รีวิว เกาะเต่า & เกาะนางยวน ทริปเดียวได้ทั้งเที่ยวได้ทั้งเรียนดำน้ำ (Freedive)

Review Koh Tao Koh Nang Yuan



ไปเรียน Freedive ที่เกาะเต่ากันมั้ยพี่?? ทริปนี้มันเริ่มที่ประโยคนี้ประโยคเดียวเลยค่ะ เป็นคำชวนที่มาได้ถูกที่ถูกเวลามากๆ 
เพราะกำลังสนใจเรื่องดำน้ำแบบ Freedive อยู่พอดี แถมยังว่างอยู่พอดีด้วย “ไปสิ” ตอบไปสั้นๆ 
แล้วทริปนี้ก็บังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าตอนนั้นจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกาะเต่านี่ตกลงอยู่จังหวัดอะไรกันแน่ ระหว่างสุราษฏร์กับชุมพร 
และก็ไม่เคยรู้เลยว่าเกาะนางยวนจะอยู่ใกล้กันขนาดนั้น อะ ว่าแล้วตามไปเที่ยวกันเลยดีกว่าค่ะ 
กับรีวิวนี้ของเรา ” เกาะเต่า & เกาะนางยวน ทริปเดียวได้ทั้งเที่ยวได้ทั้งเรียนดำน้ำ (Freedive) ”

ทริปนี้เราและคณะออกสตาร์ทกันที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี เพราะรุ่นน้องที่ชวนไปออกทริปด้วยกันอยู่สุราษฏร์ฯ 
และท่าเรือก็อยู่ที่นี่ด้วย การเดินทางไปเกาะเต่านั้นสามารถเดินทางโดยเรือ 
ซึ่งเดินทางได้จากสองจังหวัดด้วยกันคือจังหวัดสุราษฏร์ธานี และจังหวัดชุมพร 
สำหรับเรานั้นเดินทางมาจากภูเก็ตอีกที มาที่สุราษฏร์จึงใกล้กว่า 
แต่ถ้าใครมาจากกรุงเทพไปเริ่มที่ชุมพรก็จะใกล้กว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนจ้า


วันแรกของการเดินทางเริ่มต้นที่เวลาสามทุ่มตรง มาถึงท่าเรือเวลานี้ ที่ท่าเรือในตัวเมืองบ้านดอน 
ซื้อตั๋วไปในราคา 500 บาทต่อคน เป็นเรือนอนขนาดใหญ่ค่ะ ด้านล่างบรรทุกสินค้าอุปโภค บริโภค 
และทุกสิ่งอย่างตามออเด้อจากคนบนฝั่งเกาะเต่าสั่งมา ด้านบนชั้นสองเป็นในส่วนของที่หลับที่นอน นี่หน้าตาของเรือลำที่ไปเลย





เรือลำนี้ เสียดายจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่ค่อนข้างโอเคมากๆ อารมณ์เหมือนมาพักโฮสเทล 
เป็นเตียงสองชั้น มีทั้งเตียงคู่และเตียงเดียว แบ่งกันเป็นล็อคๆ ได้รับความเป็นส่วนตัวมานิดนึง 555+ 
บนเรือไม่มีห้องอาบน้ำ มีห้องน้ำให้ใช้บริการประมาณสี่ห้อง เรือออกจากฝั่งสุราษฏร์ฯตอนห้าทุ่ม 
และไปถึงฝั่งเกาะเต่า เช้าพอดีประมาณเจ็ดโมง การนอนตอนแรกก็กังวลว่าจะนอนหลับมั้ย นอนบนเรือ 
เดินทางไกลหลายชั่วโมงอยู่กลางทะเล มีเพื่อนร่วมทริปที่นอนร่วมกันเพียบ แต่สุดท้ายก็หลับสนิทค่ะมารู้ตัวอีกที ตื่นมาก็เห็นเกาะเต่าแล้ว ฮ่า





