รีวิว เกาะพยาม ระนอง l ต้องลองไปใช้ชีวิตช้า ช้า ... 3 วัน 2 คืน

เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว 5-8 พ.ค. ที่ผ่านมา  จขกท.ก็คิดว่า ควรจะหาที่หลบรับลมร้อนสบายๆริมทะเล และเมื่อได้ลองอ่านรีวิวในหลายๆที่ ก็ตัดสินใจ เลยเอาว้ะ เอาที่นี่แหละ เกาะพยาม จ.ระนอง ที่ตั้งใจจะมาก็หลายที เลยลาพักร้อนวันที่ 6 แล้วเก็บกระเป๋าเลยค่ะ

                 ทริปนี้เป็นทริปมาทะเลอันดามันครั้งแรกของจขกท. ดังนั้นก็ค่อนข้างตื่นเต้น เลยหาอาสาสมัครร่วมทริปได้ 1 คนถ้วน โดยตั้งใจว่าจะมาแบบไม่จองที่พักใดๆ วัดดวงกันไปเลย ก็กดจองตั๋วรถทัวร์ไปกลับ กรุงเทพ - ระนอง ของโชคอนันต์ทัวร์ ซึ่งมีรอบเพียงแค่สองรอบเท่านั้น (และมีเเค่เจ้าเดียวด้วยค่ะ เจ้าอื่นเต็มหมดเลย)  คือ เที่ยว 8.00 เช้า และเที่ยว 3 ทุ่มสำหรับขาไป และขากลับมีเที่ยว 8.00 เช้า และเที่ยว 2 ทุ่ม ค่ะ ซึ่งเราเลือกเที่ยวรถตอนหัวค่ำค่ะ เพราะว่ากลัวว่าขากลับจะไม่ทัน   

                  และเพราะเที่ยวรถนี่ละค่ะ ทำให้ต้องปวดหัวไปนิดนึงเหมือนกัน แต่ก็สนุกดีค่ะ สำหรับทริปนี้ 

ปูลู จขกท.ไม่มีกล้องนะคะ ถ่ายโดยใช้โทรศัพท์ และปรับสีนิดหน่อยในเเอปค่ะ ส่วนตัวชอบภาพมืดๆนะคะ รู้สึกดูลึกลับดี (คิดไปเองด้วย)


                                     


วันเดินทาง นัดแนะกันว่ามาเจอกันที่บีทีเอสบางหว้า เพื่อต่อเเท้กซี่ไปขนส่งสายใต้ใหม่ รถติดพอสมควร แต่ก็ถึงที่หมายด้วยเวลาเหลือๆ เวลารถออกคือสามทุ่ม เรามาถึงทุ่มกว่าๆ เลยต้องหาอะไรทำก่อนเวลา จึงไปนอนนวดที่ร้านลีลาวดีค่ะ 

ถึงเวลาขึ้นรถ ก็ได้ที่นั่งจัดแจงเตรียมตัวหลับ แต่จขกท นอนไม่สบายเท่าไรเพราะขาสั้น และเส้นทางยาว 600 กว่าโล เตรียมใจไว้แล้วว่าต้องปวดขา ห้าทุ่ม รถจอดพักทานข้าว ก็ลงไปทานนิดหน่อย เพื่อจะได้นอนหลับ ปรากฎว่านอนไม่หลับจริงๆค่ะ เพราะปวดขา เข่า คอ หลับไม่สนิทเลย นอนจนหมดท่าให้พลิก ประมานตีสี่ครึ่ง รถจอดและไฟเปิด ก็พอดีได้เวลาปากเหม็นเพราะไม่ได้เเปรงฟัน มีทหารขึ้นมาตรวจบัตรปชช เราก้หยิบไปให้พี่เค้าดูค่ะ 





