รีวิว เกาะหมากคนเดียวก็ได้ สไตล์ชะนีเปลี่ยว @Cococape resort

ชะนีอารมณ์เปลี่ยวเดินทางคนเดียว เปลี่ยนที่นอนเล่นที่ไม่ไกลเกินความสามรถ ทะเลสวยน้ำใส เสพบรรยากาศ อ่านหนังสือ เดินถ่ายรูปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน


ขอแจ้งให้ทราบก่อนว่า กระทู้นี้เป็นกระทู้ตั้งใจตั้งซ้ำขึ้นมาใหม่เพื่อแก้ไขกระทู้เดิมที่มีข้อผิดพลาดเยอะ

เมื่อเดือน กพ ปีที่ผ่านมา เป็นกระทู้ข้ามปีแล้ว ตอนนั้นได้วันพักร้อนมาสิบกว่าวัน ตัดเรื่องธุระปะปังออก ก็เหลือเวลาอีก 4วัน3คืน ไว้ให้เป็นเวลาของตัวเอง 
ครั้งนี้อยากออกไปเที่ยวที่ได้พักผ่อนจริงๆ เที่ยวที่ไม่ต้องกลับมานอนหลับตาย เหมือนทุกครั้งที่เที่ยวแบบผจญภัยสุดขอบโลก   " เกาะ " ที่เงียบสงบ น้ำใสใส เดินทางง่าย น่าจะตอบโจทย์ได้

เกาะหมาก.....
เกาะที่เงียบสงบ... เกาะไหนก็ตามที่เราสามารถค้างคืนได้ แต่เอารถส่วนตัวไปวิ่งไม่ได้ เราว่ามันจะมีมุมสงบๆให้เราได้เห็นแน่นอน


เกาะที่มีน้ำใสใส... ถ้าอยู่ใกล้เกาะกูด มันใจเลยว่าเรื่องน้ำใส เกาะหมากต้องไม่ทำให้ผิดหวัง


เกาะที่มี....ที่พักที่มีสะพาน มีห้องพักติดทะเล และราคารับได้ด้วย

เกาะที่เดินทางง่าย... ซื้อตั๋วรถต่อเรือ ขึ้นที่ข้าวสาร ใกล้บ้าน ระเวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงไม่น่าเป็นปัญหา


งบประมาณ.... แอบหมดไปเยอะแต่ทะยอยจ่ายเลยรับได้
ทั้งหมด 6700 บาท 
**ราคานี้ถ้ามีคนช่วยหารค่าห้อง ค่าอาหาร คงลดภาระไปอีก ~ 2000 บาท
1. ที่พัก ณ Koh Mak Cococape resort 
    ห้องฟ้าใส 3 คืน รวมอาหารเช้า ห้องพัดลม = 3600 บาท 
   (ราคานี้ช่วงไฮซีซั่น เคยเปิดไปดูราคาช่วงโลว เหลือคืนละ 8-9ร้อยเองแงะ)
2. ค่ารถค่าเรือ ไป-กลับ 1500 บาท
3. ค่าอาหารที่กินไปทั้งหมดขณะอยู่บนเกาะ โดยใช้บริการที่รีสอร์ทอย่างเดียว 1600 บาท

การเดินทาง
เราเลือกใช้บริการของ บุญสิริ... 
เนื่องจากง่ายสุดแล้ว รถต่อเรือ ไป-กลับ มีให้เลือกว่าจะขึ้นที่พญาไท หรือที่ถนนข้าวสาร
เด็กปิ่นเกล้าแบบเราก็ต้องเลือกขึ้นที่ข้าวสารสิคะ
ตอนแรกเปิดหาข้อมูลในเวป จะจองและจ่ายเงินผ่านเวป แต่มีปัญหาเล็กน้อย ติดต่อเจ้าหน้าที่บอกให้มาจ่ายเงินสดตอนวันเดินทางได้เลย
เรือของที่นี่ดีคือออกเดินทางสายสุด ไม่ต้องลุ้นไม่ต้องแหกขี้ตื่นเพื่อไปให้ทันเรือ แต่เราไปกับรถเค้า ไม่ตกเรือแน่นอน

