รีวิว ห น้ า ร้ อ น ๐ ห ล บ ร้ อ น ๐ ไป พั ก ร้ อ น @เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

ห น้ า ร้ อ น ห ล บ ร้ อ น ยั ง มี ที่ พั ก แ ล้ ว ถ้ า น้ อ ง น่ า รั ก จ ะ ใ ห้ พี่ ไ ป พั ก ที่ ไ ห น

ไปไป หลังจากเล่นมุข จนสาแก่ใจแล้ว วันนี้เราจะพาคุณไป เที่ยวทะเล เจอแดด เจอลม เจอฝรั่ง

แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับสณานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไปกันก่อนดีกว่า
    
    เกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะกลางทะเลอยู่ในเขตจังหวัดสตูล นอกเขตอำนาจการควบคุมของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จุดเด่นของทางเกาะหลีเป๊ะ คือ ความเป็นธรรมชาติของปะการังรายล้อมรอบเกาะ ท้องทะเลที่สดใสสะอาด สวยงาม เราสามารถดำน้ำดูปะการังหน้าหาดที่พักได้ทุกที่ ทั่วทั้งเกาะ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายละเอียดนิ่มนวลขาวเหมือนแป้ง  โดยมีชายหาดหลักๆ อยู่ 3 หาด คือ หาดซันเซ็ท หาดซันไรส์ และหาดพัทยา (บันดาหยา)กิจกรรมยอดนิยม หนีไม่พ้นการดำน้ำ



ทริปนี้เราออกเดินทาง วันที่ 28/02/16 – 02/03/16
เป็นเวลาทั้งหมด   4 วัน
ดำน้ำเหมาเรือ      2 วัน
เดินถนนคนเดิน   ทุกคืน
และมีความสุข     ทุกวัน

ทริปนี้เราใช้กล้อง 
Nikon D7100 + Sigma Art 35
Xiaomi Yi + Dome
Olympus Tough TG-850

ตัดภาพมาบนเครื่อง ได้ข่าวมาว่า แอร์เอเชีย มีขนมวุ้นใสๆ Yamanashi Mochiเป็นเนื้อโมจิแบบใส
ทานคู่กับน้ำเชื่อมและถั่วป่น หากินยาก ราคา 90 บาท เท่านั้น จัดไปโดยไม่ลังเล





เนื้อสัมผัสเหนียว หยุ่นๆ ตัดไม่ค่อยจะขาด น้ำเชื่อมรสน้ำตาลทรายแดง
เอาเป็นว่าใครอยากลองก็ลอง ใครไม่ได้ลองก็ถือว่าไม่ได้พลาดอะไรไป



ถึงท่าเรือปากบารากันแล้ว เราได้ติดต่อเพื่อนของเพื่อน ที่ไปมาก่อนหน้า ได้รับคำแนะนำว่า
ขนทุกอย่างเท่าที่จะขนไปได้ ความคิดแรกที่พุ่งเข้ามาในหัว ไอ้นี่มันโม้!!! เมืองท่องเที่ยวเข้าใจแหละ ว่าราคาสูง

หลังจากตุนเสบียงมาได้พอสมควร ก็ถึงเวลาขึ้นเรือพอดี
เราเดินทางไปกับเรือบันดาหยา เรือออกแวะเกาะไข่ และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา



เกาะไข่ มีเอกลักษณ์คือซุ้มประตูหินขนาดใหญ่ ลอดได้ เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดสตูล
มีชายหาดที่ขาวนวล สะอาด เหมือนสีไข่ น้ำทะเลใสสวย เต่าทะเลชอบขึ้นมาวางไข่เสมอ
และมีความเชื่อว่า หนุ่มสาวคู่ใดที่ได้ ลอด ซุ้มประตูหินนี้จะได้แต่งงานกัน

