รีวิว 2วัน1คืน @กาญจนบุรี [แวะร้านกาแฟน่ารักๆ ไหว้พระที่วัดถ้ำเสือ .. นอนชิลริมน้ำแคว ณ โฮมพุเตย แล้วแวะชมพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด

... เข้าหน้าฝนอย่างเต็มตัว  ท้องฟ้าฉุ่มฉ่ำ 
สายฝนโปรยปรายต้อนรับเราตลอดเส้นทางที่ขับรถผ่านไป...


ตุ้ง ตุ่ง ตุ๊งง ... กรุณารัดเข็มขัด ปรับพนักพิง แล้วเปิดม่านหน้าต่างขึ้นให้สุดด้วยค่ะ เที่ยวบินนี้ดิฉันจะพาคุณท่องเที่ยวจังหวัดกาญนะจ๊ะบุรี ชื่นชมธรรมชาติและชมความฉุ่มชื่นในผืนป่าแถบตะวันตกของไทย .. ตามมาเลยค่ะ ^^

ทริปนี้เรามาแบบขำๆสองวันหนึ่งคืน ไม่ต้องเที่ยวแบบเร่งรีบ แต่เที่ยวแบบรวบรัด เหมาะมากกับคนทำงานที่มีวันหยุดแค่เสาร์อาทิตย์ .. เสาร์นี้เราเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพประมาณแปดโมงเช้า ขับผ่านถนนจรัญแล้วเลี้ยวเข้าถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า–นครชัยศรี) ขับยาวไปจนเข้าเขตนครปฐม

ร้านแรกที่เราแวะพักคือร้านข้าวขาหมูบางหว้า (นายต๋อง) ร้านนี้เป็นร้านข้าวขาหมูร้านใหญ่อยู่ซ้ายมือ เป็นทางผ่านพอดี มีรถขับเข้าออกในลานจอดรถขวักไขว้ เดินเข้าร้านมาคือพนักงานเต็มร้านมากๆ สั่งไปแปร๊บเดียวได้เลย คนเยอะแต่ให้บริการรวดเร็ว เช้านี้เราสั่งกันขำๆ มากันสาวสวยสองคนแต่สั่งกันไปสามจานกะหนึ่งตุ๋น ตามประสาคนผอม ฮ่าๆๆ


พออิ่มจากการจัดหนักข้าวเช้ามาเรียบร้อย เราก็ขับมุ่งหน้าต่อไปยังเมืองกาญ
ขับมาเรื่อยๆ จนเจอแยกขึ้นสะพาน ให้ขับไปตามป้ายบ้านโป่ง - กาญจนบุรี แล้วไปตามทางจนเจอสามแยกกระจับแล้วค่อยเลี้ยวขวามาตามป้าย "กาญจนบุรี" เข้าเข้าสู่ถนนแสงชูโต ขับมาได้หน่อยนึ่งเราจะเจอร้านไส้กรอกหมูรมควันในตำนาน ..แวะซื้อสิคะ จะเหลือเหรอ ไหนๆก็ผ่านมาแล้ว ต้องตามรอยซะหน่อย คริคริ ^^ 

ร้านนี้ชื่อว่าร้าน "ไส้กรอกรมควัน บ้านวงเดือน" เป็นร้านไส้กรอกโฮมเมดเก่าแก่ที่เปิดมาน๊านนานนแล้วล่ะค่ะ ร้านจะตั้งอยู่ในบ้านริมถนนเลย [พอเลี้ยวมาจากแยกกระจับ ให้สังเกตุโรงงานผงชูรสฝั่งซ้ายมือ ร้านไส้กรอกบ้านวงเดือนจะอยู่เลยไปแค่ประมาณ 500 เมตร] และแล้วเราก็ได้เครื่องเคียงไว้กินกะมาม่ายามค่ำคืนล่ะสินะ คริคริ ^^  [ปล. 1 ถุง 150 บาทนะจ้ะ หนังตึงอร่อยกรอบกร๊วบมากๆ]


เป้าหมายต่อไปของเราอยู่ที่ร้าน FarmCafe' ในอำเภอท่าม่วง อีกหนึ่งเป้าหมายแนะนำ ที่ใครต่อใครบอกกันไว้ว่าต้องแวะมา .. ทางมาร้านเราปักหมุดแล้วขับตาม Google Map มานะจ๊ะ เลยไม่รู้จะอธิบายยังไงเรื่องเส้นทาง รู้แต่ว่าอยู่ในซอยเทศบาล 25 โดยเราขับไปไปตามถนนแสงชูโต [ทางหลวงหมายเลข 323] แล้วขับตามแผนที่เพื่อเข้าซอยไปนิดเดียว

