รีวิว นั่งรถไฟ สะพายเป้ เที่ยวภูสอยดาวหน้าฝน










ทริปนี้เราแพลนไว้ ร่วม 4 เดือนกว่าๆได้ เริ่มจากเห็นเพื่อนๆในพันทิป ไปเที่ยวภูสอยดาว หน้าฝน คือสวยมากเราชอบ ปกติเราชอบเที่ยวหน้าฝนอยู่แล้ว เลยตัดสินใจว่า จะต้องไปให้ได้ในหน้าฝนที่จะถึงนี้  แต่คงไม่มีเพื่อนไปด้วย ทำไงดีล่ะเอาวะ รอบนี้จะไปคนเดียวก็ยังไงๆ อยู่อ่ะนะ ไปเดินป่า เดินเขา ไอ้เรามันก็ไม่เคยไป เป็นผู้หญิงคนเดียวด้วย เดินตกเขาไป ใครจะรู้วะ....งั้นคงต้องกล่อม....ให้คนมาติดกับดัก เอ้ย!ไม่ใช่ ชวนให้มาเที่ยวกับเราด้วยกันต่างหากล่ะ 5555 จะเป็นใครไปไม่ได้ก็น้องๆ และพี่ๆ ในที่ทำงานนั่นหล่ะ คือเหยื่อของเรา 5555  

ทริปนี้เลยได้ เพื่อนรวมเราไปจริงๆ กัน 4 คน อีก 3 คนสละสิทธิ์ ด้วยเรื่องส่วนตัว และเหตุการณ์ไม่คาดฝัน แม่เจ้า จาก 7 คนเหลือ 4 คน หญิง 3 และไอ้น้องคนเล็ก เป็นชาย 1 คน สนุกละ เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังนะ มีอะไรดีๆ ในทริปด้วยหล่ะ 

เราใช้กล้องโทรศัพท์ OPPO และรวมรูปภาพ น้องที่ไปเที่ยวด้วยกันส่งให้มา ถ้ามีอะไรผิดพลาด ต้องขอโทษด้วยนะคะ
***** สถานที่จริงสวยกว่านี้เยอะมากๆนะคะ โดยเฉพาะบรรยากาศที่เราสูดเก็บไว้เต็มปอด ไม่เผื่อแผ่ให้ใคร 5555 

ฝากผลงาน ด้วยนะคะ 

คนเดียวเที่ยวสังขละบุรี วัดและตลาดในพม่า หน้าฝนทั้งตื่นเต้นและมีแต่ความสวยงาม
http://pantip.com/topic/35251780

ทริปกะทันหัน..แค่อยากเที่ยวกาดกองต้า ณ.ลำปาง...โดยรถไฟเพียงลำพัง
http://m.pantip.com/topic/34937854?#

เที่ยวคนเดียวครั้งแรก ที่เมืองน่าน ได้ทั้งรอยยิ้มและมิตรภาพ
http://m.pantip.com/topic/34903438?#


ติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ หรือเพื่อนๆสงสัยอะไร ที่เราพอช่วยได้ติดต่อเราได้ทางนี้นะคะ 

https://www.facebook.com/lovelylittle.cat.9

https://m.facebook.com/130923947302954/ 


พวกเรานัดเจอกันที่หัวลำโพง ขึ้นรถไฟรอบ 20.10 น.ค่ะ ตอนแรกจะขึ้นรอบ 21.00 น. แต่พอดีเราว่าจะนั่งแบบชิวๆ รอบธรรมดา ก็เลยได้รอบสองทุ่มมาค่ะ ราคาค่ารถไฟชั้น 3 กรุงเทพ-พิษณุโลก ราคา 179 บาทค่ะ สบายละ

 

ในเมื่อได้ตั๋ว ชั้นสาม มา 4 ใบแล้วก็หาอะไรรองท้อง สักหน่อย เสร็จแล้วก็ไปท่ารถไฟรอเวลารถไฟออก 

เม่าดี๊ด๊าเม่าดี๊ด๊า



หน้าตาสมาชิกของพวกเราในทริปนี้ค่ะ 



รูปนี้รูปเราเองค่ะ เห็นเหมือนจะพร้อมดี๊ด๊าอย่างนี้นะคะ แต่สังขารไม่ไหวค่ะ 5555 ติดตามนะคะ ว่าไม่ไหวยังไง 



ได้เวลารถไฟออกแล้ว ออกตรงเวลานะคะ ไม่เหลทค่ะ เรานั่งชิวๆกันไปเรื่อยๆ หลับบ้างตื่นบ้าง บนรถไฟ ชั้นสามก็มีความวุ่นวาย อยู่ตลอดการเดินทาง 

ถามว่าเดินทางกับรถไฟเหนื่อย?
รีบตอบเลยค่ะ เหนื่อย!มากกก

แต่ไม่รู้ทำไมเราถึงชอบ เรามักจะเห็นคนมากมายไม่รู้จักกัน พูดคุยกันสนทนากัน ดูเป็นกันเองดี เราชอบ แต่สิ่งแรกที่ขึ้นไปแล้วเดินตามหา เลขที่นั่ง จะมีคุณลุง คุณป้าถามเราเสมอ

อีหนูเอ้ย เลขอะไรเดี๋ยวป้าดูให้

หนูๆ หาที่นั่งอยู่เหรอมะๆ มานี่ เดี๋ยวยายดูให้

คือมันเป็นอะไรที่เราชอบมากค่ะ ความน่ารัก อยู่รอบตัวเราจริงๆค่ะ ออกเดินทางบ่อยๆแล้วจะเข้าใจข้อนี้ดี

