รีวิว กระบี่ หน้าฝน 3คืน 4วัน ความมันส์ไม่รู้ลืม

สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาไปเที่ยวทะเลใต้
ในช่วงที่ใครหลายๆคนไม่อยากไป
กลัวจะไม่สนุก และที่สำคัญกลัวจะเจอกับมรสุม
แล้วคิดว่าจะหมดสนุกกับทริปๆนี้
-------------------------------
อย่ารอช้า ตามผมมาเลยครับ 
ผมจะพาไปชมความงาม
ของจังหวัดกระบี่ ในช่วงฤดูฝน
สนุกอย่างที่คิดไว้เยอะ


สืบเนื่องมาจากไปเดินเที่งานวันธรรมดาหน้าเที่ยวที่ศูนย์สิริกิตแล้วได้ตั๋วโรงแรมกับตั๋วเครื่องบินในราคาที่พอใจ พร้อมกับหาช่วงเวลาหยุดได้ลงตัวพอดี จึงตัดสินใจเดินทางในวันที่ 2-5 ก.ค.59
---------------------------------------------------------------
2 ก.ค.59
     เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพรอบ 13:50 ถึง กระบี่15:00 ถึงสนามบินกระบี่ก็เดินไปซื้อตั๋ว shuttle bus ราคา150บาท ส่งถึงหน้าโรงแรม แต่ด้วยระยะทางและก็จำนวนคนใช้บริการเยอะ ทำให้ถึงที่พักเกือบ หกโมงเย็น


ถึงแล้วที่พักของผม ผมทำการพักอยู่ที่นี่ ทั้ง3คืน


เมื่อทำการเช็คอินเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาขึ้นไปเก็บของ

เตียงนอนนุ่มมาก

ที่สำคัญสบู่อาน้ำที่นี่หอมมาก อาบน้ำวันนึงหลายหนเลย

วิวหลังห้องบรรยากาศดีเลยทีเดียว 
-----------------------------
หลังจากเก็บของเรียยร้อยก็ลงมาซื้อทัวร์ของโรงแรมที่ชั้นล่าง
ครั้งนี้เลือกไปเกาะพีพี ในราคา800ด้วยการต่อรอง
รถจะมารับเราที่โรงแรมพาไปยังท่าเรือในเวลา 8:30น.


หลังจากตกลงเรื่องทัวร์ของวันพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อย
ก็ได้เวลาเดินชมวิว และหาข้าวเย็นทาน
---------------------------
เดินชมจนเพลินร่วม 3 กิโลได้ เลยแวะได้รูปสักหน่อย

ฟ้าเริ่มมืดเดินมาก็ไกลจากโรงแรมมาก
จึงตัดสินใจเดินกลับที่พัก
แต่สิ่งรอบข้างทางมันเย้ายวนจริงๆ
เลยต้องแวะสักหน่อย

แต่เหมือนจะไม่หน่อยรู้สึกตัวว่าไม่ค่อยไหว
จึงรีบเดินกลับ กลัวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ทันทัวร์


3 ก.ค. 59
ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า รีบๆๆออกไปหา
ไม่ใช่ล่ะ รีบอาบน้ำแต่งตัวลงไปทานข้าวเช้า
--------------------------------
ห้องอาหารน่านั่ง อาหารรสชาติก็โอเค
มื้อนี้จัดแค่เบาๆพอ
หลังจากกินข้าวเสร็จก็มานั่งรอทัวร์มารับ
และแล้วก็ได้เวลา รถที่รอคอยก็มาถึง

นั่งรถประมา20นาทีแวะรับลูกทัวร์ตามโรงแรมต่างๆ
ก็มาถึงจุดลงทะเบียนก่อนจะไปลงเรือ

นั่งรอลูกทีมสักพักก็ครบทีม
ป่ะๆไปกันได้
จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน

ใช้เวลาเดินนิดหน่อยก็ถึงแล้วน่าเรือ


ได้เวลาไปสู่ท้องทะเลอันเคว้งคว้าง
ไม่รู้ว่าปลายทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร
ท้องฟ้าครึ้ม มันครึ้มเมฆขนาดนี้
มันเหงาทุกทีที่ได้เจอ
แต่มันก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการเที่ยวเลยสักนิด
-----------------------------
ไปเลยครับ แรงได้อีก

หลับๆตื่นๆนานพอสมควร
และแล้วก็ถึงจุดแรก
จุดนี้ให้ถ่ายรูปถ้ำอะไรไม่รู้จำไม่ได้ ไกด์พูดเสียเบามาก

