเล่าให้ฟังนะ


หากมาแล้วไม่ควรพลาดที่แรกๆ เลยคือ
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า สะพานเอกชัย  เขาเล่าว่า...เป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดในประเทศ  ซึ่งข้ามไป อ.ระโนด จ.สงขลา โดยมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มองไปสุดลูกหูลูกตา สีสันสวยงามและมีเส้นทางสำหรับปั่นจักรยานด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่มาที่นี่คือ การมาดูควายน้ำ งงใช่มั้ยค่ะ อะไรคือควายน้ำ คำตอบคือควาย นี่แล่ะ ชาวบ้านได้เลี้ยงไว้ ซึ่งในช่วงน้ำเยอะๆ ก็จะเห็นควายออกหากิน โดยการว่ายน้ำ หรือ ดำน้ำไปกินวัชพืช  ขณะที่ในช่วงน้ำลด เหล่าควายก็จะเดินหากินตามท้องทุ่งหญ้าตามปกติ
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้...เราใช้รถส่วนตัวค่ะ







เที่ยวเมืองลุง อย่าลืมตีโพน 9 หอ ไม่เช่นนั้นเท่ากับมาไม่ถึงพัทลุง
เขาเล่าว่า...ห้ามพลาดเลยนะ... เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และได้ชื่อว่าเดินทางมาถึงพัทลุงแล้วนั่นเอง  โดยโพนมงคล 9 หอ ตั้งตามสถานที่สำคัญของเมือง
สำหรับโพนมงคลทั้ง 9 ลูก มีชื่อสอดคล้องกันทั้ง 9 ลูก ลูกที่ 1 ชื่อโพนก้องฟ้า อยู่ที่วัดอินทราวาส ลูกที่ 2 โพนสุธาสนั่น อยู่ที่ สวนกาญจนาภิเษก ลูกที่ 3 โพนขวัญเมือง อยู่ที่หน้าศาลาจตุรมุข ลูกที่ 4 โพนเรืองเดชา อยู่ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ลูกที่ 5 โพนมหามงคล อยู่ที่ลานหน้าเขาวังเนียง ลุกที่ 6 โพนมนต์เทวัญ ตั้งอยู่ที่ศูนย์ภูมิปัญญาผู้สูงอายุ ลูกที่ 7 โพนอนันตชัย อยู่ที่สวนเแลิมพระเกียรติ ร.9 ลูกที่ 8 โพนพิชิตไพรี ตั้งอยู่ที่ถ้ำเทพนิมิตร และลูกที่ 9 โพนศรีไพศาล ตั้งอยู่ที่หาดแสนสุขลำปำ
โดยแต่ละจุดนั้นตั้งอยู่ไม่ไกลกัน สำหรับใครไม่มีรถส่วนตัว สามารถเช่ารถตุ๊กๆ ได้  แต่จะมีจุดสุดท้ายอยู่หาดแสนสุขลำปำ แนะนำนั่งรถสองเเถวไปจะดีกว่าค่ะ ในการตีโพนนั้นจะตี 5... 3... 3... 3... 1

ข้อมูลโพนมงคลเมืองลุง
หอที่ ๑ โพนก้องฟ้า วัดอินทราวาส (วัดท่ามิหรำ)
ประวัติ โพนแห่งวัดอินทราวาส (ท่ามิหรำ) อ.เมือง จ.พัทลุง (ชื่อเดิม – ฟ้าลั่น) สร้างขึ้นโดยพระครูกาแก้ว พระปลัดประคอง ธมฺมปาโล และพระครูธรรมบาลชูศักดิ์ ชุตินฺธโร เมื่อพ.ศ.๒๔๙๗ ชนะเลิศในงานประเพณีแข่งโพน-ลากพระ ติดต่อกันตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๖-๒๕๔๐ เป็นที่โจษจันกันในหมู่นักเลงโพน ทุกเพศทุกวัย
คุณสมบัติ รูปทรงสวยงาม เสียงดัง มีเสน่ห์
ความเป็นมงคล ชนะมารร้ายทั้งหลาย
บริกรรม : อรหัง พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไกลจากกิเลส
ภาวนา / รำลึก : ทานบารมี นึกถึงการทำบุญให้ทานที่ตนเองได้ทำไปแล้วด้วยความภูมิใจ และกำหนดในใจว่าจะทำต่อไปอย่างมีเมตตา
ข้อมูลจากhttp://www.paiduaykan.com/province/south/pattalung/teepone.html



