รีวิว หนาวนี้ หนีพ่อไปเที่ยวเชียงใหม่ :สองคนก็เปรี้ยวได้ กับความไม่ตั้งใจ ณ “กิ่วเเม่ปาน”



     สวัสดีค่าาาาา ผู้อ่านทุกท่านนน รีวิวนี้เป็นรีวิวที่สามที่เรานำเรื่องราวประสบการณ์ที่เราได้ไปเที่ยวตลอดสองสามปีมานี้มาเเชร์ปสก.ให้กับเพื่อนๆทุกคนค่ะ 
รีวิวก่อนๆนั้นก็สามารถติดตามได้ตามลิ้งด้านล่างนี้กันเลยค่ะ  
เที่ยวยูนนานน ตามหา Horizon http://pantip.com/topic/35348253
เที่ยวเสฉวน ย่าติง สวรรค์บนดิน http://pantip.com/topic/35342523

     เอาล่ะค่ะมาเริ่มกันเลยค่ะ สำหรับชื่อกระทู้ทู้ที่ว่าหนีพอไปเชียงใหม่นั้น เรื่องมันมีอยู่ว่า เนื่องจากตัว จขกท นั้นได้ศึกษาอยู่ที่ปท.จีนค่ะเเละเป็นบุคคลประเภทคลั่งไคล้การท่องเที่ยวสุดๆ  ตลอดสามปีมานี้ได้ตระเวนเที่ยวจนเกือบจะทั่วจีนเเล้วค่ะ เเละปีหน้าซึ่งเป็นปีสุดท้ายของเรา เราก็คงจะจัดเต็มไม่น้อย 55555 เเละเนื่องจากพ่อของเราเค้าจะเป็นคนที่ค่อนข้างห่วงเรามากๆ อายุ 21 เเล้วเเต่เวลาจะไปตวจ กับเพื่อนเราก็ยังต้องถามความเห็นนางค่ะ ว่าไปได้มั้ย ทุกครั้งนางก็จะมีข้ออ้างไม่ให้เราไปค่ะ ดังนั้น สิ่งนี้เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่จะโกหกนาง เพื่อความสบายใจของคนที่บ้านค่ะ เพื่อนๆทุกคนไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะค่ะ ซึ่งเราบอกพ่อเราว่า มีคนจ้างเราให้ไปเป็นล่ามจีนให้ที่เชียงใหม่ค่ะ ตอนเเรกนางก็บอกอย่าไปเลยมัน อตร นะ เเต่เราก็บอกว่าเราตกลงเค้าไว้เเล้ว อีกอย่างมันใกล้ถึงวันเเล้วด้วย หาคนมาเเทนก็ยากอยู่นะ บลาๆๆ สรุป เราก็ได้ไปค่ะ เเต่ในใจก็เเอบไมสบายใจอยู่นะค่ะ เเต่จะทำไงได้เล่า T.,T

     เราซื้อตั๋วล่วงหน้าจากกทม.ไปลงเชียงใหม่ ที่อำเภอจอมทองค่ะ คือตอนเเรกเราก็เเพลนกันว่าจะไปทริคกิ้งกันที่ผาสองฤดูค่ะ 
พวกเราไปขึ้นรถกันที่หมอชิตค่าาาา รถจะออกประมาณสามทุ่มครึ่ง เเล้วถึงจอมทองประมาณ 7 - 8 โมง



โฟกัสบรรยากาศในสถานีรสบัสกันนหน่อยยค่ะ จุ๊บๆ



เเละนี่ค่ะ เป็นจุดลงรถบัสของเราา ซึ่งข้างๆวัดจะมีห้องอาบน้ำค่ะ ถ้าลงรถมาละจะหาได้ไม่ยาก พวกเราก็จัดการอาบน้ำ ล้างหน้าเเปรงฟัน เเล้วก็ออกไปหาไรทาน ก่อนจะขึ้นรถเตรียมขึ้นดอยค่ะ 





อาหารเช้าของพวกเราค่าาา ธรรมดามากค่ะ คือเเถวนั้นเเถบไม่มีอะไรเท่าไหร่เลยค่ะ อีกอย่างตอนก่อนขึ้นพวกเราก็เตรียมซื้ออาหาร น้ำ ทั้งหลายเตรียมขึ้นเขากันเต็มที่ค่ะ 



