รีวิว << เด็กส่งแก๊สพาเที่ยว >> กินไม่หรู อยู่ไม่แพง อิ่มใจ อิ่มกาย 3 วัน 2 คืน ที่นครศรี-คีรีวง

กลับมาอีกครั้ง กับเด็กส่งแก๊สพาเที่ยวนะคะ 
ทริปนี้เกิดจากการที่เด็กส่งแก๊สแว๊นลงใต้คนเดียวเมื่อปีที่แล้ว
แล้วได้ไปสัมผัสหมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย ที่ชื่อว่า "คีรีวง"
เกิดติดอกติดใจ อยากไปซ้ำ และบิ๊วจนเราคล้อยตาม กดตั๋วโปรไปนครศรีธรรมราช
จากนั้นก็ลอยคอ รอคอย เพราะจองตั๋วโปรมา ก็รอไปครึ่งปีเป็นอย่างน้อยล่ะนะ
ออกตัวก่อนเลยว่า กระทู้นี้ รูปไม่เยอะ ไม่สวย เพราะเรากระดูกนิ้วแตก ไม่สามารถถ่ายรูปได้ดั่งใจ 
เอาเป็นว่า เราพาชิมอาหารอร่อยที่นครศรีธรรมราชก็แล้วกันนะคะ ^^



ทริปนี้ไม่มีการแพลนอะไรล่วงหน้า รู้แต่ว่า อยากไปหาตายายที่เด็กส่งแก๊สไปพักอยู่ด้วยปีที่แล้ว
เราออกเดินทางบ่ายวันที่ 25 มิถุนายน FD3186  DMK-NST 14.40 น.
มาถึงสนามบินดอนเมืองไวกว่าที่คิดไว้ เลยต้องนั่งเล่นนอนเล่นไปตามระเบียบ
แอบพาน้องเพี้ยนมาเที่ยวด้วยค่ะ ^^



จากครั้งก่อน เราตั้งใจไว้ว่าบินครั้งต่อไป จะสั่งโมจิหยดน้ำมากินให้ได้ รอบนี้ได้กินแล้วน๊า



พร้อมมือลั่นกดสั่งลาซานญ่าไว้กินเล่นบนเครื่องตอนขาไปซะอย่างนั้น (เปิดเว็บเวลาหิว)
ตบท้ายด้วยของฟรี จากบัตรเครดิตร่วม ธนาคารกรุงเทพ-แอร์เอเชียค่ะ 
แค่ยื่นบัตรเครดิตพร้อมบอร์ดดิ้งพาส ก็สามารถเลือกเครื่องดื่มราคา 60 บาท ได้ 1 อย่างค่ะ

เดินทางมาถึงสนามบินนครศรีธรรมราชเกือบๆ 4 โมงเย็นแล้ว
จากที่ศึกษาเส้นทางมา คงต้อง TAXI จากสนามบินไปที่พักเลยดีที่สุด
ค่า TAXI เข้าเมือง 300 บาท / คัน (ราคาแอบแพงเน๊าะ) สะดวกดีค่ะ


เราพักที่โรงแรมแกรนด์ปาร์ค ในราคา 660 บาท เราว่าโรงแรมโอเคเลยนะคะ
เดินทางสะดวก แถมของกินเพียบ (หากเดินทางโดยนกแอร์ มีนกทรานเฟอร์มาถึงโรงแรมด้วยค่ะ)
โรงแรมแกรนด์ปาร์ค อยู่แถวๆ สี่แยกท่าวัง ไม่ไกลจาก Big c นครศรีธรรมราช ในระยะเดินได้ค่ะ
นอนกลิ้ง พักผ่อนกันสักพัก เราก็เดินออกไปหาของกินค่ะ 
เราดูจาก google map และหารีวิวร้านของกินมาจากบ้านแล้ว
มื้อเย็นเลยฝากท้องกันไว้ที่ ครัวทะเลคูขวาง ใกล้ๆ โรงแรมในระยะไม่เกิน 200 เมตรค่ะ
ก่อนที่จะไปทานมื้อเย็นกัน เราแอบแวะไปเดิน Big C ซื้อขนม และของจำเป็นอื่นๆ ที่ลืมเอามาด้วย


