รีวิว HOW TO ไปฟลูมูนยังไงให้นก !!!!!!!!! (เกาะเต่า - ฟลูมูน - สมุย)

สวัสดีค่า
เรามาแชร์ประสบการณ์ท่องแดนใต้ สุราษฎร์ธานี ( เกาะเต่า -> ฟลูมูน -> สมุย)
ต้องขอโทษด้วยหากเราไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้มาก เพราะเป็นคนขี้ลืม ฮ่าๆ 


การเดินทางครั้งนี้เกิดจากความจำเป็นบางอย่าง เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งการเดินทางมีเรื่องหลายเรื่องให้ต้องคิด ทั้งงานทั้งเรียนนทั้งเรื่องสถานการณ์ทางโน้นไม่สงบ แต่เราก็เลือกไปเพราะตกลงกับน้องสาวไว้แล้ว ถ้าเราไม่ไปน้องเราก็ไม่ได้ไป หรือถ้าปล่อยมันไปผจญภัยคนเดียวก็เป็นห่วง ปกติไม่ใช่คนดีแบบนี้นะ ปกติชั่ว ฮี่ๆๆ 

ไหนๆเราก็จะเล่าเรื่องไปฟลูมูนแล้ว
เราเลยขออนุญาติเล่าทั้งทริปเลยนะกันเนอะ

ขอบอกก่อนอีกทีว่าวันนี้เราขอเล่าเกี่ยวกับเกาะเต่าก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเล่าฟลูมูนนะ แฮ่

พร้อมแล้ว ไปด้วยกันเลยค่ะ


วันที่  1 วันแห่งการเดินทาง
รถไฟ (ขอนแก่น - กรุงเทพ) เดินทาง 21.06 น.
เครื่องบิน (กรุงเทพ - สุราษฎร์ธานี)  เดินทาง 16.20 น.  – 17.30 น. 



เราเริ่มขึ้นรถไฟฟรีจากขอนแก่นไปกรุงเทพแบบ งงๆ ขึ้นครั้งแรก ทั้งตื่นเต้นระเเวงกลัวโน้นนี้นั้นเยอะเเยะ เราถึงไปถึงสถานีรถไฟสองทุ่มครึ่งโดยประมาณค่ะ เพื่อขอตั๋วรถไฟฟรี เเล้วก็เต็มมมม 555 แต่ก็ไปได้แบบไม่มีที่นั่งนะพี่เจ้าหน้าที่กล่าวไว้ เราก็โอเคนั่งพื้นก็ได้ จากนั้นเรานั่งรอรถไฟไปเรื่อยๆ เสวนาธรรมเรื่อยเปื่อย อยู่ๆ มีผู้ชายเดินมาคุยด้วย พี่เขาบอกเขามาคนเดียว เรารู้สึกตกใจนะ กลัวด้วย 55555555 ใคร ?? ตื่นตระหนกตกใจแบบเก็บอาการ พี่เขาผมยาวกว่าผู้ชายทั่วไป เอาตรงๆกลัวนะ แต่จะไม่คุยเกรงว่าเขาจะไม่พอใจ ฮือๆ คุยไปมา โลกดันกลมเขาเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่เรา ตอนนั้นรู้สึกโล่งอกนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ไว้ใจ จนกระทั้งขึ้นรถไฟ เขาขอ Facebook  พวกเราขอว่าเอาเฟสเขามาก่อน แล้วเราสองคนก็ส่องเฟสเขา พบว่าเป็นคนมีตัวตนบนโลกใบนี้จริงๆ เเล้วเป็นเพื่อนร่วมกันกับรุ่นพี่เราด้วย เราก็สบายใจขึ้นมาบ้าง ฮ่าๆ
รถไฟที่เรานั่งมาช้ากว่าปกติ ในตารางรถไฟฟรีจะเป็นรอบ 21.06 น.  แต่ครั้งนี้เลทนานมากพอสมควร
เวลาประมาณสี่ทุ่มรถไฟมาถึง เราขึ้นรถไฟน่าจะเกือบคนสุดท้ายเพราะเราได้ตั๋วแบบไม่มีที่นั่ง เราขึ้นรถไฟเดินไปจนสุดขบวนมีที่ว่างเยอะแต่เราไม่กล้านั่ง กลัวไปแย่งที่เขา แฮ่ สุดท้ายเราก็เดินวกกลับมา เราตัดสินใจนั่ง แต่ก็แอบคิดนะว่าเราแย่งที่ใครไหม
จากนั่นก็หลับบ้างตื่นมาคุยกันบ้างตามประสา และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟดอนเมืองเวลาประมาณตีห้า พี่เขาบอกเราว่านี้คือเร็ว ปกติช้ากว่านี้ เรากับน้องร่ำลาพี่เขา โบกมือลา บายยยยย ๆๆๆๆ ดีใจที่ได้พบกัน ถ้าไม่เจอพี่เขาพวกเราคงไม่รู้ว่ามีสถานีรถไฟดอนเมือง คงไปลงสถานีอื่นแล้วต่อรถมาดอนเมืองอีกที ขอบคุณค่ะ 



