รีวิว ประจวบคีรีขันธ์ เมืองสามอ่าว และ ขึ้นเขา เข้าถ้ำ

ผมออกเดินทางไปประจวบฯด้วยรถไฟ (ฟรี) ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย ผมออกจากบ้านแถวสะพานสูงตอน ตี 5 เพื่อไปขึ้นรถไฟตอน 7 โมงเช้า รถไฟเป็นรถธรรมดา รับรองว่าจอดทุกสถานีแน่นอน ผมไปประจวบฯ ครั้งนี้ ผมจะไป ขึ้นเขา และ เข้าถ้ำ ครับ

พัก : 2คืน
การเดินทาง : ไป รถไฟ / กลับ รถตู้
อุปกรณ์บันทึกภาพ : Canon 60D / 18-135 f3.5-5.6 / 40 f2.8

ทันทีที่เสียง คึก คัก ของล้อเหล็กบดราง ลอยมาตามทาง เวลาและเงา ก็ตามผมออกห่างจากกรุงเทพฯไปทุกที สายลมปะทะผิวกายจากหน้าต่าง สายตาผมมองหาป้ายบอกว่า สถานีประจวบคีรีขันธ์  และแล้วไม่กี่อึดใจ แต่เป็นอึดใจที่ยาวนานเหลือเกิน ล้อเหล็กก็หยุดลงตรงจุดหมายที่รอคอย "เราได้เจอกันแล้วนะ ประจวบฯ " 











ผมมาถึงประจวบฯ ตอนบ่ายสอง เก้าแรกของผมเดินหาที่พักสำหรับคืนนี้ก่อน ผมเดินหาไม่นานครับ เป็นที่พักในตำนาน หลังจากได้ห้องพักแล้ว นั่งพัก อาบน้ำให้ร่างกายได้มีแรงขึ้นมาหน่อย จากนั้นผมมุ่งหน้าไปขึ้นเขาช่องกระจกครับ 





มองจากด้านล่าง ก็คิดว่าไม่เท่าไร เพราะทางก็เป็นบรรไดไปตลอดถึงยอด ไม่ชันมาก แต่เอาเข้าจริง ๆ ไปได้กลางทาง ผมอยากจะเดินกลับไปนอนที่ห้องพักต่อดีกว่า สิ่งแรกที่จะได้พบเมื่อเดินเข้ามาคือฝูงลิง ลิงเยอะมากๆ  ลิงพวกนี้ซนมากครับ ขอเตือนเลย อย่าพกของมีค่า กระเป๋าปิดให้สนิท เพราะไม่งั้น ลิงจะย้องมาข้างหลังขโมยไปได้



พอขึ้มมาถึงยอดเข้าช่องกระจกก็หายเหนื่อยครับ ควรเตรียมน้ำไปด้วยจะดีมากๆ  เพราะข้างบนเป็นวัด ไม่ของขาย สิ่งที่เห็นสิ่งแรก คือป้ายแสดงความยินดี ผู้พิชิตเขาช่องกระจกครับ













วิวด้านบน สามารถมองเห็นอ่าวประจวบฯ ได้ครบสามอ่าวเลยครับ ผมใช้เวลาอยู่บนเขาช่องกระจกจนเย็น คือจริงๆ ก็พักให้คุ้มเหนื่อยหน่อย แล้วก็เดินลงมา ได้เวลากินกันแล้วครับ 

แหล่งอาหารราคาไม่แพงวันนี้ ผมจะพาไปบริเวณหอนาฬิกาครับ เป็นตลาดของกินกลางคืน ราคาก็แบบ บ้านๆ เลยครับ ก็มีหลายอย่าง ตั้งแต่ตามสั่ง ผัดไทย หอยทอด ก๋วยเตียว เลือกได้ตามใจชอบเลย และที่สะดุดตาสุด คือร้าน หมึกไข่ย่างครับ คนซื้อไม่ขาดเลย แบบว่าเอาขึ้นจากกระทะ เทลงแผง ก็หมดเลย ของเด็ดร้านนี้ก็มี ไข่หมึกทอด และหมึกทอด แต่ก็ยังมีอื่นๆ อีกเยอะครับ กุ้ง หอย ทั้งทอดทั้งย่าง ที่สำคัญ ราคาไม่แผง 











หลังจากอิ่มแล้วก็เริ่มง่วงนอน เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน  ผมคิดว่าคืนนี้คงหลับแบบไม่รู้ตัวเลย

แต่ทริปนี่ยังไม่จบเพราะพรุ่งนี้ผมจะพาไปเข้าถ้ำกันครับ

เช้าวันที่สอง

ผมตื่นจากความเหมื่อยล้าตั่งแต่เช้ามืดเพื่อจะดูพระอาทิตย์ขึ้นที่อ่าวประจวบฯ และดูวิถีชีวิตของชาวประจวบยามเช้าครับ ผมมุ้งหน้าไปที่สะพานตั้งแต่เช้ามืด ในอ่าวจะเห็นแสงไฟสีเขียวจากเรือหาหมึก อยู่เต็มอ่าว ส่วนใหญ่เป็นเรือประมงขนาดเล็ก รอเวลาพระอาทิตย์ขึ้งก็จะกลับเข้าฝั่ง และที่สะพานปลาในตอนเช้า ชาวประจวบฯ ก็จะมาเดินออกกำลังกันในยามเช้า ดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน และจะได้ยินเสียงคำทักทายกันระหว่างพี่น้องชาวประจวบฯ  ตลอดเวลา