เป็นร้านเล็กๆน่ารักๆ มีที่จอดรถนิดหน่อยอยู่ฝั่งตรงข้ามร้าน ในร้านแบ่งเป็นโซนนั่งชิล 3 โซนเล็กๆ ในร้านมีผลไม้จากสวนของที่ร้านมาวางขายด้วย สดใหม่ ไม่แพงเลย มะละกอสวนเอามาใส่ตะกร้าขายลูกละ 15 บาทเอง .. ครั้งนี้เราสั่งแค่กาแฟมาทาน เพราะยังอิ่มแน่นข้าวขาหมูเมื่อเช้าอยู่เลย กาแฟหอมเนียน ฟองนมนุ่มละมุนมากๆ อร่อยเลย แก้วละ 55 บาท





ในร้านมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมากๆ โต๊ะวางเก๋ ชั้นไม้ มุมเฟอร์นิเจอร์เก๋ๆ ใครชอบถ่ายรูปคงชอบที่นี่แน่ๆ ^^


หลังจากที่เราอิ่มหน่ำสำราญกันมาตลอดทาง อีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นทางผ่านที่เราควรแวะไปทำความเคารพก่อนเข้าเมืองและขับยาวเข้าที่พัก นั่นก็คือ "วัดถ้ำเสือ" นั่นเองค่ะ

วัดถ้ำเสือจะอยู่ในอำเภอท่าม่วง ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่เราต้องเดินทางเข้าเมืองกาญอยู่แล้ว แค่เลี้ยวแยกออกจากถนนแสงชูโต แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปทางอำเภอท่าม่วง แล้วขับไปตามทางอีกไม่ไกล ถนนดี มีป้ายบอกตลอดทาง ก็จะพบวัดที่มีพระใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขา

ในประวัติที่เล่ากันมาต่อๆ จะบอกกันว่าแต่ก่อนวัดนี้จะเป็นแค่เพียงสำนักสงฆ์เล็กๆ ที่มีพระปฏิบัติธรรมอยู่เพียงไม่กี่รูป ต่อมาเมื่อได้รับแรงศรัทธาจากชาวบ้านมากขึ้นๆ ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างและบูรณะวัด จนกลายเป็นวัดที่สวยงามและใหญ่โต มีกระเช้ารองรับให้คนได้ขึ้นไปสักการะพระใหญ่ที่ตั้งอยู่บนยอดเข้าได้สะดวกขึ้น มีที่จอดรถที่รองรับนักท่องเที่ยว มีส่วนในการขายของฝากขายของที่ระลึก ดังที่เห็นในปัจจุบัน​​​

การขึ้นไปสักการะหลวงพ่อชินประทานพรและพระเจดีย์ สามารถขึ้นได้ทั้งจากรถรางที่ทางวัดจัดไว้ให้ หรือจะเดินขึ้นบันไดไปตามแรงศัทธราก็สามารถเลือกได้ตามกำลังเลยค่ะ

ในส่วนตัวทริปนี้เรากับเพื่อนขอเลือกเดินแทน ด้วยความที่ดูแล้วรถรางบ้านเรา เหมือนจะก็องแก๊งง๊องแง๊งไม่เหมือนรถรางบ้านเมืองอื่นที่เราเคยไปเยือน เลยยอมออกกำลังกายขาเดินขึ้นฝ่าบันไดกว่าร้อยขั้น เดินขึ้นไปให้หัวใจได้ทำงาน แข็งแรงกันซะบ้าง .. ตอนขึ้นข้างบนนี่เต้นกันตึกตักตึกตักรั่วๆๆ ฮ่าๆๆๆ​


ด้านบนเมื่อขึ้นมาก็จะพบกับพ่อชินประทานพรและพระเจดีย์ อย่างที่บอกไปแล้ว กับวิวท้องนาแสนกว้างไกล เดินขึ้นมาได้กราบพระขอพรแล้วเห็นวิวสวยๆแบบนี้ก็หายเหนื่อยค่ะ

ส่วนการขึ้นไปด้านบน หากใครใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้น ทางด้านล่างจะมีให้เช่าผ้าพันผืนละ 20 บาท โดยมัดจำผืนละ 100 เมื่อเอาลงมาคืนก็จะได้เงินมัดจำคืนค่ะ