นี่ก็นั่งกันไปยาวๆเลยนะคะ คือหลับค่ะ 555

คร่อกฟี้คร่อกฟี้คร่อกฟี้

เราถึงท่ารถไฟพิษณุโลก ประมาณ ตีสามกว่าๆ รถไฟเหลทค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่รีบมากและเวลาก็เหลือเยอะมากด้วยค่ะ เราเข้าห้องน้ำทำธุระเสร็จก็ไปที่หน้าสถานีรถไฟ เห็นลุงรถตุ๊กๆ ก็เลยได้คุยกัน ลุงคิด 60 บาท โอ้ใช่อ่ะ ราคาตามนั้น ที่เพื่อนๆ ในพันทิปให้ข้อมูลไว้ค่ะ แต่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยาวๆไปเลยค่ะ มันมีจุดอารมย์เสียค่ะ 

ลุงถามว่า.......มากันกี่คนล่ะ
เราตอบ.........มากัน 4 คนค่ะลุง
ลุงบอก..........งั้นลุงคิด 80 ละกันนะ คนละ 20 บาท
เรายืนงง ??????? แล้วพวกเราก็เดินไปดูป้าย รถ ป้ายเขียนว่า 60 บาท (ไม่เกิน 4 คน) คือในป้ายด้านบน วงเล็บไว้ว่าราคาตามนี้ทั้งป้าย แต่ไม่เกิน 4 คน คือหนูมากัน 4 คน ทำไมคิด 80 บาท ป้ายก็บอกอยู่ เราแย้ง แต่สมาขิกในกลุ่ม ตัดบท ไม่เป็นไรพี่ ช่างเค้าเหอะ(บางทีมันก็ดีนะจะได้จบๆไม่เสียเวลากับคนพวกนี้) แต่เล่นซะเราหัวเสียมาก ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องจ่ายเกิน หรือให้เค้าเอาเปรียบเรา ไม่กี่บาทก็จริง แต่เราไม่ชอบเลยอ่ะ 

เศร้าเศร้าเศร้าเศร้าเศร้าเศร้าเศร้า

เรานั่งรถ มาจนถึงท่ารถขนส่งเก่า เราเลือกมาขนส่งเก่า เพราะราคา ค่ารถจะถูกกว่ากัน 10 บาท ระหว่างรอก็มีแท๊กซี่ กับกลุ่มรถสองแถมค่ะ เค้าคิดเรา 4,500 บาท ไปกลับ จากขนส่งพิษณุโลก ถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวค่ะ มีคนที่จะขึ้นภูไปกับเราด้วยสองคน รวมเราก็เป็น 6 คน เราก็ว่ายังแพงอ่ะ ไปกลับคิดจริงๆ เกือบพันเลยอ่ะ เราเลยยังไม่ตกลง
แต่ที่เรารู้ว่าถ้าขึ้นจากขนส่งพิษณุโลกเลย ไม่เกิน 3,500 บาท เราเลยไม่ขึ้นดีกว่า แต่ก็มีแท็กซี่มาเสนอราคา อีก จะอยู่ที่ 1 กิโล 10 บาท รวม 1,800 บาท ขาเดียวค่ะ ก็เลยแบบเดิม รอรถบัสไปชาติตระการ แล้วไปขึ้นรถ สองแถว เที่ยวระ 1,000 บาท ที่ตลาดชาติตระการเผื่อได้คนหารเพิ่มที่นั่นด้วย รถบัสไปชาติตระการราคา 84 บาทค่ะ จากราคาจริงจะอยู่ที่ 94 บาทค่ะ

ระหว่างรอรถบัสไปชาติตระการ เพื่อนๆก็ไปชาร์ทแบ็ตโทรศัพท์ ตรงห้องน้ำท่ารถ เค้าคิดค่า ชาร์ท ราคา 20 บาท อืมก็ดีนะ เพราะเราต้องขึ้นเขา เก็บแบ็ต ไว้เยอะๆก็ดี

พอรถมาจอด เราก็ได้เวลาเดินทางต่อละค่ะ รถออกแหลทไปนิดนะคะ ปกติออก ตี 5 ค่ะ ท่ารถขนส่งเก่า คนจะขึ้นน้อยนะคะ ไปจองที่กันสบายเลย เหลือเฟือ แต่พอรถวนไปขนส่งใหม่รับผู้โดยสาร พระเจ้า! คนเยอะมากค่ะ กรูกันขึ้นมาจนที่นั่งไม่พอเลยค่ะ บางคนต้องยืนเอาค่ะ ดีนะคะ ที่เราไปขนส่งเก่า รอรถที่นั่น และเป็นต้นทางด้วยค่ะ  

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

เรานั่งหลับๆตื่นๆ ตลอดทางค่ะ รถไปจอดที่ท่ารถนครไทย อย่าเพิ่งลงนะคะ ยังไม่ถึงหลังจากนั้นก็นั่งต่อไปอีกพักใหญ่ รถมาส่งเราตรงป้อมตำรวจแยกชาติตระการ 
เอาแล้วไง เค้าบอกว่า คนขึ้นภูเตรียมตัวลงค่ะ จะมีรถมารับนะคะ รวมแล้ว 6 คน (สองคนที่มาจากพิษณุโลกรถคันเดียวกับเราค่ะ) พอลงมาพวกเรา 4 คนก็คุยๆกัน 

เค้า คอนแทร็กกันป่าววะ ??
จะแพงไหมวะ ??
เอาไงดีวะ ??
เราต้องรีบไปตลาดเดี๋ยวไม่ทันรถสองแถวอ่ะ...ไปไงวะ ??