เมื่อถึงกรุงเทพเราเดินข้ามสะพานฝั่งสถานีรถไฟไปสนามบินดอนเมือง แล้วเดินเตาะเเตะๆไปเรื่อย เราขอข้ามไปตอนถึงสนามบินสุราษฎร์ฯเลยนะคะ

เราถึงสุราษฎร์ธานีเเดนใต้ เวลา 17.30 น เราเดินหารถไปขึ้นท่าเรือนอน มีคุณลุงคนนึงเดินมาถามว่า ไปไหน และเเนะนำให้ขึ้นรถทัวร์พันทิพย์ 100 บาท ถึงท่าเรือนอนไปเกาะเต่า *รถคันนี้เดินลงมาจากสนามบินจะเห็นเลยนะ*
เราขึ้นรถทัวร์ไปจนถึงท่าเรือ ไม่ต้องกลัวจะลงผิดที่นะคะ ให้บอกเจ้าหน้าที่บนรถไว้ว่าลงไหน พอถึงแล้วเขาจะประกาศบอกเราเอง คนสุราษฎร์ฯใจดีนะ 



**นี้จะเป็นตั๋วรถและเรือนอนค่ะ**
----
เมื่อเราถึงท่าเรือ เดินตรงเข้าไปจะมีซุ้มขายตั๋วเรืออยู่เราได้มาในราคา 400 บาทถ้วน เรือแสนดีมณีทรัพย์ (จะได้เรือลำไหนขึ้นอยู่ที่เราไปวันไหน เขาจะสลับกันไปในแต่ละวัน) ออกเวลา 23.00 น แถวท่าเรือมีร้านอาหารติดอยู่หลายร้านเลยราคาก็ปกติ เราทานผัดไทกุ้งสดราคา 50 บาท ซื้อน้ำอีก 1 ขวด 10 บาท



น้องเรากินหอยทอดราคาเท่ากัน

(เราไม่ได้ถ่ายรูปอะไรไว้เท่าไหร่ ขอ อภัยด้วยนะคะ เรือก็ไม่ได้ถ่าย เราเคยหาข้อมูล มีคนเขียนกระทู้เกี่ยวกับเรือนอนไว้เยอะเลยลองหาดูนะคะ)
ตอนเราทานมีคุณยายเดินมาขายขนมอะไรสักอย่างคล้ายขนมเปี๊ยะ เราซื้อไว้เพราะเหมือนคุณยายบังคับเราให้ซื้อ ฮ่าๆ ได้ซื้อในอารมณ์งงๆ คุณยายบอกว่าซื้อหน่อยยายไปสบาย บลาๆ จากนั้นเราเดินไปเซเว่นเเถวๆนั้นโดยถามทางเเม่ค้า และเดินกลับมาท่าเรือ ก็ยังไม่ห้าทุ่มอยู่ดี เราไปนั่งแถวศาลาจนปวดตูดก็ยังไปห้าทุ่มอยู่ดี ไม่มีที่ไป และตอนนั้นเองมีคนสองคนกำลังเดินผ่านหน้าไปเรากับน้อง เราสอบถามเขาว่าเเถวนี้มีร้านอะไรให้นั่งไหมเช่น ร้านนมไรงี้ เขาบอกเราว่ามันไกลลลล จากนั้นก็คุยกันนิดหน่อยยย

เขาบอกเราว่าเรือมันออกสี่ทุ่มรึเปล่า เพื่อความแน่ใจเรากับน้องลุกไปถามคนขายตั๋ว สรุปแล้วลำนี้ออกห้าทุ่ม  เราชะโงกหน้าไปทางเรือเห็นว่าสามารถเข้าไปนั่งข้างในเรือได้เลย โอเค มีที่อยู่ละ เรากับน้องเดินไปขึ้นเรือ นอนเล่นรอเรือออก ลุ้นว่าใครจะมานอนข้าง เบาะนอนค่อนข้างจะเล็กมากๆ ถ้าเป็นฝรั่งแซ่บๆคงดี อุ้ย ล้อเล่นนค่ะ อิอิ สักพักมีชายคนหนึ่งน่าจะอายุมากกว่าเราเดินมาทางนี้ ใช่ป่ะวะๆๆ คิดในใจ สรุปคือใช่เขานอนข้างเรา เขาถามเราว่าโอเคไหม เราก็โอเคไป ส่วนข้างน้องสาวเราเป็นคู่สามีภรรยา คือไม่มีคนไทยเลยนะบนเรือเท่าที่เราสังเกต ชายคนหนึ่งที่นอนข้างเราจะเปิดหน้าต่างเรือ เรากับน้องเคยพยายามเปิดเเล้วเปิดไม่ได้เลยบอกเขาว่ามันเปิดไม่ได้ นี้คือจุดเริ่มต้นของการพูดคุยกัน ได้ความว่าเขามาทำงานอยู่ที่ร้านอาหารบนเกาะเต่า เราได้แลกเบอร์กันไว้ เพราะเขาดูเป็นคนดี เขาบอกว่ามีอะไรจะได้ช่วยกันเขาอยู่บนเกาะนี้ จากนั้นเขาก็ถามเราว่าดื่มเบียร์ไหม เราก็บอกว่าดื่ม เรานึกว่าเขาถามว่าดื่มเบียร์เป็นไหม (เราฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง) แต่ไม่ใช่ค่ะ เขาลุกขึ้นยืนและเดินลงเรือไป เรากับน้องนั่ง งง จะไปไหนวะ สุดท้ายกลับมาพร้อมกระป๋องเบียร์กับไก่ย่าง เราอึ้งไปสักพัก นี้จะมอมกูหรอ 555 เราคิดบวกบ้างลบบ้างชีวิตจะได้ปลอดภัยอย่างว่ากันนะ ฮ่าๆ แต่เราก็กินไปป๋องนึงนะ เอิ้กกกๆ เขาก็บอกอีกป๋องๆอยู่นั่น เลยบอกตูจะอ้วกกเเล้วไม่ไหว ส่วนน้องเรากินไปสองป๋องแต่ก็ไม่มึนนะ หลับสบาย 