หอที่ ๒ โพนพสุธาสนั่น สวนกาญจนาภิเษก
ประวัติ โพนแห่งจังหวัดสงขลา (ชื่อเดิม – สุธาลั่น) ข้างโพนมีรอยระบุปีที่สร้าง คือ พ.ศ.๒๔๗๑ ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของนายพ่วง จุลพูน โพนสุธาสนั่น เป็นโพนที่มีเสียงยืด ทุ้ม มีจุดเด่นที่รูปทรงสวยงาม สมส่วน เคยชนะเลิศโพนสนามภูธรและรองชนะเลิศถ้วยพระราชทาน
คุณสมบัติ : เสียงดังแผ่ไปไกล
ความเป็นมงคล : ความมั่นคงในชีวิต แคล้วคลาด เจริญในทรัพย์
บริกรรม : สัมมาสัมพุทโธ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง
ภาวนา / รำลึก : ศีลบารมี ระลึกว่าตนเองได้ปฏิบัติชอบตามศีล ๕ ข้อ ได้แล้วเพียงใด
พยายามจะปฏิบัติต่อไปอย่างไร เพื่อความปลอดภัยยั่งยืนของตนเองและครอบครัวความสงบสุขของสังคมอธิษฐานเสร็จแล้ว ท่านจะมีจิตใจอิ่มเอม สดชื่น


หอที่ ๓ โพนขวัญเมือง หน้าศาลาจตุรมุข
ประวัติ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๖ ไม่ทราบนามผู้สร้าง ท้ายที่สุดอยู่ในความรับผิดชอบของนายฉกรรจ์ ศารานุรักษ์ ที่เป็นผู้ตี เคยชนะเลิศระดับตำบล-หมู่บ้านมาทุกปี และประสบความสำเร็จสูงสุด ในการแข่งขันโดย ชนะเลิศได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๓ จึงไม่ไปแข่งขันที่สนามใดเลยจวบจนปัจจุบัน
คุณสมบัติ : เสียงดัง ไพเราะ จนเป็นที่ยกย่องของชาวเมือง
ความเป็นมงคล : การสละกิเลส ความสงบสุข
บริกรรม : วิชชาจรณสัมปันโน พระพุทธเจ้าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และประพฤติ
ภาวนา / รำลึก : เนกขัมมะบารมี ระลึกถึงการที่ตนเองเคยละกิเลส ความอยากได้ที่เป็นทุกข์ ตั้งใจว่าจะมีชีวิต ตามปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง อธิษฐานเสร็จแล้ว จะทำให้จิตใจโปร่งเบา



หอที่ ๔ โพนเรืองเดชา สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ๘๐ พรรษา
ประวัติ โพนแห่งวัดควนปรง อ.เมือง จ.พัทลุง (ชื่อเดิม – โครงพุก) สร้างขึ้นโดยพระอาจารย์คง เจ้าอาวาสประมาณ พ.ศ.๒๔๑๘ โพนโครงพุก ใช้ตีบอกเวลายาม เช้า-เที่ยง-เย็น และในกรณีสำคัญๆ หรือยามฉุกเฉิน เสียงจะดังไปทั่วเขตเทศบาลฯ และใกล้เคียง เพราะเวลาตีอยู่บนเนินสูง มีความขลัง บนบานตามความเชื่อ มักสัมฤทธิ์ผล
คุณสมบัติ : เสียงดัง เร้าใจ ไพเราะ
ความเป็นมงคล : มีเดชเดชะ ศักดิ์สิทธิ์ ดั่งเสียงประกาศิต
บริกรรม : สุคโต พระพุทธเจ้าเสด็จไปดีแล้ว
ภาวนา / รำลึก : ปัญญาบารมี ตั้งใจว่าการดำเนินชีวิตจะต้องใช้เหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ ใจเย็นรอบคอบ
อธิษฐานเสร็จแล้ว จะทำให้จิตใจสบาย มั่นใจในตนเองมากขึ้น