สรุปรถที่มารับเรา เป็นรถตู้ สามารถเปิดกระจกได้ค่ะ ราคา 900 บาทต่อเที่ยว รวม 6 คน ออกคนละ 150 บาท หลังจากนั้นเราก็ไปกันที่ตลาดชาติตระการ หาซื้อของกิน และเตรียมของขึ้นภูไปเก็บไว้ ตลอด 2 คืน (เรารวบรวมเงินกัน 4 คนคนละ 300 บาทค่ะ) แต่สองคนที่มาด้วยเราไม่เห็นจะซื้ออะไรมากเลย เราเลยงง เค้าไม่เตรียมกันแล้วจะกินอะไรอ่ะ มาม่าอย่างเดียวเหรอ แต่ของเราเตรียมอย่างกับว่า มันจะไปอยู่กันเป็นเดือนหรือเปล่าวะนั่นน่ะ 555 ก็พวกเราไม่เคยไปเที่ยวแบบนี้เลยไม่เป็นอ่ะ ว่าต้องเตรียมอะไรบ้างยังไง แบบไหนที่เรียกว่าพอดี...ก็เลยอ่ะเตรียมๆไปเหอะเผื่อขาด....เอ้าพร้อมออกเดินทางได้





วิวระหว่างทางชาติตระการไปอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว สวยมากๆเลยนะคะ


ระหว่างทางที่เราขึ้นรถมา เรานั่งคุยกันเกือบตลอดทางค่ะ คุยไปคุยมา พระเจ้า อาหาร กับข้าวพร้อมอ่ะ แต่

ข้าวสารล่ะ มันอยู่ไหน ?????
คือของสำคัญลืม ไว้อาลัย 5 วิ กินกับข้าวเล่นละกันนะพวกเอ็งๆทั้งหลาย เฮ่อๆ 

เรานั่งรถมา ชั่วโมงกว่าๆค่ะ ก็ถึงซะที อุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว 
ค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาทนะคะ
เราหอบของลงแล้วก็นัดแนะว่าจะกลับกันวันที่ 11 สิงหาคม 59 ช่วงบ่ายๆ ให้พี่เค้ามารับ เพื่อที่จะไปให้ทันรถบัสชาติตระการไป ขนส่งพิษณุโลก ( พวกเรานัดกับเพื่อนอีกสองคนที่มาด้วยกันกับเราค่ะ เค้าก็จะลงพร้อมพวกเรา)

เราจำชื่อพี่เค้าไม่ได้ค่ะ ถามแล้วแต่ลืมค่ะ แต่ใครสนใจใช่บริการพี่เค้าได้นะคะ โทร 084-5746431 จิดต่อได้ตลอดนะคะ แต่บางช่วงอาจไม่มีสัญญาณนะคะ

เราไปเตรียมอุปการณ์ต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ชั่งน้ำหนัก รวมๆ 20 กิโลค่ะ เอ่อ คือ 20 โลนี่มันอะไรบ้างวะนั่นน่ะ 

อมยิ้ม20อมยิ้ม20อมยิ้ม20

ไมมันเยอะจังฟระ รวมเต๊นด้วยนะคะ ราคาเต้นก็ มีแบบสอง 1 คืน สองคืน ของเราเช่าหลังเดียวค่ะ นอนกัน 4 คนไปเลย แบบยัดกันไปให้หมด ประมาณว่านอนไม่ได้ก็ต้องได้วะ ถ้าเช่าอีกหลัง มันก็รวม 2,500 บาทเลย คือเปลืองตัดไปเต้นท์ หนึ่ง ด้วยผู้ชายคนเดียวมันนอนสบายอ่ะนะ เลยไม่เป็นไรไหนๆ เต้นมันก็ใหญ่อยู่ ก็อัดๆไปละกันนะ 
ใน 1 เต้นท์ มี 
หมอน 3 ใบ 
ถุงนอน 3 ถุง 
เบาะรอง 3 เบาะ 
แต่คนที่สี่ ที่เกินมา จะคิดเพิ่มค่าพื้นที่ 60 บาทค่ะ แล้วต้องไปเช่า หมอนกับถุงนอนเพิ่มข้างบนค่ะ
มีคิดค่ามัดจำขยะ 200 บาทด้วยนะคะ เวลาลงมาเอาขยะลงมาด้วยเค้าจะคืนเงิน ให้ แต่ก่อนขึ้นเค้าจะนับว่าขวดมีกี่ใบ ขวดแก้วหรือขวดน้ำธรรมดา เอาขึ้นไปรวมกี่ขวดค่ะ

ค่าลูกหาบ ตอนที่เราทราบคือ 35 บาท แต่ทำไมเราไปรู้สึกจะคิด 30 บาทค่ะ ยังแปลกใจอยู่ค่ะ
เราออกค่าลูกหาบ คนละ 600 บาทค่ะ รวมทั้งหมดเต้นท์ด้วย เราตัดสินใจกันอยู่นานมากค่ะ เรื่องกระเป๋าว่าจะแบกขึ้นไปกันเองน่ะดีไหม หนึ่งในกลุ่มไม่แบกค่ะ ตั้งใจให้ลูกหายแบกไป เพราะเค้าเคยไปภูกระดึง เค้าเลยรู้ว่ามันเหนื่อย

