รีวิว ไปกาญ...ไปกันเถอะ ทริปสายฝนโปรยปราย 2 วัน 1 คืน @ The For Rest Resort


Hello Everybody ทริปนี้เราจะพาไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี แล้วไปนอนแพที่ เดอะฟอร์ เรสท์ รีสอร์ทกัน
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ

ทริปนี้เป็นทริปที่วางแผนล่วงหน้าประมาณสัก 1 วัน อิอิ พูดเหมือนนาน Facepalm
โดยจองผ่าน Line ID : @theforrest สอบถามกับที่พักว่ายังมีห้องพักว่างอยู่หรือเปล่าค่ะ สรุปว่ายังมีห้องพักว่างจ้าาาา 
ที่พักของ The For Rest Resort 2 วัน 1 คืน จันทร์ - ศุกร์ ราคาคนละ 1,000 บาท ส่วนเสาร์ - อาทิตย์ ราคาคนละ 1,200 บาท
ราคานี้รวมที่พัก + อาหารเช้า + อาหารเย็นแบบบุฟเฟ่ต์ไว้แล้วนะ ราคานี้เราถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ เลยกับบรรยากาศและบริการที่ดี
จะมัวชักช้าอยู่ทำไม......รีบเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเตรียมไปกันเลย
ทริปนี้จองที่พักวันเสาร์ที่ผ่านมา และออกเดินทางวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันเกิดของเราเอง เย้ เย้ เพี้ยนออกทริป
สมาชิกผู้ร่วมเดินทางมีด้วยกัน 4 คน กับลูกรักคู่ใจ Fuji XA2 


เริ่มออกเดินทางกันเลยยยย Let's go!!
:: วันอาทิตย์ :: 
จุดเริ่มต้นของเราออกเดินทางจากสมุทรปราการ ประมาณ 6 โมงครึ่ง มุ่งหน้าสู่กาญนะจ๊ะบุรี เอ้ยไม่ใช่ กาญจนบุรี มุขนี้มันต้องมาอมยิ้ม07
ถึงตัวเมืองกาญจนบุรีประมาณ 9 โมง
จุดหมายปลายทางที่แรกที่เราจะไปกันนั้น แท่นแท๊นแทน " วัดถ้ำเสือ "
เส้นทางการเดินนั้นเปิด Google Maps เอาเลยค่ะ เราใช้ตลอดการเดินทางเลยเพราะไปไหนไม่ถูกเหมือนกัน แฮร่~~~


ถึงแล้ว วัดถ้ำเสือ


ด้านล่างของวัดมีบริการกระเช้าลอยฟ้าหรือจะเรียกว่ารถดีล่ะ มันคืออะไรเราก็เรียกไม่ค่อยถูกเนอะ
ค่าบริการขึ้น-ลง 10 บาท สำหรับขึ้นไปชมความสวยงามของวัด
เราไปถึงเช้าพอสมควร คนอาจจะไม่เยอะมากนัก อากาศกำลังดีไม่ค่อยร้อนมาก




วิวด้านบนของวัด



บรรยายไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่น้าาาาา อาศัยดูรูปไปนะฮ้ะท่านผู้ชม





มาชมบรรยากาศด้านหลังของวัดกันบ้างนะคะ มองไปจะเห็นภูเขาและทุ่งนาที่เขียวขจี 


สูดออกซิเจนให้เต็มปอด....ลมพัดเย็นสบาย


เห็นภูเขา ทุ่งนาสีเขียวแล้วสดชื่นนนนนนน 


มีนกอินทรีย์กับนกเงือกด้วยนะ เชื่องมากไม่บินหนีไปไหนเลย ฮ่า ๆ ไปหมดล่ะสมงสมองหยอกเย้า


มาต่อกันที่สถานีต่อไป มุ่งหน้าไปยัง ช่องเขาขาด พิพิธภัณฑ์สถานแห่งความทรงจำ ก่อนที่เราจะแวะเข้าไปยังที่พัก