ที่ครัวทะเลคูขวาง ไม่มีปูม้าเป็นๆ นะคะ ปูเป็นมีเฉพาะปูทะเล 
เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ น้องพนักงานเลยเสนอว่ามีปูม้าแกะแล้ว ใส่กระดองให้ 
เราเลยลองสั่งมา 1 ตัว ปรากฏว่าเด็กส่งแก๊สชอบมาก ประทับใจ ปลื้มปริ่ม
เพราะเด็กส่งแก๊สแกะปูไม่เป็นนั่นเอง แล้วมือเราเจ็บ ไม่สามารถแกะให้ได้
ตอนแรกคิดว่าต้องกินปูเศษๆ ที่เด็กส่งแก๊สของเราแกะเละเทะซะแล้ว >.<
สำหรับปูแบบนี้ ตัวละ 250 บาทนะคะ มีเนื้อปูเน้นๆ ไม่มีเศษกระดูกกระดองอะไรทั้งสิ้น
คนแกะปูเป็นแบบเรา คงชอบเนื้อปูสดๆ หวานๆ มายกกว่า แต่ถ้าคิดว่าไม่ต้องแกะเอง ก็ฟินแล้วค่ะ
อาหาร 6 อย่างสำหรับ 2 คน ตบท้ายมีฝรั่งมาเสิร์ฟฟรี ราคาอาหารอยู่ที่ประมาณ 900 บาท
เราว่าราคานี้โอเคเลยนะคะ น้องพนักงานน่ารักดี 
เราสั่งปลากะพงทอดน้ำปลา น้องบอกสั่งเป็นชิ้นๆ ได้นะคะ มากันสองคน กลัวเราทานกันไม่หมด
ปูแกะเนื้อ 1 ตัว ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ทอดมันกุ้ง ปลากะพงทอด(เป็นชิ้น) หอยหวาน
ปล. พอตกค่ำ ยุงเยอะมากนะคะร้านนี้ ทายากันยุงไปจากบ้านจะดีมาก 555+

ลืมบอกไป ที่นี่ เราได้กินของขึ้นชื่อเมืองคอนเป็นครั้งแรก นั่นคือ มังคุดคัด
เราไม่แน่ใจว่า คนอื่นๆ อาจจะทานแล้วอร่อย แต่สำหรับเรา มันคือมังคุดไม่สุก T^T
เด็กส่งแก๊สบอกว่าเคี้ยวเพลินดี มีเพื่อนฝากซื้อตั้ง 15 ไม้แน่ะ หอบหิ้วกลับกรุงเทพด้วยนะ 

จบของคาว มาต่อด้วยของหวาน โทรถามเจ้าถิ่นผู้เคยเป็นเด็กนครมาก่อน 
นางบอกว่า ร้านน้ำชาบังบ่าวเลยเจ้ เดินไปนิดเดียว นิดเดียวของนางคือสี่แยกนึงค่ะ  500 เมตรได้
แต่โรตีร้านนี้อร่อยจริงจัง โรตีภูเขาไฟ มาเป็นภูเขาเลยนะคะ 
กินกับน้ำชาร้อนๆ อร่อยจนลืมที่เพิ่งกินข้าวมาเมื่อกี๊เลยค่ะ
หมดไป 2 คน 90 กว่าบาท จำราคาแน่นอนไม่ได้ค่ะ TT^TT


ท้องอิ่มหนังตาเริ่มหย่อน เดินกลับโรงแรม เตรียมนอนกันดีกว่า
ขณะเดินกลับ เราก็ตื่นตาตื่นใจกับอาหารมากมาย แถวหน้าตลาดคูขวาง
เมืองนครนี้ ไม่เหมือนต่างจังหวัดอื่นๆ ที่ค่ำหน่อยก็ปิดไฟนอนนะคะ
ที่นี่ของกินตอนกลางคืนเพียบ ขอให้ออกมาเถอะค่ะ 555+