มาถึงฝั่งเกาะเต่าที่ท่าเรืออ่าวแม่หาด ประมาณเจ็ดโมงเช้า ร้านรวงยังไม่เปิด มีแค่เซเว่นที่ให้บริการ 
พวกเรานั่งมึนๆกันที่ท่าเรือซักพัก เปิดกูเกิ้ลแมพดูว่าที่พักอยู่ไหน ไกลมั้ย ตอนแรกจะเช่ามอเตอร์ไซต์กัน 
แต่เห็นว่ายังไม่มีร้านไหนเปิด มีแค่แท็กซี่ท้องถิ่นให้บริการอยู่เที่ยวละ 300 บาท แล้วแต่ระยะทาง 
มาปรึกษากันแล้ว ตกลงว่าเดินกันไปดีกว่า จะได้ชมวิว และสำรวจเส้นทางไปในตัวด้วย 
ที่พักของเราอยู่ที่อ่าวโฉลกบ้านเก่า ชื่อ Bubble Bungalow  ค่าห้องอย่างถูก 3 คืน 2,700 บาท 
ไปกันสี่คน ยิ้มเลย ค่าห้องถูกสุดในทริปแล้ว ค่ากินนี่กระจาย ฮ่า

อ่าวโฉลกยามเช้าค่ะ ห้องพักเช็คอินได้ตอนเก้าโมง ก็ต้องนั่งรอกันไปก่อน 
ก็พากันหิ้วกระเป๋ามานั่งที่ร้านอาหารและบาร์ของที่พัก นั่งชมวิวไปพลางๆ เงียบสงบดีค่ะหาดนี้







ยังไม่ทันเก้าโมงดี พี่พนักงานก็เดินมาตามให้เข้าห้องพักได้แล้ว เพราะเตรียมห้องเสร็จเรียบร้อยพอดี 
ที่พักเป็นบังกะโลหลังกะทัดรัดตั้งอยู่บนเนิน สูงไต่ระดับไปเรื่อยๆ



นี่หน้าตาห้องพักของเรา เป็นหลังสุดท้ายที่ยังไม่ได้รับการรีโนเวท มิน่าถูก 
ในห้องพักมีถึงสามเตียงด้วยกัน เหมาะสำหรับคนที่มาเที่ยวกันเป็นกลุ่มเลย 
แต่ห้องพักของเราหลังนี้ มีแค่พัดลม และห้องน้ำ ไม่มีทีวีและตู้เย็น ให้อยู่กันแบบชิลๆ สโลวไลฟ์ อยู่กับธรรมชาติกันไป 
เทียบกับราคาถือว่าคุ้มค่า เหมาะกับกรุ๊ปพวกเรามาก ที่เน้นที่พักถูกเอาเงินไปทุ่มกับทริปเที่ยว และเรียนดำน้ำกันแทน 😛









เก็บข้าวเก็บของ อาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อยก็ได้เวลาไปเที่ยวกัน โดยเลือกไปเที่ยวเกาะนางยวนกันก่อน 
เช่ามอเตอร์ไซต์จากห้องพักคันละ 200 บาท แล้วพากันขี่มาที่หาดทรายรี เพื่อนั่งเรือไปเกาะนางยวน 
ที่เราเพิ่งมารู้เอาก็ตอนทริปนี้แหละว่าเกาะนางยวนกับเกาะเต่า อยู่ใกล้กันมากๆ แค่ประมาณสิบนาทีเท่านั้นก็ถึงแล้ว 
ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนมาถึงเพิ่งมารู้เอาป่านนี้ ฮ่าาา  ค่าเรือไปกลับคนละ 200 บาท โดยเค้าจะขับเรือไปส่งแล้วนัดเวลากลับ 
อยากกลับตอนไหนก็บอกเดี๋ยวเค้าก็จะขับเรือมารับกลับ เงินค่อยจ่ายตอนขากลับมาฝั่งทรายรีแล้ว

ตอนที่อยู่ท่าเรือแม่หาด เราถามราคาไปกลับนางยวน ถ้าขึ้นแถวนั้นคิดคนละสี่ร้อยบาทเลย 
แต่ถ้ามาขึ้นที่ทรายรีคนละสองร้อยเองถูกกว่ากันครึ่งนึงทีเดียว 
ก็แนะนำกันถ้าใครจะไปเกาะนางยวนไปขึ้นที่ทรายรีดีกว่าถูกกว่าและนั่งเรือใกล้กว่าด้วย ยิ้ม









นั่งเรือมาประมาณสิบนาทีก็ถึงเกาะนางยวนแล้ว ฟ้าสวยมากอากาศดีสุดๆ 
แต่อยู่กลางทะเลคลื่นแรงนิดนึง เวลาสวนกลับเรือลำใหญ่ๆ มีความโคลงเคลงพอสมควร








