รีวิว พักผ่อนหย่อนสมอง @นานาชาติ บ้านกรูด รีสอร์ท

สวัสดีจร้า....มาตามสัญญา สัญญาที่เราเคยมั่น 555555

มาล๊าวคร่า ทริปบ้านกรูด ประจวบฯ ตามที่ได้สัญญากันไว้จากรีวิวครั้งก่อน แต่จะบอกว่าทริปนี้มีทั้งเรื่องประทับจัย ทั้งเรื่องที่เสียความรู้สึกมากมาย แต่เอาเป็นว่าความสุขของเราที่ได้ท่องเที่ยวมันไม่ได้ลดเลงเรยก้อแล้วกันโน๊ะ ปะ ไปดูกันว่าจะงดงาม งามงดขนาดไหน อิอิ


ทริปนี้เริ่มจากวันอาทิตย์ที่ 3 เราไปงานแต่งเพื่อนของคุณสามี ไหนๆ ก้อมีวันหยุดยาวแระ เรยจัดแจงเข้า Agoda หาที่พักซะเรย ไปเจอที่นี่ ห้องพักราคาถูก(มากกกกก) วิวทะเล โซนอาคาร มีชายหาดส่วนตัว มีสระว่ายน้ำ ว๊าวๆๆๆๆ ในฝันเรย คลิกจองโดยไม่มีรอ (อ่านรายละเอียดหมดแล้วนะ) โซนตึกไม่มีรูปให้ดู มีแต่รูปตึก เราก้อไม่ได้คิดอะรัยโน๊ะ คิดว่าถูกและดีมันน่าจายังพอมีในโลกสิน่า 55555

อ่ะดูข้อมูลใน Agoda กันก่อน



นี่คือห้องที่เราจองนะคะ ห้องพัก "วิวทะเล" ขอย้ำ "วิวทะเล"
ข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องที่เขาว่ามีนั้น.....


เป็นแบบนี้ค่ะ

นี่คือทีวี(เคเบิ้ล) ซึ่งมีช่องให้ดูน้อยนิด


ต่อด้วยเตียงนอนโบราณณณณณ ซึ่งแค่คุณสามีท้าวแขนลงไปเพื่อจะนั่ง ทันนั้นเสียงดัง "เป๊าะ" ก้อเกิดขึ้น แผ่นไม่รองเตียงอันบางเฉียบหักไปครึ่งนึงจร้า ขณะนั้นเวลา 5 ทุ่มกว่า ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ยกเว้นเรา 2 คน ก้อเรยทำตัวเบาๆไว้ จะได้ม่ะหักเพิ่ม

ต่อด้วยตู้เสื้อผ้า หลังใหญ่ดี แต่ดูไม้แขวนสิ เหมือนผ่านการใช้งานมาซัก 5 ปี 10 ปี เยินมากกกกกก


ตู้เย็นพร้อมน้ำฟรี 2 ขวด ไม่มีมินิบาร์ ไม่มีสลิปเปอร์ ไม่มีเสื้อคลุม ผ้าขนหนูสีเขียวสะอาด แต่สภาพยับเยินไม่ต่างจากไม้แขวนเสื้อ




ห้องน้ำห้องน้อย ที่เครื่องทำน้ำอุ่นเสีย 



ผ้าม่านที่ไม่ชิดกับหน้าต่าง





สภาพบริเวณหน้าห้อง ที่ม่ะต่างจากห้องแถวเป็นลูกบิด ไขกุญแจ ที่สภาพ..... ป้ายหน้าห้อง ใช้พิมพ์ใส่กระดาษขาวแผ่นเล็กๆ ที่สีซีดจางจนแทบมองม่ะเหงแปะไว้

อ่อลืมบอก!!! เรามาถึงเกือบๆ 2 ทุ่ม คนดูแลม่ะอยู่หน้าเคาน์เตอร์แล้ว ต้องโทรตาม เราจองห้อง "วิวทะเล" ใช่ป่ะ โซนอาคาร แต่ได้ห้องชั้นล่างสุด ทะเลขอลช้านอยู่หน๊ายยยยย คนดูแลบอกว่า โซนตึกนี่แหละ วิวทะเลทั้งหมด ห๊าาาาาาาา อารายน๊าาาาา


