รีวิว เที่ยวไหมนิสิต ตอน เกาะเต่าหน้าฝน ประสบการณ์รถไฟฟรี,รถไฟนอน,เรือนอน และเครื่องบินโปร

สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวกระทู้แรกของผม หากข้อมูลในกระทู้ผิดพลาดประการใด หรือข้อความเนื้อไม่ถูกต้องประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ^^

Prologue

     ตั้งแต่ปิดเทอมช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ก็เห็นเพื่อนๆในเฟซบุ๊กอัพรูปเที่ยวทะเลกันเต็มหน้าฟีดไปหมด ก็เกิดกิเลสอยากไปบ้าง เห็นเพื่อนๆ(ในมอ)เช็คอินเกาะล้านบ้าง เสม็ดบ้าง(เสร็จกันไปบ้างรึป่าวก็ไม่รู้เนอะแฮะๆ) เป็นทะเลฝั่งอ่าวไทยเสียส่วยใหญ่ เราชาวนิสิตก็เริ่มหาข้อมูลจากกระทู้รีวิวในพันทิปนี่แหละครับ ที่แรกที่เราคิดจะไปคือทะเลฝั่งอันดามันครับ เป็นทะเลจังหวัดตรังและกระบี่ หาวิธีการเดินทาง จัดทริป หาที่พัก อะไรเสร็จสรรพเรียบร้อย เราตกลงกันว่าจะเดินทางในช่วงปลายเดือนมิถุนายนซึ่งในข่าวก็บอกว่ามรสุมจะเข้า แต่เพราะเป็นช่วงที่ราคาตั๋วเครื่องบินล่อตาล่อใจมาก และเพื่อให้ทุกคนเก็บเงินสำหรับใช้จ่ายในทริปด้วย พอถึงขั้นตอนติดต่อบริษัททัวร์ (ที่จัดทริปทัวร์ 4 เกาะ) เขาก็แจ้งกลับมาว่าในช่วง 1 มิถุนายน จนถึง 30 กันยายน ทะเลแถบนี้อุทยานจะสั่งปิดเพื่อให้ฟื้นฟูปะการังเปิดอีกทีก็ 1 ตุลาคม จะเลื่อนทริปก็นานไปแถมเปิดเทอมแล้วอีกต่างหาก เลยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่แต่ตัวเลือกที่เหลือก็คงเป็นทะเลฝั่งอ่าวไทยเท่านั้น เราก็เจอที่ที่หนึ่ง ที่ทะเลสวยงามไม่แพ้กัน ที่นั้นก็คือ อ ออ … “เกาะเต่า!!!!!” 



     ทีนี้ก็จัดการแพลนทริปใหม่หมด TT  เริ่มจากการดูพยากรณ์อากาศ ก็พบว่าช่วงเวลาที่แดดมากที่สุดคือช่วงปลายๆเดือน มิถุนายน และเลือกเดินทางจากกรุงเทพไปสุราษฎร์ธานี ในวันที่ 23 เหตุผลเพราะตรงกับวันพฤหัส ตั๋วเครื่องบินถูกดี แหะๆ



     ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นช่วง ฤดูฝน ช่วงมรสุมไปอี๊ก หลังจากตัดสินใจเลือกวันเดินทางและจองตั๋วเครื่องบิน พยากรณ์อากาศที่เคยดูไว้แล้ว ก็เปลี่ยนทุกวันเลยจ้า เราก็หวาดเสียวต้องคอยเปิดดูพยากรณ์อาการทุกๆวัน กลัวไปทะเลแต่ไม่ได้เล่นทะเลกัน ไปถึงแล้วพายุเข้า น้ำทะเลขุ่น ถ่ายรูปไม่สวย มโนกันไปต่างๆนาๆ 

Chapter I พิษณุโลก – กรุงเทพ

วันที่ 22 มิถุนายน
     เนื่องจากสถานศึกษาของเราตั้งอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก จขกท. จึงขอเริ่มจากพิษณุโลกเลยแล้วกัน โดยผู้ร่วมชะตากรรมของเรามีด้วยกัน 5 คน คนแรกอยู่ กทม. แล้ว กำลังเดินทางโดยรถไฟฟรี 2 คนในวันนี้ อีก 2 คนเดินทางโดยรถตู้ในวันถัดไป 


เราเดินทางโดย รถไฟขบวนที่ 202 จากสถานีพิษณุโลก ปลายทางสถานีกรุงเทพ เวลาออกคือ 06:05 ถึงสถานีกรุงเทพ ตามเวลาในตั๋วคือ 14:05



เรามาถึงตั้งแต่ก่อนเวลารถเทียบในสถานีอีก จึงสามารถเดินเลือกที่นั้งตามชอบได้ ก็คำนวณว่าแดดจะเข้าฝั่งไหนตอนไหน แต่พอรถไฟออก ฝนก็ตกปรอยๆ ฟ้าครึ้มๆ ตลอดการเดินทาง

Chapter II กรุงเทพ – สุราษฎร์ธานี

23 มิถุนายน
     นัดเจอกันที่ดอนเมืองตั้งแต่ 14.30 เราบินไฟท์ 16:20 ถึงสุราษฎร์ธานี 17:30 ระหว่างรอผ่านเกท จัดกรุ๊ปช๊อตไป(รูปที่ดีที่สุด) 1 รูป