มุมนี้จำหน่ายของทานเล่นและเครื่องดื่ม เรื่องน่ารักๆบนเกาะนางยวนก็คือ ที่นี่จะไม่อนุญาตให้นำขวดพลาสติคขึ้นฝั่ง 
เพราะช่วยลดปริมาณขยะที่เป็นพลาสติคทั้งบนฝั่งและในทะเล เครื่องดื่มทั้งหมดจึงเป็นขวดแก้วจ้า 
ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำอัดลมก็เป็นขวดแก้วหมด เยี่ยมไปเลย น้ำดื่มอยู่ที่ขวดละ 30 บาท น้ำอัดลม 45 บาท 
แพงหน่อยเพราะต้องขนส่งกันหลายต่อ

ส่วนเครื่องดื่มและข้าวของต่างๆบนฝั่งเกาะเต่า ดูราคาจากเซเว่นนะคะ จะแพงกว่าปกติ 3 – 10 บาท ถือว่าโอเคเลยไม่แพงเว่อร์ 
จะมีแค่ครีมกันแดดนี่แหละที่เช็คราคาดูแล้วมหาโหดมาก เป็นของที่มีความจำเป็นต้องใช้สุดๆ เพราะแดดโคตรแรง 
ไปสี่วันกลับมาตัวดำปี๋ขนาดทากันแดดทุกวัน แนะนำให้ซื้อมาให้เรียบร้อยก่อนจะเดินทางมาที่นี่



ห้ามปูผ้านอนบนพื้นนะ ไม่รู้เพราะอะไร แต่ก็ดีเพราะว่ามองจากจุดชมวิวด้านบน
ก็เห็นแค่เก้าอี้ชายหาดเรียงกันเป็นระเบียบสวยงามดี ถ้าให้ปูผ้าตามใจฉันนี่มองลงมาคงไม่สวยเท่านี้ จะดูกระจัดกระจายแทน





น้ำใสมากๆ มีจุดดำน้ำสน็อคเกิ้ลรอบๆเกาะเลย มีคนมาเรียนสกูบ้าที่นี่กันเยอะด้วย







ไปตอนน้ำลงพอดี ฝั่งนี้ประการังแทบโผล่พ้นน้ำ ที่เห็นนี่ประการังหมดเลยนะคะเยอะมากๆ



มาเกาะนางยวนสิ่งที่ห้ามพลาดคือการขึ้นไปชมวิวจากจุดชมวิวมุมสูงนั่นเอง 
เดินขึ้นไปกันตอนกลางวัน ทางชันๆ แดดร้อนๆ มีหอบค่ะพูดเลย เหนื่อยมากมาย แต่วิวโคตรสวย
มาเกาะนางยวน แต่ไม่ขึ้นจุดชมวิวนี่เหมือนมาไม่ถึงนะ ว่าแล้วก็ลุยกันเลย



เดินเหนื่อยหน่อยแต่แลกกับการได้มาเห็นวิวแบบนี้ของเกาะนางยวน คุ้มค่าจริงๆ 
ขึ้นมาถึงนี่ได้ก็เช็คอินได้แล้วว่าถึงเกาะนางยวนแล้วโว้ยยย ฮ่าา







ชมวิวกันซักพัก ก็ลงมาด้านล่าง มาดำน้ำเล่นกันพอประมาณก็ได้เวลาที่นัดกับพี่คนขับเรือไว้
ให้มารับกลับตอนบ่ายสามพอดี อันนี้เป็นเรือของพวก One Day Trip 
ที่จะพาไปดำน้ำตามจุดต่างๆ ประมาณห้าจุด ราคาก็มีตั้งแต่ 500 – 750 บาท


กลับที่พักอาบน้ำ อาบท่า เคลียร์ตัวเองเรียบร้อยก็ขี่มอเตอร์ไซต์ออกมาสำรวจเกาะเต่ายามค่ำคืนบ้าง 
คึกคักพอสมควร เราไปติดวันธรรมดาเลยไม่รู้ว่าช่วงเสาร์ อาทิตย์จะคึกคักกว่านี้รึป่าว 
บริเวณหาดตามหน้าบาร์ต่างๆก็จะมีการแสดงโชว์ควงกระบองไฟอยู่หลายที่