หลังจากที่รู้ชะตากรรมตัวเองแร้วว่าจะต้องซุกหัวนอนในห้องนี้ หูก้อพลันได้ยินเสียงคนร้องรำทำเพลง เลยถามคนดูแล คำตอบที่ได้คือ มีทัวร์มาลงจร้าหลายวันแร้วยังม่ะกลับ เค้าร้องคาราโอเกะกันอยู่ที่ดรงอาหาร เวรกำ คืนนี้จะได้นอนม๊ายยยย

หลังจากนั่งมองหน้ากับคุณสามี อยู่พักนึง จิงๆเทสต์แอร์ด้วยว่ามันจะยังคงเป็นแอร์หรือฮีตเตอร์ ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังคงเป็นแอร์อยู่ สบายจัยขึ้นมานิดนึง เอาวะ งัยแอร์ก้อยังเย็น เลยปิดแอร์ ไปเดินสำรวจรอบๆก่อนดีกว่า












บรรยากาศยามค่ำคืน สวยนะ แต่ม่ะสงบ T.T

ชักจาเริ่มหิว เดินขึ้นไปบนโรงอาหาร ที่คณะทัวร์(ไม่เอ่ยชื่อละกัน เป็นถึงระดับอาจารย์ เด๋วจาเสียหาย) กำลังเมามาย ร้องคาราโอเกะ เสียงหลงไปมา ไปถามน้องๆ ว่ายังมีอาหารมั๊ย คำตอบคือแม่ครัวกลับไปแล้วครับ(สำเนียงพม่า) โอววววว นี่มันยังม่ะ 3 ทุ่มเรยนร๊าาาา แต่ไม่เป็นรัย ออกไปหาขนม 7-11 ในปั๊มเอาก้อได้

กลับมาถึงห้องอีกครั้ง 4 ทุ่มกว่า พร้อมด้วยของกินหอบนึง เสียงอึกทึกก่อนหน้านี้เงียบไปแร้ว รุ้สึกจัยชื้นขึ้นมาหน่อย เปิดแอร์ เปิดทีวี กินหนม เริ่มมีความรู้สึกว่า แอร์มันม่ะค่อยเย็นเหมือนตอนแรก แต่ก้อไม่เป็นรัย ยังได้อยู่ หลังจากหนังท้องตึง หนังตาเริ่มหย่อน มองเวลาก้อเกือบเที่ยงคืนนนน เพลงของเจ๊ดา เอ็นดดรฟินลอยมาเลยทีเดียว 55555 งั้นเราไปอาบน้ำนอนดีกว่า

นอนไปได้หลายชั่วโมง(มั้ง) รุ้สึกตัวตื่น ด้วยเหงื่อที่ชุ่มโชกไปทั้งตัว เปิดไฟดูแอร์อยู่ที่ 16 องศา นี่มันเกิดอะรัยขึ้น นางกลายร่างจากแอร์เป็นฮีตเตอร์ซะแร้ว แต่จะทำรัยได้ ฝืนนอนไปทั้งอย่างงั้น ตื่นมาที่นอนเปียกเป็นรูปสรีระกันเลยทีเดียว หึ หึ นอกจากนั้นแล้วมีอาการปวดหัวไมเกรน เพราะร้อนมาก ลุกขึ้นอาบน้ำอย่างเร็ว เดินออกไปเพื่อจะไปทานมื้อเช้า เปิดประตูห้องปุ๊บ แม่เจ้า อากาศข้างนอกเย็นกว่าในห้องอี๊กกกกก

เลยตัดสินจัยเดินไปหาคนดูแล บอกเค้าว่า แอร์เสีย เครื่องทำน้ำอุ่นเสีย ขอเปลี่ยนห้อง เค้าทำท่าตกจัยเล้กน้อย แล้วบอกว่าจะเปลี่ยนห้องให้ราวๆ 4-5 โมงเช้า(ภาษาชาวบ้าน) จะให้ขึ้นไปชั้น 3 จะได้เห็นวิวทะเลอย่างที่อยากได้ เราก้องงๆ นิดนึงกับคำพูดนี้ แต่ก้อเอาเหอะ แอร์เย็นก้อพอ