หอที่ ๕ โพนมหามงคล หน้าเขาวังเนียง
ประวัติ โพนแห่งวัดไทรห้อย ต.ท่ามิหรำ อ.เมือง จ.พัทลุง (ชื่อเดิม – ไอ้ยอม) สร้างเมื่อพ.ศ.๒๔๓๒ เป็นโพนคู่แข่งของโพนโครงพุก ความพิเศษของโพนไอ้ยอมคือในอดีตเมื่อมีการสร้างถนนที่ต้องตัดผ่านที่ดินซึ่งเจ้าของไม่อนุญาต เกิดกรณีพิพาทขึ้น เพียงแต่ได้ยินเสียงโพนไอ้ยอมเท่านั้น ข้อพิพาทนั้นก็ยุติลง
คุณสมบัติ : เสียงดังมีเสน่ห์ ไพเราะ เร้าใจ
ความเป็นมงคล : นำมาซึ่งความเจริญด้าน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
บริกรรม : โลกะวิทู พระพุทธเจ้าเป็นผู้แจ้งโลก
ภาวนา / รำลึก : วิริยะบารมี ตั้งใจว่าจะมีความพากเพียร ความกล้าในทางที่ถูก เพื่อความเจริญสุขของตนเอง ครอบครัว และสังคมภาวนาเสร็จแล้ว จะมีจิตใจที่เข้มแข็ง มั่นใจ





หอที่  ๖  โพนมนต์เทวัญ  ศูนย์ภูมิปัญญาผู้สูงอายุ
ประวัติ โพนแห่งวัดควนปริง ต.พนมวังก์ อ.ควนขนุน(ชื่อเดิม – ไอ้เคียน) สร้างขึ้นโดยพระอาจารย์ ชัย  อินฺทสโร และหลวงพ่อ ยิ้ม  ขนฺติโก  เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๐ มีจุดเด่นที่เสียงกังวาน หนักแน่นและมีความขลังด้วยอาคมคาถา
คุณสมบัติ :  เสียงดังกังวาฬ  ไพเราะดั่งเสียงสวรรค์
ความเป็นมงคล :  เป็นผู้ไม่ทำบาปทั้งปวง
บริกรรม :  อนุตติโร  ปุริสทัมมะสารถี พระพุทธเจ้าเป็นผู้ฝึกบุรุษได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
ภาวนา / รำลึก :  ขันติบารมี  ตั้งใจว่าจะเป็นคนที่มองคนในแง่ดี  ยกย่องคนดีด้วยใจ
ภาวนาเสร็จแล้ว จะรู้สึกพอใจตนเอง  พอใจสิ่งแวดล้อม มีความสุข



หอที่  ๗  โพนอนันตชัย  สวนเฉลิมพระเกียรติ ร.๙
ประวัติ โพนแห่งวัดท่าสำเภาใต้ อ.เมือง จ.พัทลุง(ชื่อเดิม – อีโด) สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๐ เป็นโพนบอกเวลาเช้า-เย็น เหตุฉุกเฉิน มีอายุมากเสียงดังก้องกังวาน ไม่เป็นสองรองใครเรื่องเสียง แม้อาจจะไม่ได้ชนะเลิศสนามใหญ่หรือสนามกลาง กระนั้นก็ติดรองชนะเลิศทุกปีส่วนสนามภูธร ระดับตำบล-หมู่บ้าน ยากที่คู่แข่งจะผ่านไปได้
คุณสมบัติ :  เสียงดังรูปงาม ชนะมาตลอด
ความเป็นมงคล : การได้รับการยอมรับนับถือ
บริกรรม :  สัตถา  เทวมนุสสานัง  พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์
ภาวนา / รำลึก :  สัจจะบารมี  รำลึกถึงวจีกรรมของตนเอง โดยพิจารณาว่าตนเองเคยกล่าววาจาที่ไม่ถูกต้อง  หลอกลวงให้ผู้อื่นลำบากบ้างหรือไม่ ต่อไปนี้ตั้งใจจะเป็นผู้มีวาจาที่ถูกต้อง คิดถูกต้อง




หอที่  ๘  โพนพิชิตไพรี  ถ้ำมาลัยเทพนิมิตร
ประวัติ ทำจากไม้ท่อนเดียวกับโพนไอ้เคียนแห่งวัดควนปริง (ชื่อเดิม-ไอ้เคียนทอง) สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๐ เป็นเรื่องแปลกที่เมื่อถึงฤดูกาลแข่งโพนในช่วงเทศกาลออกพรรษา มักจะได้ยินเสียงโพนดังขึ้นเอง เหมือนกับจะบอกเหตุว่า โพนในสังกัดจะต้องชนะ  เคยชนะเลิศระดับจังหวัด ๒ ปีซ้อน
คุณสมบัติ :  เสียงดัง รูปร่างสมส่วน งดงาม
ความเป็นมงคล : ทางเมตตา มหานิยม ชนะมารทั้งปวง
บริกรรม :  พุทโธ  พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้  ผู้ตื่น และเบิกบานแล้ว
ภาวนา / รำลึก :  เมตตาบารมี ระลึกตนเองเคยให้ความเมตตาแก่ผู้อื่นเพียงใดกำหนดในใจว่าจะมีความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ช่วยให้เขาพ้นทุกข์
อธิษฐานเสร็จแล้ว จะรู้สึกเป็นสุขใจ โลกนี้น่าอยู่ผู้คนน่ารัก