ร้านสักนี่มีเยอะมากบนเกาะเต่า เหมือนจะเยอะเป็นลำดับสองรองจากร้านดำน้ำเลย 
อยากได้ลายไหนเดินเข้าไปเลือก นอนเจ็บแป๊ปนึง จ่ายตังค์ จบ ได้ลายเท่ๆประดับตัวอย่างง่ายดาย





เช้าวันที่สอง และสาม ตารางเหมือนกันเลย คือมาเรียนดำน้ำแบบ Freedive 
การดำน้ำแบบฟรีไดรฟ์นี่คือการดำน้ำแบบแค่ใส่หน้ากาก สวมฟิน โดดตู๊มลงน้ำแล้วดำลงไป 
โดยไม่ใช้ถังอ๊อกซิเจน ใช้แค่ลมหายใจหนึ่งเฮือกกก เท่าที่เราจะสามารถสูดลมหายใจเข้าปอดและกลั้นไว้ได้ค่ะ 
พวกเรามาเรียนกันที่ Apnea Total โรงเรียนสอน freedive โดยตรง ตั้งอยู่ที่หาดทรายรี 
เลือกเรียนในคอร์สพื้นฐานสุดๆ เรียนกันสองวัน ตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ถึงประมาณบ่ายสองโมง

มาถึงโรงเรียนตอนเช้า ทางครูที่สอนแนะนำว่าอย่าทานอะไรหนักๆมา ให้รองท้องเบาๆมาได้ 
เพราะเวลาไปเรียนดำน้ำจริงๆ ร่างกายจะโอเคกว่า เริ่มด้วยการพูดคุยสอนเกี่ยวกับทฤษฏีต่างๆ 
ฝึกสูดอากาศเข้าใจ ฝึกเรื่องการหายใจเข้าออก และจากนั้นก็เป็นการเรียนภาคปฏิบัติ 
ซึ่งก็คือพาไปลองกันในทะเลจริงๆเลย สำหรับวันแรกนั้นระยะความลึกที่ต้องเรียนคือ 12 เมตร 
และวันที่สองเพิ่มเป็น 20 เมตร




ก่อนจะมาที่ทะเลก็ต้องเปลี่ยนเป็นชุด Wetsuit ก่อน ซึ่งเว็ทสูทและอุปกรณ์ต่างๆ หน้ากาก ฟิน ที่โรงเรียนมีให้ยืมหมด 
แต่ถ้าใครมีอุปกรณ์ของตัวเอง ก็เอาของตัวเองมาใช้ได้เลยเพื่อความถนัด จากโรงเรียนนั่งรถกระบะกันมาที่อ่าวหินวง 
ระหว่างทางนี้ฮาร์ดคอมากๆ ขึ้นเนินชันๆทางขรุขระ มาถึงก็เข้าใจเลยว่าทำไมที่เกาะเต่า รถแท็กซี่ที่นี่ทุกคันคือรถกระบะ รถโฟวิลทั้งหมด 
เพราะทางไปหาด ไปอ่าว ไปจุดชมวิวแต่ละแห่งนี้ โหดร้ายมาก ชันและชวนหวาดเสียวจริงๆ



มาถึงอ่าวหินวง ที่นี่สวยมากๆ และเป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำที่มีอยู่ในโปรแกรมเที่ยวของแทบทุกบริษัททัวร์ด้วย 
จากนั้นก็ทยอยกันนั่งเรือเล็ก เพื่อไปยังเรือลำที่ใหญ่กว่าที่ลอยลำอยู่กลางทะเล สถานที่เรียนภาคปฏิบัติของเรานั่นเอง

ลำนี้เลย เรือของโรงเรียนลอยลำอยู่กลางทะเลที่ระดับความลึกกี่เมตรก็ไม่รู้ รู้แค่มองไม่เห็นพื้นเลย 
ที่เรือจะมีเชือก มีทุ่นที่เตรียมไว้สำหรับเรียน แนะนำให้ซื้อน้ำเปล่าติดมาด้วย เพราะแช่น้ำเค็มทั้งวัน น้ำเปล่านี่ขาดไม่ได้เลย