สักพัก ตีห้ากว่าๆ รถก็จอด เรามาถึงที่หมายแล้วค่า เย้!!!!!! ไม่ต้องทนปวดขาแล้ว พอเราลงรถ ก็มีพี่ๆเข้ามาถาม ไปเกาะพยามมั้ย มีสองแถวนะ ก็ตกลงราคาที่คนละ 50 บาท พี่เค้าบอกว่าเดี๋ยวรอสักพักรถจะออกแล้ว เลยฝากกระเป๋าไว้ที่รถสองแถว เพื่อไปแปรงฟัน ตอนเช้าอากาศเย็น จนหนาว ระยะทางจากบขสถึงท่าเรือต้องใช้เวลาประมานนึง จขกทถึงกับตัวสั่นไปเลยค่ะ ท่าทางจะมีฝนตกตอนกลางคืนค่ะ






ถึงแล้ววววววค่ะ ท่าเรือไปเกาะพยาม เเอบตกใจเล็กน้อยเพราะน้ำดูเเห้งเหลือเกิน เราเลือกนั่งสปีดโบ้ทไป เพราะว่าถ้าเป็นเรือธรรมดา ต้องรอถึง 10 โมง เลยไม่รอดีกว่าค่ะ เลยได้เรือสปีดโบ้ทรอบ 8.30 น.



นั่งเรือเเป้บเดียวก็มาถึงเกาะค่ะ ก็ต้องคิดถึงเรื่องที่พักแล้วว่าจะเอายังไงดี ก็ตัดสินใจว่าจะไปดูที่ Lazy Hut หรือไม่ก็ที่อ่าวกวางปีบก่อน ดังนั้นเราก็เลยต้องเช่ารถมอไซค์กันละ ได้มาเป็นน้อง ซูมเมอร์เอ็กซ์นี่ล่ะค่ะ  ราคาเช่ามอไซค์มีตั้งแต่ 150 - 200 บาทนะคะ ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดา ( ฮอนด้า ดรีม,เวฟ) 150 บาท และ เกียร์ออโต้ 200 บาทค่ะ 

คนก็เริ่มมาเยอะนะคะ คิวเริ่มยาว ตอนที่พวกเรากำลังคุยกันว่าจะพักที่ไหนระหว่าง อ่าวใหญ่กับ อ่าวกวางปีบ และก็งกๆเงิ่นๆกับการสตาร์ทรถ เพราะขับไม่เก่งทั้งคู่ ก็มีพี่สาวคนนึงค่ะ ช่วยแนะนำทั้งการสตาร์ทรถ และบอกว่าเส้นทางไปอ่าวกวางปีบค่อนข้างโหด ต้องขับขี่อย่างระวังนะคะ เราก็มองหน้ากัน เอาละสิ งั้นไปอ่าวใหญ่ละกันเนาะ



น้ำมันในรถมอไซค์ เค้าให้มาไม่เต็มถังนะคะ น่าจะเหลือจากลูกค้าก่อนหน้านี้ มีประมานขีดนึง ร้านเช่าก็ถามค่ะว่าเติมน้ำมันมั้ย 35 บาท 3 ขวด 100 เราตัดสินใจยังไม่เติม เพราะคิดว่าน่าจะพอขี่ไปได้ค่ะ 

หนทางเป็นถนนคอนกรีตนะคะ ค่อนข้างเเคบ หวาดเสียวทุกทีที่มีรถสวนทาง บางช่วงเป็นสะพานคอนกรีตเล็กๆ มีอันนึงค่ะ ที่มันจะหักนิดนึงตรงคอสะพาน กระแทกค่ะ จุกเเอ้ก!! เราขับเข้ามาตามทางวิ่งมาตามป้ายที่บอกไปอ่าวใหญ่ ตั้งใจมากว่าจะไปเลซี่ฮัท ระหว่างทางเป็นป่ายางนะคะ มีรีสอท บังกะโลตลอดทาง ลักษณะคล้ายๆกันคือเป็นบ้านไม้เล็ก หรือกระท่อมไม้ไผ่ค่ะ จนเห็นป้ายเลซี่ฮัท ก่อนถึงทะเล เราเลี้ยวเลยค่ะ ปรากฎว่าติดหล่ม 
แถมไม่ใช่ที่หมายด้วย ใจร้ายจังค่ะ!  เลยต้องโทรหาพี่เจ้าของ เค้าบอกว่าที่พักเต็มเเล้ว ให้ไปอีกที่นึงชื่อ บิ้กทรี บอกว่าพี่เค้าแนะนำมานะครับ