*******ก่อนเริ่มการเดินทาง ขอฝากรีวิวเก่านิดหนึ่ง
หลังจากประเดิมรีวิวแรกจากการไปเปลี่ยวที่บาหลี
http://pantip.com/topic/34200921

แล้วตามมาด้วยรีวิวเกาะกูด ซึ่งได้รับเสียงตอบรับมาเกินคาด
http://pantip.com/topic/34390589

ทำให้รู้สึกว่า เออนะ ข้อมูลน้อยๆของเรา กับมุมมองการเที่ยวของเรา เป็นประโยชน์ให้กับคนอื่น
มีเวลาจึงขอผลิตรีวิวอื่นๆให้ได้ชมกันบ้าง
เปิดรื้อคลังรูปเก่าๆ เจอรูปในทริปเก่าๆ หยิบมาเล่าเรื่องให้ฟังตามรูปที่มี....


23  กพ เช้าวันจันทร์ เริ่มต้นการเดินทาง
รถออก 8.00 น. นัดขึ้นรถที่ออฟฟิศของบุญสิริ ตรงถนนตานี ที่ข้าวสาร
แต่ด้วยความกลัวอิทธิฤทธิวันจันทร์ เลยออกมาแต่เช้า เช้าจนออฟฟิศยังไม่เปิด
แต่พอโทรไปเจ้าหน้าที่ก็ออกมาต้อนรับ และให้เรานั่งรอ


แล้วเราก็ได้ขึ้นรถ เป็นรถแวน นั่งสบาย มีแต่ฝรั่งเต็มรถ คนไทยหนึ่งเดียวก็นั่งทำตัวเล็กๆ หลับตลอดทาง
ผ่านไปเกือบ 5 ชั่วโมง ก็มาถึงท่าเรือแหลมศอก เห็นน้ำอ่าวไทยแล้ว ก็นั่งรอเรือออก
ระหว่างนี้ติดต่อรีสอร์ทให้มารอรับด้วย เพียงแค่แจ้งว่ามาเรือของบุญสิริ เดี๋ยวรีสอร์ทส่งรถมารับ


ถึงรีสอร์ทแล้ววววววววว มีเวลคัมดริ้งด้วยยยย พนักงานต้อนรับดีมาก
ถามย้ำว่ามาคนเดียวเหรอคะ หลายรอบมาก แนะนำหลายอย่าง
แม้กระทั่งจะออกไปไหน ถ้าไม่กล้าไปให้พนักงานไปเป็นเพื่อน เฮ้ยยยย น่ารักอ่ะ


พนักงานเดินมาส่งที่กระต๊อบน้อยริมทะเล ชอบจัง ดูเหมาะกับการมานอนเล่นในครั้งนี้
มีเปลหน้าห้อง ห้องอยู่ทิศตะวันออก ช่วงบ่ายลมพัดเย็นสบายเชียว

นี่รูปห้องข้างๆนะคะ เพราะถ่ายภาพรวมห้องตัวเองไม่ได้ นอกจากจะลงทะเลไปถ่าย

บรรยากาศน่านอนมากแต่ห้ามใจไว้ เพราะท้องร้องดังมาก มาถึงก็ไปสั่งลุยมื้อเย็น เป็นข้าวผัด และยำง่ายๆ แต่อิ่มยันเช้าเลย


เย็นนี้เดินสำรวจรีสอร์ทก่อนแสงจะหมด


รีสอร์ทมีสระว่ายน้ำด้วย


เดินหามุมถ่ายรูปมาจนถึงสะพาน .... เป็นคนรักสะพาน ที่พักใดมีสะพาน ที่นั่นได้ใจเราไป