หน้าตาของรถที่จะขึ้นไปกันค่ะ ถ้าคนเต็มรถก็จะออกค่ะ เเต่ตอนนั้น รอเท่าไหร่คนก็ไม่เต็ม พวกเรานี่เหี่ยวกันเลยทีเดียว ขนาดหน้าหนาวนะเนี้ยยย 









สุดท้ายเรารอไม่ไหวค่ะ พวกเราเลยคุยกับลุงว่าถ้าเหมาไปนี่เท่าไหร่ ตอนเเรกนางบอก 800 บาท โหวว จะบ้าหรอ ถ้างั้นพวกเราโบกรถดีกว่า อะไรจะขูดเลือดขูดเนื้อกันขนาดนี้ คนไทยด้วยนะลุงง เราเลยต่อ สี่ร้อยละกันนะลุงนะๆๆๆๆๆ คนนางรำคาญยอมพาเราไปค่ะ 5555 



เเละระหว่างที่เราอยู่บนรถพวกเราก็โทรคอนเฟริมกับทางอุทยานค่ะ ว่าพวกเรากำลังเดินทางไปเเล้ว ซึ่งเพื่อนเราที่เป็นคนโทรจอง นางก็โทรไปค่ะ เราเห็นเพื่อนเราสีหน้าไม่ดีละค่ะ ตอนคุย ต้องเกิดอะไรขึ้นนเเน่ๆ ฮืออออ พอเพื่อนเราวางโทนศัพท์ปุ้ปป นางบอกว่า ทางอุทยานบอกว่า พวกเราไม่สามารถขึ้นไปได้เเล้ว ตอนนั้นอารมณ์เเบบห๊าาาาา คืออะไร นี่เรามาเพื่องานนี้เลยนะ ไหงเป็นงี้อ่าาาาาา ที่สำคัญคือไม่มีการโทรเเจ้งบอกเราด้วยนะคะ เเละเรากำลังจะถึงกันในไม่ช้า สรุปตอนหลังเราเลยโทรเองค่ะ เราก็โทรไปถามเหตุผลกับทางอุทยานว่าทำไมไม่ให้ขึ้นเเล้วไม่โทรเเจ้งพวกเราก่อน เนี้ยพวกเราเหมารถกันมา ซื้อของมาเรียบร้อยเเล้วนะจะให้ทำยังไง พวกนางก็อ้างว่า โทรไม่ติด หาเบอร์ไม่เจอบ้าง บลาๆ บอกว่าทางอุทยานอยู่ๆก็สั่งห้ามขึ้นเฉย เเล้วสักพักเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวรอเเบบนึงนะเดี๋ยวเค้าโทรกลับ พวกเรานี่ทำอะไรกันไม่ถูกเลยค่ะ เเพลนบีก็ไม่มี เอ๋อเเดกกันเลยทีเดียว เราเเอบได้ยินพลายกระซิบมาบอกว่าน่าจะเป็นเพรามีพวกส่งยาบ้ากันรึป่าวไม่รู้ ถ้าใครรู้บอกเราทีค่ะ ผาสองฤดูทำไมถึงห้ามขึ้น 5555  ผ่านไป ห้านาทีนางก็โทรกลับมาค่ะ ผลคือขึ้นได้เเต่ห้ามค้างงง คือเดี๋ยววนะ ขึ้นไป ก็เกือบหกชมเเล้วนะ ตอนลงมมาคงเย็นมาก พวกเรากะมาค้างกันอะ สุดท้ายเราเลยไม่ขึ้นกันค่ะ ถึงกับตั้งตัวกันไม่ถูกเลย