เรือนอนที่เราเห็นกับตาเราว่ามันไม่น่ากลัวแบบที่วาดไว้นะ จะมีกลัวก็กลัวคนแปลกหน้าเฉยๆ แต่ก็อย่าถึงขั้นระเเวงให้ระวังตัวไว้เฉยๆละกันนะคะ ส่วนหน้าต่างเรือเปิดได้นะคะ แค่ตอนแรกเราเปิดผิดวิธี ปึกไปอีกกก ฮ่าๆ ในส่วนของห้องน้ำก็พอเข้าได้ไม่สะอาดไม่สกปรก แต่ไม่เข้าจะดีกว่า


คลิปที่เราถ่ายออกไปนอกเรือ

---
วันที่ 2 ลอยทะเลรอบเกาะเต่า
เราถึงเกาะเต่าเป็นเวลาตีห้าโดยประมาณค่ะ เรารู้สึกตัวเรือยังไม่จอด ยังคงแล่นอยู๋บรรยากาศดีมากๆ เรือไม่ได้โยกน่ากลัวเลยขับเบามาก ค่อนข้างจะฟินสำหรับเรา นั่งบนเรือพร้อมกับลมทะเลพัดอ่อนๆจากหน้าต่าง สดชื่นนนเมื่อได้รับกลิ่นอายทะเล จะเหม็นก็แต่ตัวเองไม่ได้อาบน้ำมาสองวัน 5555 สภาพอย่าได้เอ่ยถึง หลังจากลงเรือ ตอนแรกตกลงไว้ว่าจะให้รถของบังกะโลมารับเพราะเขามารับฟรีแต่เป็นรอบ 08.30 ซึ่งอีกนาน พอดีมีพี่คนขับเเท็กซี่เดินมา เสนอว่าจะไปส่งในราคาคนละ 100 บาท เราเลยตัดสินใจไป ด้วยความเหม็นตัวเองและถ้ารอกลัวจะไม่ทันทัวร์ต่างๆในรอบเช้า 

เมื่อถึงบังกะโล ได้สอบถามข้อมูลพี่แท็กซี่ พี่เขาแนะนำทัวร์ดำน้ำให้ซึ่งจะพาไปเกาะนางยวนด้วย 500 บาท พร้อมรับส่งถึงที่ เรากับน้องขอเวลาพี่แกตัดสินใจ พี่แท็กซี่ให้เวลาตัดสินใจก่อนเก้าโมง พอถึงบังกะโลตอนเราเห็นชาวต่างชาติคู่รักนั่งรอหน้าบังกะโล คือบังกะโลยังไม่เปิด เราสองคนเลยเดินไปดูทะเลให้ชื่นใจก่อนเล็กน้อย เพราะมันใกล้ๆ ไม่ริมนะ แต่แค่เดินข้ามไปอีกโรงเเรมหนึ่งก็จะไปโผ่ลทะเล เดินเตาะแตะไปเจอหนูน้อยชาวฝรั่งถือพายกวักมือเรียกเราก็เดินไปหาน้องแก น้องชี้ๆอะไรสักอย่างเป็นคราบแดงๆ จุดๆ บนทรายกับทะเล เราตอบน้องว่าไม่รู้เหมือนกัน น้องยิ้มให้ คงเพราะสำเนียงเราประหลาดเกินไป หรือน้องไม่คุยกับคนแปลกหน้า 555555 ขนาดกับเด็กตูยังนก - - 



สักพักเราก็เดินกลับ บังกะโลเปิดเเล้วค่าแต่ให้เช็คอิน 11.00 ให้ฝากของไว้ได้ เรากับน้องฝากของไว้ ด้วยความที่ไม่ได้อาบน้ำมาสองวัน เหมือนเขารับรู้หรือกลิ่นตัวเราเหม็นวะ เขาบอกอาบน้ำห้องนี้ก่อนได้นะ  น้องเราเข้าไปอาบก่อน หลังจากนั้นเรากำลังจะไปอาบต่อ พี่ที่บังกะโลบอกเข้าได้เเล้วเขาออกแล้วทำความสะอาดแล้วเมื่อกี้ เราเลยได้ไปอาบที่ห้อง เวลาประมาณ 08.00 น. เรากับน้องตัดสินใจจองทัวร์พี่แท็กซี่ 

09.30 ออกเดินนทาง ฮิ้วววว ตื่นเต้นนน รถมารับเราและเลยไปรับแขกอีกสองคนเป็นฝรั่งหล่อออออแซ่บแต่มากับแฟน 555555






