รีวิว "หนีเที่ยว เชียงใหม่" ขับรถไป 4 วัน 3 คืน


เปิดปีมางานก็ยุ่งเลยค่ะ แต่ทำไงได้อากาศมันดี เลยขอหนีเที่ยวซะหน่อย (นี่แหละคือที่มาขอกระทู้นี้)
ทริปนี้เกิดขึ้นมาอย่างกระทันหันมากจริงๆ เนื่องจากอากาศอยู่ดีๆก็หนาววววซะยังงั้น ที่กทม.ยัง 16-18 องศา
แล้วที่เชียงใหม่จะขนาดไหนนนนน คนที่ตกหลุมรักเชียงใหม่อย่างเราจะพลาดได้ไง 

พอเริ่มคิดจะไป ก็จองที่พักเลยค่ะ รออะไร....เราหาที่พักโดยมีคอนเซ็ปท์ว่า "ใกล้นิมมานในราคาไม่แพง"
ซึ่งโดยปกติเรามีที่พักประจำอยู่ แต่ช่วงนี้ก็ดันเต็มซะงั้น สงสัยคนจะแห่กันไปรับลมหนาวเหมือนกันแฮะ
หาที่พักอยู่หลายนาที....เราก็เจอที่ที่น่าสนใจชื่อ Vanilla Residence ตรงใจเลยค่ะ ราคาไม่แพง (ประมาณพันกว่าบาท)
ที่พักใหม่ ใกล้นิมมาน เรากดจองปุ๊บ เก็บของปั๊บเลยคร่าาาา ออกเดินทางเช้าวันรุ่งขึ้นเลย (บอกแล้ว ทริปนี้กระทันหัน)

ต้องออกตัวก่อนนะคะว่าการรีวิวนี้ใช้กล้องแค่ 2 ชนิดคือกล้องมือถือ และ Go Pro ซึ่งภาพอาจจะไม่ค่อยสวยเหมือนรีวิวคนอื่นโน๊ะ
แต่การรีวิวนี้มาด้วยใจล้วนๆค่ะ เพราะได้สาระความรู้มาจากพันทิปมาเยอะ
ก็เลยอยากทำรีวิวให้เป็นประโยชน์กับคนอื่นเค้าต่อบ้าง

เรามาเริ่มกันเลยนะคะ
เราเริ่มออกเดินทางเช้ามืดของวันที่ 28 มกราคม 2559 เวลา 04:30 น. ด้วยการขับรถคู่ใจกับคนรู้ใจ ฮิ้วววว
ขับๆแวะๆมาตลอดทาง ขับรถมา 8 ชม.เต็ม ระหว่างทางขอบอกว่าหนาวมาก ขับรถไม่เปิดแอร์เลยค่ะ
ประหยัดน้ำมันไปได้เยอะ ดูอุณหภูมิจากหน้ารถ อ๊ะ 16 องศาตลอดทาง กรี๊ดๆๆๆ
เวลา 12:40 เราก็ถึงวัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน แวะไหว้พระธาตุประจำปีเกิดซะหน่อย (เราเกิดปีระกาค่ะ)


สักการะพระธาตุเสร็จเราก็เริ่มหิวละ เลยเดินข้ามถนนจากหน้าวัดมาฝั่งตรงข้ามก็จะมีแหล่งขายของที่ระลึก
ซึ่งจะอยู่บนสะพานไม้ข้ามคลอง (สะพานขัวมุง) ให้เดินทะลุเข้าไปให้สุดเลยค่ะ
ตรงไปเรื่อยๆจะเจอร้านก๋วยเตี๋ยวซ้ายมือ ชื่อร้าน "ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำไย (เวียงยอง)"
เราไม่รีรอ รีบจ้ำอ้าวๆไปเลยจ้าาาาา ทีเด็ดของก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ก็คือการใช้ลำไยในการต้มน้ำซุป ราคาไม่แพงค่ะ 35 บาท
ส่วนตัวเราชอบแบบแห้งมากกว่า แล้วขอน้ำซุปมาซดร้อนๆ ได้ใจกว่า
ป้ายหน้าร้านมีเคลมไว้ว่า "ไม่ได้กิน ก๋วยเตี๋ยวหมูลำไย มาไม่ถึงลำพูน"
สำหรับเราร้านนี้ถือว่าโอเคค่ะ ไม่ติดใจมาก แต่ก็ถือว่าดีใช้ได้เลย เร็วๆ ง่ายๆ ราคาไม่แพง