มาดูความสวยของซุ้มประตูที่ว่ากัน



เราจับมือกันลอด.....เพื่อที่จะได้ไปกันรอด      ง่อววววว



ลืมไปอย่าง อย่างใส่กางเกงยีนส์ขายาวขึ้นเรือมา  ไม่มีอะไรหรอกแค่มันจะเปียกตอนลงน้ำ
เอ้อ แต่ช่างเถอะ ใครมันจะใส่กางเกงยีนส์ มาเที่ยวทะเล เหมือนเรา



ตัดภาพมาที่เด็กกันบ้าง เผื่อจะเป็นผู้ชายอบอุ่น แต่ตอนนี้ร้อนมากกว่า



ความใสของน้ำ





มาถึงที่พักเลยแล้วกัน  



เทอๆ ดูความใสของน้ำ



เราวางแผนกันไว้ว่า เราพักที่ บันดาหยา รีสอร์ท กันในคืนแรก คืนที่สองและสามจะย้ายไปพักที่
วารินทร์บีช รีสอร์ท เพราะว่าเราต้องออกไปดำน้ำทั้งสองวัน คงไม่มีเวลาดื่มด่ำกับที่พักเสียเท่าไร ใช่!! อย่างที่เทอคิดนั่นแหละ เรางก

บรรยากาศห้องพัก ยืมรูปเพื่อนมา ลืมถ่าย โอเค!! ยอมรับว่าขี้เกียจ





รอบๆที่พัก





หลังจากเราเก็บของ อาบน้ำเรียบร้อย ก็บ่ายแก่ๆ ควรค่าแก่เวลา เล่นน้ำหน้าหาดกันซักหน่อย

น้องๆร่วมทริป ถามว่า พี่ๆ ไอ้กล้องหน้าตาแปลกๆ(Dome) มันถ่ายรูปได้เหรอ...ได้สินี่ไง



นี่ๆ รูปที่ได้ออกมาเป็นแบบนี้





แล้วเราก็ค่อยๆ ออกเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายต่อไป นั่นก็คือ ถนนคนเดิน แห่งนี้นี่เอง
(ทำเสียงเหมือน ทีวีแชมป์เปี้ยน)









เอ้าโดด





แท่น แทน แท๊น!!



ถังขยะเราก็ถ่าย



ร้านค้ามากมาย หลากหลาย







มีมุมสวยๆให้ถ่ายเยอะแยะ





สำคัญเลยนะ ร้านอาหรตามสั่งบนเกาะนี้ ทำช้าทุกร้าน ย้ำว่าช้ามาก
ไม่แน่ใจว่าทำไม รู้แต่ว่า ถ้าหิวๆ หรือ รีบๆ อย่าไปสั่งกิน ราคาเริ่มต้นก็ 80-150



















เย็นนี้เราฝากท้องไว้กับร้าน พิซซ่า อร่อยดีนะ











เดินไปเดินมาซักพัก อุ๊ย!! ลูกพ่อ หลงมาได้ไงเนี่ยยย (ดูตาเด็กด้วย)



ไม่นานพ่อบุญธรรมก็มารับตัวเค้าคืนไป



Maya Bar อีกร้านที่น่านั่ง
ที่นี่แปลกดีนะ ฝรั่งออกแนวชิวๆ ไม่ปาร์ตี้หนัก



มีร้าน นอนดูหนังด้วย
อ่านไม่ผิดหรอกเทอ นอน ดู หนัง



จากการสำรวจราคาของกินของใช้บนเกาะหลีเป๊ะนั้นพบว่า
ถ้าหากเป็นราคาน้ำ ส่วนใหญ่จะ*2 
และราคาของกินของใช้ *1.5 - 1.25 แล้วแต่ชนิดของสินค้า



ราคาน้ำ*2 



หรือจะกินไอติม (ราคาร้านโชวห่วยจะถูกกว่าในเซเว่น หน่อยนึง)