วันที่สองของการอยู่ที่นครศรีฯ 
เราตื่นแต่เช้า เด็กส่งแก๊สแอบบ่นว่า ไม่เคยไปเที่ยวแล้วตื่นเช้าขนาดนี้เลยนะเนี่ย
เพราะเราอยากทานติ่มซำค่ะ กลัวว่าพอสายแล้วของจะหมด อดทานกันพอดี
แอบเล็งร้านไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ชื่อร้านสมบูรณ์โภชนา ไม่ไกลจากโรงแรมค่ะ
เดินเลยร้านครัวทะเลคูขวางไปนิดเดียวเอง มีติ่มซำ โจ๊ก น้ำชา กาแฟ ไข่ลวก
จัดไปซะให้เต็มที่เลยค่ะ ราคาไม่แพง เราสั่งติ่มซำหลายอย่าง โจ๊ก และโอเลี้ยง
รวมเบ็ดเสร็จ สองคนอยู่ที่ 185 บาทเท่านั้นเอง รสชาติดี สบายกระเป๋า และสบายพุง

หลังจากนั้น เราก็ออกเดินทางเพื่อไปยังจุดหมายของครั้งนี้ นั่นคือ หมู่บ้านคีรีวง
วิถีของเราเช่นเคย สองเท้าก้าวเดิน จากโรงแรมแกรนด์ ปาร์ค ออกจากโรงแรมเลี้ยวขวา
เดินจนถึงสี่แยกท่าวัง เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปตามถนนราชดำเนินได้เลยค่ะ
ประมาณเกือบๆ กิโลได้ค่ะ เราก็จะถึงเทศบาลนคร นครศรีธรรมราช ใกล้ๆ กับเจดีย์ยักษ์ สวนพระเงิน
ท่ารถสองแถว จะอยู่ฝั่งตรงข้าม เดินข้ามถนนไป แล้วตรงไปเรื่อยเลยค่ะ พอถึงท่ารถ เลี้ยวขวา
ก็จะมองเห็นรถสองแถวนครศรี-คีรีวงจอดอยู่ ถ้ารถพร้อมออก ก็เดินขึ้นรถได้เลยค่ะ
คุณลุงคนขับบอกว่า ถ้าหากไม่มีผู้โดยสาร รถจะไม่ค่อยออก ดังนั้น เสาร์-อาทิตย์ รถจะน้อยนะคะ
ระหว่างทาง ก็จะมีคนขึ้นมาเรื่อยๆ สนนราคาค่ารถคิดตามระยะทาง ไปคีรีวง คนละ 25 บาท
ค่ะ


ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที เราก็มาถึงที่หมาย เหลือเราสองคนในรถ คุณลุงเลยมาส่งให้ที่หน้าวัดคีรีวง
เราสองคนจ่ายเงิน แล้วก็ออกเดินเท้าไปบ้านคุณตาคุณยายค่ะ
ตอนที่เราไป คุณตาอยู่บ้านคนเดียว คุณยายไปทำอาหารที่ไหนสักแแห่ง 
ตอนแรกคุณตาจำเด็กส่งแก๊สไม่ได้หรอกนะคะ แต่พอบอกว่า ที่เคยขี่มอเตอร์ไซค์มาคนเดียวเมื่อปีที่แล้ว
คุณตาจำได้เลยค่ะ คุณตาเลยให้ขี่มอเตอร์ไซค์ตามคุณยายไปทานข้าว
แต่เราสองคนไปไม่ถึงหรอกนะคะ งงทาง กลัวหลงด้วย ไปถึงจุดเล่นน้ำบนเขา ก็ลงมา
เป็นครั้งแรกของเด็กส่งแก๊ส กับรถแนวนี้ ไปทำสวนมั้ยคะ 


