รีวิว ++>>Review<<++ จากขุนเ ขาจรดริมโขง…ภูเรือ เชียงคาน ผาซ่อนแก้ว

ลมหนามโชยมาเบาๆ ในช่วงต้นฤดูหนาวหลังจากที่ผ่านฤดูฝนไปได้ไม่นาน  เพียงแค่สัมผัสแรก คำถามที่เกิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติเหมือนทุกๆปีที่ผ่านมาคือ หนาวนี้ไปเที่ยวไหนกันดี  ทริปนี้เอาแบบไม่ลำบากมากพวกเราบางคนอยากพาครอบครัวไปด้วย หลังจากทริปที่ผ่านๆมา ส่วนใหญ่เราไปกันแต่ ผู้ชายเพราะเป็นทริปที่ค่อนข้างหนักและลำบาก  คุยไปคุยมาเลยมาลงตัวกันที่เล้นทางสาย เขาค้อ ภูเรือ เชียงคาน   เพราะเส้นทางสายนี้มันมีครบ ทั้งขุนเขา ดอกไม้ สายหมอก ลำน้ำ  เมืองเล็กๆน่ารักให้เดินเล่นอย่างเชียงคาน   เมื่อตกลงเส้นทางกันได้ก็รอวันที่การเดินทางของพวกเราจะเริ่มต้นขึ้น

ล้อหมุน....  กลางดึกของวันที่นัดหมายกัน  พวกเราออกเดินทางจากกทม.   ไปตามเส้นทาง กรุงเทพ สระบุรี ลพบุรี  เพชรบูรณ์  พอออกจากเพชรบูรณ์ เลยหล่มสักได้ไม่นาน เส้นทางจะเริ่มขึ้นเขาและมีโค้งขับกลางคืนต้องเริ่มระมัดระวังเพิ่มขึ้นจากเดินเราทำเวลากันได้ค่อนข้างดี สัมผัสแรกของลมหนาวที่ภูเรือ เราจอดพักรถกันที่ปั้มก่อนถึงภูเรือ รอใกล้ๆเช้าเราจะขึ้นยอดภูเรือกัน




ตีสี่.....  เราถึงอ.ภูเรือ และเลี้ยวเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติภูเรือ  หลังจากผ่านด่านเก็บค่าธรรมเนียม พวกเราขับรถขึ้นสู่ยอดภูเรือ  เส้นทางขึ้นภูก็จริงแต่ไม่สูงชันอะไรมากมาย รถทุกประเภทสามารถขึ้นได้  แต่รถทั้งหมดจะไปถึงได้บริเวณจุดกางเต็นท์ด้านบนภู  หลังจากนั้นมีสองเลือกคือ เดิน หรือ จะขึ้นสองแถว ไปบนจุดสูงสุดบนยอดภูเรือ  พวกเราเลือกที่จะเดินขึ้นไปบนยอดภูกัน โดยเลือกเส้นทางผาโหล่นน้อย  เดินขึ้นยอดภู   เส้นทางนี้จะได้สัมผัสธรรมชาติ สายลมหนาวอย่างใกล้ชิด








ผาโหล่นน้อย...  เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุดบนภูเรือ พวกเราใช้ไฟฉายเดินฝ่าความมืด ผ่านอากาศเย็นบนภูเรือ  เดินไม่ไกลมากเรามองเห็นแสงสีส้มน้อยๆ อยู่ข้างหน้า มีศาลาให้ได้นั้งพักเหนื่อย บริเวณผาโหลนน้อยจะมีศาลา ให้นั้งเล่นรอพระอาทิตย์ขึ้น    พอเริ่มมีแสงเราจะเห็นเส้นขอบฟ้าเริ่มมีสีส้ม  แล้วจะค่อยสว่างขึ้นเรื่อย  จุดนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องทะเลหมอก แต่เสียดายวันที่พวกเราไปทะเลไม่เกิดแต่  เราก็ยังมีทะเลภูเขาทอดตัวสุดสายตาอยู่ด้านหน้ามองไปจนถึงภูหลวงเลย  ท่ามกลางแสงอ่อนๆไออุ่นของแดดในยามเช้า