อย่าลืม เอาครีมกันแดดมาด้วย ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะ หมดตัวได้ ล้อเล่นน่ะ
แต่มันแพงแบบไม่น่าเสียเงิน คือปกติเวลาเราซื้อครีมกันแดด เช่น banana มันจะลด 50%
จากสี่ร้อยกว่าๆ เหลือ สองร้อยกว่าๆไง มาที่นี่ มันราคาเต็ม *1.5 เป็น เกือบๆเจ็ดร้อย OMG

ไม่มีหลักฐาน ลืมถ่าย มัวแต่ตื่นเต้นกับราคา

อ่ะเอาไปดู โปรแกรมดำน้ำ A คือรอบใน B คือรอบนอก ซึ่งไม่ควรพลาดทั้งสองที่
แต่ถ้ามีแค่วันเดียว อยากให้ไป B นั่งเรือนานหน่อย แต่ เกาะผึ้ง กับเกาะรอกลอย สวยมากจริมๆ



วันที่สอง มาดำน้ำกัน เราเหมาเรือเอาไว้ สองวัน เวลา9:00-16:00
ค่าใช้จ่าย รอบนี้เราเหมาเรือเป็นลำๆ ไปเองโดยไม่ไปแจมกับกรุ๊ปอื่น (ประมาณ 9 ที่นั่ง)
เหมาเรือรอบใน     2,000
เหมาเรือรอบนอก   2,500
*อาหารกลางวัน และน้ำดื่ม เตรียมไปเอง ค่าใช้จ่ายแล้วแต่บุคคล (เสื้อชูชีพ เรือมีให้)
** หน้ากากดำน้ำ (Snorkel) เช่ารีสอร์ท 50 บาท หายปรับ 1500 ตรวจดูสภาพก่อน

และวันแรกของการดำน้ำ คือ รอบใน

“ร่องน้ำจาบัง”จุดดำน้ำซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดและว่ากันว่า สามารถมองเห็นปะการังเจ็ดสี
ได้ง่ายและสวยงามที่สุด” เป็นจุดที่สามารถเลือกดำน้ำได้ทั้งแบบพื้นผิว (Snorkeling) และดำน้ำลึก (Scuba diving)



สีสรรสวยงามตระการตา



ปะการังเจ็ดสี นี้ก็คือ ปะการังอ่อน อาศัยอยู่บริเวณที่มีกระแสน้ำไหลแรง



คำเตือน กระแสน้ำที่นี่แรงมาก







ไปจุดดำน้ำจุดที่สองต่อ ที่เกาะยาง

**จำชื่อเรือ ลำของตัวเองไว้ด้วยนะ ว่ายไปว่ายมาตอนว่ายกลับเรือ จำไม่ได้จริงๆนะมันละลานตาไปหมด 
แต่ถ้าจำไม่ได้ ไม่ต้องตกใจไป คนเรือเค้าเห็นเราอยู่ สุดท้ายเค้าจะเอาห่วงยางไปลากเรากลับมา

ดูความใสของน้ำ 



ปากะรังที่นี่ค่อนข้างหลากหลาย ดอกไม้ทะเลพบเห็นได้พอสมควร



ปลาดาวหมอน



หอยมือเสือ



ปลาการ์ตูนปล้องอ้อย



รวมๆ























จุดต่อไป หาดทรายขาว เกาะราวี เราแวะพักทานข้าวกลางวันกันที่นี่

ขอบอกไว้ก่อนว่า ทริปนี้ผู้ชายอย่างผม ทาครีมกันแดดมากชนิดที่ว่า 
มากกว่าครีมกันแดดที่ทามาทั้งชีวิตรวมกันถึงแม้จะ*2แล้วก็ตาม
แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ลงมาก็เจอปู



หาดทรายขาวสมชื่อจริงๆ



ที่สำคัญ น้ำใสมากๆ ไม่เชื่อดู!!!