พอพระอาทิตย์ขึ้น เรือที่หาหมึกก็จะเข้าฝั่งมาพร้อมกับ หมึกน้อยใหญ่ เน้นแต่หมึกอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เอา หลากหลายชนิดครับ ก็จะมีพ่อค้ามารับซื้อกันตรงริมหาดกันเลย 







เริ่มสายแล้ว ท้องก็เริ่มหิว ผมมุ้งหน้าไปที่ตลาดเช้าประจวบฯ ครับ ที่ตลาดเช้า ก็จะมีตั่งแต่ของสด ของแห้ง มากมายสามารถแวะหาซื้อของฝากกันได้เลยครับที่ตลาดเช้า ราคาไม่แผง ไม่แน่หมึกที่เห็นที่ริมหาดอาจจะมานอนอยู่ในตลาดแล้วก็เป็นได้ ผมหาของทานที่ตลาด เรียบร้อยแล้วหาอาหารมื้อกลางวันที่นี้เลย เพราะวันนี้ผมจะไปเข้าถ้ำครับ  สิ่งแรกที่ผมเดินหาก็คือจักยาน









พาหนะที่จะพาผมไปยังวัดอ่าวน้อย ร้านเช่าจักยานก็หาได้จากถนนริมหาด มีหลายร้านครับ เมื่อได้จักยาน พร้อมสเบียงแล้ว ก็ปั่นไปวัดอ่าวน้อยกัน ระยะทาง ประมาณ 7 กิโล ปั่นกันไปเลื้อยๆครับ  ดูนก ดูไม้กันไป ไม่นานก็ถึงครับ วัดอ่าวน้อย ผมมุ่งหน้าไปทางขึ้นถ้ำในวัด ที่ด้านล่างบริเวณทางขึ้นถ้ำ ก็จะมีเรือหาหมึกจอดอยู่มากมายครับในอ่าวน้อย







ทางขึ้นก็เป็นบรรได เดินสดวก ไม่ชัน มีศาลาให้นั่งพักเป็นระยะ ผมก็นั่งพักครบทุกศาลาเลย ทั้งขึ้นและลง 555 เดินมาไปอีกไม่กี่อึดใจครับ ก็จะมาถึงปากถ้ำ 









มาถึงตรงนี้ผมบอกเลยครับ ควรเตรียมเหรีญ 10 มาเยอะๆ ย้ำ ว่าเหรียญ 10 บาท อย่างเดียว ด้วย มีประโยชน์ยังไง ภายในถ้ำ ค้อนข้างมืดครับ ไม่มีไฟ ทางปากถ้ำจะมีตู้หยอดเหรียญเพื่อเปิดไปในถ้ำ 10 บาท ได้ 10 นาที ในกระเป๋า ผมมีเหรียญเยอะมากครับ แต่ดันมีเหรียญ 10 บาท แค่เหรียญ เดียว ทำยังดีละ  คิด.... รอนักท่องเที่ยวมาก่อน แล้วอาศัยเค้าไปด้วย แล้วก็ รอ.... ไม่มีใครโผล่มาเลย สักคน ผมตัดสินใจ 10 บาท ก็ 10 บาท ทันทีที่เหรียญ 10 บาทหลุดไปจากปลายนิ้วมือของผม  หน้าจอที่ตู้ก็ขึ้น เลข 10 เวลาอันมีค่า เริ่มเดินแล้ว 10บาทของผมได้ให้แสงสว่าง นำทางแก่ผมแล้ว ผมรีบคว้าไฟฉาย ที่ทางวัดมีให้ยืนติดไปด้วย





เดินเข้ามาในถ้ำ ที่มืด และเย็น ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่คิดจะเจอ ก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า หมาน้อยสองตัว สีดำ วิ่งทะลุความมืด ออกมา พร้อมกับกระดิกหาง แสดงความเป็นมิตรอย่างเต็มที่ ย้ำนะครับว่าเป็นมิตรมาก  ผมหยุดมอง ด้วยความ งง อะไร หลายๆ อย่าง หนึ่งในความคิดตอนนั้น คิดว่ามาได้ยังไง พอสิ้นความคิดเหล่านั้นก็นึกได้ว่า ผมมีเวลา แค่สิบนาที  ผมเลยหยิบ แซนวิช ใส่เบคอน แบ่งให้ สหายสองตัวได้กิน หลังจากนั้นสหายสองตัวก็เดินไปเป็นเพื่อนในถ้ำ จุดแรกที่เห็น คือพระนอนององค์ใหญ่ สงบนิ่งอยู่ภายในถ้ำ เดินเข้ามาอีก ก็จะเจอพระนอนอีกองค์ แต่องค์นี้ จะเล็กลงมาหน่อย ก็ใช้เวลาชื้นชมความงาน ได้ไม่นานก็เดินกลับออกมา สหายสองตัว ก็จะวิ่งนำทางไปยังทางออก ที่ปากถ้ำ ผมเดิน จากสหาย 2 ตัว มา ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รู่จักชื่อกันเลย จนถึงด้านล่าง