อาหารเช้าวันนี้เป็นแบบบุฟเฟต์(ที่มีแค่นี้นะ) เพราะมีคณะทัวร์ คงจะง่ายกว่าถ้าจะมาให้เลือกว่าคัยจะเอาข้าวต้มหรือ ABF กินเข้าไป เสียตังแล้ว พออิ่มท้องก้อไปนอนเล่นชายทะเล ชิลด์ๆ ฟังเสียงคลื่น







น้ำทะเลใสมากค่ะ ตอนนี้รีสอร์ทเงียบสงบ แอบดีจัยลึกๆ คิดว่าทัวร์คงไปกันหมดแล้ว ขณะที่เรากำลังนอนชมทะเล ดื่มด่ำบรรยากาศไปเรื่อยๆ คนดูแลเค้าก้อเดินมาบอกว่า พอดีมีบังกะโลว่าง 1 หลัง ก้อเลยจะอัพเกรดให้เลย จะได้ไม่ต้องขึ้นชั้น 3 ตาเรากะคุณสามีนี่เป็นประกายเลย ขอบคุณพี่ศรี คนดูแลรีสอร์ทมากๆ ค่ะ








นี่คือห้องพักห้องใหม่ของเราค่ะ ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยมั๊ยคะ 


หลังจากเราจัดการย้ายข้าวของมาที่ห้องใหม่แล้ว เราก้อลงสรว่ายน้ำ เล่นน้ำตามอัธยาศัย ถึงแม้น้ำในสระจะไม่ใสก้อตาม 5555




เล่นน้ำได้สักพัก เหลือบไปมองเวลา เกือบเที่ยงแล้วนี่นา ถึงว่าท้องเริ่มร้องโครกคราก คุณสามีได้ยินดังนั้น เลยชวนกลับห้อง(ใหม่) อาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนผ้าเปลี่ยนผ่อน 55555 ระหว่างรอเราอาบน้ำ เค้าก้อเสิร์ชหาร้านอาหารใกล้ๆ เพราะไม่อยากไปไกลมาก แค่ลำพังขับจาก กทม มาถึงนี้ก้อเหนื่อยแย่แล้ว ในที่สุดก้อเจอร้านนี้ ห่างจากโรงแรม 5 กม เค้าว่าถูก อร่อย เลยต้องไปโดนค่ะ





ที่นี่คือ "ร้านหนูโภชนา" บรรยากาศริมทะเลเลยค่ะ เค้าว่าเปิดมาเป็นเจ้าแรก กว่า 30 ปีแล้วค่ะ


อย่างแรกที่เห็น แล้วสั่งก่อนเลยคือ นี่ค่ะ น้ำมะพร้าว สดๆ เย็นๆ เสิร์ฟทั้งลูกเลยค่ะ รสชาติดี หวาน ซ่านิดๆ เพราะน่าจะยังใหม่อยู่ แดดร้อนๆ ลมโชยๆ ชื่นจัยฝุดๆเลยค่ะ
** เพิ่มเติมนะคะ ลูกละ 25 บาท เท่านั้น **


เมนูต่อๆ ไปก้อตามนี้เลยค่ะ







ชามแรก คือ ต้มยำรวม (มีปลาหมึกเยอะมาก แล้วก้อเนื้อปลานุ่มๆค่ะ ไม่มีกุ้ง หอย นะคะ คงเพราะชื่อแค่ "รวม" ไม่ใช่ "รวมมิตร" 5555) รสชาติเผ็ด แซ่บ จัดจ้านมากๆ 150 บาท

ตามมาติดๆ ด้วยกุ้งเผาตัวใหญ่ๆ โลละ 800 ค่ะ เราจัดมาครึ่งโลพอ เดี๋ยวแกะไม่ไหว ได้มา 6 ตัวค่ะ กุ้งสดมาก เนื้อเด้งๆ เผามากะลังดีเรยค่ะ

จานต่อมา คือ อาหารที่คู่ควรกับเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ม๊ากกกก 5555 มันคือกุ้งแช่น้ำปลาค่ะ เนื้อกุ้งสด กรอบ ผักเยอะ แต่กุ้งก้อไม่น้อยนะ กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด แซ่บลื๊มม 150 บาท ค่ะ

จานสุดท้ายเป็นเมนูที่ไม่เคยขาดเลยค่ะ ข้าวผัดกุ้ง(จานเล็ก) 60 บาท แถมหนวดปลาหมึกมาด้วยเส้นนึง อิอิ หน้าตา รสชาติ ธรรมดาค่ะ เหมือนข้าวผัดหมูใส่ไข่