เอ้า เตรียมตัว ระวัง สาดดดดดดดดดด



ป่ะ เราไปเดินสำรวจชายหาดกัน





ป......ปูเสฉวน ก็มี



บ้างก็มาเป็นคู่



บ้างก็โหนเชือกเล่น



บ้างก็ชิวๆ





บ้างก็...ห้อย ก็...โหน



เบื้องหลังความสำเร็จ



จุดหมายต่อปายยยยย เกาะหินงาม
โดดเด่นไปด้วยหินสีดำกลมเกลี้ยง มันวาว เมื่อโดนน้ำก้อนหินเป็นมันวาว
เล่ากันว่าหินทุกก้อนมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาหากใครนำติดตัวไปจะเกิดหายนะ









ปล. เดี๋ยวนี้เค้าห้ามเรียงหินแล้วนะ แล้วก็ถ้าอยากได้หินสีสวยๆ เอากระป๋องน้ำตักราดเลยครับ



เอ้ายกมือ



เปลี่ยนมาขาบ้าง



หรือจะนอน



ไร้สาระ เนอะ ว่ามะ

สภาพเกาะตรงกลาง เป็นลานหินกว้าง มีป้ายเตือน
เข้าใจว่าการเรียงหิน อาจจะไม่ได้ทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปมากนัก
แต่อาจจะเกิดอันตรายแก่นักท่องเที่ยวได้ ในกรณีที่เดินไปเตะหรือสะดุดหกล้ม



มุมของเกาะ มีที่ถ่ายรูปสวยๆแปลกตาอยู่บ้าง







และก็เป็นเหมือนทุกคืน ถนนคนเดินจ้าาาาา เดินอย่างกะตลาดนัดแถวบ้าน
แหล่งบันเทิงเพียงอย่างเดียวที่ เพื่อนๆ อยากไปเติมเต็มความสดชื่น ถึงกับเอ่ยปากบ่นว่า
เสียดายไม่ได้พก  พริกเกลือมาด้วย ไม่งั้นจะกินฝรั่งให้หมดเลย

คืนนี้เราพามากิน บุฟเฟต์ อาหารทะเล 555
มาทะเลทั้งที ก็ต้องกินอาหารทะเล แถมยังเป็นบุฟเฟต์อีกต่างหาก
ราคาก็ไม่แพงเลย(ถ้าเทียบกับครีมกันแดด) น้ำต่างหากนะจ๊ะ จะแพงก็ตรงนี้





ของสดมากกกกกกกกกก



โซนตรงนี้ ย่าง อย่างเดียว คีบๆ บอกเบอร์โต๊ะ







สลัดก็มี แต่ไม่ได้ถ่าย ลัทธิผม ห้ามกินผัก



มีปูผัดผงกะหรี่ด้วยนะ หมดเป็นเติม











เช้าวันที่สาม วันนี้เราตื่นแต่เช้า เพราะร่างกายต้องการ กาแฟสด
เพราะเวลาเรากลับมาจากดำน้ำเราจะไปกินไม่ทัน ร้านปิดเสียก่อน

Boom Barเวลาเปิด-ปิด 7:30-15:30
แนะนำเลย กาแฟรสชาติดีมากกก





บรรยากาศร้านสวย











มาช้านั่งข้างนอก ตากแดดกันไปตามระเบียบ



เริ่ม!!! วันนี้เรานั่งเรือกันนานหน่อย ประมาณ 1:30 ชั่วโมง เพื่อไป เกาะผึ้ง
โอ้โห ที่แรกก็สวยเลย เรียกว่าสวยที่สุด ประทับใจมากๆ เป็นทุ่งดอกไม้ทะเล กว้างมากๆ
ว่ายไปทางไหนก็เจอ ว่างหลงทางก็เจอ น้ำใสมากๆ เราถ่ายรูปกันได้ห่วยมาก ไม่ได้เสี้ยวของที่ตาเห็น