พาโนรามาเบี้ยวๆ


สะพานไม้ที่ยื่นออกไปในทะเลให้อารมณ์หลากหลายมาก


หลังจากอิ่มท้องก็ใช้เวลาอยู่ที่สะพานนานพอควร


ตั้งกล้องถ่ายตรงสะพานลำบากนะคะ วิ่งแรงก็ไม่ได้ เดี๋ยวขาตั้งตกร่องไม้


ช่วงเย็นแบบนี้ ลมพัดแบบนี้ คนมารวมกันอยู่ที่สะพานนี่เอง


มานั่งดูคุณลุงฝรั่งดำน้ำ น้ำน่าเล่นมากกกกก


ลมคงเหมาะกับการเล่นอะไรแบบนี้สินะ ถามว่าอยากลองมั้ย โอ่ยยยยย ใจสั่นเลยแหละ


แต่แล้วก็นั่งมองอย่างสงบๆ


กำลังจะผ่านไป 1 วัน ทุกอย่างกำลังดี รีสอร์ทดูเงียบ ไม่มีเสียงโหวกเวกโวยวาย ได้ยินแค่เสียงน้ำและเสียงลม


ฟ้ามืดแล้ว เข้าห้องนอนกางมุ้ง เพราะยุงเยอะพอควร
ใครขี้กลัวอาจจะอยู่ไม่ได้เพราะ เสียงกิ่งไม้เสียดสีหลังคาตลอดเวลา
ข้างนอกยุงเยอะ เสียงคลื่นซัดกระทบหินดังอยู่เรื่อยๆ
แถมพนักกงานบอกมดเยอะ.... 
เอ้ย.... แต่นี่เราเป็นคนวิ่งมาหาธรรมชาติเองนะ ทำไมเราต้องกลัวธรรมชาติด้วย อยู่กับมันแล้วมีความสุขดีนะ


ผ่านไปหนึ่งคืน หลังจากนอนกลิ้งเล่น อ่านหนังสือ ลงรูปอวดเพื่อนๆ ก็เผลอหลับไม่รู้ตัว

เวลามาเที่ยว จะกลายเป็นคนตื่นเช้าไปโดยอัตโนมัติ
ย้ายร่างมาทิ้งที่เปลญวนหน้าห้อง ดูแสงอาทิตย์ยามเช้า


นั่งเล่นจนเกือบ 8 โมงเช้า ก็ลุกไปจัดการตัวเองแล้วออกไปหาข้าวกิน


อาหารของรีสอร์ทมีเป็นเซทนะคะ เลือกเซทละเดี๋ยวเค้าเอามาเซิฟให้


อิ่มท้องแล้วก็กลับเข้าห้องไปนั่งเล่น...แผนการของวันนี้คือการเดินเล่น เราอยากเดิน เดินไปเท่าที่จะเดินถึง
เจอมุมสวยๆก็ถ่ายรูปไป ถ่ายจนกว่าจะพอใจ ไม่รีบร้อน


10 โมงกว่าๆ ผู้หญิงบ้าก็แบกขากล้องเริ่มเดินออกไป เดินขึ้นเนินตามทางเดอนรีสอร์ทไปแป๊บเดียว
ก็เจอกับสิ่งนี้


เดินไปยืนตรงเก้าอี้ จะพบว่าเป็นจุดชมวิวสวยๆที่หนึ่ง


แล้วเจ้าต้นนี้ก็น่าสนใจ อยากถามว่าต้นอะไร ก็ไม่มีใครผ่านมา


ถ่ายรูปไปแข่งกับคนที่เค้าไปตามหาพญาเสือโคร่งที่เหนือกันซะหน่อย


เดินต่อมาเจอกำแพงอะไรไม่รู้ แต่รู้สึกว่าอยากถ่าย ก็ตั้งกล้องเลย รถมอไซค์ผ่านไปมา งงๆกัน


ละจากกำแพงก็มาเจอกอหญ้าฟรุ้งฟริ้ง จะเดินผ่านแต่ตัดใจไม่ได้


มุดกอหญ้าถ่ายอยู่หลายช็อต ชาวบ้านตรงร้านสะดวกซื้อคงงง มันมามุดก็หญ้ารกๆคันๆทำไม


เดินตามถนนลงเนินมาเรื่อยๆ ก็เจอเหมือนเป็นหาดทอดยาว ทีนี่ก็หาทางลงไปสู่หาด
หาดตรงนี้เป็นของอ่าวขาวรึป่าว...ดูแผนที่ก็งงๆ


