รีวิว KRABI 2016 เที่ยวเกาะห้อง นอนในเมือง กระบี่ 2559

สวัสดีค่ะ หลังจากปีที่แล้วได้ไปเที่ยวทะเลแหวก จังหวัดกระบี่มา เรารู้สึกชอบมาก คือจากตอนแรกกะแค่ไปใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีด้วยการท่องเที่ยวในประเทศ แต่สิ่งที่ได้กลับประทับมากกว่านั้น ต้องยอมรับว่าทะเลเมืองไทยสวยจริง หาดสวยน้ำใสเป็นอย่างนี้ที่เอง พอกลับมาถึงบ้านปุ๊บ แอร์เอเชียก็ออกโปรฯ 0 บาทปั๊บ เราก็ไม่รอช้ากดจองในทันที แต่เป็นการจองปีนี้บินปีหน้า ไอ้เราก็รอกันไป และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง 9 มิถุนายน 2559 ได้เวลาไปกระบี่กันอีกครั้งแล้วจร้า...



ครั้งนี้เราได้มาใช้บริการท่าอากาศยานดอนเมืองด้วยรูปโฉมใหม่กันจ๊ะ



ไปผ่านตม.เข้าเกจกันเถอะ



เราได้เกจ 51 น่ะ ต้องเลี้ยวขวา เลี้ยวก็จะเจอสภาพเช่นนี้



ก่อนเข้าเกจเราก็ไปสิทธิ์กาแล็คซี่กิ๊ฟที่เบอร์เกอร์คิงส์กันก่อน ชุดนี้ 95 บาทเองนะตัวเธอว์



เมื่ออิ่มอร่อยแล้วเราก็เดินเข้าเกจกัน



และนี่คือความพิเศษของเกจ 51 คุณพระ! ใครจะคิดล่ะว่า INDEX LIVING MALL จะเข้ามาเปิดในสนามบินดอนเมือง แถมเอาเฟอร์นิเจอร์ตัวเองมาให้บริการผู้โดยสารด้วย



ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว บินไปประมาณ 1 ชั่วโมงกับ 10 นาที กัปตันซิ่งมากก็ถึงสนามบินกระบี่กันเสียที



พอดีเราซื้อทัวร์เป็นแพ็คเกจไว้ เลยมีรถมารับเราที่สนามบินไปส่งที่โรงแรม แต่ครั้งนี้เราตัดสินใจพักกันในตัวเมืองกระบี่ เพื่อหาของกิน ขอย้ำ เพื่อหาของกินเท่านั้น และด้านบนคือภาพอาหารมื้อแรกที่ร้านกระบี่สินโอชา ตรงข้างห้างโว้ค ถ้าหันหน้าเข้าโว้คร้านจะอยู่ทางซ้ายมือถัดไป 2-3 ห้องแถว ร้านกระบี่สินโอชานี้ เราตั้งใจมากินโดยเฉพาะ เนื่องจากคราวที่แล้วเราแวะโอท็อปเพื่อหาซื้อของฝาก แล้วได้เค้กกระบี่สินโอชากลับบ้าน พอได้แกะชิมเท่านั้นคุณเอ๋ย...ทำไมมันช่างอร่อยอะไรเยี่ยงนี้ คราวนี้เราถึงไม่พลาดที่จะเข้ามาเยี่ยมชมร้านกระบี่สินโอชาเพื่อซื้อของฝากอันเลิศรส และฝากท้องสำหรับมื้อแรกไว้ที่นี่ด้วย



หลังจากนั้นเราก็เดินกลับไปนอนต่อ เนื่องจากที่พักเราอยู่ไม่ห่างจากห้างโว้คเท่าไหร่ เพื่อรอเวลา 6 โมงเย็นแล้วเดินกลับไปที่เดิมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราจะไม่ซื้อเค้กหรือกินข้าวอะไรใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากเราจะมาลองลิ้มชิมรสของโรตีห้างโว้คเจ้าดังแห่งจังหวัดกระบี่นี่เอง
หลังจากที่ได้ลองแล้ว สำหรับเราโรตีก็อร่อยดีนะ โดยเฉพาะคืนที่สองเรามาย้ำโรตีกรอบ แต่สิ่งที่เราติดใจมากก็คือชา ใช่ค่ะคุณอ่านไม่ผิดหรอก ชาร้อนเป็นที่ฟรีและอร่อยมาก อร่อยจริงๆนะ คือมันหอมอ๊ะ หอมแบบชามะลิประมาณนั้นเลย กินกับโรตีนะคุณเอ๋ย (ว่าแล้วก็น้ำลายไหล)