นักเรียนสองคนต่ออาจารย์หนึ่งท่าน อาจารย์ที่นี่เป็นต่างชาติทุกคน ดังนั้นภาษาอังกฤษสำคัญมากถ้าจะมาเรียน 
ไม่ต้องเก่ง เป๊ะมาก แค่พอฟังรู้เรื่องก็พอ เหมือนเรา พอฟังออก เดาบ้าง แต่ก็เรียนรู้เรื่องอยู่ 
ยิ่งภาคปฏิบัตินี่ยิ่งเข้าใจง่าย เพราะเค้าจะทำตัวอย่างให้ดูแล้วเราก็ทำตาม ตอนเรียนทฤษฏีนี่มีตาลอยๆบ้าง เพราะไม่เข้าใจ 5555+



เราลอยคอเกาะทุ่นนี่อยู่กลางทะเลตลอดเวลาที่เรียนภาคปฏิบัติ วันนึงหลายชั่วโมงที่อยู่กลางทะเล 
จบทริปนี่หน้าดำเป็นรอยหน้ากากเลยละค่ะ โหดสุดๆ นี่ก็เรียนจบกลับบ้าน ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วหน้ายังเป็นรอยอยู่ กันแดดก็ไม่ช่วย T T



การเรียนเอาคร่าวๆก็ให้เราไต่เชือกลงไปที่ความลึกที่กำหนด คือ 12 เมตรในวันแรก และ 20 เมตรในวันที่สอง 
โดยกลั้นหายใจไต่เชือกลงไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นก็ต้องเคลียร์หูเผื่อลดแรงดันอากาศด้วย ไปถึงปลายเชือกด้านล่างก็ขึ้นมา 
ความยากอยู่ที่ต้องเคลียร์หูให้ได้และกลั้นหายใจให้นานพอที่จะไปถึงด้านล่าง การลงไปนี่มีอยู่สองแบบคือใช้เท้าลง และใช้หัวลง 
เอาหัวลงนี่ยากกว่าหลายเท่านัก เพราะแรงดันอากาศมาเต็ม ปวดหูสุดๆ ทำไม่ได้ ได้แค่เอาขาลง ซึ่งไปไม่สุดด้วยนะ 
ได้มากสุดที่สิบเมตร เพราะระหว่างทางเคลียร์หูไม่ได้ ปวดจนต้องยอมถอดใจ ไม่อยากฝืนเดี๋ยวแก้วหูจะแตกเอา 
ในภาพนี้บัดดี้ชาวจีนของเราที่เรียนพร้อมกัน โคตรเก่ง ทำได้ทุกท่า ไปได้จนสุดทั้งสองระดับความลึก 
แถมทำลายสถิติตัวเองด้วยการกลั้นหายใจได้ถึงห้านาที ร้องเฮ้ เลย เก่ง ถึก ทน มากกกกก ยอมใจ



หลังจากเรียนเสร็จสิ้นกันไปสองวัน เย็นวันที่สามก็พากันขี่มอเตอร์ไซต์มาเซอร์เวย์ 
หาจุดที่จะมาดำน้ำกันในเช้าวันถัดไป เพื่อฝึกวิชา หลังจากดูแผนที่และดูว่าที่ไหนเหมาะสุด 
ก็ได้คำตอบว่ามาอ่าวเทียนออกดีกว่า ที่นี่มี Shark bay ด้วย เป็นอ่าวที่มีแนวโน้มว่าดำน้ำแล้วอาจจะเจอฉลามหูดำได้บ่อยที่สุด





เช้าวันที่สี่ เราพากันมาที่อ่าวเทียนออก เพื่อจะไปดำน้ำดูฉลามหูดำกัน เค้าว่ากันว่า (จริงๆอ่านเจอ) 
โอกาสที่จะเจอได้มากที่สุดคือช่วงเช้า  ด้วยเหตุนี้จึงมากันตั้งแต่เช้าเชียว แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่เจออะไรเลย 
คืนก่อนหน้าฝนตกหนัก เช้าวันนี้น้ำเลยขุ่น ใต้น้ำไม่ค่อยดีนัก ไม่สวย ที่นี่ประการังเยอะค่ะ แต่ตายแล้วซะเป็นส่วนใหญ่ 
เวลาเดินในน้ำก็ต้องระวังนิดนึงไม่ให้เหยียบประการัง หรือเหยียบเอาหอยเม่น