แต่ไอ้น้องชายคนเล็กในกลุ่มแบกอยู่แล้ว แต่เรากับน้องอีกคนนั่งคิดกันแบบสมองมันตีกันอ่ะ
แบกไปกลัวไม่ไหวกลางทางอ่ะ จะแย่เอา
ไม่เคยเดินป่าด้วย เอาไงดีนะ แบกไม่แบกๆๆๆ
แต่ไม่แบกไป เดินปลิวๆ มันไม่ได้ฟิวนะเว้ย

สรุป แบกค่ะ ประมาณว่าแบกก็แบกวะ ไม่ไหวก็ต้องไหว เดินช้ายังไง เดี๋ยวมันก็ต้องถึงอยู่ดี หรือจะทิ้งกระเป๋ากลางทางให้มันรู้ไปซิ อีกอย่างมันจะได้ฟิวส์ สำหรับการเดินป่ามากๆ ตรู..ยอมเหนื่อย สู้โว้ย

pompompompompompompompom




อุปกรณ์ต่างๆ ก็ต้องไปเช่าข้างบนค่ะ 



เราไปที่ศูนย์ของอุทยาน ไปซื้ออาหารไว้กินกลางทางค่ะ มัวแต่เดินซื้อของจำเป็นที่ตลาดจนลืมของกินที่จะกินระหว่างขึ้นภูเลยค่ะ และคือดีงามพระราม 9 มีข้าวสารขายค่ะ เราซื้อไปสองถุง ไม่ต้องกินกับข้าวเล่นแล้วหล่ะแก๊ 55

ได้เวลาขึ้นรถค่ะ เพื่อนที่มากับเรา สองคนเดินทางไปก่อนเราเพราะเค้าแบกไปกันเอง (ชื่อเท่ กับ ปานค่ะ ทราบชื่อหลังจากที่ขึ้นภูไปแล้วค่ะ)

เราขึ้นไปทีหลัง มีเพื่อนที่มาทีหลัง อีก 3 คนค่ะ รวมแล้วในวันนั้น ขึ้นไปมีพวกเรา 4 คน กลุ่มที่สองคือเท่กับปาน  และอีกกลุ่มมีมา 3 คน (แต่กลุ่มนี้เราคุยกันแต่ไม่ได้ถามชื่ออะไรค่ะ แล้วพอดีพวกเค้าตั้งเต้นท์ไกลจากกลุ่มของเราเลยไม่ได้คุยอะไรกันมากค่ะ)

เราขึ้นรถยนต์ค่ะ เสียใจไม่ใช่รถอีเต๊ก ค่ะ แต่พอดีช่วงนี้เค้าจะรองรับนักท่องเที่ยว ช่วงมันแม่ที่ใกล้เข้ามาอีกไม่กี่วันค่ะเลยมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แต่อดผิดหวังเล็กๆไม่ได้ อ่ะฮือ อ่ะฮือ

ร้องไห้ร้องไห้

เมื่อไปถึงทางขึ้นอุทยาน ด้านหน้าจะมี คูนย์ของอุทยาน เป็นร้านค้า จำหน่ายสินค้าจำเป็นค่ะ ซื้อได้จากที่นี่นะคะ





ทางเข้าจะมีจุดตรวจตั๋วนะคะ 



มีน้ำตก สวยมากเลยค่ะ



การเดินทางของพวกเราเริ่มขึ้นแล้วนะคะ ที่นี่ฝนตกไปก่อนหน้าแล้วนะคะ ทางเละไม่มากค่ะ 


ระยะทางในการเดินขึ้นภูสอยดาว จะอยู่ที่ 6.5 กิโลเมตร สูงระดับน้ำทะเล จะอยู่ที่ 1,633 ม. ระหว่างเดินทางเราเก็บภาพไปเรื่อยๆค่ะ เนินแรกที่เราจะผ่านเป็นเนินส่งญาติ (ระยะทาง 650 ม.ค่ะ)  ช่วงแรกเดินเลาะไปตามลำธาร ผ่านน้ำตกหลายชั้น เส้นทางร่มรื่น บวกกับเป็นหน้าฝนด้วยค่ะ ป่าจะทึบนิดหนึ่งค่ะ เนินส่งญาติจะมีระดับความสูงชันเรื่อยๆ ขึ้นไปมีบันไดค่อนข้างเยอะ หลายๆคนจะเริ่มหมดแรงตั้งแต่เนินนี้ละค่ะ เช่นพวกเราเป็นต้น (ก็สังขารมันไม่ให้อ่ะ ยังอยากจะเดินป่าเดินเขา 55) เนินนี้อารมย์ประมาณว่า ไม่ไหวแล้วนะ พวกแกไปต่อเหอะ เราส่งแค่นี้หล่ะ (นั่งเดินป่าที่ขึ้นมาแล้วถอดใจตั้งแต่เนินนี้ก็อาจจะเปลี่ยนใจไม่เดินทางต่อ) นี่คือที่มาของเนินส่งญาติ (อืมๆ เหตุผลใช้ได้ ) 