(ด้วยความหิวค่ะ มาถึงก็คลุกเลยค่ะ ลืมถ่ายตอนมาใหม่ๆ)
13:30น. เราเริ่มออกเดินทางสู่เชียงใหม่กันดีกว่าค่ะ
เดินทางประมาณ 1 ชม. เราก็ถึงที่พัก Vanilla Residence 
ทางเข้าจะเป็นซอยเล็กๆซ้ายมือ เกือบถึงแยก Maya หรือแยกรินคำ (ถ้าถึงแยกตรงไปก็นิมมานละค่า)
ที่พักก็ดูใหม่มาก ตกแต่งน่ารักค่ะ เท่าที่ดูจะเหมาะกันคนที่ขี่จักรยานนะคะ เพราะเห็นมีตกแต่งเอาใจคนรักจักรยานมากกกก

(บริเวณด้านหน้าก่อนเข้า Lobby ค่ะ)

(ตรงนี้บริเวณ Lobby ค่ะ)
ที่นี่มีที่จอดรถให้ ดูปลอดภัยดีค่ะ ส่วนด้านในห้องพักก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบค่ะ
เราพักห้อง Superior Room ซึ่งก็มี Wifi, ทีวี, ตู้เย็น ตู้ใหญ่, ไมโครเวฟ ที่สำคัญสะอาดสะอ้านดีค่ะ


(รูปภายในห้องขอยืมมาจากเว็บของ Vanilla Residence นะคะ แต่ที่เราไปพักไม่มีเก้าอี้นั่งสีน้ำตาลเหมือนในรูปนะคะ)
พอถึงที่พักก็จัดการอาบน้ำและนอนเอาแรงก่อนค่ะ หลังจากผลัดกันขับ ผลัดกันหลับอยู่ 8 ชม. ของีบก่อนน๊า
Zzzzz Zzzzzzz

หลับเต็มอิ่มละ.....ตื่นมาก็หิวเลยค่ะ 555
17:00 น. เราออกเดินทางจากที่พักไปร้านที่คิดมาตั้งแต่ กทม.ว่ายังไงต้องทานให้ได้
นั่นก็คือ....ร้านนาซิ จำปู๋ ร้านอาหารที่ทั้งวิวสวย บรรยากาศดี อาหารอร่อย


(ภาพด้านใน และนอกร้าน)
เราเลือกนั่งนอกร้านนะคะ เพราะอากาศดีม๊าก ตอนนั้นประมาณ 17-18 องศา (ขอให้มาก่อนมืดนะคะ วิวดีจริงไรจริง)
เราสั่งอาหารไม่ดูทรงตัวเองเลยค่ะ คือแต่ละอย่างนี่คือพลาดไม่ได้จริง


และนี่คือโฉมหน้าโฉมงามทั้งหลาย อาหารที่นี่เค้าเอาดอกไม้และผลไม้มาประกอบอาหารนะคะ
การจัดจานนี่คือ อัจฉริยะอ่ะ สวยมากกกกก พอเข้าปากปุ๊บ....โอโห้ คือดีอ่ะแกรรรรร
อาหารที่สั่งมาก็มี กรอบเสวยเป็นออเดิร์ฟ, แฮมรมควันคลุกยำสตรอเบอร์รี่, โรตีฮังเลหมู
สันนอกเมี่ยงกระท้อน และพล่าปลาสลิด อย่าลืมสั่งน้ำกระเจี๊ยบรูทเบียร์ปั่นนะคะ หอมหวานอร่อยค่ะ

ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่แล้ว........
ระหว่างทานอาหารด้วยความชุ่มชื่นหัวใจ อยู่ๆก็มีทัวร์เกาหลีมาลงค่ะ
โอปป้ามากันประมาณ 20 คน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา.....
อีเด็กก็วิ่งซน พื้นที่เป็นไม้ก็สั่นไหวราวกับแผ่นดินไหว เสียงผู้ใหญ่ตะโกนคุยกันลั่น และผู้ชายที่มาพร้อมควันบุหรี่ขโมงใหญ่
สันนิษฐานว่านางคงนั่งรถทัวร์เป็นเวลานาน ทำให้อยากบุหรี่ถึงขีดสุด
จบเลยค่ะ บรรยากาศดีที่ว่ามาทั้งหมด

โชคดีที่เราและคุณแฟนกำลังจะทานอาหารเสร็จพอดี เลยรีบเรียกพนักงานคิดเงิน
แต่โชคร้ายของคุณพี่โต๊ะข้างๆค่ะ เธอน่าจะมาสวีทกับคุณสามี เราแอบเห็นเปิดไวน์จิบกันอย่างโรแมนติค
ก่อนกลับเราแอบได้ยินเธอพูดกับพนักงานเรื่องขอย้ายโต๊ะ (เข้าไปด้านใน)
พนักงานบอกเธอว่าจะไปกล่าวเตือนพวกพี่โอปป้าให้ แต่เธอก็สงสารทางร้าน กลัวโอปป้าไม่พอใจ
เธอเลยเป็นฝ่ายหนีเข้าไปในร้านซะเอง.....
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า....หากทางร้านจะรับกลุ่มทัวร์ ควรดูแลจัดการให้ดีกว่านี้นะคะ ไม่งั้นลูกค้าไทยหายเรียบ
ร้องไห้ร้องไห้

เราทานอาหารเสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปต่อค่ะ เวลาประมาณ 19:00น. เราก็เดินทางถึง....
.....เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี..... เย้เย้เย้
ยอมรับเลยค่ะว่าเคยมาเป็นครั้งแรก คนเยอะมว๊าก ทัวร์โอปป้า ทัวร์จีนมาเพียบ!
อุณหภูมิตอนนี้ราวๆ 12-14 องศา แล้วแต่จุดค่ะ 
เราก็นั่งรถตะลุยชมสัตว์หายาก สนุกดีค่ะ

อุ้ย..เจอเพื่อนด้วยค่ะ (แรดตัวซ้ายมือไง อิอิ) 
การมาครั้งนี้ทำให้ได้ความรู้อยู่ข้อนึงค่ะ คือ.....
เคยสงสัยกันไม๊คะว่า "ม้าลาย" เป็นสีขาวลายดำ หรือดำลายขาว
เค้าว่ากันว่าสีผิวที่แท้จริงให้ดูที่ อวัยวะเพศค่ะ !!! และคืนนั้นเป็นคืนที่อากาศหนาวเย็นทำให้เจ้าม้าลายนางก็คงอยากหากิจกรรมทำแก้หนาว
ดังนั้นนางจึงเผยสีผิวที่แท้จริงออกมาโชว์ค่ะ อยากบอกว่า ดำปื๊ดเลยค่ะคู๊ณณณณ  เสียดายที่ถ่ายรูปไม่ทัน แฮ่!

เสร็จจากการนั่งรถชมก็ลงต่อมาดูโชว์สัตว์นักล่าค่ะ สนุกดีนะคะ ใช้เวลารวมทั้งสิ้นประมาณ 1 ชม.ครึ่งค่ะ
จบหนึ่งวันที่คุ้มค่าแล้วค่ะ ไว้จะมาเล่าต่อนะคะ


กลับมาละค่า งานยังคงเยอะตามเดิม -"-

เข้าสู่เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง
29 มกราคม 2559
เนื่องจากที่พักที่เราไปพักเตียงค่อนข้างนุ่มและหมอนเตี้ยมาก ทำให้เราหลับไม่ค่อยสบายเท่าที่ควร
ก็เลยตื่นสายเล็กน้อย (หาข้ออ้างไปเรื่อย)
เราเริ่มต้นวันด้วยการทานอาหารเช้า ที่ร้านดินดี เป็นร้านเบเกอรี่เล็กๆสไตล์ญี่ปุ่นตรงมุมลานจอดรถ
ภายในบริเวณหอนิทรรศกาลศิลปวัฒนธรรม ม.เชียงใหม่ 
ลักษณะภายนอกเป็นบ้านดิน เรามาพบด้วยความบังเอิญ