ระหว่างนั้นเราจึงให้ลุงคนขับ หยุดรถค่ะ บอกว่าเดี๋ยวขอตั้งตัวหน่อยย มีการต่อราคากันด้วยค่ะเพราะต้องนั่งรถลงไปอีก เสียเงินฟรีๆเลยทีนี้ เเต่เเล้วระหว่างที่เรากับเพื่อนกับกำทำตัวไม่ถูกกันนั้น ก็มีน้องผช คนนึงมาคุยกับคนขับรถเราว่าน้องเค้าจะไปดูดอกเสือโคร่งค่ะ เราก็เคยเห็นๆอยู่ตามกระทู้ เเต่เรากับเพื่อนเราเป็นพวกไม่ชอบดอกไม้อ่ะค่ะ 5555 เป็นผญ ดิบๆกัน ไม่น่าถึงมะมีคนเอาา 555 เเละในขณะนะเราก็ไม่รู้จะไปไหนกันค่ะเลยตามๆน้องเค้าไป พี่คนขับบอกขอเก็บห้าร้อยนะ สามคน เราก็เอออๆๆ ตามใจ เมิงจาเอาเท่าไหร่อาววไปเลยย กุววม้ายเหลืออารายเเล้วหนิ หึหึ

พอไปถึงงสรุปว่า เเถบบนั้นเหลือเเต่กิ่งไม้ค่ะ คือมันน่าจะเป็นปลายฤดูเเล้วมันเลยร่วงหมด ต้นที่ยังมีดอกไม้อยู่เหลืออยู่ไม่กี่ต้นเอง น้องเค้าก็อึ้งค่ะ บอกว่าผิดหวังมาก อุสาห์อยากจะมาที่นี่ ส่วนเรากับเพื่อน ไม่รู้สึกอะไรเเล้วค่ะขณะนั้น 55555





ตอนหลังลุงเค้าก็ส่งน้องเค้าตรงดอยซัวร์ย่าค่ะ ตอนนเเรกเราก็ลังเลนะคะ ว่าจะนอนนู้นดีมั้ย เเต่สุดท้ายไม่เอาดีฟ่า เข้าเมืองเชียยงใหม่ไปตั้งตัวกันเเปป เผื่อ พน จะย้ายไปเชียงรายกัน 

ลุยยยยยยค่ะ งานนี้ ไม่มีอะไรจะเสียเเล้วค่ะ 55555



เศร้ากว่านี้ไม่มีอีกเเล้วววว ถอนหายใจเเรงๆให้กับผาสองฤดูค่ะ







เรานั่งรถสองเเถวคันเล็กที่อยู่ตรงหน้าวัดจอมทองค่ะ นั่งนานมากความรู้สึกตอนนั้นน อากาศก็ร้อนมากๆๆ พวกเราหลังจากที่เหนื่อยกันมากๆ ก็งีบไปป หลับๆตื่น พอดีเพื่อนเรามันมีเพื่อนโรงเรียนเก่าที่กระบี่เรียนอยู่ มช ค่ะ เลยเรียกพวกสักหน่อย คืนนี้จัดไปมีตติ้งสักหน่อย เพื่อนของเพื่อนเราเค้าเรียกเพื่อนชมรมคนปักษ์ใต้ในมช มามีตติ้ง เเต่เราเป็นคนกทม นะคะ ตอนนั่งอยู่ตรงโต้ะอาหารนั้น พวกเค้าทุกคนพูดภาษาใต้กันหมด เรานี่เอ๋อมาก ฟังไม่รู้เรื่องค่ะ 555555 อารมณ์เเบบความจริงเราอยู่เหนือ เเต่ทำไมความรู้สึกเหมือนอยู่ใต้เลยเเวะ 5555 น่ารักดีค่ะ ชมรมคนปักษ์ใต้ สักห้าทุ่มพวกเราก็กลับมาโรงเเรมค่ะ เเล้วในกลุ่มนั้นก็มีพี่คนนึงใจดีมารับพวกเราไปส่งค่ะ ส่วน รร ของพวกเราก็อยู่ตรงข้ามกับ ม.มชเลยค่ะ วอคอินเอาา 

พวกเรานั่งรถคันนี้กลับมาที่ รร กันค่ะ  “ เท่ ”


ตอนเช้าพวกเราก็คิดกันว่าจะไปไหนดีน้าาา หรือจะไปเชียงดาว หรือจะไปม่อนเเจ่ม หรือยังไงๆๆ ถ้าไปเชียงดาวเรามากันน้อยหารถไปยาก เเถมรร ก็น่าจะเต็มหมดเลย เรานี่เปิดพันทิปรัววๆเลยค่ะ สุดท้าย ก็มาเจอที่นึงค่ะ นั้นก็คือกิ่วเเม่ปานนั้นเอง อยู่บนดอยอินทนนท์ ไปไม่ไกลมาก ไม่ต้องไปถึงเชียงราย ที่นี่เลยเป็นบทสรุปของพวกเราค่ะ 