ระหว่างเดินทางไปเรื่อยๆ จะได้ยินเสียงน้ำตกตลอดทางค่ะ 



บรรยากาศโดยรอบ สดชื่นค่ะ ระหว่างเดินทางได้ยินเสียงแมลงร้องกันระงมตลอดทางเลยค่ะ 



ทางค่อนข้างและค่ะ แต่สบายมาก พวกเราค่อยๆเดินไปเรื่อยๆค่ะ ถ่ายรูปเล่นตลอดทาง

เพี้ยนแช๊ะเพี้ยนแช๊ะ





เนินแรกพวกเราก็เริ่มหอบละค่ะ ยังไม่ถึงเลย อารมย์แบบถึงยัง ถึงยัง เนินแรก ถึงยัง ไอ้เนินส่งญาติน่ะ ไม่มันไกลจังวะ ไม่ไหวแล้ว ไม่ถึงซักที เหนื่อยว้อยยยย

อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08



ในที่สุดพวกเราก็มาถึงแล้ว เนินส่งญาติ เหนื่อยมากแค่เนินนี้ยังเหนื่อยขนาดนี้แล้วเนินอื่นจะขนาดไหนกันวะเนี่ย 



เห้ย...มันเหนื่อยจริงอะไรจริง จะว่าไปก็ไม่ไหวจริงๆหล่ะ กระเป๋าก็ท่วง ตั้ง 6 กิโล นี่คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่วะ น่าจะจ้างลูกหาบ เอากระเป๋าไปด้วย แต่ไม่ทันละ 

น้องที่มาด้วยกันไม่ไหวขอพักกินข้าวก่อน ให้พวกเราไปกันก่อน 



ดูมัน เล่นกินตรงนี้เลย ไม่ใช่ไรหรอกนะ เพ่ก็หิวนะว้อย เหนื่อยก็เหนื่อย ยังจะมากินตรงหน้าอีก อารมย์เสีย

ถีบขาคู่

ไอ้เราจะกินเลยก็กลัวหิวอีก แต่ไอ้เด็กชายกรมันเตรียมมาสองถุงอ่ะดิ คือสำรองไง สบายเลย





พวกเราเริ่มเดินเข้าเขตเนินที่สอง เนินปราบเซียน  เป็นเนินที่ชันที่สุด ความสูงนั้ชันมากกว่าเนินแรก (ระยะทางราว 780 ม.) แม้จะมีบันไดให้เดินขึ้นตลอดทาง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร พิพวกเราเห็นบันได ก็ท้อเลยค่ะ มีบันไดหลายช่วง ติดๆกัน แถมยังชันมากค่ะ ต้องเดินระวัง มากๆเลยนะคะ 













เราเลือกนั่งกินข้าวแถวๆลานหิน เนินปราบเซียนค่ะ กินดันอร่อยมากค่ะ ไม่รู้ด้วยความหิวหรืออะไร นั่งกินไปพร้อมกับดูวิวและฟังเสียงน้ำตก บรรยากาศดีจริงๆ ค่ะ หลังจากอิ่มแล้ว และนั่งพักกันจนหายเหนื่อย พวกเราก็เดินทางต่อ 



สักรูปนะเนินนี้น่ะ มันเหนื่อยจริง ๆ 













ตอนนี้เราอยู่ช่วง เนินป่ากอ เป็นเนินที่เดินทางสบายสุดค่ะ ทางเดิน เรียบๆ ไม่ ชัดอะไร ป่าจะเป็นป่าโปรง แต่ยุงเยอะนะคะ จะมีลาน เป็นไม้ไผ่ให้นั่งพักกันค่ะ พอได้รั่งพักจากตรงนี้ รู้สึกว่า เราหายเหนื่อยไปเยอะค่ะ แล้วเดินได้สบายขึ้นอาจจะเป็นเพราะ ชินมากขึ้นหรือเปล่าไม่รู้นะคะ 

ตอนนี้เรากำลังเดินทางต่อไปเนินเสือโคร่ง ตลอดทางจะเห็นวิวเขามากขึ้น ทางเดินจะไม่ชันมากนัก 



ระหว่างทางฝนโปรยมาน้อยๆค่ะ พอให้เสื้อกันฝนเปียกเบาๆ 55 ทำไมไม่ตกมาเยอะๆนะ เราชอบ ความมันมันน่าจะบังเกิด ถ้าตกเยอะๆ 













เรากำลังจะเดินพ้น เนินเสื้อโคร่งแล้วเข้าสู่เนินมรณะแล้ว เหนื่อยมากกกกกก





เขาลูกนี้หล่ะค่ะ ที่เราจะเดินขึ้นไป สูงมากๆนะคะ บนยอดจะมีหมอก หนาๆค่ะ เห็นแล้ว อยากย้อนกลับเลย

ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้









มาถึงแล้วค่ะเนินมรณะ  เนินที่มีแต่เหวกับเหว ความชัดสุดยอด ต้องเดินอย่างระมัดระวังมากๆ มิเช่นนั้น จะมรณะสมชื่อเนินเลยนะคะ ขนาดพวกเราเดินขึ้นไปยังกลัวเลยค่ะ บอกเลยขาสั่น พับๆ 





สูงมากๆเลย เราหยุดพักเป็นระยะค่ะ บอกตามตรง ทั้งเหนื่อย ทั้งกลัวความสูง 











ระหว่างเดินขึ้นเนินมรณะ ยางทีแดดก็ออก แป๊ยเดียวร่ม หมองลงจัด มองไม่เห็น ไม่ถึง 10 นาที ฟ้าก็โปร่งจะเป็นแบบนี้ไปตลอดทาง ที่เราตะกายขึ้นเนินมรณะ ตอนนี้เดินแทบไม่ไหวละค่ะ แทบจะคลานขึ้นบันไดกันเลยทีเดียว





จุดนี้วิวสวยมากค่ะ เพืรอนๆหลายคนก็ถ่ายรูปกันจึดนี้เยอะค่ะ เราก็อยู่ห่างๆละกันไม่สนิท กับลมแรงๆ และหน้าผาค่ะ แฮะๆ บอดตรงๆ มันหวิวๆ 







ความรู้สึกในตอนนั้นมันบอกว่าเมื่อไหร่กุจะถึงซักทีวะ  กุเหนื่อย!