เราสั่งกาแฟลาเต้ร้อน, แซนวิชเห็ด มาพร้อมกับโยเกิร์ตผสมธัญพืช หยอดน้ำผึ้งหอมๆ สลัดผัก และเฟรนฟราย, 
ข้าวผัดโกโบ (Japanese GOBO Fried Rice) โกโบเป็นรากของผักชนิดหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาปรุงอาหาร
นอกจากรสชาติจะดีแล้วยังช่วยลดไขมันและคลอเรสเตอรอลด้วยนะคะ และ ตบท้ายด้วยเค้กชาเขียว 
ขอบอกก่อนเลยนะคะว่าอาหารที่นี่เป็นอาหารชีวจิต หรือมังสวิรัติ ถือว่ารสชาติดีมากเลยค่ะ 
(แต่เสียตรงไม่มีเนื้อสัตว์ เลยทำให้ไม่ค่อยฟิน)
ส่วนกาแฟ หอมใช้ได้เลย และที่สำคัญเค้กชาเขียวนี่คือดีงามพระรามเก้า 
เยี่ยม
พออิ่มหมีพลีมันเวลาดี 10:40 น. เราก็ออกเดินทางสู่วัดเจดีย์หลวง ที่นี่มีที่จอดรถอยู่พอสมควรค่ะ
เราจอดรถที่วัดเจดีย์หลวงไหว้พระเสร็จก็เดินไปวัดพันเตาที่อยู่ข้างๆได้เลยค่ะ
พอดีช่วงที่เราไปมีงานอะไรไม่ทราบ ทางวัดเอาดอกไม้มาตกแต่งวัดสวยงามมากๆเลยค่ะ

(วัดเจดีย์หลวงค่ะ)

(ส่วนนี่วัดพันเตา)
อยากบอกว่าเสน่ห์ของการเที่ยวเมืองเชียงใหม่นอกจากของกินอร่อย ก็คือการมาเที่ยววัดนี่แหละค่ะ
วัดที่นี่สงบ สวย ต่างจากวัดที่กรุเทพฯค่อนข้างมาก อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวนะคะ

เพี้ยนแบ๊ว
12:20น. ได้เวลาท้องร้องแล้วค่ะ เราขับรถจากวัดเจดีย์หลวงไม่นานก็ถึงร้านแยงซีเกียง 
ร้านตั้งอยู่บนถนนนิมมานเหมินท์ ซอย5 เราตั้งใจมาทานเป็ดปักกิ่งที่นี่เลยค่ะ
ไม่ใช่เพราะว่าติดใจเป็ดหรอกนะคะ เดี๋ยวบอกให้ว่าติดใจอะไร อิอิ
มาถึงเราสั่งเป็ดปักกิ่ง แล้วเอาเนื้อเป็ดสั่งทำ 2 อย่างค่ะ คือทำเมี่ยง กับผัดกระเทียม

ส่วนตัวเราว่าน้ำราดเป็ดปักกิ่งออกหวานไปหน่อยค่ะ แต่เป็ดกรอบใช้ได้เลย แป้งห่อก็หนาเกินไป
สำหรับเมี่ยงเป็ดถือว่าอร่อยค่ะ เป็ดไม่มีกลิ่นสาบ เนื้อนุ่ม ที่สำคัญที่สุดก็คือผักกาดแก้วค่ะ
หวาน กรอบ เย็นชื่นใจ บอกเลยว่ามาเพราะชอบเจ้านี่แหละ
เนื้อเป็ดผัดพริกไทยดำก็ฉ่ำๆดีค่ะ โดยรวมอาหารที่นี่ถือว่าดีค่ะ
ทานกับน้ำเก๊กฮวยร้อนๆ ที่นี่เค้ามีเป็นกานะคะ ไม่หวาน
เราทานทุกอย่างหมดเรียบค่ะ.... เติมผักไป 3 รอบ ฮ่าฮ่าฮ่า!
หัวเราะ

