รีวิว ฉบับมินิ ไอ ธารา รีสอร์ท แอนด์ สปา แหลมผักเบี้ย เพชรบุรี

มีโอกาสไปสัมมนาสามวันสองคืนที่ ไอ ธารา รีสอร์ท ฯ แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม เพชรบุรี

ตั้งใจว่าจะใช้เวลาว่างเก็บเกี่ยวภาพมารีวิวบ้าง ซึ่งได้ว่างเว้นมาเป็นแรมปี

ทราบว่าแถบแหลมผักเบี้ยยังมีวิถีประมงชายฝั่งให้เห็นบ้าง

รีวิวนี้ขอเรียกเป็นฉบับมินิ ด้วยไม่ได้มุ่งเน้นเนื้อหาสถานที่หรืออาหารการกินในแบบเจาะลึก

เน้นภาพบรรยากาศโดยทั่วไป ซึ่งอาจมีคำบรรยายบ้างตามสมควรนะครับ

หากผิดพลาดประการใดช่วยชี้แนะด้วยนะครับ

ผมและคณะเดินทางไปถึงสถานที่ราว 10:30 น. หลังจากเช็คอินตรวจสอบอุปกรณ์และเอกสารแล้ว

ช่วงเวลานี้ผมได้ใช้เวลาสำรวจสถานที่โดยรอบก่อน ซึ่งสถานที่พักแห่งนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่โต

ตั้งบนพื้นที่ผืนผ้ายาวไปจรดชายหาดด้านหลัง



จากจุดล็อบบี้ซึ่งเป็นพื้นที่แบบเปิดโล่ง มองไปด้านหลังจะเป็นทางเดินไปสระว่ายน้ำยาวไปจรดชายหาด


สระว่ายน้ำแบ่งเป็นสองส่วนครับ ส่วนที่ลึกที่สุดเพียง 1.20 เมตร


มาชมบรรยากาศรอบ ๆ สระว่ายน้ำกันก่อนครับ ซึ่งผมตั้งใจว่าจะใช้บริการในเย็นนี้





วิลล่าสวยทำเลดี ใกล้สระว่ายน้ำและชายหาด ลองไปชมใกล้ ๆ กันครับ



ลองเดินอ้อมไปดูอีกด้านของสระกันครับ



มุมนี้มองย้อนกลับไปทางด้านอาคารที่พัก ด้านซ้ายและขวามือจะเป็นแบบวิลล่า

ส่วนที่อาคารจะแบบห้องซีวิว ดีลักซ์


ใกล้เวลาสัมมนาแล้ว ต้องรีบเดินไปเข้าห้องประชุมกันก่อนครับ


ห้องประชุมเดินเลี้ยวซ้ายที่สุดทางเดินนี้หล่ะครับ


หลังจากเลิกประชุม ก็มีเวลาว่างเดินพักผ่อนรอไปกินมื้อเย็นครับ

คณะของเราตกลงกันไว้ว่า เราจะไปกินมื้อเย็นกันแถวหาดเจ้าสำราญ

โดยก่อนมื้อเย็น เราวางทริปไว้ว่าจะเดินทางไปชมธรรมชาตืป่าชายเลน

ที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ แหลมผักเบี้ย ซึ่งก็ไม่ไกลจากที่พัก

ช่วงนี้ยังไม่ได้เวลานัดหมาย ผมจึงลงไปชายหาดบริเวณที่พัก ซึ่งทราบมาว่ามีคนเขามาตกปลากัน

เดินมาชมได้สักพัก มีเสียงจากกลุ่มคนตกปลาตะโกนบอกกันว่า "ปลาติดเบ็ดแล้ว" เห็นเขากำลังเย่อคันเบ็ดอยู่พอดี



สงสัยว่าตัวใหญ่ซะด้วยสิ


ได้ตัวล่ะครับ อ้าว...ดูเหมือนจะเป็นปลากระเบนครับ ผมต้องถอยออกมาห่าง ๆ ก่อน




ตัวใหญ่จริงครับ เขาบอกว่ายังเป็นปลารุ่น ๆ ยังใหญ่กว่านี้อีกมาก

เลยขอนุญาตให้คุณพี่เขาแอ๊คท่าถ่ายรูป บอกว่าจะเอาไปลงพันทิป 555

และทราบต่อมาว่าปลากระเบนที่ได้นั้น ไม่ได้เอาไปขายแต่จะเก็บไว้ทำอาหารกินเองในครัวเรือน