ได้ที่ มีร่มเงาจากต้นมะพร้าว การตั้งกล้องก็เกิดขึ้นอีกครั้ง


ที่เดินๆอยู่ก็น่าจะเที่ยงแล้วมั้ยอ่ะ


ตั้งกล้องวิ่งไปมายังกะคนบ้าให้พนักงานรีสอร์ทแถวนั้นซุบซิบ คงคิดว่าเราบ้าแน่ๆ


บ้าตรงที่แดดเปรี้ยงๆมันยังไม่หยุดถ่าย


เรามาเที่ยว เรามาสนุก ชีวิตเรา อย่าไปแคร์


เซทรูปนี้มีคนถามมากที่สุดว่าถ่ายเองจริงหรือ ถ่ายยังไง ต้องแอบซุกชายมาแน่ๆ


ชายไม่มีให้ซุก มีแต่กล้องกิ๊กก๊อกที่ซุกมา 4 ตัว 55555 กล้องเบาๆ ถ่ายเล่นได้


เวลาผ่านมาจนลืมตัวว่าดำไปแค่ไหนแล้ว เดินต่อคงไม่ไหว เลยเดินกลับ
ทำไมตอนกลับมันไกลงี้ล่ะ T^T

หลังจากแวะซื้อขนมขบเคี้ยวเล่นๆที่ร้านสะดวกซื้อข้างทาง ที่มีคุณป้าใจดีแต่ทำหน้างงว่า ผู้หญิงบ้าคนนี้โผล่มาจากไหน
ก็ตรงกลับมารีอร์ท และเจอกับพนักงาน ที่รุมถามคำถามด้วยความห่วงใยว่า ไปไหนมาคะ แดดร้อน ไม่เอาร่มไป(เออ นั่นสิ ทำไมไม่เอาร่มไป) พอบอกพิกัดที่เดินไปถึง ก็ทำหน้าตกใจกันใหญ่อีกว่า เดินไปได้ยังไง ไม่เอารถไปละ.... เออ นี่เราทำเค้าแปลกใจมากเลยเหรอเนี่ย
ตอบคำถามพนักงานเสร็จก็ตรงดิ่งมาที่ปลายสะพาน


แดดช่วงบ่ายยังคงความแรง


แต่ความใสของน้ำก็ดึงดูดเหลือเกิน


แล้วก็เริ่มมองหาทางลง ก็พบว่ามีบันไดอยู่ทั้ง 2 ด้าน แต่จะมีด้านหลังเคาเตอร์บาร์ที่ลงไปแล้วจะเจอลานปูน
เหมือนเป็นบริเวณสระเด็กเลย


ได้ที่ลงก็ไม่รอช้า ถอดเสื้อแล้วเอาขากล้องไปตั้งในน้ำ


ความพยายามถ่ายรูปด้วยตัวเองไม่มีลดละ


ยอมรับว่าการเล่นน้ำคนเดียว โคตรจะเหงาเลยค่ะ แต่ก็เล่นอยู่ได้เกือบชั่วโมง


ตรงบริเวณพื้นปูนด้านล่างมีปลาเต็มไปหมดเลย ไม่กลัวคนด้วยนะ
สาเหตุที่ลาดปูนไว้อาจเป็นเพราะมีหินเยอะ รอบๆมีแต่หิน จะโดดน้ำเล่นไม่ได้นะคะ หินเยอะมาก
แต่ถ้าว่ายออกไปได้ ก็มีแต่พื้นทรายขาวละเอียด


น้ำตรงนี้แค่เข่าเองนะ


เสร็จกิจกรรมยามบ่าย ก็ไปอาบน้ำ นอนเล่นอ่านหนังสือรับลมที่ระเบียง
ข้อดีของการมาคนเดียวคือ ไม่มีใครเร่ง ไม่มีใครบ่น ไม่มีใครรอ จะช้า จะแช่ จะอยู่รึจะไปมันก็ขึ้นอยู่กับเรา
การ slow life คือการที่เราทำอะไรช้าๆ แล้วมีเวลาโฟกัสกับสิ่งที่ทำอย่างเต็มที่
พออาทิตย์เริ่มตก เราก็ออกไปสั่งมื้อเย็น ด้วยความหิวโหยก็เผลอสั่งไปหลายเมนู และก็กินหมด ครัวที่นี่อาหารอร่อยนะคะ