บรรยากาศที่พักของชาวต่างชาติคู่นี้มากๆ เราเลยไปถ่ายรูปแปปๆ จากนั้นไปขึ้นเรือ เขาเรียกเรืออะไรไม่แน่ใจเป็นเรือสามชั้น เราไปนั่งชั้นสอง ส่วนใครอยากอาบแดดแนะนำชั้นสามเปรียบเสมือนชั้นดาดฟ้าแหละ เรากับน้องว่ายน้ำไม่เป็นทั้งคู่นะแต่มาทัวร์ดำน้ำ ฮ่า เป็นบ้า 



บนเรือมีผลไม้ น้ำเปล่า กาแฟ ไมโล ขนมถัง ให้กินฟรี ราคา 500 นี้รวมค่าข้าวมื้อเที่ยง





จุดดำน้ำที่ 1 เรียกว่า อ่าวฉลาม  
จุดนี้คลื่นค่อนข้างแรง ฝรั่งน้อยใหญ่ จีน เกาหลี โดดน้ำตุ้มๆสนุกสนานนน น่าสนุกจังวะ ไกด์เดินมาถามว่าลงไหมาบอกลุงว่าว่ายน้ำไม่เป็น ลุงไกด์ใจดีมากจะพาลง แต่ลุงบอกจุดนี้ปะการังตายเกือบหมดแล้ว แต่อาจจะเห็นฉลามซึ่งเป็นฉลามที่ไม่ทำร้ายคนนะคะ แต่เราตัดสินใจลงจุดหน้า จุดนี้ขอถ่ายรูปวิวเพลินๆก่อน 






จุดดำน้ำ 2 3 อ่าวลึก อ่าวหินวง 
เรากับน้องลงไปดำน้ำใส่ชูชีพพร้อมอุปกรณ์ดำน้ำเรียก โดยมีห่วงยางให้จับและลอยตามลุงไป ณ จุดนั้นก็สงสารลุงที่ต้องมาลำบากด้วยแต่ลุงบอกว่าไม่เป็นไรลงเลย จะได้คุ้ม มันสวยมากจริงๆ มีปลาหลากสี ปะการัง ดอกไม้ทะเล สวยมากกกก ฟินไปนานค่ะ ดำอยู่หลายจุด แต่ละจุดใช้เวลาจุดละ 30 นาที

เที่ยงพักทานข้าว เป็นไข่ดาวและไก่กระเทียม อร่อยหรือหิวไม่สามารถแยกได้จริง หลังจากนั้นดำน้ำจุดที่ 4 ต่อ คืออ่าวม่วง 
ถึงจุดสุดท้ายเรือก็แล่นไปยังเกาะนางยวน





สวยอีกแล้ว หัวใจจะวาย มีทะเลแหวกด้วย เขาปล่อยลงที่นี้ 2 ชม จะเดินตามไกด์หรือเดินเองก็ได้ เราเดินขึ้นไปจุดชมวิว 



สูงมากหอบเลย คนเยอะมากๆ ลุงไกด์ใจดีบอกให้เดินลัดไปในป่าที่ไม่ใช่บันได เราเลยเดินไปถึงเร็ว เราค่อนข้างเตี้ยกว่าฝรั่งมากจึงได้รูปไม่ค่อยฟินมาก ซึ่งความจริงเเล้วเราถ่ายไม่สวยเองอย่าโทษใครเลย ฮ่าๆ เเล้วก็เดินเตาะแตะลง หันหลังมาอีกที น้องตูหาย  สุดท้ายไปเจอกันข้างล่าง เราปีนลงบันไดทางเดินไปโขดหิน คือตรงนั้นมันสวยเราอยากเดินไปใกล้ๆ 





เดินเล่นน้ำเล่นทราย จนจะหมดเวลาก็ขึ้นเรือกลับหน้าเขียวหน้าเเดง ฮ่าา


หลังจากถึงที่พัก เราอาบน้ำ ลงมากินข้าว
เป็นร้านอาหารริมทะเล ราคาสมเหตุสมผล บรรยากาศดี อิอิ
มีฝรั่งเล่นน้ำเป็นวิวที่อิ่มเอมใจกว่าข้าวซะอีก เฮ้อ อิ่มจังงง 555555555





เรานั่งเล่นต่อสักพักแล้วขึ้นห้องนอน หลับอย่างรวดเร็ว
ก่อนนอนเราก็ต้องหาเรือไปสมุยต่อ เพราะเรามาเกาะเต่าแค่วันเดียวว ยังไม่ฟินถึงขีดสุดเลยต้องกลับซะแล้ว โทรไปเรือไหนๆก็เต็มม
ตอนแรกกะจะเที่ยวเกาะเต่าก่อนแล้วช่วงเย็นหรือบ่ายถึงจะข้ามไปสมุย  มีแค่เรือเฟอรี่ของซีทรานที่เหลืออยู่ เวลา 06.00 ซะงั้น ราคา 700 ซะด้วย
เราต้องหารถไปท่าเรืออีกแปลว่าต้องเพิ่มค่ารถเข้าไปอีก รถฟรีบังกะโลก็สายๆถึงจะออก
นึกขึ้นได้ตัดสินใจโทรหาพี่แท็กซี่ 5555555555
แล้วก็ช่วยได้จริงๆพี่เขาหาเรือให้พร้อมมารับไปส่งในราคา 600 บาท