เราก็โทรไปติดต่อ คนรับสายเป็นผู้หญิงนะคะ บอกว่าขับมาจนเจอหาดเห็นร้านน้ำ ก็เลี้ยวเลยค่ะ บังกะโลพี่เค้าเลยมาจากเลซี่ฮัทนิดหน่อย ราคาคืนละ 800 บาท ริมทะเล ก็ตกลง

พอไปถึงเราก็งงอีกเช่นเคยค่ะว่า ไหนน้อ บิ้กทรี ผ่านเลซี่ฮัทไปเเล้วก็เจอบังกะโลบ้านไม่ไผ้ค่ะ มีคนดูแลเป็นสาวสอง อัธยาศัยดี เค้าบอกว่าว่างอยู่ค่ะ คืนละห้าร้อย เราก็อ้าวมะกี้บอก 800 สงสัยลดราคา ก็เอาเลย ลงชื่อไว้เลย แต่พอเงยหน้า อ่อ ผิดที่ ที่นี่ ดี เเลนด์ บังกะโลค่ะ ฮือ บิ้กทรี หนูขอโทษค่า

ที่นี่จะเป็นบ้านไม่ไผ่เล็กๆ เรียงกัน ด้านหน้าปลูกดอกไม้ไว้น่ารักๆ ด้านในไม่มีพัดลม มีห้องน้ำในตัวค่ะ ด้านหน้าเป็นชานเล็กมีเปลให้นอนเล่น จขกท.ชอบมากค่ะ 

พอดีรูปที่พักที่นี่อยู่ในกล้องเพื่อนนะคะ เดี๋ยวจะเอามาอัพอีกที เอาบรรยากาศตรงส่วนบาร์ไปก่อนะคะ 

เราสั่งอาหารมาทาน เจ้าของบังกะโลบอกว่า ถ้าเป็นอาหารทะเลต้องรอหน่อยนะคะ จขกท.สั่ง สปาเกตตี้ขี้เมาทะเลไปค่ะ เพราะดูเเล้วเหมาะกับนิสัยที่มาถึงปุ้บ สั่งคอกเทลก่อนเลยไม่รีรอ นอนอ่านหนังสือริมหาดแล้วค่ะ พอดีช่วงที่เรามาถึงเป็นเวลาน้ำลงค่ะ หาดกว้างวิ่งเล่นได้ ทรายสีค่อนข้างคล้ำ สงสัยไม่ทากันแดด //จะเล่นทำไมคะ มุกเเบบนี้




อาหารที่สั่งไปใช้เวลานานค่ะ ระหว่างนั้นก็มีลูกค้าเป็นฝรั่งมานั่งทานข้าวเหมือนกันค่ะ พักใหญ่เลย อาหารถึงจะมา แต่พอมาแล้วมันดีจริงๆนะคะ หน้าตาธรรมดา แต่เครื่อง กุ้ง ปลาหมึกเเน่นมากค่ะ และเยอะมากด้วย อร่อยค่ะ สำหรับมื้อแรก จขกท.แอบสังเกตว่า หลังจากนั้นแป้บเดียว ลูกค้าฝรั่งก้ได้อาหารตามออเดอร์ แปลว่าที่นานเนี่ย เค้าไปซื้อหมึก กุ้งมาทำให้ค่าาาา  โอย ไม่โกรธ ไม่โมโหหิวแล้ว