สรุปลงน้ำกันได้แป๊ปเดียว ก็พากันกลับดีกว่า ดำน้ำไม่เวิร์คแล้ววันนี้ ไปขี่มอเตอร์ไซต์เที่ยวรอบเกาะดีกว่า







แนะนำนิดนึงสำหรับใครที่ตั้งใจจะมาเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวรอบเกาะ แนะนำให้เลือกคันที่มีล้อประมาณนี้นะคะ 
เนื่องจากสภาพถนนของเกาะเต่า เส้นทางไปหาด หรือไปอ่าวบางจุด ทางโหดมาก เป็นเนิน ชันและขรุขระ 
ล้อแบบนี้ช่วยยึดเกาะถนนได้เยอะ ใครที่ขับมอเตอร์ไซต์ไม่แข็ง ก็อย่าไปเส้นที่โหดเกิน 
เพราะถ้าล้มขึ้นมานี่เจ็บตัวด้วย ต้องจ่ายตังค์ค่าซ่อมมอเตอร์ไซต์ด้วย ซึ่งบอกเลยว่าไม่ถูกนะ แท็กซี่ดีกว่า ยิ้ม



อันนี้สภาพถนน ที่เห็นนี่ยังจิ๊บๆ อันที่โหดกว่านี้มีเพียบ แต่จอดถ่ายมาให้ดูไม่ได้เท่านั้นเอง เพราะมันชัน รถไหล 555+



จุดชมวิวมะม่วง หรือ Mango Viewpoint เรายกให้เส้นที่มาจุดชมวิวมะม่วงนี่โหดสุดสำหรับทริปเกาะเต่านี้เลยค่ะ 
ถนนเป็นพื้นปูนดีนะคะ แต่โคตรชัน แบบตั้งฉาก ถ้าขี่มอเตอร์ไซต์บิดให้สุด หยุดกลางทางนี่มีไหล หวาดเสียวมาก 
ตอนขาขึ้นนี่ยังไม่เท่าไหร่ ขาลงนี่กำเบรคกันเหงื่อออกมือ พื้นรองเท้าแทบเหี้ยน 555555+

มีค่าขึ้นจุดชมวิวด้วย ตามป้ายเขียน 100 บาท แต่พอไปจ่ายเค้าบอกคนไทย 50 บาท ต่อคน

ด้านบนก็จะเจอศาลาแบบนี้ให้นั่งหลบร้อน นั่งชมวิว มีเครื่องดื่ม และขนมทานเล่นจำหน่าย






บรรยากาศดี ลมเย็นสบาย และวิวสวยมาก เป็นวิวมุมสูงของเกาะเต่า 
มองลงไปเห็นหาดทรายรี และอ่าวแม่หาด บริเวณท่าเทียบเรือ





ลงมาจากจุดชมวิวมะม่วง ก็มาต่อที่หาดทรายรี มาตามหาต้นมะพร้าวในตำนาน ที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คของเกาะเต่า





และนี่คือต้นมะพร้าวต้นนั้น สวยแปลกมาก ลำต้นยาวขนานไปกลับพื้น 
ส่วนปลายหักขึ้นตั้งตรง เจ๋งดีๆ ตรงโคนต้นมีผ้าสามสีผูกไว้ด้วย กันคนปีนขึ้นไปนั่งเล่น ยิ้ม



ต้นมะพร้าวนี้อยู่ที่หาดทรายรี หากใครหาไม่เจอไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของหาด 
แนะนำให้มาที่โลตัสบาร์ จะอยู่ข้างๆโลตัสบาร์เลย หน้าโลตัสบาร์ก็มีอีกต้นนึงนะคะ คล้ายๆกันแต่เล็กกว่า ยิ้ม







ไปเที่ยวกันต่อ จากหาดทรายรีมาต่อกันที่อ่าวลึก และนี่คือภาพอ่าวลึกภาพเดียวที่มี 
คิดตังค์ค่าเข้าหาดค่ะ คนละ 100 บาท คุยกันแล้วลงความเห็นว่าไม่เข้าดีกว่า แค่แวะมาดูไม่ได้จะเล่นน้ำหรือนอนเล่นที่หาด ไม่คุ้มที่จะจ่าย