โชคดีที่ได้นั้งติดหน้าต่างและได้ที่นั้งติดๆกันทั้ง 5 คนเลย ><


17.30 ก็ถึงสนามบินสุราษฎร์ตรงเวลาเป๊ะ จากนั้นก็หารถไปท่าเรือ เราก็เห็นป้ายจุดบริการแท็คซี่เขียนไว้ว่า 
บ้านดอน 500 
ท่าเรือดอนสัก 1,600
ช่วงตอนนั้นกลุ่มเราเนื้อหอมมาก ทั้งแท็กซี่ทั้งทัวร์รุมจู่โจม จนเวียนหัวไปหมด มึนไปเลย
ประมาณว่า
พี่เค้าก็ถามว่า : “จะไปไหนกัน?”
เรา: ไปท่าเรือครับ จะไปเกาะเต่ากัน
พี่แท็กซี่ชี้ไปที่ป้าย : ท่าเรือดอนสัก 1,600 ครับน้อง
เรา : โหววววววววว 1,600 เลยหรอ
     พี่เค้าก็บอกว่ามันไกลมากๆประมาณ 80 กิโลแหระ !$#@$%#%^$%&%*&ร้องไห้*)(0-.....ผบลาๆๆๆ
แล้วก็เร้าๆเราบอกว่าว่าน้องถ้าจะไปกันก็ต้องไปตอนนี้เลย เดี๋ยวก็ไม่มีรถแล้วนะ เรือก็จะหมดแล้ว เหลือรอบสุดท้ายแล้ว
ตอนนั้นว้าวุ่นมาก 1,600 หาร 5 ตกคนละ 3 ร้อยกว่าบาท ปาดเหงื่อเลย ไมแพงจังฟระ กลัวตังไม่พอ จขกท.เองก็เป็นคนจัดทริปด้วย เลยตัดสินใจบอกพี่แท็คซี่ ไปก็ไปครับ … ไปในเมืองก่อน พี่เค้าก็บอกว่าถ้าจะไปในเมืองน้องมี 2 ทางเลือก มีรถบัสคนละ 100  กับแท็กซี่ 500 เราก็ตกลงกับเพื่อนไปแท็กซี่ละกัน ของเยอะ ค่าก็เท่ากัน ระหว่างทางก็ทักแชทถามเพื่อนว่าจะไปท่าเรือนอนยังไง (โดยตอนนั้น จขกท. เข้าใจว่าเรือนอนต้องไปขึ้นที่ท่าเรือดอนสัก) เพื่อนก็บอกว่าท่าเรือนอนมันอยู่ในบ้านดอนนะ “ดีนะไม่เรียกแท็กซี่ไปท่าเรือดอนสัก” คิดในใจ น้ำตาจะไหล เมื่อถึงท่าเรือนอน ก็จะการซื้อตั๋ว


ในตั๋วเขียน 600 แต่เราซื้อมาในราคา 500 บาท


นี่ไงเรือที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยถึง เกือบ 7 ชั่วโมง เราก็จัดการซื้อตั๋ว เอาของไปเก็บที่เตียงก่อน



     เข้ามาข้างในเป็นเตียง 2 ชั้น มีแอร์เย็น เรากับเพื่อนมากันเร็วหน่อยเลยได้นอนชั้นบนของเตียง ในเรือมีทั้งห้องน้ำและอาบน้ำครับ 
เรือออกตั้งสี่ทุ่ม อีกสองชั่วโมงกว่าเรือจะออก เราก็ลงไปหาไรกินกันก่อน เรือนอนใช้เวลาเดินทางถึง 6-7 ชั่วโมง ต้องไปหาของกินตุนไว้กันด้วย
     ห่างออกไปหน่อย นี่ครับตลาดศาลเจ้า ระยะทางไม่ไกลมาก พอเดินได้ ก็หาไรกินกัน เพื่อนข้าวหมกไก่น่ากินจัง จัดเลยๆ


ภาพไม่ค่อยสวยขออภัยด้วยครับ มันมืดแล้ว เดินไปถ่ายไป ปรับไรไม่ค่อยจะเป็น ==" ออกมาเลือนๆต้องขออภัยด้วยครับ


ตลาดนี้ของกินเยอะมากกกกกก ก็หาไรกินกันไปเรื่อย เพื่อนบอกข้าวหมกไก่น่ากินจัง ก็เลยจัดซะเลย อิอิ


อิ่มหน่ำสำราญกันแล้วก็หาเสบียงตุนไว้เผื่อหิวบนเรือระหว่างกลับเรือครับ 
จากนั้นก็รีบๆ พลัดกันไปอาบน้ำ กลัวเดี๋ยวดึกคนจะเยอะ ขี้เกียจต่อคิว

Chapter III

24 มิถุนายน
     เช้าแล้วววววววว วว
     มองเห็นเกาะอยู่ไกลๆแล้ว ก็พลัดกันไปล้างหน้าแปรงฟัง 
     07:20 ถึงเกาะเต่า 
     พอถึงท่าเรือบนเกาะแล้วก็มองลงไปข้างล่าง โอ้โห น้ำทะเลใสสะอาดสมคำร่ำลือมากๆ ขนาดน้ำตรงท่าเรือยังใสอะไรขนาดนี้ มองลงไปข้างล่างเห็นฝูงปลาเลยทีเดียว