ผมไปต่ออีกจุดนึงทางด้านหลังวัด จะมองเห็นเขาตาม่องล่าย อย่างชัดเจน และเรือประมงจำนวนมากที่จอดอยู่





ที่วัดอ่าวน้อย มีโบสถ์ที่สวยงามมาก สร้างจากไม้ทั้งหลัง





หลังจากชมความงามของวัดอ่าวน้อยแล้ว ผมก็ปั่นจักยานกับ ผมแวะนั่งเล่น และกินกลางวันที่อ่าวประจวบครับ จากตรงนั้นจะเห็นเกาะหลักชัดเจนเลย นั่งรับลมไปสัก ก็จะปั่นเอาจักยานไปคืน ระหว่างทางเกิดเป็น "ตะคริว" ขึ้นมา ที่น่องทั้งสองข้างเลย ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยนะครับ ระยะทางไปกลับ วัดอ่าวน้อย 14 กิโล ยังไม่รวมขึ้นเข้า ถ้าจะปั่นมาเที่ยว ต้องฟิตร่างกายดีนะครับ ผมนั่งพัก ยืดขา บีบ นวด ให้เลือดเดินได้สวดก ไม่นานอาการก็ดีขึ้น ผมมาคืนจักยาน และเข้าที่พัก ในตอนบ่าย อาบน้ำ และเผลอหลับไป ....................





ผมรู้สึกตัวอีกทีตอน 5 โมงเย็นครับ ไม่รู้ว่า เพราะ หิว หรืออะไร ?
ผมออกจากที่พัก มาดูวิถีชิวติยามเย็นของชาวประจวบครับ ผมก็มาเดินที่สะพานปลา ที่มาเมื่อเช้าครับ แต่ตอนเย็นคนเยะมาก ถนนริมหาดยามเย็นจะเป็นที่นั่งเล่นของชาวประจวบครับ ออกกำลังกาย เดินเล่น และมีร้านนวดที่ริมหาดด้วย แต่ที่สำคัญครับ มีของกิน เป็นอีกจุดนึงที่เราสามารถหาของกินได้อีกที่นึงเลย ก็มีตั่งแต่ ลูกชิ้นปิ้ง ไปจนถึงอาหารทะเล จะกินที่ร้าน หรือจะมานั่งริมหาดก็ได้ 









เช้าวันที่สาม

วันนี้ผมตื่นสายหน่อย ประมาณ 6 โมง รีบอาบน้ำ เดินริมหาด ไปเดินตลาด ซื้อของฝาก เสร็จ คืนห้องพัก ผมกำลังจะกับกรุงเทพฯ แล้ว แต่ผมไม่ได้ขึ้นรถไฟกลับนะครับ ผมกลับรถตู้ วินรถตู้จะอยู่บริเวณหอนาฬิกาครับ มีหลายวิน ดูดีๆ  ว่าไปไหน ตรงนั้นจะมีรถไปชุมพร รถไปเพชรบุรี รถไปกรุงเทพฯ ราคาตั๋วเข้ากรุงเทพ 220 บาท ใช้เวลา 4 โมง ก็มาถึงอนุสาวรีย์ชัย

จบทริป ประจวบคีรีขันธ์ เมืองสามอ่าว และ ขึ้นเขา เข้าถ้ำ 

อ่าวประจวบฯ  เป็นเมืองท่องเที่ยวเงียบๆ ไม่หวือหวา อะไร ไม่มีร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ถ้าใครชอบเที่ยวดูวิถีชีวิต ชอบเที่ยวแบบเรียบง่าย ที่อ่าวประจวบฯ เหมาะมากๆ เลยครับ โรงแรมดีๆ ที่พักหรูๆ ที่ประจวบฯ ก็มี  แต่วิถีชีวิตก็ยังเป็นแบบเดิมๆ วิถีชีวิตที่ต่างจากเมื่องท่องเที่ยวที่อื่นๆ คนประจวบฯ อัธยาศัยดี เป็นมิตร พร้อมที่จะเข้ามาพูดคุยกับคนแปลกหน้า ความรู้สึกที่มาเที่ยวเหมือนเดินอยู่แถวบ้าน หาของกินจากตลาด เดินเล่น ใช้ชีวิตแบบไม่เล่งรีบต่างจากเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ที่อยู่ ใกล้ๆ กัน  ถ้าใครหลงรัก ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี ผมบอกได้เลยครับ เผื่อใจให้ เมืองสามอ่าวบ้าง รับรองว่ามาแล้วจะไม่ไปผิดหวังครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Pantip
Cr. : tanpixels