ไปต่อกันจุดที่2ดีกว่า
จุดนี้ไกด์จะให้ดำน้ำเป็นเวลา40นาที
พอเรือจอดสนิท ผมก็รีบกระโดดน้ำทันที


-------------------------
จากการดำผุดดำว่ายอยู่นาน
ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังจุดที่3
จำได้แค่ว่าไกด์บอกใช้ถ่ายภาพยนต์เรื่อง the beach
คนเยอะมากที่นี้ เยอะจริงๆเดินแทบเบียดกัน
แสดงว่ามันต้องมีอะไรดีแน่ๆ
ต่างคนต่างมุ่งหน้าเดินไปขึ้นบรรได
ไปดูอะไรกันหรอ

นี่ไง เราขึ้นมาชมความงามของท้องทะเลกัน
เอ่อ มันน่าตื้นเต้นตรงไหน
อ่อๆ มันหน้าตื่นเต้นตรงที่กลัวว่า
สะพานจะหักลงไปนี่แหละ คนจะเยอะอะไรขนาดนี้


ชมความงามของหาดนี้เสร็จแล้ว
ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังจุดที่4
จุดนี้เขาบอกว่าจะพาเรามาดูลิง
ไหลล่ะลิง จอดเรือไกลมากไม่พาเข้าไปใกล้ๆเหมือนลำอื่นเลย
ผมเลยไม่สนใจที่จะโฟกัสที่ลิงแล้ว รอไปจุดอื่นดีกว่า

ได้เวลาเคลื่อนย้ายไปจุดที่5
จุดนี้บอกได้เลยว่าใต้ท้องทะเลปะการังสวยมาก
ดำน้ำนานที่สุดก็จุดนี้แหละ สำลักน้ำเกือบจมก็จุดนี้
ความที่ผมอยากลงไปสัมผัสใต้ทะเลด้วยความลึก3เมตร
จึงตัดสินใจถอดชูชีพลงไป แต่ความยิ้มมันอยู่ตรงที่ไอ่เด็กฝรั่งหัวทอง
ที่นั่งข้างผมมาตลอดทางมันดำตามผมลงไป แล้วมาโผล่หลอกผมด้านหน้า
ทำให้ผมตกสำลักน้ำไปสองอึก รีบพุ่งตัวขึ้นมาบนผิวน้ำทันที
มันยังมีหน้าขึ้นมาหัวเราะผมอีก

ชักเริ่มจะลอยคอยอยู่ในทะเลไม่ไหวเพราะไม่ใส่ชูชีพ
จึงตัดสินใจว่ายน้ำกลับขึ้นเรือ
---------------------------------
และแล้วเรือก็ออกพาผมไปยังจุดที่6
เราจะแวะทานข้าวกลางวันกันที่นี่
เกาะพีพีดอน
อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ และนี่ก็คืออาหารเที่ยงของผม

ทานข้าวเสร็จก็ไปเดินเล่นชมเกาะจนได้เวลานัดพบ
ผมก็กลับมารอลูกทีมที่ร่วมทางที่จุดนัดพบ


ใช้เวลาไม่นานเรือก็แล่นไปสู่อุทยานอะไรสักอย่างนี่แหละ
ค่าเหยียบเกาะ คนไทย40บาท ต่างชาติ400บาท
ไกด์ให้เวลาในการเดินเล่นพักผ่อนที่จุดนี้40นาที

ลงจากเรือได้ผมรีบเดินอย่างไวไปหาพื้นที่ใต้ร่มไม้
แดดร้อนมาก ไหนบอกว่าฝนจะตกไง

และนี่แหละนี่น่าจะเหมาะร่มไม้กำลังดี

เอาเป็นว่านอนตรงนี้ก็แล้วกันขอหลับยาวๆสักตื่นนึง
ไม่กล้าออกไปอาบแดดเหมือนกับคนอื่นๆ
แค่นี้ผมก็ดำพอแล้ว

นอกนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่เพื่อนไปแดดเก็บบรรยากาศ
บริเวณรอบๆให้คุ้มกับค่าเข้าที่เสียไป


ไม่นานก็ได้ยินเสียงเรียกจากเพื่อนให้ตื่น
พร้อมกับชวนให้กลับไปที่เรือได้แล้ว
-------------------------
ระหว่างทางเดินกลับไปที่เรือ
คนนั่งคนนอนอาบแดดกันเยอะมาก ต้องเดินหลบซ้ายทีขวาที
จนไปสะดุดกับหอยเข้าให้
เฮ้ย นี่มันหอยเทียมนี่หว่า เก็บภาพสักหน่อยแล้วกัน

จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับเข้าฝั่งไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน
ตื่นมาอีกทีเรือก็จอดเทียบท่าแล้ว
ก็รีบเก็บของลงจากเรือ มีคนมาตั้งขายรูปไม่รู้แอบได้มาตอนไหน
รูปผมนี่ตั้งโชว์เห็นแต่ไกล ถ่ายมาทำไมตั้ง2รูป
แต่ผมก็ไม่ได้ช่วยพี่เขาอุดหนุนหรอก
แต่ล่ะรูปไม่มีรูปไหนได้ตั้งตัวเลย
สุดท้ายก็รีบเดินๆๆๆ ไปรอรถมารับไปส่งที่โรงแรม
ถึงโรงแรมก็เกือบห้าโมงเย็นพอดี
เพลียสิครับ รออะไรรีบอาบน้ำนอนดีกว่า


เสียงบ่นงึมงำๆจากเพื่อน
หิวแล้วว่ะ  ออกไปหาอะไรกินเถอะ
เดินวนหาเลือกร้านอยู่นานก็มาจบที่ร้านนี้
ร้านล็อบสเตอร์

อาหารอร่อยแต่รอนานไปหน่อย 
ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน
เสียงดังนิดหน่อย แต่ก็พอโอเค 
----------------------
อิ่มแล้วก็เดินย่อยสักพัก
ก็รีบกลับเข้าที่พักไปวางแผนการเดินทางวันพรุ่งนี้


4 ก.ค. 59
แปดโมงเช้า เพื่อนปลุกให้ไปอาบน้ำก่อนจะลงไปทานข้าวเช้า
-------------------------------
หลังจากอิ่มเป็นที่เรียบร้อยก็เดินตรงไปเคาท์เตอร์ทัวร์
เพื่อติดต่อเช่ารถ จากการวางแผนเดินในจังหวัดกระบี่
ก็ตัดสินใจได้ว่ามอไซด์คงพาเราไปได้ไม่ครบทุกที่ที่อยากไปแน่
จึงตัดสินใจเช่ารถยนต์ นัดรับรถ10โมง คืนรถสนามบิน

ได้รถแล้วออกเดินทางกันเถอะ

ที่แรกที่จะไปคือคลองสองน้ำ ขับมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ
ของจังหวัดกระบี่ ที่นี่เสียค่าจอดรถ20฿ ค่าเข้า20฿


มาตอนน้ำขึ้นพอดี

ระยะทางในการเดินชม 700 เมตร
-------------------------------
ที่ต่อไปเราไปวัดถ้ำเสือขับรถย้อนกลับมามุ่งหน้าไปทางสนามบิน
จะเจอสี่แยกไฟแดงก่อนถึงบิ๊กซีให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปไม่ไหลก็จะเจอวัด
แต่ผมขับเลยเข้าไปไหนไม่รู้สองข้างมีแต่สวนยาง
และแล้วก็หาวัดจนเจอ


ที่นี่มีบรรได้พันกว่าขั้นให้เราเดินขึ้นไปไหว้พระ
และชมวิวเมืองกระบี่ แต่ด้วยระยะทางและเวลาอันจำกัด
ผมจึงไม่ได้ขึ้นไป
-------------------------
เดินชมพอสมควรเราก็ออกจากที่นี่กันเพื่อมุ่งหน้าไปสู้สระมรกต
เห็นป้ายบอกทางอีก50กิโล มุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของจังหวัดกระบี่
ไปสิครับ รออะไร หนทางยังอีกยาวไกล


และแล้วเราก็มาถึงกันจนได้ถุงแม้มันจะไกลไปหน่อย
ที่นี่ค่าจอดรถ30฿ ค่าเข้าคนลาะ20฿
เดินเข้ามาขวามือจะมีสะพานบอกทางไปสระมรกต

ระยะทางไปสระมรกตตามป้าย1.4กิโลเมตร
เดินจนขาลากเลยทีเดียว
--------------------------------
แต่เดียวนะเรามาเทียวกระบี่กัน
แต่ทำไมป้ายมันบอกว่าที่นี่คือสระแก้ว
เราเดินมาไหลกันขนาดนี้เลยหรอเนี่ย
😝

เดินบ้างวิ่งบ้างเมื่อไหร่จะถึงสักที
ก็ได้ยินเสียงจากคนเดินนำหน้า
โน้นไงๆ ถึงแล้วสระมรกต