เริ่มใกล้ความจริงละค่ะ อีกไม่กี่เมตรก็ถึงแล้วลานสน เย้ 







ถึงแล้วค่ะลานสน  




รูปหมูซะหน่อย หายเหนื่อยแล้ว ที่นี่อากาศเย็นมากค่ะ ลมแรงสุดๆ 


พวกเราเล่น นั่งพัก กันอยู่จุดนี้ สักพักใหญ่ แล้วก็ออกเดินทางกันต่อ อีกไม่กี่เมตรก็ถึง จุดกางเต็นท์ละค่ะ 











ตลอดทางเดินจะเฉะ และมากค่ะ ฝนเพิ่งจะตกไปสักพัก แต่อากาศเย็นสบายจนเกือบหนาว 



ระหว่างทางใกล้ๆถึงจุดพัก จะมี ดอกหงอนนาค อยู่ประปราย บางจุดก็มีเยอะมากๆเลยค่ะ สวยมากๆ 



ถึงแล้วค่ะ เย้ เรามาถึงกันสักที เราใช้เวลาเดินทาง โดยรวม 4 ชั่วโมงกว่าๆ ค่ะ เกือบๆ 5 ชั่วโมง 





ดอกหงอนนาคแถวๆจุดกางเต้นท์ค่ะ หายเหนื่อยเลย สดชื่นสุดๆ 
เราเดินไปจุด บริการ ทำดารลงทะเบียน 
พร้อม เช่า หมอน และถุงนอนเพิ่ม 1 ชุด 
ขัน 2 ใบ กระป๋อง น้ำ 2 ลูก
เตาถ่าน 1 เตา 
หลังจากนั้นเริ่มเคลียร์ ของเก็บเข้าที่ เดิน เลือกเต้นท์ที่เจ้าหน้าที่กางไว้แล้ว เมื่อเลือกได้แล้วก็เตรียมกางผ้าใบ ปิด กันฝนสาดด้านหน้าเต้นท์ ปิดซะมิดเหมือนถ้ำเลย ทำไปได้ 55(เราไม่ได้ถ่ายไว้ )
จากนั้นก็เตรียมก่อไฟ พี่เจ้าหน้าที่ให้เราเลือเอาว่าจะไปทำหน้าเต้นท์ หรือจะก่อไฟทำอาหาร จุดบริการเจ้าหน้าที่ก็ได้ เราเลือก ทำอาหาร ก่อไฟ จุดบริการค่ะ ใกล้กับแท๊งน้ำค่ะ ไม่ต้องเดินไกล ล้างจานได้เลยค่ะ 
เราจักการ ส่วนต่างๆเรียบร้อย ก็ผลัดกันไปอาบน้ำค่ะ น้ำต้องไปตัก ในลำธารค่ะ 



น้ำใสนะคะ แต่หินมันแดงๆค่ะ ตักดีๆนะคะ เอาแต่ผิวน้ำ ระวังจะมีตัว ซาราเมนเดอร์ ตามไปอาบด้วย 55

หัวเราะหัวเราะหัวเราะ



อันนี้จะเป็นห้องน้ำด้านหน้านะคะ แยกชายหญิง พร้อมแท๊งน้ำ ขนาดใหญ่ แต่น้ำน่าจะหมดค่ะ เราใช้น้ำในลำธารอย่างเดียวเลย 



เราเลือกใช้ ห้องน้ำด้านหลัง แต่ใกล้ลำธารสุดค่ะ บอกตามตรง ตักน้ำ มันหนักอ่ะ ไม่อยากเดินไกล เลยใช้ตรงนี้หล่ะ ใกล้สุดละ 



ผลัดกันไปอาบ ขอบอกเลย น้ำเย็นมาก อาบไปขันเดียว ตัวชาเลย แถมประหยัดน้ำดีด้วย ไม่ต้องอาบเยอะนะ มันเปลือง น้ำมันหายาก 5555


อาบน้ำเสร็จก็มืด อากาศเย็นมาก เย็นจนหนาว เรากลับไปยังจุดบริการเพื่อช่วยกันทำอาหารค่ะ แต่เพื่อนทำเตรียมไว้แล้วค่ะ มาม่าต้ม ใส่ลูกชิ้นกับไส้กรอกค่ะ แต่พระเจ้ามันอืดมาก 5555 
สงสัยเราอาบน้ำกันนานไปหน่อย ไอ้ที่นานไม่มีอะไรหรอกค่ะ ยืนทำใจ ก่อนอาบค่ะ แฮ่ะๆ 
นอกจากมาม่าอืดก็ยังมีไส้กรอกย่าง แบบไหม้ ไปแถบหนึ่งเลยทีเดียว 555 แต่มีชายหนุ่ม มาช่วยค่ะ นั่งย่างไส้กรอกให้พวกเราอยู่ก่อนแล้ว เลยได้นั่งพูดคุยกันค่ะ ชื่อเท่ห์ ค่ะ แต่อีกคน ชื่อปานค่ะ สองคนนี้ที่ขึ้นรถมาพร้อมพวกเราค่ะ เรานั่งคุยกันถึงเรื่องเที่ยว เท่ห์จะเป็นคนที่ออกเดินทางบ่อยมากๆค่ะ แนะนำที่เที่ยวให้พวกเราเยอะเลยค่ะ 