ตบท้ายด้วยน้ำจิ้มซีฟูดรสแซ่บ ร้านนี้ไม่หวงของนะคะ ให้มา 2 ถ้วยเต็มๆ เลยค่ะ อร่อยมาก

สนนราคามื้อนี้ รวมน้ำเปล่า 1 ขวด 10 บาท น้ำแข็ง 1 ถังใหญ่ 10 บาท เป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 780 บาทเท่านั้นเองค่ะ (ถ้าไม่รวมกุ้งเผาแล้ว ถือว่าเป็นค่าอาหารทะเล ที่ได้นั่งทานริมทะเล ที่ราคาถูกม๊ากกกกก)


หลังจากขึ้นจากสระ กลับมาห้องพัก อาบน้ำเปลี่ยนชุด คุณสามีเลยหาโหลดหนังดู พร้อมย้อมจัยกันหน่อย พรุ่งนี้จะกลับแล้ว ยังเหมือนเก็บเกี่ยวความสุขไม่เต็มที่ ยังเหมือนไม่ได้พักผ่อนเลย เง้ออออ


นอนหลับฝันดี แอร์เย็นฉ่ำค่ะ

ตื่นมาอีก 1 เช้า หายปวดหัวไมเกรนแล้ว เอ๊ะ!!! เพราะแอร์เย็น หรือเพราะแอลกอฮอล์นร๊า 5555
มาทานอาหารเช้ากันค่ะ วันนี้คณะทัวรืกลับไปแล้วจริงๆ รถบัสไม่อยู่แล้ว รีสอร์ทเงียบสงบมากกกกก อาหารเช้าไม่ได้เป็นบุฟเฟต์แบบเมื่อวานค่ะ คงเพราะแขกเหลือน้อยแล้ว คนดูแลถามว่า รับอะรัยดีคะ ข้าวต้มหรือ ABF เราเลยเลือก ABF คนละชุด รอแปีบเดียว เด็กๆก้อมาเสิร์ฟให้ พร้อมด้วยน้ำส้ม 1 แก้ว และแตงโม 1 จาน(ประมาณ 8 ชิ้น)

ทานเสด รีบลงสระเลยค่ะ วันนี้สระเป็นของเราแล้ว น้ำในสระยังขุ่น แต่ก้อไม่สาหัสเท่าเย็นเมื่อวานค่ะ ว่ายน้ำไป เก็บภาพ เก็บบรรยากาศ เกี่ยวความสุขไว้เยอะๆ เพราะเดี๋ยวต้องกลับ กทม มาเผชิญดลกความจริงอีกครั้ง





หมดเวลาพักผ่อนแล้วค่ะ 10.30 check out เดินทางกลับ กทม.

ระหว่างทางกลับ แอบมองนาฬิกาจะบ่ายดมงแล้วค่ะ กระเพาะอาหารเริ่มทำงาน ส่งเสียงครวญครางอีกแร้ว หันไปหันมา เห็นป้ายข้างทางของร้านอาหารร้านนึง ใหญ่มาก น่าสนจัย มีสเต็กด้วย ชักอยากเห็นซะแร้วว่าร้านสเต็กข้างถนนทางหลวงจะเป็นยังงัยน๊อ อีก 10 กม. ขับไปๆ มีป้ายบอกระยะทุกๆ 1 กม เรยคร่า จนในที่สุดเราก้อมาถึง ร้านนี้ "ไออุ่นแห่งขุนเขา"



เป็นร้านโปร่งๆ บรรยากาศดีค่ะ ไอร้อนระอุไปนิดนึง แต่ก้อมีลมพัดตลอด น้องๆ พนักงานแต่งตัวคล้ายๆ จะเป็นคาวเกิลด์ น่ารักดีค่ะ บริการดี ทั้งชื่อร้าน ทั้งบรรยากาศ คิดว่าตัวเองอยู่เข่าใหญ่เลย แวดล้อมไปด้วยขุนเขาจริงๆค่ะ

เห็นเมนูอาหารแล้ว อยากกินมันไปซะทุกอย่างเลยค่ะ แต่ว่ามาแค่ 2 คน กลัวไม่หมด เลยจัดมาแค่นี้ เบาๆ อิอิ