จบจากมื้อเย็นก็ไปนั่งรับลมที่ปลายสะพาน ลืมบอกว่าตรงนี้สามารถสั่งเครื่องดื่มได้นะคะ
เลยขอให้จัดเครื่องดื่มมาให้ 1 อย่าง ขอแบบหวานๆชื่นใจ 
แล้วก็ได้มะพร้าวสอดไส้ลูกนี้มา อร่อยเชียว ขอแนะนำ เบาๆดีค่ะ กำลังหลับสบาย


ไปนั่งคืนนี้ได้รู้จักกับพี่สาวใจดีคนหนึ่ง แนะนำเกาะหมากในอีกหลายๆมุม เค้าชวนออกไปข้างนอก มีจุดแนะนำหลายจุด แต่เราเองนี่แหละ อยากนอนเล่น ไม่อยากออกไปไหน จึงปฏิเสธเค้าไป
ถ้าไปอีกรอบคงให้พี่เค้าพาทัวร์รอบเกาะเลย


ตื่นเช้าอีกแล้ววันนี้ มายืดเส้นยืดสายนิดหน่อย


วันนี้ได้แผนการว่าจะข้ามไปเกาะเล็กๆตรงนู้นนนน แล้วตอนช่วงเย็นลงสระว่ายน้ำสักนิด เลยต้องแวะมาทักทายสระว่ายน้ำก่อน


ไปกินอาหารเช้า แล้วจองรอบเรือข้ามไปเกาะตอน 10 โมง
จ่ายค่าเรือเพิ่ม 200
จริงๆถ้าใครขยันนะ แนะนำเช่าคายัค 100 พายไป-กลับ 5555 เราเหนื่อย เราไม่ทำ

ใกล้เวลานัดหมาย ก็ไปรอที่ปลายสะพาน


แล้วก็มีเรือมารับเรา เสียดายหารูปเรือไม่เจอสงสัยเผลอลบทิ้ง
ดูเหมือนเช่าเหมาเรือจริงๆ ไม่มีใครข้ามไปกะเราเลย

ถึงแล้ว..... เกาะขามมม เกาะเล็กๆ เงียบสงบ หาดทรายสีขาว


มาถึงก่อนใครเลย รู้สึกเป็นเจ้าของเกาะ เงียบบบบบ สงบบบบบ 
กระโดดโลดเต้นไปมาอยู่คนเดียว


ตอนยังไม่มีใครมาก็ถ่ายรูปเล่นก่อนเลย


ถามว่า... แล้วพอมีคนมาอายมั้ย 55555 ไม่มีอาย


กระโดดถ่ายรูปไม่เกรงใจใครเลย


เดินมาอีกด้านก็สวยนะ แต่เมฆครึ้มๆที่มานี่คืออัลไล


กำลังจะเดินไปหาโขดหินก็เจอสิ่งนี้ ง้อววววว ทำไมน่ารักจัง รูปนี้ได้ความกรุณาจากเพื่อนใหม่แถวนั้นถ่ายให้ค่ะ


เดินมาแอ๊บแบ้วตรงโขดหินนิดหน่อย


แล้วเราก็ลงไปแช่น้ำแป๊บหนึ่ง แถวนี้ปะการังกะหินเพียบเหมือนเคย ที่เยอะกว่าคือเม่นทะเล เกือบจะเหยียบไปแล้ว

เพลิดเพลินมาเกือบจะสองชั่วโมงก็ไปล้างเนื้อล้างตัว
มานั่งรับลมชมวิว รอเรือมารับ 


เรือรับกลับมาส่งแล้ว เราก็รีบไปอาบน้ำ รู้สึกแสบๆ สงสัยครีมกันแดดจะเอาไม่อยู่
แต่ก็ไม่คิดอะไร
เปลี่ยนชุดนอนรอช่วงเย็นๆ เดี๋ยวไปเดินเล่นตรงหาดข้างๆ
เดินเลาะจากด้านข้างรีสอร์ทมานิดเดียว
ก็เจอชายหาดทอดยาววววว 
หลังจากที่รู้ตัวว่าแสบหลังมาก ชนิดที่นอนเอาหลังเสียดสีกับเปลไม่ได้เลย
ก็ต้องพกร่มมากันแแดดด้วย ไม่รู้จะทันรึป่าว


