รีวิว >> เ ที่ ย ว เ ขื่ อ น เ ชี่ ย ว ห ล า น << สุราษฎร์ธานี กับ แพภูตะวัน [ Follow me Trip ]

สวัสดีคะ ><
เป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยไปเที่ยวแบบจริงจังสักครั้ง
งานนี้จึงถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่ น้องสาวเรียนจบและเรียกร้องขอให้ไปเที่ยวด้วยกัน
ทริปนี้จึงมีกันเพียง 3 คนพี่น้อง ซึ่งปริมาณคนน้อยนั้นไม่ได้ มีผลต่อความสนุกที่จะลดลงแต่อย่างใด
ว่าแล้วก็ไปกันเลยคะกับรีวิวแรกในชีวิต


@เขื่อนเชี่ยวหลาน (เขื่อนรัชชประภา) จังหวัดสุราษฎร์ธานี 


เราตั้งชื่อ ทริปนี้ว่า Follow me Trip 
เพราะงานนี้มีเราเป็นแม่งาน จัดแจง วางแผน เตรียมเอง ทำเองทุกอย่าง ซึ่งปกติเป็นผู้ตามตลอด
เอาละคะทุกคน ตามมาๆๆๆๆ Follow meๆๆๆๆ





เริ่มต้นจากการหาข้อมูลแพที่จะไปพักคะ 


สุดท้ายก็ตัดสินในเลือก>>>แพภูตะวัน


ด้วยเหตุผลหลัก คือ
-    ระยะทางจากท่าเรือไปยังที่พักใกล้มาก ใช้เวลานั่งเรือ เพียง 20-25 นาที
-    ห้องพักแคปซูลที่ดึงดูดใจ ดูใหม่ และสะอาด
-    มีไฟฟ้าให้ใช้ตลอดทั้งคืน (ต่างจากบางแพที่อาจต้องจำกัดเวลาการใช้ไฟฟ้า)
-    ราคาเหมาะสมกับ Budget ที่มีคะ ไม่ถูก และ แพงจนเกินไป ซึ่งรวมทั้ง ค่าอาหาร ที่พัก เรือ และ กิจกรรมท่องเที่ยว พูดง่ายๆว่า ราคาเดียวจบครบกันไปเลย
-    สำคัญมากๆ คือ จากการอ่านรีวิวที่น่าพึงพอใจของผู้ที่เคยใช้บริการ

มีเพียงข้อจำกัดเดียวที่ทำให้พวกเรากังวลคะ นั่นคือ ห้องน้ำรวม


ราคาและรายละเอียดที่พัก
-    เลือกจองเป็นทริป 2 วัน 1 คืนคะ
-    จำนวนผู้เข้าพัก 3 ท่าน (ถ้าคนเยอะราคาจะถูกลง)
-    เลือกพักห้องแคปซูล ราคา 2,800 บาท/คน 
(ราคานี้รวมอาหาร 3 มื้อ ค่าเรือไปกลับ, เรือนำเที่ยว และแพไม้ไผ่ ชมกุ้ยหลินเมืองไทย เดินป่า และชมถ้ำปะการัง)
การติดต่อ
-    สามารถโทรติดต่อได้โดยตรงตามเบอร์โทรนี้เลยคะ 086-2819655, 081-6069007, 083-6465252
-    หรือดูข้อมูล ชมรูปภาพจากเว็บไซต์  www.phutawanrafthouse.com


ข้อจำกัด
-    สัญญาณโทรศัพท์มีเพียง 1% ของพื้นที่ทั้งหมดนะคะ (ต้องตั้งใจหาจริงๆจะเจอ)
-    ไม่มีห้องน้ำในตัว แต่มีห้องน้ำรวมที่สะอาด
-    อาหารทางที่พักจะจัดไว้ให้เอง ไม่ใช่ตามสั่งนะคะ
-    มีเวลาเปิดปิดไฟในช่วงกลางวัน แต่สบายใจได้คะ ตะวันตกดินมีไฟใช้ตลอดทั้งคืน
-    ในกรณีที่ฝนตกและต้องนั่งเรือกลับ ท่านจะพบกับความเปียกอย่างหลีกเลี่ยงได้ยากคะ
-    ไม่สามารถทำอาหารในห้องพักได้นะคะ


การเดินทาง
พวกเราออกเดินทางจากบ้าน (ซึ่งอยู่ใกล้กับห้างเทสโก้โลตัส สุราษฎร์ธานี)
ระยะทาง จากบ้าน – ท่าเรือท่องเที่ยวของเชื่อน ประมาณ 90 กม.
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
จากนั้นก็แวะจ่ายเงินส่วนที่เหลือ จากเงินมัดจำ 50% ที่ ออฟฟิตของแพภูตะวันคะ
ตั้งอยู่ก่อนถึงด่านสแกนบัตรเข้าเขื่อน