นำรถมาคืนคุณตา แล้วเดินเท้า ทานข้าวแถวริมน้ำ ใกล้ๆ วัดค่ะ 
ร้านอาหารที่คีรีวง ราคาเท่าสังคมเมืองในกรุงเทพฯ เลย ร้านอาหารตามสั่งทั่วไป รสชาติดีทีเดียว
ข้าวราดกะเพราปลาหมึก + ไข่ดาว 50 บาท แล้ว ราคานักท่องเที่ยวรึเปล่าไม่รู้นะคะ

หลังจากนั้น ยังไม่จบชีวิตสังคมเมืองของเรา ทานข้าวเสร็จ แวะร้านกาแฟสด
ร้านกาแฟนายทั่ง บรรยากาศดี รสชาติกลางๆ ชาเย็นเป็นชาเย็นแบบในกรุง ไม่ใช่แบบใต้นะคะ
ร้านนี้มีขายของที่ระลึก และบริการให้เช่าจักรยานด้วย 

ดื่มกาแฟเสร็จ บ่ายแก่ๆ เราก็เดินไปถ่ายรูปที่แลนด์มาร์กของคีรีวง 
คือบนสะพานบ้านคีรีวง คลองท่าดีนั่นเอง เวลาแบบนี้ ไม่ค่อยมีคนค่ะ แต่ตอนเย็นคนเยอะมากนะคะ
ถ่ายรูปกันเสร็จ เดินกลับบ้านคุณตาคุณยาย เจอคุณยายกลับมาพอดี 
คุณยายถามไถ่ ว่านอนที่นี่มั้ย ทานข้าวด้วยกันรึเปล่า 
เราตกลงนอนที่บ้านคุณตาคุณยายตามความตั้งใจของเด็กส่งแก๊ส
คุณตาคุณยาย ไม่ได้รับนักท่องเที่ยวนะคะ ไม่ได้เปิดเป็นโฮมสเตย์
ห้องที่เราอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นห้องของหลาน เราเลยขออนุญาติรีวิวแห้งๆ ไม่มีรูปนะคะ
บ้านคุณตาคุณยาย เป็นบ้านชั้นเดียว บริเวณบ้านเลี้ยงนกด้วยค่ะ เสียงนกร้องกังวาลเชียว 
อยู่กัน 6 คน คุณตา คุณยาย ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานตัวน้อยๆ อีก 2 คน
พอได้ที่พักเรียบร้อย เราก็ออกแว๊นไปเรื่อยๆ ชมวิว สูดอากาศรอบหมู่บ้าน
ไปแวะน้ำตกวังไม้ปัก แต่หาน้ำตกไม่เจอ เพราะน้ำแล้งมากจริงๆ ค่ะ








พอตกเย็น ลูกชายคุณตาคุณยาย พาเราไปทานข้าวริมน้ำ โดยจัดอาหารให้เราสองคนอย่างดีทีเดียว
อาหารมื้อนี้อร่อยมาก รสชาติจัดจ้าน ปกติเราไม่ทานเผ็ด ยังทานเสียเยอะเลย ทั้งอิ่มท้อง อิ่มใจ
เดินเล่นยามค่ำคืนพอประมาณ แล้วกลับบ้าน อาบน้ำนอน 
อยากให้อ่านค่ะ