ระยะการเดินทางจากวัดถ้ำเสือมายังช่องเขาขาดก็ใช้เวลาพอสมควร พึ่งพา GPS เช่นเคย
ระหว่างทางมีร้านขายเมล่อนญี่ปุ่นทั้งสองข้างทางเลย อย่าลืมอุดหนุนกันด้วยน้าาา แต่เราไม่ได้แวะซื้อ เป็นงั้นไป 555555
พิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดอยู่ในค่ายทหาร ก่อนเข้าไปต้องแลกบัตรด้วยนะ


ทางลงไปด้านล่าง สวยงามดูเหมือนจะไม่เมื่อยขาเลย แต่อย่าเพิ่งดีใจไปไว้กลับแล้วจะรู้เอง
เรานี่ปวดน่องไปหมด เนื่องจากขากลับเดินขึ้นทางลำบากเอง เฮือกกกก....ทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยเลย หรือว่าแก่แล้วก็ไม่รู้ อมยิ้ม11


พอลงไปถึงข้างล่างแล้ว ระหว่างทางเป็นหินกรวด ซึ่งถ้าใครมาแล้วใส่รองเท้าแตะมาอาจจะเจ็บเท้าเอานะคะ 
ส่วนเรานี่สายลุย ใส่รองเท้าผ้าใบมาเลย
ระยะทางเดินไป-กลับ ไกลพอควรเลยนะคะ ทางที่ดีควรจะพกขวดน้ำมาดื่มระหว่างทาง พกพัดหรือพัดลมพกพามากันด้วยนะ
ตอนเราไปลมนี่ไม่พัดเลย ร้อนสุด ๆ น้ำก็ไม่ได้พกไป เหนื่อยแฮก ๆ เลย




อีกนิดจะถึงช่องเขาขาดแล้ว แต่เรานี่ใจจะขาดแล้ว เดินเหนื่อยเหลือเกิน คอแห้งหิวน้ำด้วยแต่ต้องทนค่ะ นาน ๆจะมีคนพามาเที่ยวสักที
ในที่สุดก็ถึงสักที โอ้ววววววว...................





เราเดินไปเรื่อย ๆ จนสุดทางแล้วก็ย้อนกลับเอาค่ะ ระหว่างทางก็ชมต้นมงต้นไม้ ป่าเขาไป
ระหว่างทางนี่ไม่มีใครเดินเลย มีกันอยู่ 4 คน เราก็คิดในใจนะว่านี่เดินผิดเส้นทางป่ะวะ 5555555




มองนาฬิกาก็เกือบ ๆ จะเที่ยงครึ่งล่ะ เลยเดินทางออกจากช่องเขาขาด เพื่อเข้าที่พัก เผื่อเวลาขับรถมายังที่พักน่าจะบ่ายสองเช็คอินพอดี
แผนที่พักของเรา The For Rest Resort


ในที่สุดก็ถึงแล้ว The For Rest Resort เปิด GPS สองสามเครื่องนี่บอกไม่ตรงกันสักเครื่อง เค้ามีแผนที่มาให้ก็ไม่ดูกันเองเนอะ อมยิ้ม20
ด้านหน้าลานจอดรถของรีสอร์ท โล่งไปสักนิดนึงเรามาวันอาทิตย์คนเลยไม่เยอะ แต่ก็ไม่เงียบเหงาจนเกินไป


มีบริการเช่าชุดว่ายน้ำด้วยนะคะ สำหรับคนที่อยากเล่นสระน้ำของทางรีสอร์ท 


สระว่ายน้ำอยู่ตรงทางเข้าก่อนลงมายังล๊อบบี้เลยค่ะ เข้ามาก็เจอเลย
สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะคะ เราเรียกสระยาว กับ สระกลม ง่าย ๆ เลย 55555555





สระด้านในเหมือนจะใหญ่กว่า



มีศาลาให้นั่งเล่นข้างสระว่ายน้ำ ภายในศาลามีไฟกับพัดลมให้เปิดเอง
เราแนะนำไม่ควรมานั่งเล่นตอนเย็น ๆ แบบเรานะ เดี๋ยวจะเป็นไข้เลือดออก
คือยุงตัวใหญ่มากกกกกกกกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว เราไม่เคยเห็นตัวใหญ่เท่านี้ไงเลยแตกตื่นนิดนุง ฮี่ฮี่