ยอดภูเรือ....  พวกเราออกเดินจากผาโหล่นน้อย ไต่ความสูงเรื่อยๆ แต่สภาพเส้นทางทำไว้ดีมาก เดินดูต้นไม้ นก ผีเสื้อ  ฟังเสียงนกร้องในยามเช้าเพียงไม่นานเราก็จะเห็นเนินเขาอยู่ด้านหน้า ใช่แล้ว เรามาถึงยอดภูเรือแล้ว ถ้าใครไม่เดินมาแบบพวกเราก็จะมีรถสองแถวพาส่งถึงจุดนี้เลย  บนยอดภูเรือ จะมีสวนหย่อมเล็กๆปลูกดอกไม้เมืองหนาวเราแวะไปถ่ายรูป มีระเบียงชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นได้เหมือนกัน   และมีวิวสวยๆ ให้เดินชมความงามกันได้หลายมุม มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนว่ากันว่าอากาศดีดี เราจะมองเห็นแม่น้ำเหืองที่กั้นพรมแดนไทยลาวเงย  บนจุดสูงสุดจะมี พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่  เราอยู่กันจนคนเริ่มเยอะก็ได้เวลาลงจากยอดภูแล้ว   ตรงจุดจอดรถจะมีอาหาร ชา กาแฟ  อุปกรณ์กันหนาวจำหน่ายเรารองท้องมื้อเช้ากันที่นี่   ก่อนที่จะเดินทางสู่จุดหมายต่อไป








สวนดอกไม้ ........  เลยเป็นจังหวัดที่ได้ชื่อว่ามีอากาศเย็นสบายแทบทั้งปี อาชีพนึงที่นิยมทำกันที่เลยโดยเฉพาะ อ.ภูเรือ คือ สวนดอกไม้  ช่วงฤดูหนาว  เป็นช่วงที่ดอกไม้เมืองหนาวเริ่มออกดอกแข่งสีสันกันสวยงาม  ที่ภูเรือจะมีสวนดอกไม้ ของส่วนราชการ และ ของเอกชนให้แวะลงไปเที่ยวชม  ระหว่างลงจากภูเรือเราแวะชมทุ่งต้นคริสต์มาส ที่สร้างเป็นแลนด์มารค์มีกังหันเก๋  ท่ามกลางทุ่มคริสต์มาสสีแดงสด  มีร้านกาแฟเก๋ให้เราแวะชิมเก็บภาพที่ระลึกกัน





โรงบ่มไวน์.......  อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นของขึ้นชื่อของภูเรือคือ ไวน์ที่เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน ไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่าง  “ซาโต้ เดอ เลย “ มีต้นกำเนิดอยู่ที่นี่ พวกเราแวะชมไร่องุ่น   และเยี่ยมชมโรงบ่มไวน์  จิบชิมไวน์รสชาติดีๆให้ได้ลิ้มลอง บางคนอดไม่ได้ที่จะซื้อติดไม้ติดมือกันกันไป







อ่างเก็บน้ำห้วยหมาน......   มื้อกลางวันแล้ว เราเลือกที่จะไปนอนเล่นรับลมสั่งอาหารมากินกันบนแพ  แพจะค่อยๆลากออกไปกลางอ่างเก็บน้ำแล้วทิ้งสมอ ปล่อยเราไว้ท่ามกลางธรรมชาติ  เราสั่งอาหารกันไว้ก่อนลงแพ  รอไม่นาน อาหารเครื่องดื่มที่เราสั่งไว้ก็ถูกนำมาส่งโดยเรือหางยาว  ถ้าเราต้องการอะไรเพิ่มหรือเข้าห้องน้ำก็อาจจะโทรเข้ามือถือให้เรือหางยาวมารับออเดอร์หรือพาไปห้องน้ำ  พวกเราเล่นน้ำพักผ่อน  จิบเบียร์เย็นๆ นอนบ้างฟังเพลงบ้างปล่อยอารมย์พาไปตามสไตล์ของแต่ละคน  จนเย็นเราต้องไปเข้าที่พักกันแล้ว