มีอยู่ประโยคหนึ่งเท่ห์เค้าบอกไว้ว่า
คนที่มาเที่ยวป่าครั้งแรก ถ้าชอบก็จะชอบไปเลย และจะมีครั้งต่อๆไปอีก แต่ถ้าไม่ชอบเค้าก็จะไม่ออกเที่ยวแบบนี้อีกเลย ต่อให้สวยแค่ไหน ก็ตาม
อืมเราว่าก็จริงนะ มันลำบากจริงๆ แต่แปลกที่เรากลับชอบ 

เรากินกันไปคุยกันไป นานเลยค่ะ

เพี้ยนกินมาม่าเพี้ยนกินมาม่าเพี้ยนกินมาม่า

ปานมาสบทบ ช่วยนั่งย่าง ไส้กรอก กับไก่จ้อให้พวกเรา เป็นสองหนุ่มที่น่ารักมากค่ะ  ได้แฟนน่ารักแบบนี้มาเที่ยวด้วยคงดี 555
(นางกำลังมโน ไปไกลเลย)

นานาชอบนานาชอบนานาชอบนานาชอบ 

เตาข้างๆ ก็จะมี น้องๆ น่าจะกำลังเรียนอยู่ หรือ เพิ่งจะจบหมาดๆ น่ะ นั่งคุยกัน น่าสนุกสนาน ทั้งกลุ่มน่าจะ ประมาณ 7 คนได้ ยังดูละอ่อนน้อยกันอยู่เลย พวกเค้านั่งกินโอวัลตินร้อนๆ ผิงไฟคุยกัน เฮฮากันน่ารักดีค่ะ

สักพักใหญ่พวกน้องๆแยกย้ายกันไปนั่งเล่นกันในเต้นท์ของตัวเอง พวกเราก็เริ่มเก็บของไปล้างที่แท็งน้ำ แล้วนั่งคุยกับ ปานและเท่ห์อีกสักพักเริ่มเข้าเต็นท์กันค่ะ นอนคุยกัน เล่นกัน สักพัก เท่ห์ ก็ตะโกนทัก บอกว่าคงอยู่ต่อไม่ได้ ต้องรีบลงจากภูพรุ่งนี้ มีงานด่วน ปานก็คงต้องกลับไปด้วย เท่ห์บอกพร้อมขอโทษพวกเรา ไม่แค่นั้นค่ะ แสดงความเป็นสุภาพบุรุษเนอะ ช่วยออกค่ารถตอนขาลงค่ะ แต่เราไม่รับค่ะ (ผู้ชายไรวะ น่ารักชะมัดยาด สุภาพบุรุษสุดๆ )

เยี่ยมฟินฟินฟินฟินเยี่ยม

มีแฟนแบบนี้ ตรูรักตายเลย 555 (เรียกสติกลับมาก่อนนะ แฮะๆ)

วันนี้เราเพลียกับการเดินป่า บวกกับหนังท้องตึง หนังตาหย่อน นอนสลบกันค่ะ ยาวเลย 

คร่อกฟี้คร่อกฟี้คร่อกฟี้คร่อกฟี้คร่อกฟี้

ตื่นเช้ามาอากาศสดชื่นมากค่ะ เราออกจากเต้นท์ ตอน 6 โมงเช้าได้ ตื่นสักพักแต่ไม่อยากลุกเลย



หมอกลงหนามากค่ะ เต้นท์อื่นๆก็เริ่ม ตื่นไปทำธุระกันค่ะ เราเดินเล่นอยู่พักใหญ่ ก็เริ่มมาปลุกให้ทุกคนตื่น เราเริ่มแยกของไปทำอาหาร เท่ห์เดินมาหา เอาอาหารแห้งมาให้ถุงใหญ่เลยค่ะ เป็นพวกข้าวสวยของ CP ผัดกระเพรา ไข่ เกลือแร่ อาหารอีกหลายอย่างค่ะ บอกให้พวกเราเก็บไว้กินกันค่ะ พวกเราเกรงใจมากค่ะ แต่ต้องขอขอบคุณทั้งเท่ห์และปานมากๆที่ แบ่งอาหารมาให้ 

ตอนเช้าเราเริ่มทำอาหาร ก่อไฟก็ไม่ติดอีก กิ่งไม้แห้งๆก็ไม่มี เจ้าหน้าที่เลยแบ่งถ่านที่ติดไฟมาให้ เราได้แต่ขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่ใจดีค่ะ เราจะทำอาหาร ให้ทันเพื่อนสองคนที่จะลงจากภูในเวลา 8 โมง แต่ไม่ทันละ เค้ากินพวกขนมปังแทน 