  





พวกเราจะขึ้นรถจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปดอยอินทนนท์ได้ต้องไปขึ้นที่เเถวๆประตูเมือง มช ค่ะ ต้องรอคนเต็มรถถึงจะออกนะคะ



ทุกคนคงคิด เเล้วทำไมพวกเมิงต้องเเอ๊คกันขนาดนี้ คำตอบคือ ไม่ได้เเอ๊คนะ เผลอจริง ไม่ได้โกหก ประหลาดใจ



ก่อนขึ้นรถขึ้นดอยเพื่อนเราก็บอกไปทำบุญกันก่อนดีมะ เผื่อจะเจอเนื้อคู่ เอ้ยยไม่ใช่เเล้วว เผื่อจะเจอสิ่งดีดีกะเค้ามั้งง อย่าซวยเหมือนวันก่อนๆเป็นพอ



ใจสวยกันเจรงงงๆ 


นี่ค่าาาาา ดอยซํวร์ย่า คืนนี้เราจะพักกันที่นี่เเหละค่ะ ค่าที่พักราคาสบายกระเป๋ามากค่ะ สามร้อยกว่าๆต่อเต้นท์ ไม่รวมรวมค่าเบาะ ผ้าห่มที่นอนนะคะ ส่วนราคานนั้นน่าจะคนละร้อยยนึงนะคะ อันนี้ไม่เเน่ใจค่ะ จำไม่ค่อยได้เเล้ว


ตอนเเรกเราก็ถามพนักงานขายตั๋วค่ะ ว่า พน เช้ามีรถให้เช่าขึ้นไปกิ่วเเม่ป่านมั้ย ส่วนนางก็ทำหน้าเป็นตูดลิงเลยค่ะ เเละตอบกลับมาว่า อาจจะต้องจ้างรถชาวบ้านขึ้นไปบลาๆๆ ซึ่งราคาก็เเพงอยู่ใช่ย่อยย คนส่วนใหญ่จะเหมากันเป็นหมู่คณะ เอาเเละ งานเข้าอีกเเละ เราเลยบอกพี่พนักงานค่ะ งั้นพี่ช่วยเเปะกระดาษตรงหน้าเคาท์เตอร์ให้พวกหนูหน่อยได้มั้ย ว่าเผื่อมีใครสนใจจะเเชร์รถขึ้นไปด้วยกัน หรือมีรถที่เหมาไปแล้ว ให้พวกเราสองคนเกาะไปด้วยก็ดี  เเต่เเล้วสวรรค์ก็ส่งพี่ผชคนนึงมมาช่วยพวกเราค่ะ เค้ามาบอกว่า พน พี่เค้าก็จะไปกิ่วเหมือนกัน เค้ามีเเชร์กับน้องงๆอีกประมาณห้าหกคนรวมเค้าเป็นเจ็ด จะเเชร์รถไปกับพวกเค้ามั้ยย พวกหนูนี่ตอบกันเเบบไม่คิดเลยค่ะ ไปปปปปปปปปปปปปปปสิค่ะ 555555 สรุปก็มีการเเลกไลน์กัน นัดกันไว้ พนเช้าเจอกันตีห้านะ รถจะมาตอนนั้น พวกเราก็โอเครค่าา เเยกย้ายกันไป ตอนหลังพี่เค้ามาบอกค่ะ จริงพี่เค้าได้ยินเราคุยกับพี่พนักงานมาตั้งนนานเเล้วเเหละค่ะ เเต่เค้าประทับใจเราตรงที่เราขอให้พนักงานเเปะกระดาษหาคนเหมารถตรงหน้าเคาท์เตอร์ตอนนั้น เลยตัดสินใจชวนเราค่ะ เค้าบอกว่าไม่คิดว่าจะมีคนทำเเบบนี้ ชอบบๆๆ หลังจากนั้นก็เเยกย้ายยค่ะๆๆๆ 