ขี่มอเตอร์ไซต์ลึกเข้ามาอีกหน่อย มาต่อกันที่อ่าวโตนด ที่สุดท้ายก่อนที่จะจบทริปนี้และกลับสุราษฏร์ในตอนค่ำ



อันนี้เป็นหน้าตาของรถแท็กซี่ที่นี่ค่ะ หากเจอรถกระบะ ที่มีป้ายแท็กซี่ด้านบนก็โบกเรียกได้เลย 
คิดราคาเหมาจ่ายต่อเที่ยว ตามแต่ตกลงค่า



อ่าวโตนดเป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำที่มีอยู่ในลิสต์แนะนำ เห็นท่าจะจริง 
เพราะเรามาที่นี่ตอนบ่ายแล้วก็ยังเห็นคนสน็อคเกิ้ลกันเต็มไปหมด 
เสียดายที่ไม่ได้ลงไปยลใต้น้ำของเกาะเต่า สงสัยต้องจัดทริปมาซ้ำอีกรอบซะแล้ว แฮะๆ



อ่าวโตนดเป็นอ่าวที่เงียบ สงบและส่วนตัวมากๆ ถ้าพักที่นี่คงฟินน่าดู 
แม้จะไกลหน่อยแต่ความสวยและความเป็นส่วนตัวนี่ยกนิ้วให้เลย





Shark Island ค่ะ เก็บตกมาได้ระหว่างทางกลับ



และแล้วก็จบทริปเกาะเต่าของเราแล้วค่ะ สามคืนสี่วัน กำลังดี ถ้าไม่ติดดำน้ำไปซะสองวัน 
คงเที่ยวได้ครบทุกจุด ทุกอ่าวแน่นอน สำหรับเกาะเต่านี่ถือว่าเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำเลย 
มีจุดดำน้ำรอบเกาะเลย ดำได้ทุกที่ มีโรงเรียนสอนดำน้ำเยอะมากๆ เน้นคำว่ามากๆ อีกที 
ถ้าใครจะมาเที่ยวแบบรอบเกาะ ดำน้ำ ไปเกาะนางยวน เราว่าสามวันสองคืนกำลังดี ไม่มากไปและเที่ยวได้ทั่วด้วยแหละ

สำหรับรีวิวนี้ก็ขอลากันไปที่ภาพนี้ แสงเย็นที่ท่าเรือก่อนกลับ 
ขากลับเราก็นั่งเรือนอนกลับเหมือนกันเวลาเดิมเหมือนเดิม แต่คนละเจ้า ยิ้ม

สรุปทิ้งท้ายสำหรับทริปเกาะเต่าและนางยวน ไว้เผื่อใครสนใจจะมา

– ที่พักแถวหาดทรายรีจะค่อนข้างแพง แต่สะดวก ที่อื่นจะถูกกว่า แต่ไกลกว่าเช่นกัน
– อาหาร หากทานร้านใกล้ๆท่าเรือ ใกล้หาด ย่านคึกคักจะแพงหน่อย ตามสั่งจานนึงจะอยู่ที่ 100 บาท 
  ไปร้านระหว่างทาง ราคาปกติ 50 – 60 บาท ไม่แพงอย่างที่คิด ถามราคาก่อนสั่งอาหารก็ได้
– ราคาสินค้าในเซเว่น ถ้าเทียบกับปกติแล้ว จะแพงกว่า 3 – 10 บาท แล้วแต่รายการ ส่วนครีมกันแดดแพงมาก
– การเดินทางเช่ามอเตอร์ไซต์คุ้มค่าที่สุด วันละ 200 – 250 บาท หากนั่งแท็กซี่ก็เที่ยวละ 300 บาทละ
– จะไปเที่ยวเกาะนางยวน ให้ไปหาเรือขึ้นที่หาดทรายรี ราคาจะถูกกว่าและเดินทางใกล้กว่า
– ทริปดำน้ำรอบเกาะ One Day Trip ราคาประมาณ 750 บาท แต่เราเจอถูกสุดประมาณ 500 บาท 
   ก่อนจะเลือกซื้อลองเช็คราคาและรายละเอียดดูอีกที




ติดตามผลงานอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/adaytochillthailand/ ขอบคุณค่ะ


ที่มา Pantip
Cr. A Day To Chill