เราเลยไปถ่ายรูปกันค่ะ 



ต้องขอขอบคุณเท่ห์และปาน
เพื่อนสองคนนี้ที่ร่วมเดินทางมากับพวกเรา 
ขอบคุณ อาหาร ขอบคุณน้ำใจที่มีให้ 
ขอบคุณความน่ารัก เป็นกันเอง
ขอบคุณความบังเอิญที่ทำให้พวกเราเจอกัน

พวกเค้าสองคนออกเดินทางไปกับพี่สาวและพี่ชายสองคน ที่เพิ่งรู้จักกัน ค่ะลงไปตอน 8 โมงได้ค่ะ เพื่อนกลุ่มอื่นๆ และชุดน้องๆ เมื่อคืนก็ลงกันหมด เหลือพวกเรา 4 คน กับเพื่อนอีกสองคน ตอนนี้เงียบมากๆค่ะ เรานั่งกินอาหารกันพักใหญ่ พี่เจ้าหน้าที่ก็เริ่มลงจากภูเช่นกัน ลงไปกันจนเกือบหมด เหลือพี่เจ้าหน้าที่ 3 คน พวกเราเก็บของเข้าเต้นท์หลังจากกินอาหารกันเสร็จ เราไปอาบน้ำ ส่วนเพื่อนๆในกลุ่มไปเดินเล่น 



พวกนางไปถ่ายรูปเล่นกัน สนุกสนานเลย 




โมเม้นท์แปลกๆ นะ ว่ามะ 



ชั้นเหงา 555

พอเพื่อนๆถ่ายรูปเล่นกันจนเหนื่อยก็กลับมาที่เต้นท์ เราเองก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ไปเดินเล่นน้ำตกกัน





ทางเดินลงน้ำตก 



พวกเราค่อยๆไต่ลงไปทางมันชันมาก มีเชือกผูกไว้ ตลอดทางลง 





เราลงไปทีละชั้นค่ะ แล้วถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆ 









แล้วก็ลงชั้นต่อๆไปแต่ละชั้น  จนถึงชั้นล่างสุดค่ะ



























เรานั่งเล่น ถอดรองเท้า เอาเท้าแช่น้ำเย็นๆ มันมีความสุขมาก ผ่อนคลาย นั่งฟังเสียงน้ำไหล ถ่ายรูปเล่นกันไปเรื่อยๆ ก็ตัดสินใจกลับที่พัก เราค่อยๆไต้ขึ้นมา ตอนขาขึ้นมา ยอมรับเลย โครตเหนื่อย ทั้งที่ไม่ได้ไกล แต่ไมมันดูไกลจังฟระ แฮกๆ 

อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08

พอขึ้นมาได้เล่นหมดแรงเลย ทุกคนนั่งพักกันสักพักใหญ่เลยค่ะ 



จุดพักผ่อน 5555 หลังจากหายเหนื่อยเราก็เดินกลับที่พักค่ะ ไปหาไรกิน บอกตามตรงหิวอีกแล้ว พอไปถึงก็ไปหาอะไรกินจนอิ่มท้องนั่งคุยกับพี่ๆเจ้าหน้าที่ อีกสามคนที่เหลือ พี่ๆเค้าเตรียมจะลงจากภูเหมือนกันค่ะ แล้วบอกพวกเราให้ดูแลตัวเองกันด้วยนะ ทั้งภูจะเหลือแค่ สมาชิก 6 คน พวกพี่เค้าต้องรีบลงไปเปลี่ยนให้เจ้าหน้าที่ชุดใหม่ขึ้นมาค่ะ ชุดใหม่จะมา เยอะหน่อย เตรียมรับมือกับนักท่องเที่ยว ที่จะขึ้นมาในวันแม่ค่ะ พวกพี่ๆแนะนำให้เดินไปรอบๆ เริ่มจากด้านหลัง มีสัญญาณโทรศัพท์นะคะ Ais True ค่ะ เดินหาเอา แต่ห้ามออกนอกเขตที่เค้ากำหนดนะ อันตราย มันจะมีหมี มีหมูป่าไล่เอา อย่างเจ้าหน้าที่ๆกำลังขึ้นมาเนี่ยกำลังโดนหมีไล่ วิ่งหนีหมีกันอยู่ แล้วพี่เค้าชี้ไปที่วอที่ถืออยู่ เราได้ยินเสียงเอะอะ ดังลั่นจากวอ เหมือนวิ่งหนีอะไรสักอย่าง 
เออ สงสัยจะมีหมีป่าออกมาจริงๆ เชื่อสนิทค่ะ

และพี่ๆยังบอกทิ้งท้ายอีกว่า พี่ๆที่นี่น่ะ มีแฝดหลายคู่ เออ!น่าคิด หน้าเหมือนกันเป๊ะเลย พี่คนที่คุยกับเราเรื่องเช่าเต้นท์ข้างล่าง กับคนที่อยู่จุดบริการบนภูด้านบน ไมหน้าตาเหมือนกันจังวะ อย่างกับคนๆเดียวกันเลย แต่คงแผดแหล่ะ ตามมาทีหลังจะถึงก่อนได้ไงล่ะ เนอะว่ามะ แถมพี่เจ้าหน้าที่ที่ชั่งน้ำหนักให้อีกคน สงสัยจะมีแผดหลายคู่จริงๆหล่ะ อืมๆ


นักคุยกันพักใหญ่ๆ พวกเราก็กล่าวลาพี่ๆเค้า แล้วออกไปเดินเล่นกัน พวกพี่ๆก็เตรียมสะพายเป้ เตรียมลงจากภูเหมือนกัน 


ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2786628