นั่งเล่นด้วยความเปลี่ยวเหงาเอาเท่ ก็รีบกลับรีสอร์ท ไปขอยา แผนการลงสระว่ายน้ำต้องหยุดไว้ก่อน


รู้ตัวเริ่มร้อนๆ แหละหลังแดงไหม้ไปหมด ผิวเปลี่ยนสีไปตลอดกาล~~~~
นี่ขนาดจะสโลวไลฟ์นะ ยังอดใจไม่ได้ เล่นน้ำตอนเที่ยง 2 วัน
พนักงานหายาลดไข้ และยาทาหลังเพื่อลดความแสบร้อนมาให้
แถมบริการทาให้ด้วย 
นี่คือความน่ารักของพนักงานที่นี่ ที่ทำให้เราประทับใจ
มื้อเย็นจึงจำเป็นต้องฝากท้องที่นี่ ไปไหนไม่รอด


วันนี้เค้าบอกได้ปูม้ามา เราก็จัดสิคะ รอไร สดมากกกกก มื้อเย็นนี้คนเดียว เกลี้ยง!!


จบมื้อค่ำแล้วไม่ต้องไปไหนเลย ไปนอนแผ่ปวดแสบปวดร้อน คุณน้องพนักงานตามมาทายาซ้ำให้ที่ห้องพักด้วย น้ำตาจะไหล
จังหวะแบบนี้ก็เริ่มคิดถึงเพื่อนขึ้นมา

เช้าวันสุดท้าย นอนได้ไม่เต็มอิ่ม เพราะแสบหลังพลิกตัวแทบไม่ได้


หลังจากออกมากินข้าวเช้า เน้นย้ำรอบเรือ แล้วก็เก็บของออกมาเช็คเอ้า รอรถออกไปส่งที่ท่าเรือ
แล้วบอกลาพนักงานที่น่ารักทุกคนที่นี่ ขอบคุณที่ดูแลเราอย่างดี ตลอด3 วันที่ผ่านมา


รถมารับเพื่อไปส่งที่ท่าเรือ


เรามาถึงท่าเรือก่อนเรือจะมาถึง เรือลำนี้จะรับคนจากเกาะกูดมาก่อน
ขณะรอเรือ ไม่มีที่พักในร่ม แดดแรงมาก คนขับรถรีสอร์ทก็บอกให้เรารอในรถ เค้าจะไม่กลับจนกว่าเรือจะมา
เอ้ยยยย น่ารักมาก เลิฟเลิฟ เราเลยลงไปถ่ายรูปเล่นรอ 
ไม่นานเรือก็มาถึงท่าเรือ บอกลาคนขับรถของรีสอร์ทแล้วไปขึ้นเรือใหญ่แอร์เย็นสบาย


ไม่นานก็กลับมาถึงฝั่ง
จากเรือก็มาต่อรถ ขากลับได้นั่งหน้าคนเดียว
คนอื่นๆมีคู่อยู่ด้านหลัง
ขากลับรถจะไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ บีทีเอสพญาไท และสุดท้ายที่ข้าวสาร
พอถึงข้าวสารเนี่ยแหละ กว่าจะหาแท็กซี่กลับบ้านได้ ปฏิเสธชั้นจังเลย


จบทริปเกาะหมาก กับการฉายเดี่ยว
ได้อะไรมากมาย การไปเที่ยวคนเดียวไม่ได้แย่ ทำให้เรามีเวลากับตัวเอง
ได้คิดอะไรหลายๆอย่าง ได้มองผู้คนรอบข้าง ได้ฟังเสียงรอบตัว
สิ่งเดียวที่แย่ คือ ..... ความเหงาเวลาที่เรานั่งฟังเสียงคลืน


ขอบพระคุณค่ะสำหรับการติดตาม...
เรื่องเล่าสั้นๆจากชะนีตัวน้อยๆ
ที่มา Pantip