ตั๋วเรือเกาะเต่า - สมุย



เบอร์เเท็กซี่ค่ะ


ในจุดนี้ไม่รู้ถูกแพง กลัวไม่มีเรือข้ามฟากไป โอเคค่า คืนนั้นเราก็หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์
เช้าวันต่อมา มุ่งใหน้าสู่ Full moon party

ที่พักเกาะเต่าเราพักที่ Bubble Bungalow สถานที่ตั้งเราค่อนข้างโอเค แต่ห้องมีปลั๊กแค่รูเดียว อาจจะเป็นแค่ห้องเราหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจค่ะ
เราอยู่ห้องราคา 650 บาท






วันที่ 3 Full moon Day

เราออกเดินทางจากที่พักเวลาตีห้าครึ่ง เช็คอินขึ้นเรือ เวลา 06.30
พี่แท็กซี่บอกว่าคนจะเยอะ ถ้าออฟฟิตที่เช็คอินเปิดให้เดินไปเช็คอินเลย แล้วคนก็เยอะจริง
เรารีบเช็คอินแล้วเดินขึ้นเรือไป เรือลำใหญ่มาก ค่อนข้างขับโต้คลื่นอย่างรุนแรง 5555
เสียวลำไส้มาก ความรู้สึกเหมือนขึ้นรถไฟเหาะ ใจที่วูปๆๆๆตลอด จนกระทั้งถึงสมุยค่ะ
เราลงที่ท่าเรือบางรักถึงประมาณเก้าโมงเช้า
(ขอ อภัยจริงๆที่ต้องประมาณเวลา เพราะว่าเราไม่ได้ดูเวลาแน่นอนเป๊ะๆมา)
เราพักที่โรงแรมสมุย เมอร์เมด











ซึ่งโดยส่วนตัวชอบมากไม่ใช่เพราะอะไร เพราะพนักงานเขาดีกับเรามากๆ ช่วยเหลือเราทุกอย่าง จองโน้นนี้นั่นให้เราหมด พูดจาเพราะ ตลก ขำขันกัน
โรงแรมนี้มีสองฝั่งนะมีฝั่งสวนกับฝั่งทะเลมีเหมือนกันหมดทุกอย่างแต่ก็ตามชื่อฝั่งทะเลก็ติดทะเลค่ะ ฝั่งสวนจะเป็นอีกฝั่งซึ่งจะต้องข้ามถนนมานะ แต่ก็มีร้านอาหารและสระว่ายน้ำของโรงแรมทั้งสองที่
รู้สึกว่าร้านอาหารฝั่งสวนจะถูกกว่านิดหน่อยด้วย
แต่ถ้าเราพักฝั่งสวนแล้วอยากไปว่ายน้ำหรือกินข้าวฝั่งริมทะเลก็ได้ค่ะ ไม่ว่ากัน
เช็คอินได้ตอนบ่ายโมง เราฝากกระเป๋าไว้ แล้วไปนั่งทานข้าวที่ร้านอาหารโรงแรม บรรยากาศดีค่ะ
ฝั่งติดทะเล ตรงหาดจะมีชิ่งช้าห้อยไว้อยู่สองอันที่ชายหาดพอดี
เราก็เล่นชิงช้า เล่นทราย ไปเรื่อย สบายๆ ไม่เร่งรีบ 555 สักพักเราเดินไปที่โรงแรม
พี่เขาก็ให้เข้าก่อนเวลาได้เพราะว่าห้องว่างและทำความสะอาดเสร็จพอดี
ในห้องมีตู้เย็น ทีวี มีรูปลั๊กประมาณสามอัน เตียงเด้งมาก ไม่ได้ถ่ายรูปในห้องมา เสียใจ ฮือ
เราวิ่งอยู่ตามชายหาดและสระว่ายน้ำของโรงแรม







จากนั้นเรากับน้องก็เดินหาเรือเพื่อไปฟลูมูน เดินไปๆมาๆ เจอที่ถูกสุดก็จะเป็นเรือเฟอรี่ ราคาประมาณ 300 ซึ่งขายอยู่ที่ท่าเรือเลย แต่ตอนเราไปถามเขาบอกเต็มหมดแล้วเหลือเที่ยวเดียวคือบ่ายหนึ่ง ซึ่งเราคิดว่ามันเร็วไป และไม่มีเรือกลับต้องไปจองที่พงันเอง
เราเดินออกมาอีกนิดหน่อยเจออีกร้านเป็น speed boat  ไปกลับ 1000 บาท/คน เราโทรไปถามที่โรงแรมพี่ที่โรงแรมบอก 800 บาท/คน มีรถรับส่งไปท่าเรือ ไปกลับรอบไหนมีเรือรอตลอดคืนจนถึงเช้า เราจึงตัดสินใจไปกับโรงแรม