ด่านแรกพบกับออฟฟิตของแพภูตะวันคะ
พนักงานที่นี่น่ารักทุกท่านเลยคะ มีการโทรเช็คก่อนเวลานัดหมายว่าเดินทางถึงไหนแล้ว
หลังจากจ่ายเงินเสร็จเดินทางไปยังท่าเรือ ก็มีการโทรสอบอีกครั้งว่าไปถึงหรือยัง เอาใจใส่ลูกค้าดีคะ





ภาพแรกที่ได้เห็น ขณะเดินลงจากที่จอดรถไปท่าเรือคะ เช้านี้อากาศสดใส แดดอ่อนๆ สีเขียวจากภูเขา แมกไม้ และน้ำในเขื่อนก็ดึงดูดใจจริงๆคะ มีความอยากเป็นปลาขึ้นมาเลยทีเดียวเชียว





พอมาถึงท่าเรือก็มีพนักงานจากแพภูตะวันมาต้อนรับ และส่งลงเรืออย่างดีคะ นาทีนี้ รีบแบกเป้ยกกระเป๋ากันใหญ่ อยากสัมผัสบรรยากาศกุ้ยหลินเมืองไทยจะแย่อยู่แล้ว





เรือนำเที่ยวเป็นเรือหางยาวลำใหญ่คะ มีชูชีพให้ใส่เพื่อความปลอดภัย ระหว่างทางก็จะเห็นบรรยากาศภูเขาน้อยใหญ่ และน้ำในเขื่อนสีเขียวสดใส ดูจากหน้าตาและความหลั่นล้าของนักท่องเที่ยวในภาพได้เลยคะ





กริ๊ดดดด นาทีแรกที่ได้เห็นบรรยากาศจริงของแพภูตะวัน ด้านซ้ายเป็นแพแคปซูลเรียงตัวยาว ตรงกลางเป็นล็อบบี้ และห้องอาหาร ส่วนด้านขวาเป็นแพที่มีประตูเป็นกระจกใสมองเห็นวิวภายนอกได้อย่างเต็มตา





ถึงละคะ แพภูตะวัน พื้นทางเดินเป็นหญ้าเทียมสีเขียวสด จะเดินไปเดินมาก็สบายเท้า หรือจะถ่ายภาพก็ดูสวยสบายตาคะ





อร๊ายยยย แพแคปซูล อันสวยงาม เงาของแพสะท้อนลงไปบนผิวน้ำสีเขียว อย่างกะอยู่กลางทะเลมัลดีฟเลยละคะ (งานมโนล้วนๆ)





ด้านหน้าของล็อบบี้ แพภูตะวันคะ ปลอดโปร่งโล่งสบาย มีขนม และแอลกอฮอล์จำหน่ายจนถึง 4 ทุ่มโน่นแน่ะ





สไลด์เดอร์สุดมันส์อันนี้ ตอนหาข้อมูลไม่มีแจ้งไว้คะ ไม่รู้ว่ามีด้วยซ้ำ แต่พอมาถึงมีให้พวกเราเล่นก็ดีใจมากๆ ขอบอกนิดนึงว่าเห็นแล้วเหมือนของเด็กเล่นแบบนี้ ไม่เหมาะกับเด็กเล็กและผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรงนะคะ เพราะลองไปกระโดดเล่นดูแล้วมันส์มากจิงๆ เหมาะกับคนที่มีร่างกายแข็งแรง กระโดดโลดเต้นได้ เดินๆอยู่ ล้มได้ หัวทิ่มได้ ร่างกายฟาดฟันกับเครื่องเล่น และตกลงในน้ำ ถ้าให้แจ่มต้องขนกองทัพเพื่อน หรือญาติวัยเดียวกันมาเล่น หรือหากใครบ้าพลัง และชอบเอ็กซ์ตรีม รับรองความมันส์เลยละคะ 





ด้านนี้เป็นห้องอาหารของแพสำหรับเตรียมอาหารทั้ง 3 มื้อ เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยง เย็น และเช้า จะมีอาหารอร่อยเตรียมพร้อมเสริฟไว้บนโต๊ะเรียบร้อยคะ





ทางเดินขึ้นห้องน้ำคะ ไม่ได้ลำบาก และเดินไกลอย่างที่คิดนะคะ แถมมีหญ้าเทียมปูทางไว้ให้ด้วย น่าเดินจะตาย