14:00น. หลังจากทานอิ่มเราก็เที่ยวต่อเลยค่ะ 
ได้ยินกิตติศัพท์มานานเรื่องคุณปู่ฉำฉาเลยอยากไปเยี่ยมคุณปู่ดู
สืบทราบมาว่าคุณปู่อยู่ที่สโมสรยิมคานาใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาทีก็ถึงค่ะ
สโมสรที่ว่าก็คือสนามกอล์ฟนี่เอง ถึงที่หมายเราก็เดินหาคุณปู่ไม่นานก็เจอค่ะ 
คุณปู่คือต้นฉำฉา หรือต้นจามจุรี หรือต้นก้ามปูนี่เอง คุณปู่เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1898 นับไปนับมาก็ 118 ปีแล้วค่ะ
คุณปู่ต้นใหญ่ม๊ากกกกก ขนาดใช้ Go Pro ยังจะเก็บไม่หมดดีเลยค่ะ

แวะมากอดคุณปู่ให้ชื่นใจแล้วก็หาที่เที่ยวต่อไปค่ะ

หาไปหามาก็เจอแกรนด์แคนยอนเมืองไทย ใช้เวลาเดินทางจากสโมสรยิมคานาประมาณครึ่งชม. (18 กม.) 
เรามาถึงแกรนด์แคนยอนประมาณ 13:20น.
เราขับตาม Google Map ไปเรื่อยๆ คือบอกเลยว่าคิดว่าหลง ไม่มีป้ายบอกทาง ไม่มีวี่แวว
บริเวณรอบๆก็ดูจะเป็นบ้านเป็นที่ดินธรมมดาๆ จนถึงที่หมายเท่านั้นแหละ....
โอ้โหยยยยย ยิ่งใหญ่อลังการ เสียค่าเข้าคนละ 50 บาท เข้าไปถึงก็มีร้านอาหาร และจุดเช่าอุปกรณ์ต่างๆ
เราก็เดินสำรวจกันก่อนเลยค่ะ วันนี้แดดแรงมาก และพื้นที่บริเวณนั้นก็ไม่มีร่มเงาเลย อยากบอกว่าร้อนตับแล่บ
วันที่เราไปมีฝรั่งเป็นแก็งค์ๆ กระโดดน้ำกันตูมตามเลยค่ะ เสียวแทนจริงๆ เพราะมันสูงมาก
บางส่วนก็ว่ายน้ำ นอนแช่อยู่นบนแพกลางน้ำคอยเชียร์เพื่อน เห็นแล้วก็มันส์แทน

เราสองคนก็ลังเลค่ะ ว่าจะโดดหรือไม่โดดดี ใจนึงก็กล้าใจนึงก็กลัว 
ถ้าเอาเคสกันน้ำของ Go pro มาคงมีกระโดดแน่ๆ ด้วยอากาศก็ร๊อนร้อน โดดน้ำเย็นๆก็คงสบายอยู่
สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่กระโดดค่ะ เพราะเราเองที่กลัวลำบากในการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่อยากลุ้นว่าห้องน้ำจะสะอาดไหม 
นั่งเล่นดูฝรั่งโดดน้ำสักพักเราก็กลับค่ะ กลับด้วยความสงสัยว่าเจ้าแกรนด์แคนยอนเกิดขึ้นได้ยังไง
ก็ไปถามอากู๋ดูค่ะ สรุปว่าเกิดจากการที่เจ้าของขุดหน้าดินไปขาย จนเป็นหลุมลึก และมีน้ำขัง
และก็มีพวกที่ชอบความท้าทายมาแอบโดดน้ำเล่นกัน จนมีคนตาย!!! (เกือบละตรู -_-“)
เจ้าของก็ทั้งห้ามทั้งติดป้ายประกาศก็ยังมีคนแอบเข้ามา ก็เลยเก็บเงินค่าเข้าและมีอุปกรณ์ให้เช่าเพื่อความปลอดภัยกันไปเลย
พอรู้เรื่องก็แอบดีใจที่ไม่โดดแฮะ 555