เกษตรที่สูงภูเรือ.......     พวกเราเลือกที่จะพักกันที่นี่ ทำไมนะเหรอ  เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่หนาวมากจุดนึงของเมืองไทย   ใกล้กับบ้านหินสอหมู่บ้านที่ได้ชื่อว่าเคยมีอุณหภูมิ หนาวเย็นที่สุดในประเทศ เคยติดลบถึง 4 องศา ถ้าไปช่วงที่อากาศหนาวที่บ้านหินสอจะเกิดน้ำค้างแข็งทั้งหมู่บ้าน   แต่ตอนที่พวกเราไปยังไม่หนาวจัดขนาดเกิดน้ำค้างแข็งแต่บริเวณบ้านพักของเกษตรที่สูงภูเรือ อยู่ในหุบแค่พอหมดแสงแดด อากาศก็เย็นจับขั่วหัวใจ  ที่นี่มีร้านอาหารสวัสดิการ มีร้านขายของเล็กๆ อยู่ใกล้ๆที่ทำการ สามารถสั่งอาหารเย็นและอาหารเช้าได้ พวกเราก็ใช้บริการของสโมสร   พอหลังจากทานมื้อเย็นพวกเรามาก่อกองไฟเล็ก  ริมน้ำใกล้ๆบ้านพัก มานั้งผิงไฟคุยกัน ดื่มตามประสาพร้อมคลอเพลงเบาๆ  กองไฟ สายลมหนาว สุรา เพื่อนที่รู้ใจ   คุณจะขออะไรไปมากกว่านี้อีกละสำหรับค่ำคืนที่งดงาม
ยามเช้าบนเกษตรที่สูงภูเรือ มันหนาวจนไม่อยากจะเอาตัวออกหน้าผ้าห่มจากที่ตั้งใจไว้ว่าจะลองไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอก แต่มันทรมานเกินไปที่จะเอาตัวออกจากผ้าห่ม  หลายคนไม่ได้เตรียมตัวที่จะเผชิญความหนาวขนาดนี้มีเพียงแจคเกตแขนยาวบางๆ เรารอจนเริ่มมีแสงแดดอากาศอุ่นขึ้น พวกเราล้างหน้าล้างตาไปที่สโมสรอีกครั้ง เพื่อทานอาหารเช้า ภูเรือได้ชื่อว่าเป็นดินแดนของเห็ดหอมอยู่แล้ว มื้อเช้าที่พลาดไม่ได้ก็คือข้าวต้มเห็ดหอมร้อนๆ   กับกาแฟควันฉุย  ทำให้พวกเราคลายหนาวไปได้เยอะเลย

พออิ่มดีก็ได้เวลาเดินย่อยในสวนดอกไม้เมืองหนาวของเกษตรที่สูงภูเรือ    ที่นี่มีแปลงไม้เมืองหนาวท่ามกลางขุนเขา มีแปลงสตอเบอรี่เล็กให้แวะชม  มีมุมให้พวกเราถ่ายรูปกันเยอะเลย ยามเช้าแดดยังไม่ร้อน เหมาะมากที่จะมาเดินเล่นดูดอกไม้พรรณไม้เมืองหนาวของที่นี่กัน    