     พอลงจากเรือ ช่วงเนื้อหอมอีกแล้ว ทั้งแท็กซี่คาร์ แท็กซี่โบ๊ท บลาๆๆ มารุม แต่เราคุยกันต้องแต่บนเรือแล้วว่า "ไม่ว่ายังไงเราก็จะรอ ร้านเช่ามอไซต์เปิดเท่านั้น" (ถามราคาแท็กซี่คาร์คือ 100บาท/คน 5 คนก็ 500 ไม่เอาๆ ยิ่งจนๆอยู่ 5555) พี่แท็กซี่ก็หวังดีเหลือเกินถามอยู่ได้ว่าจะไปไหนกัน มีที่พักกันยัง พักที่ไหน เดี๋ยวพี่ช่วยหา อยากพักแถวไหน หาดอะไร ชอบกิจกรรมแบบไหน ดำน้ำไหม !$$#@$#%$^&%&^**&*... บลาๆๆ
     เราก็บอกกับพี่แท็กซี่ไปว่า “ผมจะรอร้านเช่ามอร์ไซต์เปิดครับ”
     พี่แท็กซี่ : ร้านเปิด 9 โมง 10 โมงโน้นนะ 
     เรา : (ก้มมอง นาฬิกา เพิ่ง 07:30 เอาไงดีฟระ แท็กซี่คนล่ะ 100 ก็เตือนสติตัวเองว่า “จะรอร้านเช่ามอร์ไซต์” แสยะยิ้มแล้วบอกกับพี่แท็กซี่) ผมจะรอครับ …
     เราห้าชีวิตก็ได้แต่รอ(ที่สามแยกอนุสาวรีย์เต่า) ผ่านไปใครมาก็บีบแตรถามว่าจะไปไหนกัน แท็กซี่ไหมน้อง ระหว่างที่รอก็เปิดแอฟพลิเคชั่นหาที่พักต่างๆนาๆ ช่วยๆกันหา จนเก้าโมง  ก็เริ่มเดินหาร้านเช่ามอร์ไซต์ จนเจอร้านๆหนึ่งเปิดพอดี คันละ 200 ไม่มีมัดจำ (ตาวาวเลย) จัดสิครับรอไร เราเอา 2 คัน พี่เจ้าของร้านก็บอกว่า “ห้ามซ้อนสามนะน้อง เดี๋ยวตำรวจจับ เค้ามีตำรวจท่องเที่ยวคอยจับ คนที่ขับซ้อนสาม” เครียดอีกล่ะ มากัน 5 คน เอาไงดีฟระ มองไปถนน ก็ไม่มีใครซ้อนสามเลยด้วยดิ ปรึกษาเพื่อนๆ ได้ความว่าเอา 2 คันพอ ค่อยขับสองรอบเอา
    จากนั้นก็เริ่มวอร์กอินหาที่พักกัน ได้แถวหาดทรายรี เราตกลงเอาที่ “นัท รีสอร์ท” กัน 



ภายในห้องสำหรับ 3 คน เป็นเตียงเดี่ยวนะครับ (ห้องสองก็คล้ายๆกันแต่เป็นเตียงใหญ่)


     ที่เราตกลงเอาที่ “นัท รีสอร์ท” กัน เพราะถูกที่สุดที่ไปถามมาแถวนั้นแล้ว ที่อื่นห้องถูกๆก็มีนะ แต่เต็มหมดแล้ว ก็เหลือที่นี่แหละ มองไปจากหน้ารีสอร์ทเห็นหาดเลย เราแยกเป็นสองห้อง ห้อง 2 คน กับห้องเตียงเดี่ยว 3 เตียง พัดลม(ยังคงคอนเซ็ปเน้นประหยัด) ห้องสองคนราคา 400 บาท/คืน ห้องสามคนราคา 700 บาท/คืน เช็คอินเสร็จก็แยกย้ายเข้าห้อง พักผ่อนตามอัธยาศัย เข้าห้องได้สักพักฝนตกเรย TT


ตกยาวยันเย็นเลย สี่โมงแล้ว นัดรวมตัวกันไปเดินเล่นริมหาดกันดีกว่า เริ่ม!!! 



หาดไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ รู้สึกไม่วุ่นวายเหมาะสำหรับการพักผ่อนยิ่งนัก



ไม่มีไรทำก็พลัดกันถ่ายรูป


นัดเจอกันอีกที 20:00  ปาร์ตี้ไทม์ ฝรั่งเต็มเยย ก็เดินหาร้านนั้งจิบเบียร์




ในโซนผับยังไม่ค่อยมีคนเลย 55555 เรามาเป็นโต๊ะแรก
ตัดภาพไปหน้าร้านฝั่งหาด หูยยยยยย






แสงไฟสาดใส่น้ำทะเลบนหาดทราย


Chapter IV
วันที่ 25 มิถุนายน
     เราซื้อทัวร์เกาะกับทางรีสอร์ท เป็นทัวร์ดำน้ำตื่นรอบเกาะเต็มวัน ของบริษัทไดมอนทัวร์ มีอาหารว่าง อาหารกลางวันให้ คนละ 550 บาท(ปกติ750) โดยจะมี 5 จุดด้วยกัน มีอ่าวฉลาม อ่าวลึก อ่าวหินวง อ่าวม่วง และเกาะนางยวน โดยที่ต้องเสียค่าเข้าเกาะนางยวนเอง โดยคนไทยก็จะคนละ 30 บาท 9:30 มีรถแท็กซี่มารับที่รีสอร์ท ไปท่าเรือ

สิ่งที่เราเอาติดตัวไปด้วยมีดังนี้...