ภาพนี้ขอเจ้าของกระทู้อยู่หน้ากล้องบ้างนะคะ นี่ก็เป็นทางเชื่อมไปห้องน้ำอีกด้านหนึ่ง ส่วนด้านหลังเป็นทางเดินไปยังห้องพักแคปซูลคะ





ภายในห้องพักแคปซูล มีที่นอนสามารถนอนได้ 3 คน ห้องพักเป็นแบบพัดลม มีหน้าต่างที่มองออกไปจะเห็นวิวของน้ำในเขื่อน ภูเขา และวิวทั้งหมดของแพภูตะวัน





ส่วนโค้งของแคปซูลทำให้ห้องพักดูกว้างมากขึ้นคะ แถมยังเป็นมุมถ่ายภาพที่สวยมากๆอีกด้วย 





เมื่อเปิดประตูออกมากอีกด้านหนึ่งของห้องพัก จะมีทางลงเพื่อเล่นน้ำ และพายเรือแคนนูได้คะ สามารถขอไม้พายได้ที่ล็อบบี้ โดยมีค่ามัดจำ 200 เล่นเสร็จแล้วถ้าไม่ทำไม่พายหาย ก็ไปรับเงินคืนได้เลยคะ 200 บาท แต่ถ้าทำไม้พายหาย ก็ ตัวใครตัวมันนะคะ 555





ท่านใดที่รักการถ่ายภาพ ต้องขอบอกว่ามุมนี้ ถ่ายภาพออกมาเลอค่าจริงๆคะ แต่ตากล้องนี่ ใส่ชูชีพหน่อยก็ดีนะคะ เผื่อตกน้ำ เจ้าของกระทู้ผู้ถ่ายภาพนี้ ก็เกือบร่วงเหมือนกันคะ 555





มุมสูงที่เป็นภาพรวมของบรรกาศสวยๆของเขื่อนรัชชประภา และแพภูตะวัน ส่วนตัวชอบมุมนี้นะคะ สีไม้ของห้องพักแคปซูล ท่ามกลางภูเขาเขียวชอุ่ม สีเขียวอ่อนๆของต้นกล้วย หมู่ไม้นานาพันธุ์ ผสมผสานกับสีเขียวมรกตใสใสจากน้ำในเขื่อนได้อย่างลงตัวมากๆ รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกเลยละคะ ซึ่งมุมนี้ถ่ายจากห้องน้ำรวมด้านบนฝั่งที่อยู่ด้านหลังของห้องพักแคปซูล เดี๋ยวจะพาไปชมนะคะ





มื้อเที่ยงคะ ถึงจะเลือกเองไม่ได้เพราะทางที่พักจัดไว้ให้แล้ว แต่รสชาติอาหารก็อร่อยดีคะ เป็นอาหารที่กินได้ทุกวัย ต้ม ผัด แกง ทอด ครบเซ็ทคะ





บรรยากาศชิลๆ ด้านหน้าของแพภูตะวันคะ กินข้าวเสร็จก็มานั่งอ้วนๆบนโซฟาดีไซน์เก๋ รอลงเรือคะ โปรแกรมวันนี้ ได้แก่ นั่งเรือชมกุ้ยหลินเมืองไทย เดินป่า นั่งแพไม้ไผ่ และชมถ้ำปะการัง





สิ่งที่กังวลที่สุด คือ ห้องน้ำรวมคะ แต่พอมาเห็นของจริงก็หายห่วงได้เลย เพราะสะอาด ใหม่ ไม่เก่าอย่างที่คิด เป็นห้องน้ำแบบมีโถ มีถังน้ำ และมีฝักบัวในตัวคะ ด้านหน้ามีอ่างล้างหน้าเรียงกันอย่างที่เห็นในภาพ ช่วงเช้าเดินออกมาล้างหน้า แล้วได้เห็นวิวเขียวๆ กับอากาศบริสุทธิ์ ทำให้รู้สึกสดชื่นมากคะ ส่วน ในเวลากลางคืนก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่นี่มีไฟฟ้าให้ใช้ตลอดคืนเลยละคะ