เราไปรอบ 20.00  ซึ่งอาจเร็วไปหน่อย อ่านๆมาเขาแนะนำช่วง 22.00 น ฮ่า เมื่อถึงเวลานัดหมาย เขานัดกี่ทุ่มเราจำไม่ได้ ฮ่า
เราก็รีบไป มีรถตู้โรงแรมไปส่งท่าเรือค่ะ
ตอนขาเราไปมีชาวต่างชาติสองคนเป็นผู้หญิง ไปรอบเดียวกัน
จากนั้นไปส่งที่ท่าเรือไปฟลูมูน พอถึงท่าเรือ เค้าจะให้ป้ายไว้เพื่อโชว์ตอนจะกลับ เราตื่นเต้นมากก 555555555555 ไม่รู้ทำไม
คือเราไม่เคยนั่ง speed boat  555 ขึ้นเรือกันหลายคนมากเขาให้ใส่ชูชีพทุกคนนะคะ ถ้าไม่ใส่เรือไม่ออก นั่งเบียดกันพอสมควร

ให้ทายว่าดีหรือไม่ดี หู้ยยยยยยย แค่นั่งเรือก็ฟินนแล้วเหอะ
ข้างหนึ่งเราเป็นน้องสาวเราอีกข้างเป็นชาวต่างชาติ ล่ำอะไรแบบนี้คะทูลหัว
ครั้งแรกที่เห็นชาวต่างชาติแบบใกล้และตัวติดกัน มันเบียดมากๆ เขาหันมาถามเรา Are you ok ? อันนี้ฟังรู้เรื่องศัทพ์ง่าย 555
เราก็ตอบไปว่า I’m ok และยิ้มเล็กๆ หล่ออออ
เรือออกเท่านั้นแหละ  คลื่นมาแรง(ตัวแทบเด้งออกนอกเรือขนาดเราไม่ได้ตัวเล็กนะ ใครตัวเล็กแนะนำว่าเกาะให้แน่น)
คล้ายรถตกหลุม แต่เราว่ามันสนุกดีนะ สภาพแบบลมตีหน้าพร้อมกับน้ำทะเลสาดใส่หนังหน้าบ้างอะไรบ้าง
ตูทำผมมาทำไมนะ ฮ่า แต่ก็ฟินเพราะคนข้างๆ ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ ฮ่า ละลายไปกับทะเลเลยจ้า


และเเล้วก็ถึงหาดริ้นสถานที่จัดงาน

เราก้าวขาขึ้นฝั่งรู้สึกใจเต้น ตึกๆๆๆๆ แบบนี้ใช่ไหมที่เขาพูดกัน ฮ่าๆ เราเดินเข้าไปในงาน เสียค่าเข้า 100 บาท
เคยอ่านมาว่ามีทางเข้าฟรี แต่เราไม่รู้ว่ามันอยู่ไหนเหมือนกัน เลยจ่ายไป ถือเป็นค่าบำรุงรักษาสถานที่
(เราไม่แน่ใจว่าช่วงเราไปมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นหรือมีอยู่แล้วนะ ตอนเราเข้ามีเครื่องสแกนตัวด้วย)

หลังจากนี้จะไม่ค่อยมีรูปเป็นเรื่องเป็นราวนะคะ เราไม่ได้เอากล้องไปและเราก็แถบไม่ได้หยิบมือถือมาถ่ายรูป



เดินเข้างานไปจะมีร้านเพ้นท์เต็มไปหมด เราถามพี่ที่เรือไว้ว่าที่ไหนคิดถูกสุด
พี่ที่เรือบอกว่าให้เลี้ยวซอยเเรกจะมีผู้ชายตัวเล็กๆอยู่รับเพ้นท์ราคาน่าจะถูกสุด แต่เราก็เลี้ยวเข้าร้านแรกทันทีไม่ได้ไปตามที่ถามไว้5555
เราไปซื้อสีที่เป็นขวดๆ ราคา 30 บาท เขามีพู่กันขายด้วย ราคา 40 บาท แต่เราไม่ได้ซื้อ เราเอานิ้วจุ่มเขียนเล่นเลย

ซื้อสีเสร็จแล้วเราเดินเข้าเซเว่นหาซื้อน้ำแข็ง เราเจอเขาขายถังน้ำเล็กๆด้วย 20 บาท เราเลยซื้อมาด้วยพร้อมกับน้ำเเข็ง 1 ถุง ราคา 10 บาท
เราซื้อแอลกอฮอล์มาจากสมุย เรากลัวที่นี้เเพง ตอนเราผสมแอลกอฮอล์เราเปิดขวดไม่เป็น น้องเราไปสกิดฝรั่งข้างๆให้เปิดให้ แต่เขาก็เปิดไม่ได้ เขามีน้ำใจสูงมาก โดยถือเข้าเซเว่นไปให้พนักงานเปิดให้ ฮ่าๆเราละเลงระบายตัวเล่น ป่วยมาก เราไม่มีศิลปะในตัวสักนิด 555 ลายออกมาค่อนข้างอัปลักษณ์



เราไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอะไรยังไง เดินตามเขาไปเรื่อยๆ ทางที่คนไหลไปเยอะๆ มีกลุ่มวัยรุ่นชาวต่างชาติเต็มไปหมด ละลานตา เดินไปจนถึงชายหาด