10:30 ถึงเวลาขึ้นเรือ นั้นไงเรือของไดมอนทัวร์ ลำท้ายสุดเลย


เรานับคนที่มาทริปเดียวกับเราได้ ประมาณ 18 คน มีคนไทยแค่ 7 คน นอกนั้นเป็นชาวต่างชาติหมดเลย ต้องขอบอกก่อนว่า รูปต่อไปนี้เป็นรูปที่ถ่ายระหว่างออกเรือ เราจำไม่ได้แล้วว่าตรงจุดไหนเรียกว่าอ่าวอะไร หรือหาดอะไร เพราะอยากใช้เวลากับการดำน้ำให้คุ้มค่าที่สุดโกโปรก็ไม่มี เลยไม่ได้รูปตอนดำน้ำเลย เสียจุยยย TT ต้องขออภัยด้วยครับป๋มมมม

เอ้อออ ลืมบอกไป ทริปทัวร์รอบเกาะเราสามารถไปเป็นกลุ่มเล็กๆได้นะครับ ประมาน 6-7 ไรงี้ จะเป็นเรือเล็กเหมาลำ 3,000 บาท เหมือนในรูปข้างบน แต่พวกเราเลือกเรือใหญ่ เพราะเหตุผลหลักๆคือ "กลัวเกรียม"

ภาพทิวทัศน์รอบเกาะนะครับ จะเห็นมีต้นมะพร้าว และก้อนหินก้อนใหญ่ๆ(ใหญ่มากๆ) อยู่เต็มไปหมดเลย

     ถ้าจำไม่ผิดแถวนี้น่าจะเป็นจุดแรกที่เรือจอดให้ดำน้ำ คือ "อ่าวฉลาม"ครับ (ชื่อแอบน่ากลัวนะ แต่ตอนนั้นก็แอบกลัวจริงๆ 555) แต่ไกด์ทัวร์เราบอกว่าฉลามที่นี่จะไม่น่ากลัว จะเป็นฉลามตัวน้อยๆ ไม่ทำร้ายคน จุดนี้เขาบอกว่าเหมือนให้เราหัดดำน้ำไปก่อน จขกท ต้องขอยอมรับเลยว่าเป็นคนว่ายน้ำไม่เป็นเลย กลัวน้ำมาก และไม่เคยดำน้ำมาก่อน ตอนแรกก็ไม่กล้าลง กล้าๆกลัว แต่พอได้ลงไปดำน้ำเล่นดู เฮ้ยยย! มันเจ๋งมาก รักเลย หัวใจ


ดูจากผิวน้ำเหมือนมันไม่ลึกมากเท่าไหร่เพราะน้ำใสมากๆ มองเห็นข้างล่างเลยไม่ต้องใส่สน็อกเกิ้ล แต่พอใส่สน็อกเกิ้ลดูใต้น้ำเท่านั้นและ กลัวเลย 55555 เพราะมันก็ลึกพอสมควรสำหรับเรา ว่ายน้ำไม่เป็นซะด้วย อิอิ

อันนี้เป็นของว่างบนเรือ หยิบกินได้เลยคุณลุงบอก ^^ 
มีชา กาแฟ ขนม แล้วก็สับปะรด


อันนี้เป็นคุณลุงโชเฟอร์ อิอิ

ส่วนคนนี้จะคอยดูแล ให้คำแนะนำทุกอย่าง เค้าเรียกไกด์ป่ะ 5555 ถ้าไม่ใช่ก็ประมาณนั้นแหละ เราชอบสำเนียงภาษาไทยขอแกมาก ^^
ยู้ฮูวววว

ส่วนอันนี้เราไม่แน่ใจว่าคืออ่าวหินวงหรืออ่าวม่วงนี่แหระ แหะๆ ต้องขออภัยจริมๆ

เอาเป็นว่าดูภาพรวมเอาละกันเนอะ เพราะจำไม่ได้จริงๆไม่อยากบอกไปมั่วๆ ฮ่าาา



หลังจากดำน้ำครบทั้ง 4 จุดแล้ว คือ อ่าวฉลาม อ่าวลึก อ่าวหินวงและอ่าวม่วง จุดละ 40 นาที ก็เหนื่อยและหอบกันมาก ส่วนตัวแล้วเราประทับใจที่อ่าวหินวงที่สุด คงเพราะทัวร์ให้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง รู้สึกไม่ต้องรีบ และปะการังสวย ปลาเยอะมาก เจอนีโม่ด้วย จุ๊บๆ