หอที่  ๙  โพนศรีไพศาล  หาดแสนสุขลำปำ
ประวัติ โพนแห่งวัดควนปันตาราม (ปันแต) ต.ปันแต อ.ควนขนุน(ชื่อเดิม-ก้องสุธา)
เนื่องจากเป็นโพนขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายลำบาก จึงเก็บไว้ ต่อมาพระครูสงวน  ฉนฺทโก นำมาหุ้มและตกแต่งใหม่ ทำให้เบาขึ้นกว่าเดิม จึงได้นำเข้าแข่งโพนอีกครั้งหนึ่ง ปี๒๕๔๗ ได้รองชนะเลิศโพนขนาดใหญ่
คุณสมบัติ :  เสียงดังกังวาน ลักษณะสง่างาม
ความเป็นมงคล : ในทางมีโชค ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
บริกรรม :  ภควา พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีโชคและเป็นผู้จำแนกแจกธรรม
ภาวนา / รำลึก :  อุเบกขา ระลึกว่าเคยทำไม่ดีโดยการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ใครหรือไม่ตั้งใจว่า เพื่อความสุขของตนเอง และผู้อื่น ต่อไปนี้จะมีความเที่ยงธรรม ยุติธรรม เป็นกลาง ไม่ลำเอียง มนุษย์ สัตว์เป็นเพื่อนร่วมทุกข์  จะต้องคอยดูแล
อธิษฐานเสร็จแล้ว จะมีความสุขใจ หน้าตาอิ่มเอิบ จิตใจมีความปิติ



หาดแสนสุขลำปำ...เป็นหาดทรายที่รื่มรื่นไปด้วยทิวสน ริมฝั่งทะเลสาบสงขลา ลมพัดเย็นสบาย มีที่พักผ่อนหย่อนใจ ร้านอาหาร ตลาดน้ำ ได้แบ่งพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วน มีรูปปั้นมโนราห์ดูแล้วมีชีวิตชีวา รูปปั้นปลาโลมาอิรวดี อีกทั้งมีรูปหนังตะลุงจัดแสดงไว้เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาเอกลักษณ์ของจังหวัดพัทลุงไว้อย่างลงตัว...









ทุ่งดอกปอเทือง....เป็นความบังเอิญ และถือว่าโชคดีที่ผ่านมาบนถนนเส้นบ้านสวน อ.ควนขนุน นอกจากเราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ทุ่งนา เพลิดเพลินกันมาตลอดเส้นทางแล้ว ก็ได้เจอทุ่งดอกปอเทืองสีเหลืองอร่าม เต็มท้องทุ่ง เขาเล่าว่า....หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จเเล้ว ชาวบ้านจะปลูกดอกปอเทืองเพื่อรักษาหน้าดิน และบำรุงดินนั่งเอง เรามาทันเวลาพอดีเพราะถึงช่วงของการเริ่มไถกลบแล้ว  เราเลยไม่พลาดที่จะลงไปถ่ายรูปเก็บเรื่องราวนี้ไว้ในความทรงจำ จนกว่าจะมีโอกาสเจอกันใหม่










ขนมหวานป้ากี้ ของดีแห่งชุมชนปากคลอง เขาเล่าว่า...."มาพัทลุง ถ้าไม่ได้มากินขนมสาคูต้น น้ำกะทิสดป้ากี้ เหมือนมาไม่ถึงพัทลุง" ร้านขนมหวานร้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในชุมชนเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ด้วยคุณภาพและบริการ ขนมในร้านมีมากมากว่า 20 ชนิด ป้ากี้ทำคนเดียวทุกขั้นตอนผลิตกระทั่งขาย แต่ที่เด็ดสุดและอยากแนะนำคือ สาคูต้นน้ำกะทิสด ซึ่งเดียวนี้หากินยากมากเพราะทำมาากแป้งของต้นสาคูแท้ ๆ สาคูแต่ละต้นกว่าจำนำมาใช้ทำแป้งได้ต้องรอถึง 10 - 15 ปี เขาเล่ามาแล้ว ถึงเวลามาชิมกันจริงๆค่ะ...รสชาติถือว่าอร่อยมากค่ะ ต้องลอง ราคาถ้วยละ 10 บาทเท่านั้นเอง น้ำดืมฟรี หอมกลิ่นดอกมะลิ สดชื่นดีจัง ลูกค้ามากันไม่ขาดสาย ไม่ต้องบรรยายว่าอร่อยแค่ไหน ต้องมาลองให้ได้นะคะ