วันรุ่งขึ้นเราตื่นกันตั้งแต่ตีห้าโดยมิได้นัดหมาย (ตอนไปทำงานยังไม่ตื่นเช้าขนาดนี้เลย) อาหารเช้าโรงแรมรึ อย่าได้หวัง เราพากันออกเดินไปที่หน้าตลาดสดมหาราช เพื่ออาหารเช้าตามสไตล์ชาวกระบี่เชื้อสายจีนนั่นก็คือ บักกุตเต๋ 



เรื่องยังไม่จบอยู่แค่นั้น โจ๊กหมู ก็มา



ขาดไม่ได้เลยคือ ติ่มซำ แต่สิ่งที่เราเห็นเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลย ก็คือ ชาร้อน ค่ะ บรรยากาศเหมือนตอนไปฮ่องกงเลย คือจะไปกินข้าว กินโรตี กินติ่มซำ ทุกร้านเขาจะยกชาร้อนมาให้เราก่อนเลย นี่คือสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลยหละ ยกเว้นกินอาหารทะเล เขาไม่มีชาร้อนมาเสิร์ฟนะ ไม่ต้องทวงเขา



หลังจากนั้นเราก็ถูกต้อน เอ๊ย! ไม่ใช่ถูกเชิญให้ขึ้นรถสามแถว ใช่แล้วค่ะ "รถสามแถว" ทำไมน่ะเหรอ? นึกออกไหมคะ รถสองแถว แล้วเอาเก้าอี้ไม้ยาวๆ มาวางตรงกลาง แบบรถโรงเรียนเมื่อยี่สิบปีก่อนอ๊ะ (บอกอายุจขกท.อีกละ)



เมื่อถึงหาดแล้ว รถก็จอด แล้วนักท่องเที่ยวก็กรูกันลงจากรถ จนท.ก็จะเดินมาถามว่าทัวร์ไหนคะ? สี่เกาะรึเปล่า? แล้วเราก็ตอบไปอย่างมั่นใจว่าเกาะห้องค่ะ จนท.ก็เชิญเราไปที่โต๊ะตัวหนึ่งพร้อมให้ลงชื่อแล้วก็ขอดูวอชเชอร์ ตรงนี้สำคัญนะ ถ้าใครซื้อทัวร์ผ่านโซเชียลมีเดียหรืออะไรก็แล้วแต่ อย่าลืมปริ้นซ์วอชเชอร์มาด้วยนะ เพราะเขาจะขอดูแล้วเก็บวอชเชอร์เราไปเลยอ๊ะ ทำสำเนามาหลายๆแผ่นก็ดี

เมื่อลูกทัวร์มากันครบแล้ว ก็เดินตามแม่ไก่ลงเรือไป แล้วจุดๆแรกที่เขาจอดเรือให้เราถ่ายรูปถ่ายรูปก็คือ "เกาะแดง" เกาะแดงคือเกาะที่มีหินเป็นสีแดง โอเคจบ คือมีเกาะเดียวทั้งจังหวัดไง โอเคนะ



แล้วในที่สุดเราก็มาถึง "เกาะห้อง" เกาะห้องความจริงก็เป็นเกาะธรรมดานี่แหละ แต่ตรงกลางก็จะมีหาดอีกอันเหมือนโดนัทที่มีรูกลมๆ ตรงกลางน่ะ แล้วก็มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว เลยชื่อว่าเกาะห้อง ภาพด้านบนนี้คือหาดด้านนอกของเกาะห้องจ๊ะ

 

ด้านนอกเกาะห้องก็มีชายหาดให้เล่นเหมือนกัน



ตรงนี้คือจุดที่ไกด์จะปล่อยให้เราเล่นน้ำกันจ๊ะ



ไกด์บอกว่าเป็นนกออกตัวเดียวบนเกาะห้อง (หัวขโมยหมวก)