Chapter V เกาะนางยวน

     และแล้วก็มาถึงจุดไฮไลท์ของทริป คือ "เกาะนางยวนอันนี้เป็นท่าเรือ



หินก้อนใหญ่ๆเพียบเลย


ฝูงปลาตัวน้อย กำลังว่ายเปลี่ยนรูปร่าง

หาดทรายที่เชื่อมเกาะ


มิสชั่นของเราคือ ขึ้นไปยังจุดชมวิวของเกาะ

ข้างทางสวยมากกกก



แวะถ่ายรูปแปบ

เดินไปเดินมาสะพานพังซะงั้น
Chapter V (ต่อ)

ความเดิมตอนที่แล้ว : เมื่อทัวร์พาเราปล่อยที่เกาะนางยวน
เวลาประมาณบ่ายสองโมงเราอยู่ที่เกาะนางยวน เรือจะมารับตอนสี่โมงเย็น สิ่งที่แรกที่เราจะทำคือขึ้นไปยังจุดชมวิว แต่เมื่อเดินมาตามทางเรื่อยๆ ก็พบว่าทางมันขาด!! สะพานพัง!! ทำยังไงละทีนี้? TwT
พวกเราตัดสินใจเดินกลับมาทางเดิม ก็พบว่ามีทางแยก!! 555 (ตอนแรกก็เห็น แต่ไม่ได้เอะใจ) และมีป้ายชี้ไปยังทางขึ้นไปจุดชมวิว

ขึ้นเลย เริ่ม!!

ขึ้นๆไป เหมือนทางมันก็ชันแล้วก็แคบลงเรื่อยๆ เต่าเอือม ข้างทางก็กลัวเหล่าสิงสาราสัตว์ออกมาเหลือเกิน 555 งู

ยังไม่ถึงครึ่งทางก็หอบแล้ว อีกไกลแค่ไหนจนกว่าจะได้ใกล้บอกฉันที ร้องไห้
โอ๊ะ ดูเหมือนจะใกล้ถึงแล้ว เห็นคนต่อคิวรออะไรกัน ใกล้ถึงแล้วแน่ๆ !!

ถึงแล้วจริงๆด้วย เห็นวิวแล้วหายเหนื่อยเลย ป่าวล้อเล่น ยังเหนื่อยอยู่ 555 แต่วิวสวยมากกกกกกกกกกกก x100


คราวต้องลงแล้ว อยู่ต่อเลยได้ไหมอมยิ้ม21 เหมือนขาจะก้าวไม่ไหว Siri เปิดวาร์ปเดี๋ยวนี้!! อมยิ้ม31 
เดินๆลงไปเริ่มเหมื่อย ชักยากจะกลิ้งลงไปแทน 555



ไม่มีอะไรทำแล้วก็เดินเล่นอยู่แถวนี้แหละ นั่งชิวๆรอเรือมารับ นั่งใต้ต้นไม้ริมหาด มองวิวทะเลไปก็เพลินดีชักจะง่วงแล้วสิ คร่อกฟี้




จะสี่โมงแล้วไปรอเรือกันนนนน !


เรือมาแล้ว ก็ขึ้นกันเลย!

คุณลุงไกด์เตรียม "แทงโม" ฉ่ำๆไว้ให้เรียบร้อย >w<

บาย~ เกาะนางยวน มุ่งหน้าสู่เกาะเต่ากัน

ถึงเกาะเต่าก็หายเหนื่อยพอดี ทริปวันนี้ดูดพลังมาก เพี้ยนเงือก แต่ก็สนุกสุด ><

กลับมานั่งชิวริมหาดจนตะวันตกดิน 


ฝนก็เริ่มตกอีกแล้ว แยกย้ายเข้ารีสอร์ทกันดีกว่า 555

ฝนหยุดก็เริ่มหิวครับ เลยจะออกไปหาไรทานกัน มื้อนี้ต้องพิเศษหน่อย เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน

ถ้าจำไม่ผิด น่าอยู่แถวๆ โฉลกบ้านเก่าครับ เป็นร้านหมูกะทะ หัวละแค่ 169 เอง "ถูกกว่าแถวมออีก"

เอาให้อิ่มหน่ำเปรมปรี 

Chapter VI วันสุดท้ายบนเกาะ วันแห่งการพักผ่อน
26 มิถุนายน
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของพวกเราบนเกาะ เนื่องทริปดำน้ำเมื่อวานดูดพลังชีวิตไปมาก วันนี้ขอให้เป็นวันแห่งการพักผ่อน กิจกรรมของเราคือใช้เวลาทั้งวันไปกับการเดินเล่นริมหาด ถ่ายรูปเล่น ลงเล่นน้ำ และออกไปจองตั๋วเรือนอนขากลับสุราษฎร์ ที่ท่าเรือด้วยการเดินเท้า เพราะเอามอร์ไซต์ไปคืนแล้ว

อยู่บนหาดทั้งวันจริงๆ


เอ๊ะ!! หมาน้อยย เดินมาเจอเจ้าถิ่นซะแล้ว นั้งเล่นกับเจ้าหมาไป คุยกันไป(คุยกับหมา) 55 



เย็นๆก่อนกลับ ก็แวะอนุสาวรีย์ จปร. ก็พากันไหว้ขอพรท่านก่อนกลับ

ก่อนกลับขอกรุ๊ปช็อตสักรูปละกัน

จากนั้นเช็คเอาท์ออกจากที่พัก แล้วก็พากันแบกสัมภารก เดินเท้าจากรีสอร์ทไปท่าเรือกัน ^^
Chapter VII บ๊ายบายเกาะเต่า