เรารีบเดินเข้าไปทันที พร้อมกับถอดเสื้อผ้า
ลงไปเล่นน้ำอย่างไว เพราะเดินมาร้อนมา
อารมณ์ที่นี่เหมือนมาเล่นสระว่ายน้ำเลย
-------------------------- 
สมควรแก่เวลาเราก็รีบออกจากที่นี่ไปที่อื่นต่อ
หันเป็นเห็นป้ายทางออก800เมตร
แล้วที่เดินมากิโลกว่าคืออะไร ทำไมไม่เดิน
เข้าทางนี้ ห๊ะ
------------------------
สถานีต่อไปมุ่งหน้าสู่น้ำตกร้อน
ไม่ไกลกันมาจากสระมรกต
ระยะทางประมาน8กิโลเมตร
ขับรถย้อนกลับออกมาทางเดิม
ที่นี่ค่าเข้า20฿ ค่าจอด20฿

ที่นี่เราใช้เวลาแช่น้ำกันแค่15นาที
อุณภูมิน้ำค่อนข้างสูง แช่ไปสักพักรู้สึกมึนหัว
---------------------------
กลับที่พักกันเถอะเราต้องเดินทางกันอีกไกล
ตอนแรกจะไปแวะอีก2ที่ น่าจะคำ่พอดี
นั้นเราแค่นี้ก่อนแล้วกัน รีบเหยียบรถกลับ
โรงแรมอย่างไวถึงโรงแรมประมานห้าโมงครึ่ง


ถึงที่พักเราก็รีบอาบน้ำกันอย่างไว
เพราะนัดกับน้องอีก2คนไว้ว่าจะไปกินข้าวกัน
เอ่อ ลืมบอกเราเจอน้อง2คนนี้มาจากทัวร์เกาะพีพี
เพราะเรามีคนไทยไปกันแค่4คนในทริปนี้
เลยทำความรู้จักกันไว จำได้ว่าเป็นคนอุตรดิตถ์
อีกคนจำไม่ได้ว่ามาจากจังหวัดอะไร
---------------------
ได้เวลาก็ไปรับน้องเขาที่โรงแรม
เราตกลงกันไปกินข้าวร้านเรือนไม้
แต่ แต่ ร้านมันอยู่ไหนนี่ล่ะสิ GPSช่วยได้ เย้ๆ
และแล้ว GPS ก็พาเราไป ที่ไหนไม่รู้
หลงสิครับเอาไงล่ะ จอดถามทางสิ
ขี่ไปตามที่เขาบอกก็ไม่เจอ
สุดท้ายต้องหาเบอร์โทรร้านโทรถามทาง
เขาตลอดจนถึงร้าน
ดินเนอร์ใต้แสงเทียนสิคืนนี้   (ไม่ใช่ล่ะ)

ร้านนี้บรรยากาศดี อาหารอร่อยเผ็ดได้ใจ
----------------------------
แต่ งานเลี้ยงยังไม่มีวันเลิกลา
เราชวนกันไปต่อ ขับวนหาที่เที่ยวอยู่นาน
สุดท้ายก็มาจบลงที่ร้านนี้ 

5 ก.ค. 59
ตื่นนอนแต่เช้าอาบน้ำ ลงไปทานข้าวเช้า
-----------------------
เก็บกระเป๋าได้เวลาอำลาจากที่พักนี้แล้ว
เวลาช่างผ่านไปไวจริง

ก่อนกลับเราได้ไปแวะชมหาดอ่าวนาง
ก่อนที่จะเดินทางไปสนามบิน


ดูเวลาเริ่มใกล้เวลาเรื่องออกแล้ว
รีบไปดีกว่ายังไม่ได้เช็คอินด้วย

เช็คอินเสร็จยังมีเวลานั่งเล่นอีกประมาณ
ครึ่งชั่วโมง ไปหาของอร่อยๆขึ้นชื่อกินดีกว่า

ไม่นานเครื่องก็ออก แล้วก็อิ่มพอดี

แต่ก็เกรงใจอาหารที่มาเสริฟตรงหน้า
ก็เลยต้องจัด ยัดเข้สไป ยัดเข้าไป

หนังท้องตึง หนังตาหย่อนหลับสิครับ
รออะไร
--------------------------
สักพักได้ยินเสียงกัปตันบอก เราจะ
ลดระดับเครื่องลงจอด
ไวดีจังถึงเร็วดีนะเนี่ย

และแล้วผมก็เดินทางกลับบ้าน
อย่างปลอดภัย

-----------------------------
ขอบคุณทุกคนนะครับ
ที่เข้ามาติดตาม อ่านกระทู้ของผม

แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้า ไปเที่ยวกาญจน์นะจ๊ะ

ที่มา Pantip