หลังจากที่มาเที่ยาสนุกที่เกษตรที่สูง  พวกเราอุดหนุนผลผลิต ของเกษตรที่สูง เช่นมัคคาดิเนีย สตอเบอรี่ เห็ดหอม ติดไม้ติดมือกันพอสมควร  อีกอย่างที่ประทับใจคือก๋วยเตี๋ยวบนสถานีเกษตรที่สูง   คือร้านตั้งอยู่ประมาณดงสน น้ำร้อนๆ หอมๆ อากาศเย็น วิวทิวสน มันทำให้อร่อยเพิ่มขึ้นจากเดิมเยอะเลย









น้ำตกปลาบ่า ...........       พวกเราย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อมุ่งเข้าสู่อ.ภูเรือ ตามโปรแกรมเช้านี้เราจะแวะชมน้ำตกปลาบ่ากัน   น้ำตกปลาบ่าอยู่ไม่ไกลจากถนนหลัก  ที่จะไปภูเรือ  เพียงแค่จอดรถ เราก็จะเห็นลำธารน้ำใสๆไหลลงไป และได้ยินเสียงน้ำตกอยู่ไม่ไกล   เดินจากลำธารนี้ไปไม่ไกลก็จะถึงผาสูง สายน้ำทั้งสายไหลตกลงไปเป็นน้ำตกปลาบ่า   ถ้าอยากได้มุมมองของน้ำตกที่งดงาม เห็นม่านน้ำตกไหลลงกระทบด้านล่างเราต้องเดินเลาะลำธารลงไปซึ่งอาจจะชันหน่อย  แต่ถ้าแค่เล่นน้ำ เราสามารถเล่นน้ำได้ที่ลำธารเหนือน้ำตกด้านบน   มีที่ให้นั้งมีร้านอาหารให้สั่งมากินริมลำธารระหว่างเล่นน้ำได้ 










แก่งคุดคู้ ......   พวกเรามุ่งสู่เชียงคานเมืองงามริมน้ำโขง เมืองที่อดีตกับปัจจุบันอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว  มื้อเที่ยงพวกเราไปฝากท้องกันที่แก่งคุดคู้  ที่เป็นที่เที่ยวและที่กินชื่อดังของเมืองเชียงคาน  มีร้านอาหารริมโขง นั้งชมวิวแก่งคุดคู้มีร้านขายของที่ระลึกและที่สำคัญแก่งคุดคู้ยังเป็นจุดที่จะล่องเรือท่องเที่ยวในลำน้ำโขง  วันนี้เรามาถึงเชียงคานบ่ายมากแล้วกว่าจะทานอาหารกัน นั้งพักผ่อนก็เย็นไม่มีเวลามากพอที่จะไปล่องเรือชมทิวทัศน์เหนือลำน้ำโขงที่แก่งคุดคู้