บรรยากาศชิวมากกกกกกๆๆๆ ชอบค่ะชอบบๆ อากาศกลางคืนเย็นดีมากก ทุกอย่างลงตัว

















เเล้วข้างงๆรร จะมีร้านหมูกระทะประมาณ สี่ห้าร้านค่ะ ลองเลือกกันได้ ส่วนพวกเราก็เลือกร้านนนี้ มีเพลงเปิดดังมาก คนกินเยอะดี
——————ให้ทายว่ากินกันกี่คนน———————







ถ่าถามว่าอิ่มมั้ยอะนะะ 5555 เราสองคนนั่งกันอยู่ตรงงนั้นจนมืดเลยค่ะ นั่งกันสองสามชม เม้ามอยกันหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาสามเดือน เพราะเราอยู่จีนนอะนะ





หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ตอนจะกลับเต้นท์พวกเราก็จะเอามันดิบที่ซื้อตั้งเเต่ตอนเเรกที่เราเเพลนว่าจะเอาไปเผากินบนผาสองฤดูมาเผากินกันคืนนี้ เราก็ต้องไปซื้อถ่านกับเช่าตะเเกรงตรงข้างหน้า รร ค่ะ ตอนนนั้นเราก็มีซื้อโอวัณตินกันขนมต่างๆมาตุนไว้อีกค่ะ 5555 ทุกคนคงสงสัย นี่พวกเมิงยังไม่อิ่มกันอีกหรอออ 5555 

เเละนี่คือหน้าตามันเผาของพวกเราค่ะ จริงๆเราทำไม่เป็นหรอกค่ะ เเต่เพื่อนเรามันขึ้นค่ายบ่อยเลยชำนาญ มันก็สอนวิธีการเผาให้เราค่ะ สอนเสร็จมันก็นั่งเล่นโทรศัพท์ปล่อยให้เรานั่งพัดไฟถ่ายค่ะ ดีชริงๆ 
อากาศเย็นๆ กินมันร้อนนๆนี่มันฟินจริงๆเลยยยย เพื่อนคนไหนจะออกเเคมป์ก็ลองทำกันได้นะคะ ชิวมากๆเลย 





พอเรากินเสดก็เตรียมตัวเเปรงฟัน ล้างหน้ากันก่อนนอน เพื่อนเราบอกไปอาบก่อนเดี๋ยวมันเผ้าของตรงนี้ พอเราเข้าไปในเต้นท์ค่ะ ก็เจอกับสิ่งนี้
มันมาจากหนายยยยยยกัน เรานี่รีบเรียกเพื่อนเราจะ ว่าเอาไงดี เราพยายามจะเอามันออกค่ะตอนเเรก มันไม่ยอมออก เพื่อนเราบอกว่าเมิงให้มันนอนข้างในเหอะ สงสารมันอะ มันน่าจะหนาว เอามันมาไว้ตรงเตียงกุก็ได้ ปห คือมันมานอนตรงเตียงเราค่ะเเละคือเราเเพ้ขนเเมวด้วย จะย้ายมันไปตรงเตียงเพื่อนเรามันก็ไม่ยอม โชคดีเราพกมาร์คปิดปากไป เลยใส่ไว้  วันนั้นในเต้นท์เราเลยนอนกันสองคนกับอีกหนึ่งตัวค่ะ



ตอนนที่เราล้างหน้าเเปรงฟันกันนั้นเป็นเวลาสี่ทุ่มเเล้วค่ะ ดึกมากก ไฟปิดหมดเเล้ว เเต่พวกเรามีไฟฉายกันมาพร้อมค่ะ ตอนทำธุระส่วนตัวเสด ก็รีบวิ่งกลับเต้นท์ตัวเองค่ะ พอเข้าไปในเต้นท์ปุ้ปปก็ เอ้ะ !ทำไมในเต้นท์มีคนนอนอยุ่สองคนหล่ะ ตอนหลังตั้งสติได้ เราเข้าผิดเต้นท์ค่ะ เต้นท์นั้นเป็นเต้นท์ข้างๆเรา เป็นเต้นท์สองคนเหมือนกัน คืออายมากก เค้าอายนะค่ะไม่ใช่เรา 55555 สองคนนั้นเป็นคู่รักกันหน่ะค่ะ ผช/ผญ แหมะสวีทกันจังเลยนะคะ 55555  เรานี่ทำตัวไม่ถูกรีบวิ่งออกจากตรงนั้นด่วนๆเลยค่ะ กลับมาเต้นท์ตัวเองก็เตรียมนอน พร้อมเเล้วสำหรับกิ่วพนเช้าค่าา