ได้ลุ้นเย่อปลากระเบนกันยังไม่หายเหนื่อย พรรคพวกบอกว่าได้เวลานัดไปชมป่าชายเลนกันแล้ว

ต้องรีบเดินทางไป แหงนดูท้องฟ้าก็ครึ้มเหมือนฝนจะตกซะงั้น


นั่งรถเข้ามาในเขตโครงการก็เห็นฝนไล่หลังมาติด ๆ  คาดเดาไม่ถูกว่าจะมาทางนี้หรือเปล่า




ถ่ายภาพผ่านกระจกรถ มองเห็นป้อมสีแดง ๆ ที่เขาบอกมาว่า เป็นจุดเริ่มต้นเดินศึกษาป่าชายเลน


ใกล้เข้ามาแล้วต้องหาที่จอดรถ ในขณะที่ฝนก็คงใกล้เข้ามาเหมือนกันได้แต่ภาวนาว่าอย่าเพิ่งตกเล้ย


เจอแล้วครับเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน มีป้ายตรงทางเข้าเขียนไว้ว่า "มัจฉาบาทา"


รีบ ๆ เดินกันไปแล้วภาวนาว่าฝนจะไม่ตก




เดินไปได้สักพัก สวนทางกับหนุ่มน้อยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินสวนทางมากับผู้ปกครอง

เราเลยสอบถามว่า สุดปลายทางเดินอีกไกลมั้ย

ได้คำตอบว่า พวกคุณเดินมายังไม่ถึงครึ่งทางเลย

ขณะที่เรากำลังลังเลว่าจะเดินต่อดีมั้ย ฝนก็เทลงมาพอดี จึงต้องรีบเดินกลับออกไปแล้ว

เดินถึงรถท้องก็หิวพอดี ได้เวลาเดินทางกินมื้อเย็นตามที่วางแผนไว้แล้ว เป้าหมายคือหาดเจ้าสำราญ

เมื่อเราได้ร้านอาหารตามเป้าหมายแล้ว ก็ได้เวลาปฏิบัติการกินแล้วล่ะครับ

ภาพอาหารผมไม่ได้ถ่ายไว้เลยนะ เพราะเชื่อว่าผมจะกินไม่ทันคนอื่น ๆ เป็นแน่

หลังท้องอิ่มแล้วก็เดินย่อยอาหารเก็บภาพบรรยากาศรอบ ๆ แถวนั้น





ตัดภาพมาในวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ เราทราบว่าใกล้ ๆ ที่พักมี วิสาหกิจชุมชนธนาคารปู (ปูม้า)

ซึ่งก็เหมาะเลยเพราะว่ามีหลายคนในคณะของเรา ต้องการซื้อปูกลับไปเป็นของฝากทางบ้าน

ถึงแล้ว...แถวนี้หล่ะครับ




แถวนี้คือท่าเทียบเรือประมงชายฝั่ง คลองอีแอด แหลมผักเบี้ย เป็นที่ตั้งวิสาหกิจชุมชนธนาคารปู (ปูม้า)

มองเห็นอาคารเล็ก ๆ ที่มีเต้นท์อยู่ทางซ้ายมือในภาพนั่นหล่ะครับ ไปกัน




ปูที่นี่เราเลือกซื้อกันเป็น ๆ ครับ เลือกได้แล้วเขาจะนำไปนึ่งให้หลังร้าน

ราคาตัวใหญ่โลละ 450.- เล็ก 350.- (ราคาจะผันผวนไปตามฤดูกาล)

หลังจากนั่งรอปูนึ่งกันสักพัก คณะของเราก็ใช้เส้นทางหลวง 4028-3178-4012

เดินทางไปเชื่อมกับถนนพระรามที่ 2  หันห้วรถเข้า กทม. ในวันศุกร์ต้นเดือนที่ฝนตกหนักทั่วกรุง

เดินทางถึงบ้านกันแบบโทรม ๆ พร้อมปูนึ่งเป็นของฝากให้กับคนรู้ใจทางบ้าน

หวังว่าทริปนี้ คงให้สาระแก่เพื่อนสมาชิกกันบ้างนะครับ

ย้อนพรีวิวดู รู้สึกว่ารูปจะใหญ่ไปหน่อย แต่ก็เหมาะกับคนแก่ ๆ อย่างผม 555 พบกันคราวหน้าครับ

ที่มา Pantip
Cr. tabtimtod