เราเดินไปดูแต่ละมุมๆ มีทั้งเล่นโดดเชือก ลอดเชือก 555 แต่เป็นเชือกที่มีไฟติด มีจุดที่คนยืนเต้น เลือกมุมตามสะดวกใจ
เราคิดว่ามันก็เป็นปาร์ตี้ริมหาดที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติ เรากับน้องยืนเต้นอย่างเมามันส์ไม่มีความเขินอายเพราะไม่มีใครรู้จัก
อยู่ดีๆ ไม่ว่าดี น้องเราเต้นไปเหยียบเท้าคนอื่นเข้า ขอโทษขอโพยกันไป ไม่รู้เขาด่าหรือบอกไม่เป็นไร ไม่ค่อยจะได้ยินอะไรเลย
เต้นต่อไปสักพักมีฝรั่งใส่หน้ากากมาจับเราหมุนเป็นเต้นระบำซะงั้น ยังไม่จบบบ
อยู่ๆมีฝรั่งกระโดดเด้งๆมาใส่น้องเรา เรากับน้องวิ่งหนี ฝรั่งก็เด้งตามๆๆน้องเราก็หนีๆๆๆๆ จนเขาหยุดตาม 5555
เป็นภาพที่ประทับใจดีค่ะ

จากนั้นเราไปเข้าห้องน้ำ ค่าเข้า 15 บาทต่อคน







เราสองคนนั่งพักเหนื่อยที่เเถวร้านค้าหน้าห้องน้ำ เราสังเกตเห็นฝรั่งนั่งก้มหน้าหลับหรืออ้วกอะไรสักอย่าง แล้วมีเพื่อนผู้ชายคนนึงพยายามปลุก
เราจำได้ว่าน้องพกยาหม่องมา เราเลยสกิดให้น้องเอาไปให้เขาดม 
คุยไปมา ได้ความว่า 'ช่วยยกเพื่อนเขาไปนอนที' เรากับน้องแบกขาคนละขา ส่วนอีกคนแบกหัว แบกๆขึ้นไปพิงร้านค้าร้านหนึ่งคล้ายมินิมาร์ท 
เพื่อนฝรั่งเทน้ำใส่หัวคนเมา น้ำนองเต็มพื้น เอิ่ม คือ - -  ไม่เห็นปลั๊กหรอ ไฟจะช็อตนะ เราเอามือไปจับสายไฟด้วยความโง่ 55 ไฟดูดสิ รอไร เรากระตุกมือออกได้ เราก็บอกเขา ไฟดูดๆๆๆ เขาดึงปลั๊กออก เจ้าของจะด่า เราไปห้ามไว้บอกเขาว่าไฟดูดค่ะพี่ๆ 5555 ฮืออออ ท่ามกลางความสนุกสนาน ตูแบกฝรั่ง ย้ายไปนอนอีกฝั่ง สักพักมีฝรั่งอีกสองคนเดินมาถาม เป็นไรๆ 
จากนั้น &@฿!?;ยิ้ม&@! ฝรั่งคุยกันค่ะ พร้อมกับยื่นถังแอลกอฮอล์ ขวดเบียร์ ต่างๆนาๆให้เราถือ เเล้วยกคนเมาไปที่ชายหาด
ยกกไปเพื่อใครรร วุ่นวายกว่าเดิม ท่ามกลางความสนุกสนาม ยกมาเพื่อใครร เเต่เราก็ไม่ได้พูดไรค่ะ ถือขวดวิ่งตามเขาอย่าง งงๆเบลอๆ
ยกมาทำไม ฉันงงเหลือเกินค่ะคุณพี่ขา พอวางลง เขาคว้า ขวดเบียร์ ไปดื่มต่อ เราพยายามคุยกับเขาสักพักได้ความว่าอยากกลับโรงแรม 
ริมหาดมีเรือจะขึ้นกลับ เราถามราคาให้ 3000 ไม่มีเงินค่ะ ไปไม่ได้ เราสังเกตเห็นป้ายที่คอเขาเอาไว้ใช้ขึ้นเรือไปกลับของบริษัทหรือโรงแรมที่มาด้วย เราโทรไปที่เบอร์ที่ติดอยู่ได้ความมาว่า ให้พากลับไปท่าเรือที่ลงตอนแรก พยายามเสวนาด้วยแต่เขาไม่เข้าใจ 
ณ จุดนี้เหนื่อยเหลือเกิน นี้ตูมาเที่ยวหรือมาเป็นอาสาสมัครดูเเลคนเมา สักพักฝรั่งคุยกัน บลาๆ หันมายกเบียร์ให้เราถือแล้วเเบกกันกลับไปที่เดิม เอิ่ม เล่นไรกันวะ เเล้วนี้เห็นตูรับจ๊อบแบกขวดหรอ ฮ่าา ตูก็ถือขวดเดินตามค่ะ โชคดีมีลุงคนนึงน่าจะเป็นเจ้าหน้าอะไรสักอย่าง เราอธิบายให้เขาฟัง เขาเลยแปลและคุยด้วยกับฝรั่ง 555 จนเข้าใจและได้ช่วยกันพยุงไปท่าเรือ เดินไปครึ่งทาง หยุดเดินเหมือนหาของค่ะ ป้ายขึ้นเรือไปไหนๆ เรากับน้องมองหน้ากัน. เอิ่ม คือ เมื่อกี้เก็บป้ายเพื่อนใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองไง - - เอิ่มม 
เขาล้วงกระเป๋าดูแล้วก็เห็นป้าย แล้วพยุงกันเดินต่อค่ะ เพื่อนคนเมาคุยกับน้องเรามาตลอดทาง จนถึงท่าเรือ สุดท้ายเหมือนคนเมารู้สึกตัวแล้ว เขาก็ขอบคุณนะที่ช่วย เพื่อนฝรั่งถามมีอะไรไว้ให้ติดต่อไหม หู้ยยเหมือนจะไม่นกก แต่ถามน้องเราค่ะ ไม่ใช่ตู แหมม 55555 
เเล้วตูละ ได้แต่ถามตัวเองตูพลาดตรงไหน ไม่ต้องตอบเรานะ เราไม่อยากรู้ 