ด้านล่างเป็นล๊อบบี้ที่เราต้องลงไปเช็คอินเข้าห้องพักกัน


ลงตามเรามาเลยยยยยยยยยยย


เรามาถึงที่พักประมาณบ่ายโมง เลยต้องรอเช็คอินหน้าล๊อบบี้ตอนบ่ายสอง
ระหว่างที่รอนั้นสายฝนตกมาโปรยปราย เย็นชุ่มช่ำกันเลยทีเดียว
ช่วงเวลาอาหารเช้ากับอาหารเย็นนะคะ มาไม่ทันนี่ไม่เหลืออะไรให้ทานไม่รู้ด้วยน้าาาาา


ได้ฤกษ์ดีแล้วจ้า ถึงเวลาบ่ายสองสักที อยากเข้าห้องไปอาบน้ำมาก
พี่ที่อยู่หน้าล๊อบบี้คนนี้ บริการดีมากค่ะ ยิ้มแย้มแจ่มใส 


หมายเลขที่ออก ...............


เราจองไว้สองห้อง ก่อนรับกุญแจห้อง พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็จะบอกรายละเอียดว่าเราจะต้องมาล่องแพประมาณกี่โมง
ของเราได้รอบ 4 โมงเย็น พนักงานบอกให้มารอก่อนสัก 5 นาทีก่อนแพจะออก
เข้าห้องไปพักกันก่อนดีกว่าเนอะ ห้องพักแบ่งออกเป็นสองฝั่งนะคะ ของเราได้ฝั่งขวา




ภายในห้องพักไม่มี ตู้เย็น ทีวีและ WIFI นะคะ
หน้าห้องมีเปลทุกห้อง ถือว่าโรแมนติกเลยถ้ามากับแฟน แต่พอดีแฟนเราเป็นคนไม่ค่อยโรแมนติกเท่าไหร่ อันนี้ต้องทำใจไป เม่าเหม่อ






เข้าห้องมาถึงก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอเวลาไปล่องแพชมบรรยากาศสองฟากฝั่ง ชิล ๆ 
นี่เป็นแพที่จะพาเราไป ตอนไปนี่ไม่ได้เอากล้องไปถ่ายทอดบรรยากาศตอนล่องเลย มาถ่ายเอาก่อนจะเช็คเอ้าท์ออก Facepalm


พนักงานที่ดูแลบนแพดูแลดีมาก ตั้งแต่ใส่เสื้อชูชีพให้เลย เราต้องใส่เสื้อชูชีพแน่นมาก บางทีก็แน่นไปเรานี่หายใจแทบไม่ออก
แพจะล่องพาเราไปเรื่อย ๆ แล้วปล่อยให้เราลงเล่นน้ำ ระหว่างที่ลงเล่นน้ำก็จะมีพนักงานคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
ลอยแช่น้ำเย็น ๆ ชื่นช่ำ ระหว่างทางกระแสน้ำบางช่วงก็แรง บางช่วงก็ต้องอาศัยว่ายเอา
แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ใครไม่ไหวมีพนักงานคอยช่วยเหลือพาเรากลับที่พักเอง
ลอยจนมาถึงที่พัก แวะเล่นสไลด์เดอร์สักหน่อย

จากนั้นกลับเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ารอไปทานอาหารเย็น กับข้าวเป็นบุฟเฟ่ต์รวมอยู่ในค่าพักแล้ว ใครไม่อิ่มนี่ตักได้เรื่อย ๆ เลยค่ะ

ถาดที่หมดไปนี่เป็นปลานึ่งนะคะ ส่วนตัวแล้วคิดว่ารสชาติอาหารพอใช้ได้เลย แต่เราชอบผัดผักสุดแล้ว

ไก่ทอดนี่แอบเหนียวไปสักนิด



มีของหวานด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายมา ของหวานก็จะมี เฉาก๊วย ลูกชิด และมัน
บรรยากาศยามค่ำคืน ทานข้าวไปฟังเพลงชิล ๆ