เปิดด้วยน้ำสับปะรดปั่นของเรา และน้ำกีวี่ปั่นของคุณสามีค่ะ อมเปรี้ยวอมหวาน อร่อย เรียกน้ำย่อยได้ดีเลยทีเดียวค่ะ


จานนี้ข้าวอบสับปะรด ค่ะ ตัวข้าวสีเหลืองๆ เป็นข้าวหมกนะคะ กลิ่นเดียวกับข้าวหมกไก่เลย คุณสามีทักว่าอ่านผิดอ่ะดิ "ข้าวหมกสับปะรด" ไม่ใช่ "ข้าวอบสับปะรด" 5555 มาจานใหญ่มากค่ะ แต่ปริมาณก้อไม่น้อยนะ จัดจานได้สวยด้วย


เมนูนี้คือ เสต็กซี่โครงหมู ชิ้นเล็กกว่าที่คิดไปหน่อย รสชาติพอได้ เนื้อนุ่ม น่าจะผ่านการทำให้สุกเบื้องต้นก่อนจะมาทอดหรือย่างค่ะ ทำให้ตัวเนื้อค่อนข้างยุ่ยแล้วก้อไม่หอม


ปิดท้ายด้วยแซลมอนสลัดค่ะ เนื้อแซลมอนไม่ค่อยสดค่ะ น่าจะฟรีซไว้แล้วมาละลาย มันออกยุ่ยนิดหน่อย แต่ปริมาณเยอะค่ะ ผักเยอะ น้ำสลัดออกเปรี้ยวหวาน ใช้ได้ค่ะ

มื้อนี้ 4 ร้อยกว่าบาท ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปค่ะ

ทริปนี้เราพาเด็กๆ มาด้วยนะคะ น้องบับเบิ้ลกะน้องบันนี่ เค้าอายุยังไม่ถึง 2 เดือนค่ะ แต่แยกกับแม่แล้ว (แม่เป็นแมวที่หลงมาที่ออฟฟิสคุณสามี บาดเจ็บที่เท้าเพราะโดนน้องหมาไล่ฟัด คุณสามีเลยพาหาหมอ ทำแผล เลี้ยงไว้ ให้ข้าว ให้น้ำ อยู่ๆ นางก้อท้อง ไม่รู้คัยเป็นพ่อเด็ก 5555 คลอดลูกมา 5 ตัวค่ะ เราเอามาเลี้ยงเอง 2 ตัว น้องที่ออฟฟิสเอาไป 1 ตัว อีก 2 ตัวสีดำไม่มีคัยเอาค่ะ แถมพี่ที่นั่นอีกคนเกลียดน้องแมว แกล้งมาบอกว่าโดนผู้ใหญ่ว่า เลยให้เอาไปปล่อยที่อื่น จิงๆ ผู้ใหญ่ที่เค้าอ้างถึงพึ่งคุยกะคุฯสามีว่าเลี้ยงไว้เหอะ สงสารลูกมัน ส่วนคนเอามาอ้างก้อไม่ดูตาม้าตาเรือว่าเค้ารักแมวกัน เค้าเรียกว่าแหลไม่เเนียนค่ะ แต่คุณสามีก้อจำจัยเอาไปไว้บ้านร้าง จ้างคนงานให้ข้าวให้น้ำช่วงที่เราไม่อยู่ แต่กลับไปน้องแมวกะลูกอีก 2 ตัวหายไปนะคะ ได้ยินว่าบ้านข้างๆ เอาไปเลี้ยงคะ กำลังรอคุณสามีว่างไปดูอยู่ค่ะว่าจริงมั๊ย เราเป็นห่วงค่ะ)

เราไม่ได้เอาเด็กๆ เข้าไปนอนในห้องของโรงแรมนะคะ จัดที่นอน ที่เล่นให้ในรถ เลือกจอดในร่ม ใต้ต้นไม้ น้ำพร้อม อาหารพร้อม กะบะทรายพร้อม ของเล่นพร้อม ไม่ต้องกลัวว่าเด็กๆ จะทรมานนะคะ แล้วก้อไม่ทำผิดกฎโรงแรมด้วยค่ะ 



ขอบคุณข้อมูลจาก : Pantip
Cr. : NuubowOmyim