ได้เวลาผจญภัยแล้วคะ 555 จริงๆก็ไม่ขนาดนั้นนะคะ ลงเรือเพื่อไปชมธรรมชาติกันคะ การเตรียมตัวก็แค่ ใส่ชุดที่รู้สึกสบาย สามารถเดินขึ้นเขาลงเรือได้ง่าย อุปกรณ์เสริมสำหรับท่านผู้ใหญ่ ควรยาดม พัดลมมือถือ หรือน้ำขวดเล็กๆไปด้วย การเดินทางอาจจะใช้เวลานานหน่อยนะคะ เนื่องจากแพภูตะวันจะใกล้จากท่าเรือมาก นั่นหมายความว่า ใกล้ท่าเรือ แต่ใกล้สถานที่เดียวนั่นเองคะ อดใจรอแปบเดียว นั่งในเรือชิลๆไปก่อนนะคะ ที่สำคัญ คือ รองเท้า ควรเป็นรองเท้าที่ใส่พอดี ส้นเรียบ เดินสบาย กันลื่นได้ยิ่งดี เหมาะกับการเดินป่า และเดินในถ้ำคะ ห้ามลืมกล้องถ่ายรูปไว้เก็บภาพสวยๆด้วยนะคะ





ขณะนั่งเรือเที่ยวก็จะมีพี่โชเฟอร์เรือ ที่พาเราไปแว๊นทั่วเขื่อน ผสมสานกับการเป็นไกด์อธิบายสถานที่ ที่มา ประวัติต่างๆ และคำแนะนำอื่นๆไปตลอดทาง ถ้าอยากรู้ว่า คำว่า “ กุ้ยหลินเมืองไทย ” ได้มายังไง ต้องลองมาหาคำตอบที่นี่คะ





ได้เวลาผจญภัยในป่าแล้วววว พร้อมมั้ยคะสำหรับการเดินป่า ริมทางเดินจะมีเครื่องดื่มและขนมขายนะคะ แต่จะมีราคาสูงสักหน่อย เช่น น้ำอัดลมปกติ ราคากระป๋องละ ประมาณ 15 บาท แต่เจ้เค้าขาย  ราคากระป๋องละ 25 บาท ถามว่า ซื้อมั้ย? ซื้อซิคะ ก็มันหิวอยู่พอดี 555





นี่ก็เป็นบรรยกาศระหว่างเดินป่าคะ มีความชันบ้าง ลาดบ้าง ลื่นบ้าง แห้งบ้าง แฉะบ้าง สังเกตในภาพดีๆ จะเห็นไม่เท้ากายสิทธิ์ประจำกาย คนละ 1 ไม้คะ เพื่อพยุงตัวเองระหว่างทางเดิน หรือใครจะทำเป็นไม้ดรัมเมเยอร์ก็ได้นะคะ เฮฮาระหว่างทาง (พวกเราทำมาแล้ว อิอิ) สำหรับผู้สูงวัย ขอให้สู้ๆนะคะ ถือเป็นการพิสูจน์ความสูงวัยไปในตัว เราต้องพิชิตภูเขาลูกนี้ให้ได้ สู้โว้ยยย




เดินมาเรื่อยๆจะพบกับท่าเรือแพไม้ไผ่คะ ซึ่งเป็นพาหนะที่จะพาเราไปยังถ้ำปะการังคะ





ผู้ร่วมทริปของพวกเราคะ พิสูจน์แล้วว่าไม่มีใครสูงวัย เดินป่ามาถึงท่าเรือแพไม้ไผ่ด้วยหน้าตาชุ่มฉ่ำมาก (โชกไปด้วยเหงื่อ ยาดมหมดไป 3 แผง) เด็ดสุด คือ น้องไมค์ (น้องฝรั่งผู้ชาย) นางสตรองมากคะ เดินแบบไม่ใส่รองเท้า สายแข็งจริงๆ ยกนิ้วให้เลยคะ





เกิดการ Battle การโพสท่าบนแพไม้ไผ่คะ นอกจากต้องทรงตัวในการยืนแล้ว ท่าโพสต้องพีคด้วยคะ ประกาศให้โลกรู้ว่า คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก 555 ทำไปได้เนอะ ถ้ามีโอกาสได้ไป ต้องไปลองสักครั้งคะ อย่าลืมคิดท่าโพสไปด้วยนะคะ เพราะนั่งแพไม้ไผ่ได้แค่ไม่นานก็จะถึงถ้ำปะการังละคะ 





ปีนป่ายกันอีกนิดเดียวคะ เราจะได้ชมถ้ำปะการังแล้ว ตอนเที่ยงที่นั่งกินข้าว พนักงานแอบกระซิบด้วยว่า มีหินที่สวยเปล่งประกายระยิบระยับเหมือนเพชรเลย เอาละสิ รู้สึกมีแรงดึงดูด อยากเห็นของจริงจะแย่แล้ว