อ่าวใหญ่คลื่นเเรงมากนะคะ เพราะเป็นจุดที่รับลมได้มาที่สุด และไม่มีส่วนโค้งของเกาะมาบังทางลม พี่เจ้าของบังกะโลบอกว่าช่วงนี้ยังไม่ใช่หน้าซีซั่น หาดจะยังไม่สวยเท่าช่วงปลายปี แต่ว่าช่วงปลายปี ชาวต่างชาติจะเยอะค่ะ ห้องจะไม่มี ต้องจองที่พักก่อน จะเสี่ยงดวงแบบวันนี้ก็อาจจะลำบากนะคะ




จขกท.ตั้งใจว่าจะไปฮิปปี้บาร์ เเลนด์มาร์คของเกาะพยามให้ได้ ซึ่งพอเซิทดูก็เห็นว่าอยู่ตรงอ่าวเขาควายค่ะ ก็เลยลองไปดูค่ะ เผื่อว่าจะหาที่พักแถวนั้นด้วย เพราะกะว่าจะเมาแน่นอนค่ะ เมาไม่ขับนะคะ แม้จะไม่มีจ่าเฉยคอยซุ่มอยู่ตามหัวโค้งก็ตาม แต่เดี๋ยวจะล้มได้เเผลกันซะก่อน

ทางบริเวณกลางเกาะ ถนนจะกว้างขึ้นสามารถขับสวนกันได้ แต่พอเราขับตรงไปทางอ่าวเขาควาย ทางจะเริ่มเเคบลงและชันขึ้นค่ะ บางจุดก็ชันมา ระหว่างทางก็ดูที่พักไปพลาง มีอยู่เรื่อยๆค่ะ รวมถึงเพื่อนๆที่เตรียมชุดมาน้อย ทางเส้นไปอ่าวเขาควาย ร้านซักรีดมีตลอดทางค่ะ กิโลละ 50 บาท

จนในที่สุดเราก็มาถึงอ่าวเขาควายค่ะ 



เดาว่าจุดที่เราอยู่เป็นทางด้านล่างของอ่าว จะเห็นเลยว่าอ่าวมีลักษณะเป็นเส้นโค้ง
แต่ๆๆๆๆ ฮิปปี้บาร์ของหนูล่ะค้าาาาาาาา 

เรามาดูซักพักก็ขับต่อไป ออกจากอ่าวแล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ทางจะเริ่มเป็นป่ามากขึ้น จนเพื่อนอุทานว่า "ข้างหน้ามันต้องเป็นจูราสสิค ปาร์ค แน่นอน" มันก็เหมือนจริงๆนะคะ เราผ่านจังเกิล บาร์ ซึ่งเป็นบาร์ และมีบาร์บีคิว เเต่ว่ามันไม่ใช่ที่หมายค่ะ เลยไปนิดนึง ถึงจะเห็นป้ายไม้เล็กๆเขียนว่า Hippy Bar ดีใจมากค่ะ เลี้ยวววววววเลยยยยยยยย 

เข้าไปปุ้บ มันจะมีบังกะโลที่สร้างด้วยปูน ลักษณะเเยกเป็นห้องเดี่ยวเรียงกันเป็นแถวค่ะ ซึ่งเป็นที่หมายตาของจขกท. แต่ไว้ก่อนค่ะ ขอไปดูฮิปปี้บาร์ก่อน ฮิปปี้บาร์ก็อยู่ริมหาดเหมือนกันค่ะ เลยออกไปก็จะเป็น Restaurant ของ the sun resort 