หลังจากที่เรากราบขอพรพระเสร็จเรียบร้อย หมดเวลาไปแล้วค่อนวัน ก็สมควรแก่เวลาที่เราควรจะเดินทางต่อ เพราะเป้าหมายเราวันนี้อยู่ที่ โฮมพุเตย ริเวอร์แคว ซึ่งอยู่ห่างจากวัดถ้ำเสืออีกเกือบร้อยกิโล

พอเราขับออกมาจากวัดถ้ำเสือแล้ว ก็กลับเข้าสู่ถนนเส้นหลักตามเดิม (323) แล้วพอถึงสี่แยกถัดไปที่เขียนว่าแยกวังสารภี ก็ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเลี่ยงเมืองกาญ เพื่อทำเวลาในการไปต่อ

จากนั้นก็ขับยาวๆ ตามถนนแสงชูโต (323) ไปเรื่อยๆ อีกประมาณเกือบชั่วโมงก็เริ่มหิวกันอีกแล้วค่ะ .. เพราะตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายสองแก่ๆ เราเลยแวะกันที่ร้านเรณู ร้านเก่าแก่ดั่งเดิมที่มาเมืองกาญ มาไทรโยคแล้วต้องแวะทาน โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ร้านจะมีเมนูป่าเด็ดๆมาให้ลิ้มลอง ทั้งเมนูเห็ดโคน เมนูผักพื้นบ้านเอามาผัดน้ำมันหอย และอื่นๆอีกเพียบ ใครแวะมาต้องมาลองนะคะ พี่หมีเรคคอมเมนจริงๆ


เรามากันสองคน สั่งไปสามอย่าง มีต้มยำปลาคังใส่เห็ดโคน ผัดผักพื้นบ้านเสริฟพร้อมน้ำจิ้มคล้ายๆน้ำพริกกะปิ และผัดเผ็ดหมูป่า พร้อมข้าวเปล่า 2 จาน น้ำแข็งและน้ำ มื้อนี้หมดไป ห้าร้อยนิดๆ บอกเลยว่าถูกมาก เพราะแต่ละจานนี่ใหญ่เยอะจัดเต็ม ตอนแรกเรายังคิดกันเลยว่าแบบ พลาดแล้ว จานใหญ่ กินไม่หมดแหงๆ แต่เปล่าเลย เห็นเงียบๆพี่ฟาดเรียบนะคับ ฮ่าๆๆ คุณภาพเต็มเปี่ยมล้นอร่อยล้ำมากๆ แนะนำๆๆ



ทานเสร็จขับเลยมานิดเดียวประมาณ 200 เมตร จะเห็นทางขึ้นน้ำตกไทรโยคน้อย รถจอดเยอะแยะ ส่วนใหญ่คนจะแวะจอดซื้อของทานข้าวกันตรงนี้วุ่นวาย มากๆโดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์คนเยอะรถเยอะ ขับระวังๆกันด้วยนะคะ


อิ่มหน่ำสำราญ ก็ขับต่อ คราวนี้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่แวะไหนแล้ว เข้าที่พักเลยจริมๆ ไม่งั้นไม่ถึงแน่ๆ เพราะฝนเริ่มปรอย อากาศเริ่มเย็น หนังท้องตึง แถมเมื่อเช้าตื่นเช้าอีก อยากถึงที่นอนแล้ววว ฮ่าๆๆ

แต่ขับต่อมาอีกไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ โฮมพุเตยจะอยู่ด้านซ้ายมือ มีป้ายทางเข้าเด่นชัด พอเลี้ยวเข้าไปก็จะพบพนักงานอยู่ที่ป้อม เค้าก็จะถามชื่อที่จองมา เพื่อให้เราขับต่อเข้าไปอีกประมาณ 2 กม.ค่ะ ทางเข้ารีสอร์ทเป็นทางลงเขาชันมาก แต่สวยมากๆเช่นกัน ธรรมชาติสุดๆ รับรู้ได้ถึงความเย็นชุ่มฉ่ำ  พอขับไปถึงลานจอดก็จะมีพนักงานชับรถกลอฟ์ขับมารับไปที่ล็อบบี้เพื่อ Check-in และเข้าห้องพักตามระเบียบ