นอนเต็นท์ริมโขงที่เชียงคาน..................    พวกเราออกจากแก่งคุดคู้ เนื่องจากช่วงที่เราไปเป็นช่วงเทศกาลที่พักส่วนใหญ่เต็มไม่ก็มีราคาแพง  แต่มันไม่ใช่ปัญหา อากาศเย็นๆ กางเต็นท์นอนริมโขง แค่มีห้องน้ำดีๆ มีความปลอดภัย เราก็โอเคกันแล้ว จากที่หาข้อมูลมา ในค่ายตชด 246  เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปกางเต็นท์ได้ ทำเลที่ตั้งก็ดีมาก ใกล้ถนนคนเดิน มีเพียงถนนกั้นก็ได้ไปนั้งชิลๆริมโขงแล้วนอกจากที่กางเต็นท์ ยังมีบ้านพักชนิดที่ว่าติดริมโขงแบบจะจะให้บริการด้วย ลานกางเต็นท์ก็อยู่ด้านหน้าบริเวณสนามหญ้า หรือสนามบอลหน้าภายในค่ายนั้นเองเรื่องความปลอดภัยหายห่วงห้องน้ำห้องท่าเพียบ สงบปลอดภัย  ค่ากางเต็นท์ก็แล้วแต่นักท่องเที่ยวจะสนับสนุนค่าน้ำค่าไฟค่าใช้จ่ายของทางค่ายตชด แล้วแต่เราจะหยอดตู้ไม่มีบังคับว่าจะต้องเท่าไหร่  หลังจากกางเต็นท์เสร็จ ด้านด้านติดริมโขงจะมีร้านกาแฟเล็กๆที่พึ่งเปิดแต่วิวและบรรยากาศมันไม่เล็กเลย   นั้งชมโขงกันเพลินจนพระอาทิตย์เริ่มลับเหลี่ยมเขา  เราขับรถไปจอดใกล้ๆบริเวณถนนคนเดินของเชียงคาน  ต่างคนต่างอิสระที่จะเดินเล่นถ่ายรูป หาของกินของฝาก  หรือจะหาร้านเหล้าเล็กเปิดเพลงเพราะๆ นั้งทอดอารมณ์  สัมผัสเมืองที่ว่าอาร์ตมากเมืองนึงในไทย ตึกไม้เก่าๆ ตกแต่งสวยๆ ทอดตัวขนานไปกับริมโขงมีบาร์เหล้าทั้งเล็กใหญ่แทรกตัวอยู่ตามตึก เปิดเพลงแค่เพียงเบาๆ  มันทำให้เราลืมความวุ่นวายในเมืองที่เราใช้ชีวิตอยู่ ปล่อยกายปล่อยใจให้เดินไปช้าๆกับเมืองเชียงคาน












อลังการทะเลหมอกภูทอก...........  ตีห้าของวันใหม่ ผมแยกตัวจากเพื่อนๆเพื่อที่จะไปสัมผัสทะเลหมอกที่ภูทอกเพราะว่ากิจกรรมยามเช้าหลักๆในเชียงคานก็คือ ไม่ไปดูทะเลหมอกที่ภูทอก  ก็จะไปตักบาตรข้าวเหนียวให้ตัวเชียงคาน   เรามีเวลาแค่วันเดียว บางคนเลือกที่จะไปตักบาตรข้าวเหนียวท่ามกลางสายหมอกและบ้านเก่าๆในตัวเชียงคาน  ส่วนผมเลือกที่ไปสัมผัสทะเลหมอกที่บนภูทอก  การเดินทางไม่ได้ลำบากอะไร ถนนลาดยางอย่างดี จนถึงตีนภูทอกจากตรงนี้เราต้องต่อรถของชาวบ้านที่อยู่ตีนภูขึ้นไปบนยอดภูทอก ไม่อนุญาติให้ขับรถขึ้นไปเองเพราะด้านบนที่จอดรถมันจำกัดไม่เพียงพอต่อปริมาณนักท่องเทียว และชาวบ้านบริเวณนั้นก็จะมีรายได้กับนักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวบนภูทอก    นั้งรถไปสักสิบนาที  ผมก็มาถึงยอดภูทอก คนค่อนข้างจะเยอะ  ในช่วงแรกทะเลหมอกพึ่งจะเริ่มก่อตัว มองเป็นหมอกจางๆเหนือทิวเขา  ผมนั้งเล่นรอเวลา ทั้งทะเลหมอกและพระอาทิตย์ที่ไม่แน่ใจว่าวันนี้จะได้เห็นแบบเต็มๆตาหรือเปล่า พอเริ่มมีแสงอ่อนๆหมอกเริ่มก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ พักเดียวหมอกไม่รู้มาจากไหนไหลมาเต็มทั่วทั้วหุบเขา เรียกว่าอลังการงานสร้างมากๆ จากหมอกที่ไหลตามซอกเขาเริ่มก่อตัวจนกลายเป็นทะเลหมอกที่หนานุ่มใช่เวลาไม่นาน   นักท่องเที่ยวบางคนเห็นความงามเพียงแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วเริ่มทยอยลง  แต่ผมยังคงรอเพราะมั่นใจว่าอีกไม่นาน จะมีความงามที่มากกว่านี้หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น  