เรือนอนออกจากเกาะเต่า เวลา 21 : 00 
หกโมงเย็นพวกเราก็ เช็คเอาท์ออกจากที่พัก เดินเลาะริมหาดจนถึงท่าเรือ
(พี่พนักงานบอกว่าถ้าเดินเลาะหาดอ่ะ แค่ 1.5 กิโลเอง แต่ถ้าเดินบนถนนก็ประมาณ 3 กิโล)
เดินไปก็ดูวิวข้างทางไปด้วย

หาไรกินกันก่อนขึ้นเรือ แล้วก็สำหรับตุนไว้บนเรือ มื้อนี้คงต้องพึ่งพี่ 7/11 แล้ว

เมื่อถึงเวลา จวนๆจะสามทุ่มแล้วก็ขึ้นเรือกันเถอะ
นี่คือเรือนอนขากลับของเราในคืนนี้ครับ

ตั๋วเรือนอนครับ เราซื้อมาในราคาคนไทย คนละ 400 บาท

เป็นเรือนอนพัดลม 2 ชั้น ที่เพดานสูงเท่าหัวเราพอดี แหะๆ ลองคิดดูเล่นๆเราสูง 168 ถ้าเป็นฝรั่งล่ะ คงน่าสงสาร ><

เพราะเรามาจองที่กันไว้ตั้งแต่หัววัน จองแบบไม่ได้จ่ายตังด้วย แต่บอกป้าว่าเอาแน่ๆ คุณป้าก็ใจดี๊ดีๆจองที่ไว้ให้เรา เป็นห้องอยู่บริเวณส่วนหัวเรือ ห้องนี้จุคนได้ 10 คน เป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 5 คน พวกเราครอง 1 ฝั่ง เข้าไปตอนแรกก็ร้อนอยู่ ทั้งๆที่มีพัดลมอยู่บนหัว แต่พอเรือออกไปซักพักหนึ่ง ก็หนาว แบบถึงใจเลย ลุกขึ้นมาปิดพัดลมกัน

     คือในส่วนของเบาะที่นอน ดั่งกับว่ามันถูกสร้างเพื่อเราเลย ยาว พอดีกะส่วนสูงเราเป๊ะ 5555 เราเห็นฝรั่งบางคนต้องนอนขดกันเอา เพราะขาเกินที่นอนออกมา น่าเอ็นดู อมยิ้ม03 และในส่วนของความโคลงเคลงของเรือนี่ สุดยอดจริมๆ เหมือนเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกเลย เราเลยจัดการกินยาแก้เมาเรือซะ ก็สบายตลอดทางเลยครับหลับตลอดทาง อ่อ! ลืมบอกไปเรือนอนลำนี้ไม่มีห้องอาบน้ำนะครับ มีแต่ห้องน้ำ และการเดินทางโดยเรือนอนทั้งขามาและขากลับ เราเลือกลำไม่ได้ครับว่าจะนั้งลำไหน แอร์หรือพัดลม เพราะเค้าจะสลับกันมา 4 เจ้า มีแอร์ 2 ลำ พัดลม 2 ลำ
Chapter VII ชีวิตในบ้านดอน

27 มิถุนายน
     ถึงบ้านดอน ตั้งแต่ตี 4  แต่พี่เค้าบอกว่า "นอนได้ถึง 9 โมงน้อง" เราก็ลำไยกันจนถึง 6 โมงกว่า เดินไปตลาดเช้ากัน เพราะความหิว แต่พอมาถึงตลาด แหะๆ ทำไมมีแต่ของสดฟระ!
     เดินออกมาจนถึงอีกฝั่งของตลาดเช้าก็เจอ ร้านข้าวมันไก่อาหารตามสั่ง ก็ตรงดิ่งไปเลย ระหว่างกินไปก็คิดว่าจะไปไหนต่อกันดี ขากลับเราจองรถไฟนอนกันครับ เวลารถไฟออกก็ตั้งสี่โมงเย็น มองๆไปข้างในร้าน ก็เห็นป้าย “บ้านดอนโฮเทล” คือส่วนของด้านบนของร้านข้าวมันไก่เป็นโรงแรมครับ ก็เลยจะเปิดห้องกันไว้นอนเล่น อาบน้ำ เก็บของ ก็สอบถามราคากัน ได้ความว่าห้องพัดลมห้องละ 250 ก็เลยต่อเขาบอกว่าเดี๋ยวสี่โมงก็เช็คเอาท์แล้ว พี่เค้าก็ใจดี๊ดี บอกว่างั้นเอา 150 ก็พอ สักเที่ยงๆก็ออกไปเดินเล่นเซ็นทรัลกันกลับที่พักมาเอาของตอนบ่ายสาม แล้วก็เดินทางไปสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอพุนพิน โดยโทร 1616 กด 1 เรียกแท็กซี่ ตอนแรกเราโทรไปไม่ติด ก็ถามพี่คนขายหมูย่างหน้าที่พักพี่เขาเลยโทรให้(ใจดีจุง)ยิ้ม ไม่นานแท็กซี่ก็มารับ ไปส่งที่สถานีรถไฟ โดยถ้าให้ส่งนอกอำเภอเมือง แท็กซี่เค้าจะคิดราคาเป็น มิตเตอร์ X2 + 20 บาท