เสียงนาฬิกาปลุกตอนเช้าดังขึ้น เราสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับดูเวลาในมือถือ เพื่อเราถาม เมิงๆ กี่โมงละ  เรานี่เเทบไปไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองพร้อมกับตอบเพื่อนไปว่า เชี้ยเเล้ววว 4.49 เเล้วหว่ะ หลังจากนั้นพวกเราก็เด้งขึ้นมาพร้อมกันเเบบโดยไม่ได้นัดหมาย ในใจคิด ตายห่าเเละ ตรูนัดเค้าไว้ ตีห้า   พวกเรารีบวิ่งกันออกไปล้างหน้า  เเปรงกัน อากาศตอนนั้นคือหนาวมากกๆๆๆ เราจำได้ตอนสะดุ้งตื่นตอนเเรก เเอบทับน้องเเมวไปด้วย เเต่ไม่เป็นไรน้องเเมวตัวอ้วนมาก ไม่น่าเป็นอะไรค่ะ 55555 พวกเราทำธุระส่วนตัวกันอย่างรวดเร็ว ถึงสักประมาณ 5.15 ก็ออกไปที่จุดนัดพบ ตอนเเรกก็คิดว่าเค้าต้องไม่รอเราเเน่เลยเพราะเราออกมาสายเเล้ว พอเรากับเพื่อนไปถึงจุดนัดพบตรงหน้า รร สรุปคือยังไม่มีคนมาเลยค่ะ คือไร๊?? เราเลยลองไลน์ถามพวกเค้าดู ปรากฏว่า พวกเค้ากำลังเเต่งตัวกันค่ะ เห้ออ ทำตรูเหนื่อยเเต่เช้าเลอออ เรากับเพื่อนเลยนั่งๆรอ ระหว่างนั้นจัดหน้าจัดตา ทำผมให้มันดีๆหน่อย ตอนเเรกนี่ฟูมาเชียวว 555 เเล้วเราก็ได้เรื่องเล่าจากเพื่อนค่ะ มันบอกว่ารู้ปะ ตอนเเช้าที่พวกเรารีบๆกันอ่ะ กุมีเข้าเต้นท์ผิดด้วย เรานี่ขำก๊ากเลยค่ะพร้อมถามกลับไป เข้าเต้นท์ไหนมาหว่ะ 5555 มันบอกก็อีเต้นท์ข้างๆพวกเราอ่ะ ยิ้มเป็นคู่รักกันด้วย เนี่ไปไม่เป็นเลย รีบวิ่งออกมา ตอนนั้นไม่มีเวลาจะคิดอะไรทั้งสิ้น ใจนึงงเราก็เเอบสงสารพวกนางนะ เค้าคงคิด เต้นท์กุไม่ได้เป็นเต้นท์สาธารณะนะ พวกเมิงนี่เข้าออกกันเป็นว่าเล่นเลยย เก๊าขอโทดดด เก๊าไม่ได้ตั้งจายยยจริงๆ พอดีมันมึดอะ

เวลาสักเกือบๆหกโมงเราทุกคนก็เตรียมพร้อมขึ้นรถกันค่ะ เตรียมตัวออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันนนน





คนเยอะเกิ้นนนนนนน 



ดูพระอาทิตย์ขึ้นกันค่าาาาาาาาา เป็นครั้งเเรกของเราเลยที่มาเที่ยวเหนือ ปกติลงใต้ตลอดด





โฉมหน้าของผู้อุปถัมป์ เด็กตาดำๆทั้งสองคนค่ะ เเต่ในรูปไม่มีพี่คนที่เรียกเราจากหน้า รร นะคะ เพราะพี่เค้าเป็นคนถ่ายรูปให้เราค่ะ



หลังจากถ่ายรูปกันไปพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาขึ้นกิ่วกันเเล้วค่าาา ซึ่งทางขึ้นของกิ่วนั้นก็เดินไปไม่ไกลมากจากจุดชมวิวค่ะ อากาศวันนั้น 6 องศา หนาวเหน็บมากๆ 