แจกฟามสดใส



เราอยู่ที่นี่กันนานพอสมควร

























เกาะรอกลอย อ่านว่า เกาะ รอ-กลอย
.....ในอดีต.....ชาวเลซึ่งหากินอยู่ในละแวกนี้ พาภรรยาไปรอบนเกาะแห่งหนึ่ง
ซึ่งบนเกาะแห่งนี้มี “ต้นกลอย” อยู่มาก และให้ภรรยาขุดหา “หัวกลอย” ไปเรื่อยๆ
ในขณะที่ตนเองก็ออกไปหาปลาแล้วจึงย้อนกลับมารับภรรยาในภายหลัง



สวยใส ไม่มีคำบรรยายใดๆ



หาดทรายขาว สวย เหมาะแก่การเล่นน้ำ



ใสจริงๆ





เดินขึ้นไปหลบร้อนและพักทานข้าวบนเกาะ มีทางเดินไปด้านหลัง ถ่ายรูปสวยๆได้หน่อยนึง





หรือจะชายหาด 







ออกเดินทางกันต่อไป
จำไม่ได้ว่าที่นี่เรียกว่าอะไร แต่เป็นแหล่งดำน้ำ เป็นทุ่งปะการังผักกาด



ความลึกประมาณนี้













จุดสุดท้ายกันเสียที เกาะหินซ้อน
ที่นี่เป็นแหล่งดำน้ำ ที่มีปะการังอ่อน สวยงาม

แต่

ด้วยความอ่อนเพลีย จากการเดินทางไกล จึงไม่มีใครลงดำน้ำกันซักคน
เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง





เช้าวันที่สี่ เรารีบตื่นขึ้นมา เพื่อดำน้ำ หน้าหาด
และเกาะหลีเป๊ะ ก็ไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลย น้ำอาจจะขุ่นไปสักหน่อย แต่ก็ยังถือว่าสวยกว่าไปดำที่อื่นๆมาก









รูปไหน ชัดๆ แปลว่าเอามาจากกล้องเพื่อน 555







อาบน้ำเสร็จ ก็รีบไปกินกาแฟ ของเค้าดีจริงๆนะ



เบื้องหลังความสะอาดของเกาะ



หมาหน้าเซเว่น ก็มีอยู่ทุกที่จริงๆ





เราเดินทางกลับกันตอน 9:00 ถึงท่าเรือปากบารา 11:00 โดยประมาณ
เห้ย เวลาเหลือ ขึ้นเครื่อง 17:00 ป่ะ ตลาดกิมหยง จากท่าเรือปากบาราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง

เราจ่ายเงินเพิ่ม 700 บาท เพื่อให้รถตู้ไปส่งเราที่ตลาดกิมหยง
และรอรับกลับไปส่งที่สนามบินตามเวลานัดหมาย

ช๊อปปิ้งงงงง
ห๊ะ!!! ไม่ได้ถ่ายรูป

ของฝากขึ้นชื่อที่นี่ขนม เครื่องสำอางค์ และมะม่วงเบาแช่อิ่ม ถั่วประเภทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถั่วพิสทาชิโอ
ราคาใกล้เคียงกันทุกร้าน 440-460 ที่แตกต่างคือความสดใหม่ เราทราบได้ด้วยการชิม และชิม และชิม เท่านั้น

งั้นข้ามไปตอนกินขนมเลยละกัน
ร้านนี้เป็นร้านขนมหวาน ตรงข้ามตลาดกิมหยงเลย ที่หร้าร้านเหมือร้านขายทองอ่ะ









สุดท้ายนี้ เราได้ของเล่นมาลองใหม่ นั่นก็คือ หน้ากากดำน้ำด้วยท่อหายใจ EASYBREATH®
ใช้ดีจริงๆนะ ไม่ต้องคาบท่อหายใจ ไม่เป็นฝ้า ไม่สำลักน้ำ ซื้อที่ไหน ไปหากันเอาเอง



กลับมาได้เป็นหนุ่มผิวสองสีกันเลยทีเดียว คือดำ กับดำมาก

โอเค พอนะ จบแล้วนะ


ที่มา Pantip
Cr. ตัวหนา ตาตี่