หลังจากนั้นเราก็เข้าไปที่ลากูนในกันจ๊ะ ก็คือหาดด้านในที่มีทางเข้าออกเพียงทางเดียวนั่นแหละ ไกด้บอกว่าตอนหกโมงเช้าก็วันที่เราไปจะไม่มีน้ำสักหยดบริเวณนี้เลย เป็นหาดทรายแห้ง แต่ตอนที่เราไปถึงประมาณเที่ยงแล้ว น้ำสูงประมาณ 2 เมตรเห็นจะได้ แต่ไม่มีหาดเลยนะ เข้าไปเหมือนทะเลสาบที่มีภูเขาล้อมไว้เลยอ๊ะ



หลังจากที่ไกด์ปล่อยเราให้เล่นน้ำที่ลากูนในสักพัก ก็พาเรามาแวะพักกินข้าวกันบนเกาะผักเบี้ย ไกด์บอกว่าที่นี่กับอีกเกาะที่เราจะไปคือเกาะลาดิงใช้เป็นฉากถ่ายทำละครเรื่องเพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษด้วยนะ (เราไม่เคยดูอ๊ะ)



แล้วก็มาถึงเกาะสุดท้ายคือ "เกาะลาดิง" หรือเกาะพาราไดซ์ คือเราไม่รุ้ว่ามันพาราไดซ์ยังไงอ๊ะนะ แต่มันดีตรงที่จุดที่เราเล่นน้ำอ๊ะ มีเงาจากภูเขามาบังพอดีเลยไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ อิอิ 

สรุปเอาจริงๆ นะ น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา แหวกว่ายไปมาไหวๆ แต่ปลาไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อากาศเย็นดีเพราะมีแต่ต้นไม้ ไกด์มีสน็อกเกิ้ลให้ใส่ดำน้ำเล่นแต่ไม่รู้จะดูอะไร เพราะมันไม่มีปะการังหรือดอกไม้ทะเลอ๊ะ เอาไป 4 กระโหลกละกัน เอาเป็นชอบมาก แต่ยังไม่ถึงกับประทับใจ



แล้วเราก็นั่งรถสามแถวกลับไปโรงแรมกันจ๊ะ รีบอาบน้ำแต่งตัว เพราะหิวมาก และนี่คือร้านที่เราเล็งไว้ตั้งแต่ก่อนไปแล้วว่าจะต้องไปกินให้ได้



แล้วก็ไม่ผิดหวัง แม้คนขับรถจะบอกว่าร้านนี้อาหารไม่ค่อยสด แต่สำหรับคนดอยอย่างเราอาหารทะเลอย่างนี้ก็ถือว่าสดมากแล้ว หมดนี้หมดไปแค่ 600++ เองอ๊ะ ว่าแล้วอยากขึ้นเครื่องกลับไปกินอีกครั้ง เมนูแนะนำ "หอยหวานผัดพริกเผา" คือมันไม่ใช่หอยหวานอย่างในแม็คโครอ๊ะ มันเหมือนหอยตลับตัวโตๆมากกว่า แต่ขอบอกว่าอร่อยมากกกกก ก.ไก่ล้านตัว



หลังจากนั้นเราก็ไปเดินเล่นตลาดคนเดิน (ด้านหลังห้างโว้ค) ซ้ำโรตีหน้าโว้ค



ซ้ำร้านซิวหม่ายหยก ด้านหน้าตลาดสดมหราราช (หาป้ายหินอ่อนที่ติดเป็นชื่อตลาดให้เจอ นั่นแหละร้านอยุ่ฝั่งตรงข้าม)



และติ่มซำ (บางส่วน) อายจังกินเยอะไปไหมเนี่ย



และก็ได้เวลากลับบ้าน ขากลับเราไปสอยตั๋วโปรญาญ่า กระบี่-สุวรรณภูมิ ในราคาคนละ 530 บาท

สรุปค่าใช้จ่าย
ตั่วเครื่องบิน ขาไป หางแดง 400 บาท สองคน
ขากลับ ญาญ่า 1,030 บาท สองคน
ทัวร์ (รถรับ-ส่งสนามบิน โรงแรม ทัวร์เกาะห้องสปีดโบ็ท) 5,500 บาท สองคน
รวมทั้งสิ้น 6,930 บาท จะตกคนละ 3,465 บาท


ที่มา Pantip
Cr. december_pig