ตอนเช้า เราตื่นมาตอนที่คุณตาคุณยายขึ้นเขาไปสวนกันแล้ว
เราไปเดินเล่นที่ตลาดนัดของหมู่บ้าน ซึ่งเราว่าเป็นสเนห์อย่างนึงของคนต่างจังหวัดที่ไม่ใช่ตัวเมือง
คือร้านอาหารมีไม่เยอะนัก ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ จะมีขายในตลาดนัด ถ้าเวลาปกติ ต้องไปกินในเมือง
หลังจากนั้น เราก็เตรียมตัวเดินทางกลับตัวเมืองนครศรีธรรมราช 
ระหว่างที่ลูกชายคุณตาคุณยายเดินไปส่งเราที่ท่ารถ เราก็มีโอกาสได้คุยกันนิดหน่อย
พี่เค้าบอกเราว่า เค้าอยากให้มาเที่ยวกันนะ แต่อยากให้มาเพื่อสัมผัสความเป็นคีรีวง
เค้าไม่อยากเปลี่ยนวิถีชีวิต ชาวบ้านมีอาชีพทำไร่ ทำสวน ไม่ใช่ทำรีสอร์ท หรือทำร้านกาแฟสดนี่นา
แต่คนที่มาเที่ยวส่วนมาก มาเพราะว่าได้ชื่อว่า ได้มาคีรีวงเท่านั้น มาแล้วก็ไป
สิ่งที่เกิดขึ้น คือวิถีแบบคนเมือง ร้านอาหารวิวดี ร้านกาแฟสวยๆ รีสอร์ทแสนสบาย

นั่นทำให้เราสะดุดใจ และสะท้อนใจเลยนะ 
ตอนแรกที่เรามาคีรีวง เราก็มาเพราะคำว่า "คีรีวง" มาเพราะ "หมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศ"
แต่สิ่งที่เราได้กลับไป ไม่ใช่แค่อากาศดีๆ วิวสวยๆ แต่คือได้มาสัมผัสวิถีชาวบ้าน
ได้สัมผัสความมีน้ำใจ ความเอื้ออาทร ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นั่น ดูแลเราเหมือนลูกหลาน
ไม่ได้ดูแลแบบแขกของรีสอร์ทหรือลูกค้า ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น อิ่มใจ คิดถึงคุณตาคุณยายของเรา
มาที่นี่ เหมือนมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ไม่สงสัยเลย ทำไมเด็กส่งแก๊สถึงอยากกลับมาอีก
เข้าใจแล้วว่า ทำไมครั้งก่อนที่มา ถึงบอกเราว่า น้ำตาจะไหล 
ค่าที่พักและค่าอาหารที่คีรีวงเราไม่เสียนะคะ ไม่คิดเงิน แม้จะพยายามให้คิด T^T
เราตั้งใจว่า เราจะกลับไปอีก พร้อมของฝากให้เด็กๆ และคุณตาคุณยาย ^^ ปีหน้าเจอกันใหม่นะคะ

จากนั้นเราก็ขึ้นรถสองแถว นครศรี-คีรีวง กลับมาที่ตัวเมือง คนละ 25 บาทเช่นเคย
ดูนาฬิกา พอมีเวลาเหลือ เลยขึ้นรถสองแถวไปวัดพระธาตุ 

//ลงรถที่สุดสาย แล้วข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามที่มีเจดีย์นะคะ ขึ้นรถสองแถว หัวถนน-สนามกีฬาค่ะ


แวะซื้อชาเย็นร้านน้ำชาบังบ่าวตรงข้ามวัด ชาเย็นหวานมาก หวานแบบต้องรอให้ละลาย
แต่โรตีหมดแล้ว อดกินเลย แต่เรายังไม่ละความพยายามในการหาของกินต่อ
เปิดไปเจอข้าวมันไก่เมืองตรัง น่ากินนะ ลองดีกว่า เราสั่งข้าวหมูอบ (ไหนบอกอยากกินข้าวมันไก่)
แต่ทีเด็ดไม่ใช่ข้าวมันไก่ หรือหมูอบ ทีเด็ดของข้าวมันไก่เมืองตรังอยู่ที่ "หมูกรอบ" ค่ะ
อร่อยมาก อร่อยแบบอลังการดาวล้านดวง เราให้ 10 ดาวสำหรับหมูกรอบร้านนี้เลยค่ะ
ราคาไม่แพงอยู่ที่ 30-35 บาท ให้เยอะมากค่ะ แต่เราอยากกินขนมจีนอีก เลยต้องเผื่อท้องไว้