สิ่งที่เราต้องการจากที่พักก็คือ ไฟฟ้าค่ะ บังกะโลตรงอ่าวใหญ่ จะมีเวลาเปิดไฟ คือช่วง 6 โมงเย็น ถึง เที่ยงคืน หลังจากก็จะปิดค่ะ แล้วจะใช้ได้อีกช่วง เที่ยงๆ เพราะว่าที่นี่ปั่นไฟกันเอง หน่วยละ 25 บาท ซึ่งบังกะโลตรงอ่าวเขาควายชื่อ ณัททริกา บังกะโล (ถ้าสะกดไม่ผิดนะคะ เจ้าของชื่อพี่เอ๋ค่ะ) มีไฟฟ้า 24 ชม. และเป็นห้องพัดลมค่ะ จขกท.โอเค เพื่อนโอเค และที่เกาะค่อนข้างมีลมตลอด  

บังกะโลอยู่ก่อนถึง ฮิปปี้บาร์นิดหน่อย สามารถเดินไปเล่นทะเล ไปฮิปปี้บาร์ได้สบายๆ สนนราคา 400 บาท ต่อคืนค่ะ  พี่เอ๋น่ารักและใจดีมาก สิ่งที่เราสัมผัสได้จากทุกที่คือ ไม่ว่าจะบังกะโลไหน คนดูแลและเจ้าของดูแลเราดีมากๆ อัธยาศัยดี  น่ารักทุกคนเลยค่ะ สิ่งนี่เป็นสิ่งที่เราประทับใจในทริปพยามครั้งนี้มากๆ 

จขกท.เป็นมนุษย์ติดกาเเฟค่ะ พอสบายใจ ได้ที่นอนแล้ว ก็ต้องหากาเเฟสดทานค่ะ เท่าที่อ่านรีวิวก็ยังไม่ค่อยเห็นรีวิวร้านกาเเฟ พอดีบังเอิญเห็นป้าย Fresh Coffee ของร้านอาหารสีฟ้าๆใกล้ๆท่าเรือ ก็เอาเลยค่ะ 

ร้านชื่อร้าน Fan's เข้าไปมีแต่ฝรั่งนั่งทานอาหาร มีสองสาวคอยเดินมารับออเดอร์ สวยน่ารักเเบบสาวชาวเกาะ จขกท.สั่งเอกซเพรสโซ่เย็น และเพื่อนสั่งโกโก้ไป ปรากฎว่า อร่อยมากกกกกกกกกกกค่ะ กาเเฟดีมาก เป็นการชงเอกซเพรสโซ่ที่ไม่ใส่นมแบบที่เราเคยทานกัน เป็นแค่กาเเฟใส่น้ำเเข็ง แค่นั้นอร่อยแล้วค่ะ ชื่นใจสองเเก้วใหญ่ 110 บาท ฟินตั้งแต่ท่าเรือจนกลับอ่าวใหญ่เลยค่ะ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่ร้านหาไม่ยากค่ะ ถ้าจะลองตามไป

ตอนเย็นเราเล่นน้ำที่อ่าวใหญ่ค่ะ คลื่นแรงจนสามารถพัดเราตีลังกาได้เลย ไม่เหมาะว่ายน้ำเล่นค่ะ เพราะจะโดนคลื่นซัดตลอด เล่นน้ำหมดแรง ก็นั่งทานอาหารที่ Lazy Hut ค่ะ เค้ามีโปรโมชั่นคอกเทล ทุกแก้ว 100 บาท ตั้งแต่ หกโมงเย็นถึงสองทุ่มค่ะ คนขี้เมาแบบเรา ไม่พลาดแน่นอน





ตอนที่เราสั่งอาหาร ปรากฏว่า พี่ผู้หญิงที่เราเจอตอนเช้า เค้าดูแลที่นี่อยู่ค่ะ พี่เค้าจำเราได้ด้วย น่ารักจริงๆ วันนี้เราสั่งอาหารมาทาน 2 -3 อย่างแต่ทีเด็ดคือ ไก่สะเต๊ะค่ะ มันดีงามมาก ทั้งไก่ ทั้งน้ำจิ่ม ดีหมดทุกสิ่งค่ะ 