Chapter IX สุราษฎร์ – กรุงเทพ โดยรถไฟนอน บ้ายบายบ้านดอน

เราจองรถไฟนอนไว้ เป็นรถเร็วขบวนที่ 174 รับส่งผู้โดยสารจากสถานีนครศรีธรรมราช ปลายทางสถานีกรุงเทพ 

มาถึงสถานีก็เดินหาของฝาก ของดี เมืองสุราษฎร์ ซะหน่อย

นี่ไงไข่เค็มในตำนาน ต้องไข่เค็มไชยา

สักพักก็ได้ยินเสียงกระดิ่งเลยเดินออกมารอ

ปู๊นๆ จ๊ะเอ๋! มาแล้วๆ และแล้วรถเราก็มาเทียบชานชาลา

ป่ะๆขึ้นรถกันเลยล่ะกัน


มีเพื่อนมาจอดใกล้ๆด้วย 

บ๊ายบาย เราไปก่อนนะเพื่อน

ระหว่างนี้ก็เพลิดเพลินกับเกมเศรษฐี

เห็นลุงข้างหน้ามีเตียงนอนแล้วแม่นางคนนี้ก็อยากได้ที่นอนบ้าง จึงลงมือทรานฟอร์มที่นั้งด้วยตนเอง ถึงกระนั้นผลออกมาถึง ยกเบาะนี้ขึ้นแต่ดันเอาลงไม่ได้ 555555 ใจหายวูบเลยทีเดียว นึกว่าของเค้าจะพังแล้ว


ใกล้ๆค่ำ ก็ง่วงพอดี พี่พนักงานก็มาปูที่นอนให้ 

แท่นแท้นนนนน




ทดลองเข้าไปอัดกันนอนสองคน 555

อันนี้เป็นการจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินบนรถไฟ เช่น การคลอดลูก ขำๆนะครับ อมยิ้ม16

สนุกกันพักใหญ่ๆ ก็แยกย้ายเตียงใครเตียงมัน ฝันดีครับ คร๊อกฟี้

จะพูดถึงเมื่อถึงสถานีกรุงเทพ กับการเดินทางกลับพิษณุโลก เป็น Chapter ปิดท้ายแล้วนะครับ ^^

Chapter X กรุงเทพ - พิษณุโลก (การเดินทางครั้งสุดท้ายของทริปนี้)

28 มิถุนายน 
     อย่างที่ผมได้บอก ใน Chapter I ว่า พวกเราเริ่มเดินทางจากพิษณุโลกกัน เพราะสถานศึกษาของพวกเราอยู่ที่นี่ การเดินทางกลับพิษณุโลกใน Chapter X นี้ก็เหมือนการเดินทางครั้งสุดท้ายของทริปแล้ว ^^

     เรามาถึงสถานีกรุงเทพ เกือบๆ 6 โมงเช้า ทีนี้ก็กะว่า จะไปอาบน้ำหาไรกินกัน ระหว่างรอขบวนรถไฟฟรีที่จะกลับพิษณุโลกบ้านเรา 555


     เมื่อมาถึงห้องน้ำ ก็พบข่าวร้าย ห้องอาบน้ำฝั่งผู้ชายเสียแต่ฝั่งผู้หญิงยังใช้การได้ ร้องไห้ โลกไม่ยุติธรรม เราก็ให้ผู้หญิงคนเดียวในทริปไปอาบน้ำ ส่วนเราก้ไปซื้อทิชชู่เปียกมาเช็ดตัว แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเอา เป็นการอาบน้ำแห้งหลิ่วตา 55555

อีกตั้งนานกว่าจะ 9 โมง เลยว่าจะเดินออกไปหาไรกินข้างนอกกัน


เดินเที่ยว ไปเรื่อย ไม่มีไรทำ ข้างในสถานีแอร์เย็นมากกก ข้างนอกอากาศก็ชื้นๆ เพราะฝนเพิ่งหยุดตกไป


เก้าโมงแล้ววววว ไปขึ้นรถกัน นี่ไงตั๋วเรา "เห็นไหม 0 บาท ไม่มีฟิกที่นั้ง แสดงว่านั้งได้ตามอัศยาศัยเลย"

หลังจากที่รถไฟเคลื่อนขบวนได้ไม่นาน คุณลุงตำรวจรถไฟ ก็มาตรวจตั๋ว

    ตอนรถเคลื่อนขบวนเข้าเทียบในชานชาลาเราเห็นมนุษย์ลุง(ที่ยังดูเหมือนไม่แก่มากประมาณ 40 ปี) มากะเมีย พลักป้าแก่ๆที่ถือของเยอะๆคนนึงล้มเลย เพียงเพราะอยากขึ้นขบวนก่อนเพื่อที่จะได้แย่งที่นั้งที่ปรับเอนได้ แต่ในส่วนของที่นั้งที่เป็นเบาะที่ปรับเอนนอนได้(เหมือนรถทัวร์)ถูกสงวนไว้ให้เฉพาะพระภิกษุ สามเณร เท่านั้นครับ มีเชือกกั้นไว้และป้ายเขียนไว้ชัดเจน ตาลุงนั่นก็แพ้ให้กับพลังแห่งธรรมะ จึงได้มาที่นั้งธรรมดา หึหึ (แสยะยิ้ม) ที่นั้งที่ว่านี้อยู่ท้ายขบวนเลยฮะ แต่ถ่ายมาไม่เห็น 5555 ให้โฟกัสไปที่ข้างนอกขบวนแล้วกันเนอะ