ออกจากร้านข้าวมันไก่ เราก็เดินหาร้านขนมจีนเส้นสด (แม่แอ็ด) ร้านนี้มีน้องบอกว่าต้องมาลองชิม
ที่ร้านนี้จะมีขนมจีนเสิร์ฟแบบเป็นชุด ชุดเล็ก ชุดใหญ่ เลือกตามอัธยาศัย
แต่เราสองคนอิ่มแล้ว ขอสั่งจานเดียว มาแบ่งกันชิม 
อยากบอกว่า ขนมจีนร้านนี้เส้นอร่อยมาก (อร่อยมากอีกแล้ว ทำไมที่นี่มีแต่ของอร่อย)
น้ำยาเผ็ดแต่เด็กส่งแก๊สบ่ยั่น ซดจนหมดเลย อร่อยจริงๆ เลยนะ 
ถ้ามีโอกาส จะไปกินตอนท้องว่างๆ แล้วค่อยไปกินหมูกรอบหลังขนมจีนนะ ฮ่าๆ


แล้วเราก็โทรเรียกแท๊กซี่มารับไปสนามบิน ระหว่างทางก็ชวนพี่แท๊กซี่คุยเรื่อยเปื่อย
เลยได้รู้ว่า น้ำในตัวเมืองนครทั้งหมดหล่อเลี้ยงโดยต้นน้ำจากหมู่บ้านคีรีวงนะคะ
บางปีน้ำแล้ง ชาวบ้านไม่มีน้ำใช้ อย่างเช่นปีนี้ ผลไม้ออกช้า และผลเล็ก
ดังนั้น มาเที่ยวเมืองนคร ประหยัดน้ำกันหน่อยเนอะ ^^

จบทริป เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ แม้ร่างกายจะป่วย แต่มีความสุข
ขอบคุณการเดินทางทั้งหมด ทั้งเครื่องบิน สองแถว แท๊กซี่ มอเตอร์ไซค์
ขอบคุณธรรมชาติที่สรรค์สร้างมาเพื่อให้เราไปตามหา
ขอบคุณคุณตา คุณยาย พี่ชายใจดี และครอบครัว ที่ดูแลอย่างดี 
ขอบคุณทุกๆ คนที่แวะเวียนมาอ่านกระทู้นี้ ^^
สุดท้าย ขอบคุณคนข้างๆ ที่ดูแลกันเสมอมา
เจอกันใหม่ทริปหน้านะคะ ^^
ค่าใช้จ่าย สำหรับสองคนตลอดทริปนี้ ไม่รวมขนมจุกจิกนะคะ 555+
ขออนุญาติตีเป็นเลขกลมๆ ปัดเศษบาทขึ้น-ลงตามใกล้เคียงค่ะ

ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 300 บาท
ค่าโรงแรมแกรนด์ปาร์ค 660 บาท
ค่าแท๊กซี่จากสนามบินไปตัวเมือง 300 บาท
มื้อเย็น ครัวทะเลคูขวาง 900 บาท
โรตี ร้านน้ำชาบังบ่าว 90 บาท
มื้อเช้า สมบูรณ์โภชนา 185 บาท
สองแถว นคร-คีรีวง 50 บาท
มื้อเที่ยง 100 บาท
ชากาแฟ ร้านนายทั่ง 80 บาท
มื้อเย็น ฟรี
ที่พัก คีรีวง ฟรี
สองแถว คีรีวง-นคร 50 บาท
สองแถว - วัดพระธาตุ 20 บาท
ข้าวมันไก่เมืองตรัง 70 บาท
ขนมจีนแม่แอ๊ด 35 บาท (มี coke ขวดนึง)
แท๊กซี่ ตัวเมือง - สนามบิน 300 บาท

เฉลี่ย 3 วัน 2 คืน คนละ 1,570 บาทค่ะ

ที่มา Pantip