อิ่มแล้ว เข้าที่พักนอนพักผ่อน มีสังสรรค์นิดนึง พรุ่งนี้ค่อยไปต่อ

:: วันจันทร์ ::

ตื่นมาเกือบไม่ทันอาหารเช้า ไม่ได้ถ่ายอะไรไว้เลย
รายการอาหารเช้าเป็นแบบ American Breakfast มีพวกไข่ดาว แฮม ไส้กรอก แพนเค้ก ขนมปังไม่รู้มีอะไรนอกเหนือจากนี้มั้ย
เพราะตอนเราไปเหลือแค่นี้ แงแง ร้องไห้
มีกาแฟ โอวัลติน  และก็สับปะรดด้วย

กลับห้องเก็บของเช็คเอ้าท์กันดีกว่า สถานีต่อไปอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
จากที่พักมุ่งหน้าตรงอย่างเดียวเลยค่ะ

ระหว่างทางขึ้นเขานี่ไม่มีรถสวนมาสักคันเลยค่ะ อ้างว้างมากกกกกกก
เส้นทางคดเคี้ยวซะเหลือเกิน โค้งเยอะมาก นั่งไปนี่อ้วกแทบพุ่ง
ในที่สุดเราก็ถึง ถึงแค่จุดชมวิวค่ะ 555555 เนื่องจากไปไม่ไหวละ เรากับเพื่อนกลัวความสูง กลัวหน้าผาด้วยจ้าาาาาาาาา




มาดูบรรยากาศอีกฝั่งกันบ้าง

ฝนเหมือนจะตกแล้ว เรารีบลงมาก่อนดีกว่า
พอลงเขาปุ๊บ รถเกิดเสียขึ้นมา ดีนะที่มันไม่เสียตอนอยู่บนเขา ถือว่าโชคดีไป
เจอชาวบ้านแถวนั้นใจดี รู้จักช่างซ่อมพอดีเลยอาสาไปตามให้ คนไทยนี่ใจดีที่สุดในโลกแล้วนะฮ้าาาาาา อมยิ้ม22
ตลอดทางกลับฝนตกกระหน่ำตลอดเลย ระหว่างทางเราแวะทานข้าวที่น้ำผุร้อนหินดาด
ก่อนกลับบ้านแอบแวะคาเฟ่น่ารัก ๆ ในเมืองกาญจนบุรี ใครไม่มาเราถือว่าพลาดเลยนะ
ร้าน Library Cafe อยู่ในซอยสิงคโปร์
บรรยากาศภายนอก เราว่าร้านตกแต่งออกมาได้สวยดี ดูหรู ดูแพงอ่ะ แต่ราคาอาหาร ขนม เครื่องดื่มไม่แพงเลย

เข้ามาดูด้านในกันบ้าง



พอเลือกที่นั่งได้ปุ๊บ พนักงานก็วางเมนูปั๊บ 
เราเลือกสั่งบิงซูแคนตาลูปมากับน้ำแตงโม และก็น้ำส้มให้คนขับรถของเรา นางไม่ยอมลงมาด้วยกัน
ระหว่างรอพนักงานเอามาเสิร์ฟ เราก็นั่งถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ






ได้แย้วววววว
บิงซูแคนตาลูป อร่อยมาก ตัวบิงซูเป็นรสชาตินมไม่หวานมากเกินไป ราคาไม่แพงด้วยที่สำคัญ เพราะเรามาทางสาย-ซะมากกว่า 

น้ำส้มปั่น รสชาติออกไปทางหวานหน่อย ๆ

ราคารวมทั้งสิ้นที่สั่งมา 3 อย่าง หมดไป 300 บาท ราคานี้เราว่าไม่แพงเลยนะถ้าเทียบกับรสชาติและบริการ
สิ้นสุดการเดินทางแล้วววว มุ่งหน้ากลับบ้านเรา
ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวสถานที่เที่ยวต่าง ๆ ให้อีกนะคะ
ลาไปด้วยรูปเจ้าของกระทู้ อิอิ 
ไว้เจอกันใหม่น้าาาา Bye bye 

ที่มา Pantip