ด้วยความอ่อนแรงงงตูกลับดีกว่า น้ำตาตกใน ได้ข่าวว่าใครมาได้กลับทุกคน เว้นตูสินะที่มาวันนี้ มาเป็นอาสาสมัครแบกขวดค่า
เราไปต่อแถวขึ้นเรือกลับ ไร้วี่เเววหนุ่มที่นั่งข้างกายให้ตูฟินก่อนกลับหน่อยก็ไม่ได้นะ 
ขึ้นเรือกลับคลื่นซัดรุนแรงน้ำทะเลกระเด็นเข้าปากเข้าหูกันไป แต่จริงๆสนุกนะเหมือนเล่นรถไฟเหาะนั่นแหละ 
จิตใจเราตอนนี้ไม่กระชุ่มกระชวยเอาซะเลย 5555 บายย

วันที่ 3 ขี่รถรอบเกาะสมุย

เช่ารถกับทางโรงเเรม 250 บาท ไม่มีค่าประกันอะไรแต่อย่างใด เติมน้ำมันอีก 70 บาท โดยประมาณ













วันที่สี่กำลังจะจบลงแต่ ฝรั่งที่เรากับน้องช่วยเขาทักน้องสาวเรามาบอกว่าอยากจะเจอ คงอยากขอบคุณที่พวกเราช่วยเขาไว้นะแหละ
เขานัดเราไปที่ reggae pub เราสองคนตัดสินใจไปค่ะ ไปเรียนภาษาอังกฤษกันเถอะ 
ไปถึงร้านนั่งคุยกันเขาก็ขอบคุณที่ช่วยเขาไว้ เราพูดคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง บางครั้งก็พิมพ์ผ่านโน๊ตของโทรศัทพ์ 5555
นั่งในร้านสักพัก ก็ชวนกันออกไปนั่งริมคลอง (ไม่รู้เรียกคลองหรืออะไร) คุยกันต่อค่ะ เขาไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวอะไรเลย 
คำถามจะประมาณว่า งานอดิเรกอะไร ชอบเเมวไหม ความฝันของเราคืออะไร จะเป็นเรื่องรอบๆตัวซะมากกว่า 
เเละก็เล่นเป่ายิ้งฉุบใครแพ้โดนตีมือ ไม่เคยรู้ว่าฝรั่งจะรู้จักเกมนี้ 555555
มันดีมากนะสำหรับเรา ปกติเราจะไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษเท่าไหร่เลย กลัวเพื่อนจะหัวเราะ 55555
แต่พอมาคุยกับชาวต่างชาติกลับรู้สึกมีความกล้าขึ้นมา มีความรู้สึกสนุกเวลาใช้ภาษาไม่อายเลย 
จะพูดถูกผิดเขาไม่เคยเเม้แต่จะหัวเราะถ้าเราพูดผิด
มีแต่พยายามเข้าใจ 
นี้แหละข้อคิดที่เราได้จากการไปเที่ยวครั้งนี้ อย่าอายที่จะพูด 
แต่ก็ไม่ได้เก่งขึ้นอะไรหรอก แค่เหมือนทำลายกำแพงอะไรบางอย่างไปเท่านั้นเอง

เวลาล่วงเลยไป ดึกมากเเล้วประมาณตีหนึ่งกว่า เรากับน้องขอตัวกลับ 

รู้สึกโอเคนะ เหมือนได้เพื่อนเพิ่มขึ้นมา เเละเราคิดว่าเขาคงมองว่า คนไทยใจดีแน่นอน  

วันที่สี่จบลงอย่างสวยงามค่า

วันที่ 5 กลับบ้านนนนนน



วันนี้ไม่ต้องพูดอะไรมาก ก็เดินทางกลับค่ะ เรานั่งเรือจากสมุยไปสุราษฎร์ธานีขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพเเละต่อรถทัวร์นครชัยแอร์กลับขอนแก่นส่วนน้องเราต่อรถไปสารคาม 

ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย เหลือทุกอย่างไว้เป็นความทรงจำดีๆ ถึงฟลูมูนจะนกแต่ก็มีมิตรภาพดีๆเกิดขึ้นในรูปแบบเพื่อน 5555 บายยย จบ 
ตูบายใคร จะมีคนอ่านไหม ช่างงงงเถอะ 

บันทึกการเดินทาง วันที่ 16 สิงหาคม 2559 - 20 สิงหาคม 2559 

ขอบคุณใครก็ตามที่ติดตามนะคะ ^^

ที่มา Pantip