จริงๆคันอื่นจะเป็นเบาะสีเขียวนิ่มๆ แต่ที่เราเลือกนั้งคันนี้ เพราะว่าดูสะอาดที่สุดและทั้งขบวนมีแต่นักท่องเที่ยว เค้าลงที่สถานีอยุธยากันหมดเลย จากนั้นรถก็ว๊างวางมาตลอดทาง


ของกินนี่มีตลอดทางครับ ทั้งสายไหมอยุธยาที่เลื่องชื่อลือชา ข้าวต้ม 10 บาท เฉ่าก๊วยน้ำแดง ขนมจีบบางมูลนาก(อันนี้ก็เด็ด)ว่าจะซื้อซะหน่อยของดันมาหมดต่อหน้าต่อตาเลย ก็ อดไปสิครับ อันนี้เป็นข้าวต้มกับเฉาก๊วยน้ำแดง(โดยส่วนตัว จขกท ชอบมาก 555)


ระหว่างถ่ายรูปเล่นไป เด็กน้อยตาใสก็จ้องตลอด สงสัยน้องอยากถ่ายด้วย เลยจัดให้ อิอิ นายแบบน้อย


เมื่อถึงลพบุรีเมืองลิง ^^

ข้างทาง

ในที่สุด...ก็ถึงแล้วสถานี "พิษณุโลก" บ๊ายบาย รถไฟ


     ส่วนตัว จขกท ชอบนั้งรถไฟนะ ถึงแม้รถจะเสียเวลาบ้างกลิ่นสนิมบ้าง แต่ภาพวิวทิวทัศน์ข้างทางก็ช่วยให้หายเบื่อได้ เราชอบดูเวลารถไฟวิ่งผ่านสถานี หรือสถานที่ต่างๆ ทิวทัศน์ที่ค่อยๆเปลี่ยนไปตามวัฒนธรรมของพื้นที่นั้นๆที่รถไฟผ่าน ตึกราบ้านช่องก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นท้องทุ่ง เป็นป่า เป็นเขา ยิ่ง ฟังเพลงไปด้วยก็ทำให้เพลิดเพลินได้ไม่น้อย แถมยังได้มิตรภาพจากเพื่อนร่วมทางจากที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็ได้เพื่อนคุย และจากที่เราสังเกตจากคนที่นั้งตรงข้ามเราเป็นคุณลุงวัยเกษียรแล้ว ตลอดทางเราก็หลับบ้างตื่นบ้าง แต่คุณลุงคนนี้ไม่หลับเลย นั้งมองข้างทางบางทีก็อมยิ้ม คือคุณลุงดูมีความสุขมาก เราคิดว่าคุณลุงอาจจะมีความทรงบางอย่างที่ทำให้แกมีความสุขเวลานั้งรถไฟไปด้วยก็เป็นได้ อิอิ


Epilogue : บทส่งท้าย


    การเดินทางครั้งนี้ จาก"ทริปเกาะเต่าหน้าฝน" ถึงแม้ทะเลอาจไม่ได้สวยงามเหมือนช่วงซัมเมอร์ เราได้สัมผัสบรรยากาศทะเลในหน้าฝน ถือว่าโชคดีที่พายุไม่รุนแรงฝนตกไม่นานก็หยุดแถมแดดก็ไม่ได้แรงมาก นักท่องเที่ยวก็ไม่มาก ค่าทริปดำน้ำก็ถูกลง ที่พักก็ถูก อะไรๆก็ถูกลง มาที่นี้แล้วไม่ผิดหวังจริงๆ ไม่เสียแรงที่ผ่าด่านรถไฟฟรี เครื่องบิน เรือนอน 7 ชม. ดั้นด้นมาถึงจนได้ อีกทั้งรูปแบบของการเดินทางที่หลากหลาย เพื่อนร่วมทริป บางคนไม่เคยขึ้นเครื่องบินก็ได้ขึ้น บางคนไม่เคยได้นอนรถไฟนอนก็ได้ลอง ไม่เคยอยู่บนเรือถึง 7 ชั่วโมง ก็ได้อยู่ ส่วน จขกท ก็ได้ลองดำน้ำครั้งแรกจากทริปนี้ 
22 - 28 มิถุนายน 2559 เป็นการเดินทางที่คุ้มค่ามากจริงๆ ^^  ขอขอบคุณผู้ที่เข้ามาอ่าน ผู้ที่ค่อยติดตาม คนที่แชร์ และเพื่อนร่วมทริปทุกคน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางครั้งนี้ ขอบคุณครับ
THE END

ของแถมครับอมยิ้ม04


ฝากอัลบั้มรูปด้วยนะครับเข้าไปดูได้
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1043417162380505.1073741839.100001366944027&type=1&l=1be2ce96a7

มีข้อสงสัยเกี่ยวกับทริปตรงไหน สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวเกาะเต่า สามารถติดต่อมาได้เลยครับ

ขอบคุณที่สนใจกระทู้นะครับ ^^

ที่มา Pantip