โปรดอย่ามองที่รองเท้าเพื่อนเราค่ะ 



เราจำได้ ตอนนั้นคนมองเท้ามันเยอะมาก เเล้วเวลาเดินเราจะเดินอยู่หลังมันค่ะ ละคือด้วยความที่มันใส่เเตะ ฝุ่นก็กระจายเต็มตัวเราเลยค่ะ ดีๆๆ ทำดีค่ะเพื่อน  เอาจริงๆตอนนั้นเราขำเพื่อนเราหนักมากก ขำเเบบน้ำตาไหล จนมันรำคาญ บอกว่าเมิงจะขำไรนักหนา คนเค้าใส่งี้ขึ้นเขากันเยอะเเยะ เรานี่กวาดสายตาามองคนรอบๆเลยค่ะ ขำหนักกว่าเดิมอีก เราสงสัยค่ะว่าเราไม่ได้อยู่ไทยนานเกินไปถึงขนาดตกเเฟชั่นของไทยขนาดนี้เลยหรอ คือตั้งเเต่เราออกมา ข่าวสาร เพลง ดารา หรือศัพท์ภาษาวัยรุ่นๆใหม่ๆที่ไทยเราเข้าถึงได้น้อยมาก ถึงขนาดกลับมาเพื่อนพูดไรกันเรานี่ก็งงๆอยู่ไม่น้อยย เเต่ก็ไม่คิดว่าจะตกเทรนขนาดเน้ เพื่อนๆช่วยตอบหน่อยยว่ามันเป็นเทรนจริงๆรึป่าว หรือเพื่อนเรามันคิดไปเอง





ถึงงงเเล้ววววค่าาาาา เดินขึ้นมากันเเบบสบายมากก ชม กว่าๆก็ถึงกันเเล้ววว วินาทีเเรกที่เห็นไม่คิดเลยว่าเมืองไทยก็มีภูเขาสวยๆ ขนาดนี้ ปลื้มค่ะ 







มาเจอกับเฟินทนไฟกันสักหน่อยยค่ะ 555



ถึงพี่คนที่โผล่หัวออกมาค่ะ คือพี่ทำลายรูปหนูหนักมากรู้มั้ยค่ะ 















สำหรับเรา เราคิดว่ากิ่วเเม่ปานเป็นสถานนที่ที่เดินง่ายในระดับปานกลางถึงง่ายมากค่ะ ทางทุกอย่างทำเอาไว้ดีมากๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเดินเขา ก็สามารถมาลองๆเชิงก่อนได้ค่ะ ซึ่งเราเคยเจอเเบบที่มันสุดๆมาก่อนเเล้ว เราเลยรู้สึกว่าอันนี้มันสบายๆมากๆ เหมือนมากันชิวๆ ชารจ์เเบตให้กับตัวเราด้วยค่ะ 



















เดินลงกันเเล้วค่าาาาา ความรู้สึกตอนเดินลงเหมือนทางจะยาวกว่าตอนมามากกว่านิดนึงนะคะ ใช้เวลาเดินประมานสองชมค่ะ กลับมากล้ามขาจากที่ว่าใหญ่เเล้ว คราวนี้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีก



เตรียมพร้อมมมกลับ กทม เเล้วค้าาาาา ร้องไห้











จบเเล้วนะคะ สำหรับรีวิวครั้งนี้ ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆคนที่คอยติดตามอ่านนะคะ ถ้ามีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับกิ่วหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในจีน ถามเราได้เสมอค่ะ ข้อมูลอัดเเน่นนนมาก ยังไงซะ ลองออกไปเปิดหูเปิดตากันมั้งบางทีสิ่งที่เราคิดว่า เเย่ ก็อาจจะไม่ได้เเย่อย่างที่เราคิดกัน 

ช่วง ตค นี้เรายังมีเเพลนจะไปอินโด เเละต้นปีหน้าไปอินเดียค่ะ คาดว่าจะได้ปสก กลับมาไม่น้อยย ละเดี๋ยวจะนำมาเล่าใหม่นะคะ เเล้วพบกันใหม่ค่ะ ยิ้ม



ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2865262