ออกจากแกรนแคนยอนเมืองไทยที่ร้อยระอุก็เจอสวรรค์.....ไอติมวอลล์.....กรี๊ดดดดดด ถล่มรถเลยค่ะ ไม่รอช้า 

เย็นชื่นใจแล้วก็พร้อมออกเดินทางสู่น้ำพุร้อนสันกำแพง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที (26 กม.)
เรามาถึงน้ำพุร้อนประมาณ 17:00น. ค่ะ เสียค่าเข้าเท่าไหร่จำไม่ได้แล้วค่ะ
น้ำพุร้อนที่นี่เป็นระบบระเบียบสะอาดเรียบร้อยมากค่ะ บรรยากาศเป็นเหมือนสวนหย่อม 
มีร้านค้ากระจายอยู่โดยรอบ มีที่นั่งสำหรับให้นั่งแช่เท้ามากมายค่ะ
จริงๆมีให้เลือกว่าจะแช่เท้า หรือแช่ตัว มีทั้งบ่อรวม และบ่อส่วนตัว ซึ่งจะแยกหญิงชายนะคะ
เราเลือกแช่เท้าค่ะ นั่งแช่เท้าน้ำร้อนๆดูวิวภูเขา สวยงามค่ะ ชิลๆ ระหว่างนั้นอากาศก็เริ่มเย็นลงๆจนเริ่มหนาวแล้วค่ะ

เราแช่เท้า และเดินเล่น ประมาณ 40 นาทีก็กลับค่ะ 

ระหว่างทางไปร้านอาหารบังเอิญเจอวัดค่ะ
วัดอะไรก็ไม่ทราบ อยู่บนภูเขาสูงแต่ดูไม่ไกลจากจุดที่เราอยู่ก็เลยจอดรถแวะถามคนแถวนั้นว่าวัดอะไร
เค้าบอกว่าวัดพระธาตุดอยสะเก็ด เราก็เลยไปเลยค่ะ ตัดสินใจไปทันทีทันใดไม่รู้ตัว
ขับขึ้นไปถึงวัดก็มืดแล้ว ประมาณ 18:45น. แต่เนื่องจากยังเป็นหน้าหนาวอยู่ฟ้าก็เลยมืดเร็วค่ะ
ระหว่างทางเห็นมีนักปั่น 2-3 คนกำลังปั่นขึ้นมาเป็นเพื่อนกัน เราก็ค่อยหายหวั่น
ขึ้นมาถึงก็ไม่ได้น่ากลัวค่ะ เจดีย์สีทองสะท้อนแสงไฟ สวยงามมากค่ะ เราเลยถือโอกาสเวียนเทียนไป 3 รอบ
ได้มีวาสนามากราบพระบรมสารีริกธาตุโดยไม่ได้วางแผน อิ่มใจค่ะ แต่ท้องหิวแล้ววววว


19:15 น. เราก็เดินทางมาถึงร้านสวนผักโอ้กะจู๋ อยู่ที่อ.สันทราย วันนี้คนค่อนข้างเยอะค่ะ เราได้ที่นั่งชั้น 2 ในห้องแอร์
เราสั่งอาหารตามเดิมที่เราชอบทานเลยค่ะ ซี่โครงหมูสะพานโค้ง, สลัดผลไม้รวม เรียกว่าอร่อยสุดๆไปเลย
สลัดผลไม้รวมหวานเย็น สดชื่นมากๆๆๆๆๆ ส่วนซี่โครงหมูกะหอมอร่อย กลมกล่อม เอาไปเต็ม 10 เลยค่ะ รักมากพูดเลย
ก่อนกลับแอบเห็นเค้ามีขายมะเขือเทศเป็นกล่องๆด้วย เราเลยซื้อกลับมาทานเล่น ปกติเป็นคนไม่ได้ชอบทานมะเขือเทศ
แต่มะเขือเทศที่นี่เค้าหวาน หอมจริงๆค่ะ ได้ใจไปเต็มๆ

ทานอิ่มแล้วก็กลับที่พักนอนดูหนังค่า 
หมดไปอีกหนึ่งวันที่นับได้ว่าเที่ยวคุ้มสุดๆ


ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2990452