เราทานเสร็จแล้วกลับที่พัก เราต้องรีบนอนก่อนเวลาเที่ยงคืนค่ะ เพราะเดี๋ยวจะร้อนจนนอนไม่ได้ พอมาถึงที่พักปุ้บ คุณแม่ของเจ้าของบังกะโลค่ะ ยกพัดลมมาให้ บอกว่าเดี๋ยวร้อนนะหนู เปิดพัดลมนอนไปก่อน น่ารักมากเลยค่ะ  แต่คืนนั้นร้อนจริงๆค่ะ พอไฟดับปุ้บ ห้องพักเราอยู่ด้านใน ก็อาจจะโดนห้องอื่นบังลมไปน่ะค่ะ แต่ไม่เป็นไร ยังไหวอยู่

ตอนเช้าเราไปฝากท้องที่ร้าน Fan's เหมือนเดิม ทานกาเเฟและมื้อเช้า กาแฟรสชาติยังไม่ผิดหวังค่ะ 
 


กลับมาปรากฎว่าน้ำขึ้นค่ะ ขึ้นสูงมาก มากกว่าเมื่อวานในเวลาเดียวกัน และคลื่นเเรงมากด้วย เราถามพี่แถวนั้น เค้าบอกว่า วันนี้น้ำขึ้นสูงแปลกๆ แต่ไม่ใช่สึนามิแน่นอน พี่เค้ายินดีสอนเล่นเซิร์ฟให้ด้วยค่ะ ถ้าเราสนใจ แต่ต้องรอน้ำลงกว่านี้หน่อย เสียดายที่เราย้ายที่พักไปอีกอ่าวค่ะ เลยอดเล่นเซิร์ฟ พี่เค้าบอกว่า เลี้ยงเบียร์พี่เค้าเเก้วนึง เป็นค่าสอน  



วันนี้เราตั้งใจจะไปทานข้าวเที่ยงที่บลู สกาย เพื่อสัมผัสความสวยงามที่เค้าว่ากัน เสียดายว่าตอนที่เราไปเป็นช่วงน้ำลง เลยไม่ค่อยสวย เราเลยไม่ได้ถ่ายมานะคะ ถ่ายมาเเต่อาหาร เราสั่งสลัดมาทาน กับน้ำปั่น เป็นน้ำมะม่วง อร่อยมากค่ะ สนนราคาเเก้วละ 100 ตอนที่เราไปมีโปรโมชั่นคอกเทล 2 เเถม 1 ด้วยค่ะ 



เรานั่งแช่กันสักพัก แล้วไปต่อค่ะ เราจะไปอ่าวกวางปีบค่ะ จะลองดูสิว่าทางมันโหดแค่ไหน 

ซึ่ง!!!!! โหดจริงค่ะ ชันมาก เลยตัดสินจอดรถไว้เเล้วเดินขึ้นไปค่ะ ตอนเรามาก็สวนกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กลับออกมา เค้าบอกว่านี่เดินขึ้นไป เหนื่อยมาก มีคนขี่มอไซค์เหมือนกันค่ะ จุเเต่พวกเราที่ประสบการณ์ขับน้อยนิด ไม่ได้จริงๆค่ะ ยอมเดิน 

  


และแล้วก็มาถึงค่ะ อ่าวกวางปีบ อ่าวที่เงียบที่สุด มีร้านอาหารอยู่ร้านเดียวตรงนั้น



ผูกมิตรกับเจ้าถิ่น



จริงๆแล้วเราลืมเล่าตอนเช้าค่ะ คุณแม่เจ้าของบังกะโลบอกว่าวันนี้ที่วัดมีงานทอดผ้าป่า คุณแม่ชวนไปวัดค่ะ พวกเราไปกันสาย หรือเพราะหาศาลาไม่เจอก็ไม่รู้ เพราะเงียบมากค่ะ 



เลยไปไหว้พระข้างบน แล้วก็ไปบลูสกายค่ะ 



ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 837073