และแล้วเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง  แสงสีส้มเข้มๆเริ่มฉายแสงออกมาเหนือทะเลหมอก สักพักและแดดอ่อนๆสาดไปทั่วทำให้ทะเลหมอกที่เห็นอยู่ตรงหน้าถูกฉาบด้วยสีส้มของแสงอาทิตย์  ผมชื่นชมความงามตรงหน้าอยู่สักพักก็ได้เวลาลงจากภูทอกแล้ว  ตามไปสมทบกับเพื่อนๆในเชียงคาน   















คาน   ถือว่าโชคดีของผมที่พอถึงเมืองเชียงคานยังมีผู้คนนั้งพับเพียบริมถนนรอใส่บาตรข้าวเหนียวกันอยู่ ผมเลยได้ทั้งสองบรรยากาศคือทะเลหมอกและใส่บาตร แต่บรรยากาศใส่บาตรมันอาจจะไม่คลาสสิคเหมือนตอนรุ่งเช้าแต่ก็ถือว่าเรามาทำบุญได้บรรยากาศคล้ายๆกัน   หลังจากใส่บาตรเราไปหาอาหารเช้าอร่อยๆกินกันท่ามกลางบรรยากาศแบบเมืองสงบๆ ท่ามกลางหมอกจางๆ กาแฟ โจ้ก วิถี ผู้คน ความกลมกล่อมในยามเช้าของเมืองเชียงคาน



















ผาซ่อนแก้ว.................    ออกจากเชียงคานก็เป็นวันที่เราจะเดินทางกลับแล้วเรากลับทางเดิมผ่านเมืองเลยภูเรือด่านซ้ายแวะ กินมือกลางวันที่ร้านขนมจีนหล่มเก่า ที่ร้านขนมจีนเราคุยกันว่าวันนี้ช่วงบ่ายเรายังมีเวลาน่าจะหาที่แวะที่ไหนสักที่ ก็เลยมาลงตัวที่วัดผาซ่อนแก้ว ถือเป็นการไหว้พระเป็นศิริมงคลก่อนเดินทางกลับ   วัดผาซ่อนแก้วตั้งอยู่แถวๆแคมป์สน เขาค้อ บนถนนพิษณุโลก หล่มสัก ถนนที่สวยมากๆสายนึงของเมืองไทย  
วัดผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่บนเขาสูงมีวิวที่สวยงาม และตัววัดเองก็สวยงามไม่แพ้วิว  ยามปราศจากนักท่องเที่ยว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของผู้แสงหาทางสงบ   พระพุทธรูปสีขาวตัดกับทิวเขาสีเขียว ดูงดงามอบอุ่น วิหารที่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม เจดีย์ที่ทั้งงดงามและด้ายบนได้ชมวิวสวยๆเป็นของแถม  









ร้านกาแฟ Pino Latte.......    เลยจากวัดผาซ่อนแก้วสูงขึ้นไปบนทิวเขา เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟที่ดัง ที่มาแรงมากไม่ว่ากาแฟ เบเกอรี่ เครื่องดื่ม อาหาร  ร้านแต่งเก๋ๆ ท่ามกลางวิวที่สุดยอดบนผาซ่อนแก้ว  ที่มองเห็นวัดผาซ่อนแก้วอยู่ด้านล่าง แค่เพียงไปเที่ยวมองวิวก็คุ้มแล้ว กาแฟอาจจะหลังร้อยแต่บรรยากาศร้านและวิวของร้านมันคุ้มค่าที่แวะมาสัมผัสความงามที่นี่ ขอแนะนำเลยว่าให้มาตอนเย็นๆแสงอ่อนแล้วจะประทับใจไม่รู้ลืม








ที่มา Pantip
Cr. แก่ กรุงเก่า