วันอาทิตย์แบบนี้จะไปไหน?... ไปต(หลาด)นัดใต้โหนด
ตลาดนัดใต้โหนด ชื่อนี้คงเพราะอยู่ใต้ต้นตโหนดจริง ๆ ซึ่งตั้งอยู่..ถนนสายอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า (สี่แยกโพธิ์ทอง) บ้านจันนา ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เป็นตลาดพื้นบ้าน ขายของกินของใช้แบบบ้าน ๆ ของหากินยากสมัยนี้ สามารถหาซื้อหากินกันได้ที่นี้...มีเสน่ห์ไปอีกแบบ ไม่เพียงแต่มีของกินของใช้ที่ชาวบ้านมาค้าขายกันเท่านั้น ตลาดแห่งนี้ยังมีการแสดงดนดรีให้คนที่มา ได้ฟังกันอีกด้วย
‘หลาดนัดใต้โหนด’ ก่อร่างขึ้นภายใต้ชื่อโครงการตลาดท้องถิ่น กินดี มีสุข บ้านนักเขียน กนกพงศ์ มีแนวคิด และเจตนารมณ์เพื่อเป็นสื่อกลางในการจัดกระบวนการเรียนรู้ และเผยแพร่วิถีวัฒนธรรมพื้นบ้าน อาหารพื้นถิ่นอันสอดคล้องไปกับภูมินิเวศน์ ป่า นา เล และฤดูกาลพื้นที่จังหวัดพัทลุง ตลาดใต้โหนด จะเปิดทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตลาดใต้โหนด โทรศัพท์ 08 5065 4480, เฟซบุ๊ก กินดีมีสุข หลาดใต้โหนด และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ (สงขลา-พัทลุง) โทรศัพท์ 0 7424 3747 



























แสงแรก ชมยอยักษ์ ณ ปากประ ซึ่งถือได้ว่าช่วงนี้กำลังฮิตมาก ๆ สำหรับบรรดานักถ่ายภาพ ที่จะพลาดไม่ได้ที่จะมาเก็บภาพกันที่คลองปากประแห่งนี้ โดยเราต้องมากันตั้งแต่ตีห้า เพื่อมารอชม "แสงแรก" ของการเริ่มต้นวันใหม่ ได้เห็นชาวบ้านยกยอขนาดยักษ์ซึ่งเป็นภูมิปัญญาเครื่องมือหาปลา บ้างก็ล่องเรือออกไปหาปลา บ้างก็หว่านแหหาปลา ได้เห็นวีถีชีวิตชาวบ้านริมเลกันอย่างเต็มอิ่ม  วันนั้นเราโชคดีมากได้เห็นพระอาทิตย์โผล่พ้นน้ำพร้อมกับทิวทัศน์ยอยักษ์ ช่างงดงาม ตื่นตาตื่นใจมากทีเดียวค่ะ 

(รีวิวจากนี้เป็นต้นไป คือรีวิวเมื่อปีที่แล้วค่ะจากกระทู้ http://pantip.com/topic/34348095)















ล่องเรือแลนก ทะเลน้อย
เขาเล่าว่า...มาแล้วไม่ได้มาล่องเรือชมนกที่ทะเลน้อย ถือว่ามาไม่ถึงพัทลุง อีกที่นึงเลย เป็นที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้น ๆ ของพัทลุงเลยล่ะ
โดยทะเลน้อย เป็นทะเลสาบน้ำจืด อยู่อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง จุดเด่นอยู่ที่การล่องเรือชมดงบัวแดง ซึ่งมีบริการเรือพาชมดอกบัว นกหลากหลายชนิด รวมถึงได้เห็นการหากินของควายน้ำ ราคาอยู่ที่ 450 บาท  ถือว่าคุ้ม!!  การเดินทางนั้นไม่ยากเลยค่ะ มาเส้นควนขนุน - ทะเลน้อยสุดสายเลย ที่นี่มีบริการห้องพักด้วยนะ ส่วนราคาหรือรายละเอียดอื่น ๆ สามารถสอบถามได้ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย โทร.0 7468 5230






















ที่มา Pantip