หูยยยยยย แม้รูปอาจจะไม่ขึ้นกล้อง แต่ของจริงต้องบอกว่าสวยงามระยิบระยับเป็นประกายมีออร่าดูเลอค่าจริงจังคะ เหมือนเพชรจริงๆด้วย ภายในถ้ำก็จะเต็มไปด้วยหินงอก หินย้อย รูปร่างต่างๆ ใครที่กลัวค้างคาวนี่หายห่วงได้เลยคะ ถ้ำนี้ไม่มีค้างคาวมากินกล้วยให้ดูอย่างแน่นอน เข้าไปในถ้ำไม่ลึกมากคะ และไม่ได้ร้อนอบอ้าวจนเหงื่อออก แต่กลับเป็นความเย็นสบาย และภายในถ้ำทางเดินก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด คุ้มค่าแกการเดินข้ามป่ามาเที่ยวชม





Say Heyyyy!! การมีเพื่อนร่วมทริปที่น่ารัก ถ่ายรูปหมู่ทั้งทีก็จะดูมีความสุขแบบนี้ละคะ ไปกลับด้วยระยะทางประมาณ 3 กม. แอบหอบเบาๆ ได้เวลาลงเรือกลับแพภูตะวัน และไปมันส์กับของเล่นที่รอคอย สไลด์เดอร์ของพี่ อีกไม่กี่นาทีเราเจอกันนะ





วิวระหว่างนั่งเรือชมเขื่อนคะ บรรยากาศแบบเขื่อนๆ เขียวๆ หน้าปะทะลมเย็น กลิ่นไอจากน้ำใสสีเขียวอมฟ้า ภูเขาน้อยใหญ่เรียงรายสลับกันตลอดทาง ท่ามกลางท้องฟ้าสดใสไร้ฝนรบกวน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากมายเลยละคะ





กลับมาถึงที่พักก็รีบมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยคะ โปรดสังเกตนิ้วชี้ของสาวเสื้อเหลือง (คือเค้าเอง) ด้านหลังเป็นสไลเดอร์คะ ได้เวลามันส์ของคนบ้าพลังแล้ว ขอตัวไปกระโดดโลดแล่นให้หายอยากบนสไลเดอร์ก่อนนะคะ (เสียดายไม่มีกล้องกันน้ำอดถ่ายรูปตอนเล่นมาฝาก)





หลังจากที่เล่นสไลเดอร์กลางฝนกันอย่างสะใจ อาบน้ำอาบท่าแล้วก็มากินข้าวเย็นคะ จากความเหนื่อยหล้าที่ได้รับจากการโลดโผนโจนทะยานอย่างเมามันส์ มื้อนี้ จึงเกิดเป็นสงครามแย่งชิงกับข้าวไปโดยปริราย กินแหลกคะงานนี้ ต้ม ผัด แกง ทอด สูตรเดิม มีเพิ่มผลไม้ด้วยนะ





สำหรับที่นี่ ความมืดมาพร้อมกับความสงบคะ แถมไร้สัญญาณโทรศัพท์อีกด้วย จึงสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่ม นอกจากนี้ เรามีไฟฟ้าใช้ยามค่ำคืนด้วยละคะท่านผู้ชมมมม มีไฟฟ้าใช้กันยาวๆไปเลย เชิ้บ เชิ้บ





แต่ล็อบบี้จะปิดตอน 4 ทุ่มนะคะ จะซื้อขนมนมเนย หรือใครจะหาซื้อแอลกอฮอล์ดื่มล้างแผลในลำไส้ก็ไม่ว่ากัน มีจำหน่ายเพียบคะ หรือสามารถนั่งชิลดูทีวีได้เรื่อยๆเลย





อรุณสวัสดิ์เช้าวันกลับบ้านคะ อาหารเป็นแบบบุปเฟต์บริการตัวเองกันได้เลยคะ จะข้าวต้ม ข้าวผัด ขนมปัง กาแฟก็มีให้อิ่มท้องก่อนกลับบ้าน





เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอคะ ขอขอบคุณผู้ร่วมทริป คือ น้องเตอร์ (ผู้ชาย) และน้องจ๋า (เด็กหัวจุก) และแพภูตะวันที่ทำให้ทริปนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยความสุขสนุกหรรษาร่าเริงบันเทิงจิตบันเทิงใจหัวเราะกันจนไขข้อเสื่อมเป็นอย่างมาก 





เป็นทริปแห่งความประทับใจที่ทำให้สัมผัส คำว่า “ Relax ” อย่างแท้จริง เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ได้วางทุกอย่างไว้ แล้วสูดหายใจเอาความสุขใส่ปอดอย่างเต็มที่ พร้อมเก็บเอาความประทับใจในช่วงเวลานี้ไว้เป็นแบตสำรองชาร์ตไฟให้ตัวเองในวันต่อๆไป 

แล้วเจอกันใหม่ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นคะ....” F o l l o w  m e   T r i p ”


ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 3276615