พอเข้ารีสอร์ทก็มี Welcome Drink เป็นน้ำตะไคร้เย็นๆ อร่อยชื่นใจ มาต้อนรับ  คราวนี้เราจองห้องวิวแม่น้ำมาจากอะโกด้า และพอมาถึงพนักงานก็ให้ห้องเบอร์ 1 มา ... เปิดห้องมาต้องร้องว๊าวเบาๆ สวยงามน่าพักผ่อน ห้องนี้จองมากับอะโกด้าก่อนหน้าแค่ 1 อาทิตย์เอง ได้ราคมา 2,394.41บารวมอาหารเช้า ถือว่าคุ้มมั่กๆ




ภายในรีสอร์ทก็จะมีสระว่ายน้ำ บ่อน้ำร้อนแช่เท้า เป็ด เรือพาย กับกิจกรรมแอดแวนเจอร์อีกมากมาย มีทั้งแบบเสียเงินและแบบไม่เสียเงิน แต่อย่างเราอายุเยอะแล้ว อุตส่าห์หลบออกมาพักผ่อนจากความวุ่นวาย เลยขออยู่เงียบๆ เดินชมนกชมไม้แล้วเอาเท้าจุ่มน้ำให้คลายเหมื่อยก็พอ



หลังจากเดินเล่นชมวิวจนอิ่ม ก็กลับเข้าห้อง ทำกิจกรรมการพักผ่อนเปล่งเสียงกรนแข่งกับจิงหรี๊ดและแมลงป่าตามอัธยาศัย 


หลังจากพักผ่อนตามอธัยาศัย จนถึงเวลากลับ เราก็เก็บของแล้วเช็คเอ้าท์ออกจาก โฮมพุเตย แล้วขับรถออกมาจากรีสอร์ทแล้วมุ่งหน้าไปทางขวา ขึ้นไปทางไทรโยค-ทองผาภูมิ เพื่อที่จะไปต่อที่พิพิทธภัณฑ์ช่องเขาขาด ไปดูประวัติศาสตร์แห่งความทรงจำอันแสนหดหู่ ที่รัฐบาลออสเตรเลียจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ที่รวมความทรงจำทั้งจากภาพถ่าย ภาพยนตร์ เครื่องไม้เครื่องมือ ที่ใช้ในการสร้างทางรถไฟสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ไว้อย่างสวยงามและน่าศึกษาเรียนรู้




การเข้าชมจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนในอาคาร ที่แสดงถึงเครื่องไม้เครื่องมือ มีภาพยนตร์สั้นที่ถ่ายจากยุคสมัยนั้น มีแผนที่จำลองแสดงให้เห็นถึงเส้นทางลำเรียงการขนย้ายและการขุดเจาะหินเพื่อสร้างทางรถไฟ ในอาคารนี้จะมีหูฟังตามภาษาต่างๆให้เราได้ฟังเรื่องราวและเรียนรู้ไปด้วยอย่างน่าสนใจ แต่เอาจริงๆ เราเข้ามาในอาคารนี้แล้วรู้สึกหดหู่ จากภาพที่เห็น เครื่องไม้เครื่องมือ สมุดบันทึก ... รู้สึกเศร้ายังไงบอกไม่ถูก เราเลยลงมาเดินที่เส้นทางศึกษาธรรมชาติด้านนอกอาคารแทน



ส่วนด้านนอกที่เป็นเส้นทางจริงๆ ถูกสร้างเป็นทางเดินอย่างดี มีที่นั่งพักให้เป็นระยะๆ ระยะทางอาจจะยาวหน่อย แต่ว่าความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกในจุดพักดีมากๆ ถ้ามากับคนแก่ก็หายห่วงได้เลยค่ะ ค่อยๆเดินพอไหว
ส่วนสำหรับวัยรุ่นอย่างเราก็เดินสบายๆ ยิ่งช่วงนี้อากาศดี มีลมเย็นๆพัดมาเอื่อยๆ ทำให้เดินศึกษาธรรมชาติพร้อมแวะอ่านแผ่นป้ายเรียนรู้ไปได้เรื่อยๆสบายๆเลยค่ะ




สุดท้ายสำหรับใครที่อยากหาที่เที่ยวใกล้ๆกรุงเทพ ขับรถไปได้ทางไม่โหด กาญจนบุรีคงเป็นอีกจังหวัดที่น่าจะเป็นตัวเลือกให้แวะเวียนมาเที่ยวได้เป็นอย่างดีนะคะ และนอกเหนือจากที่รีวิวให้ดู เมืองกาญยังมีมุมอื่นๆอีกมากมาย ที่น่าไปค้นหา แล้วออกมาเที่ยวเมืองไทย ให้ชื่นใจไปด้วยกันเยอะๆนะคะ  ^^


ที่มา Pantip
Cr. MIYAZAKI'S