รีวิว เจอของดีที่จันทบุรี 3 วัน 2 คืน



สวัสดีครับ เราจะมาแชร์ประสบการณ์ตอนไปจันทบุรี ทริปนี้เราไปกันเป็นระยะเวลาสั้นๆ 3 วัน 2 คืน

เริ่มต้นกันที่ เช่นเดิม อนุเสาวรีย์ฯ ขึ้นรถตู้บริเวณข้างเซนเตอร์วัน
รถตู้ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ความจริงก็นัดกันตั้งแต่เช้าๆ
แต่กว่าจะครบคนก็ได้ออกเดินทางตอนเก้าโมงพอดี ราคาก็สองร้อยบาท


ระหว่างทางก็ หลับบ้าง คุยบ้าง เล่นมือถือบ้าง สี่ชั่วโมงไวเหมือนโกหก
และแล้ว เราก็ถึงจันทบุรีแล้ว ต่อจากนี้หน่ะของจริง ตอนแรกว่าจะใช้บริการรถสาธารณะ
แต่ว่าบังเอิญมีการผิดแผนเกิดขึ้น เพื่อนเรามีรถกระบะว่างหนึ่งคัน
และมีเพื่อนเราขับรถเป็น 1 คน ทริปนี้จึงเป็นทริปที่เดินทางด้วยท้ายกระบะตลอดทริป และจะรู้ว่าแดดเมืองไทยไม่ใช่เรื่องตลก


เราใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากหาดเจ้าหลาวไปป่าชายเลนคุ้งกระเบน
ข้างในของป่าชายเลนคุ้งกระเบนจะมีทางเดินเชื่อมต่อกัน เป็นแนวยาว ด้านในจะมีต้นไม้ที่เขาปลูกไว้ มีปลาตีน



มีปู มีบรรยากาศที่เงียบสงบสวยงาม มีหอชมนก
เสียงด้านในจะก้องมาก พอพวกเพื่อนๆเดินเข้าไปหลายๆคนคุยกันเสียงดังก็ดังไปทั่วป่าเลย


หลังจากเราเดินเที่ยวอ่าวคุ้งกระเบนกันอย่างหน่ำใจแล้ว ก็ไปต่อกันที่จุดชมวิวนางพญา


ตอนเย็นๆ ลมพัด อากาศดี จุดชมวิวนางพญาเป็นจุดที่อยู่สูงขึ้นมาจากน้ำทะเล เอาไว้ให้คนมาเที่ยวได้เอนจอยกัน มีคู่แต่งงานมาถ่ายรูปกันด้วย
มีที่ให้คล้องกุญแคู่รักด้วย ไข่ปลาหมึกก็อร่อยมากราคาไม่แพง เพื่อนๆ ซื้อของกินกันประทังหิว


เดินถัดลงมาจากจุดชมวิวนางพญา ก็มีพวกโขดหินสูงๆไว้ให้ถ่ายรูปเท่ๆกัน ตามประสาวัยรุ่น



ณ ตอนนั้นก็ค่อนข้างเย็นแล้ว พวกเราตัดสินใจเข้าที่พักกัน ที่พักในคืนนี้ของเราก็คือ see shell ทั้งห้องก็อยู่กันหลายคน แต่จ่ายกันคนละ 400 บาท ตอนสามทุ่ม พวกเราก็ไปเล่นวิ่งไล่จับในสระน้ำกันอย่างสนุกสนาน




วันต่อมา พวกเราตั้งนาฬิกากันตอนเช้า เพื่อที่จะมีเวลาไว้เที่ยวมากขึ้น
เช่นเดิมขึ้นหลังกระบะ เผชิญหน้ากับแดดเมืองไทย



เราไปตึกแดงเพื่อไปชมประวัติความเป็นมาในอดีตของปืนใหญ่เมืองจันท์ ไปคุกขี้ไก่ เป็นคุกที่เอาไก่มาขี้ใส่นักโทษที่ทำผิด ด้านบนจะเป็นระแนงไม้เอาไก่ไว้ด้านบน แล้วด้านล่างก็ให้นักโทษเข้าไปอยู่ ได้เลี้ยงไก่และได้ทรมานนักโทษไปพร้อมกัน




ที่เที่ยวต่อไปเราคือ น้ำตกพลิ้ว เราเดินทางจากตึกแดงและคุกขี้ไก่ไปน้ำตกพลิ้ว เป็นเวลา 20 กว่านาที
น้ำตกพลิ้วต้องเสียค่าเข้าไปด้านใน ราคา 40 บาท บรรยากาศดีมาก ก่อนขึ้นด้านในมีร้านอาหารให้ซื้อกินกันเต็มข้างทาง พวกเราก็จัดข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำกัน ก่อนขึ้นไปเล่นน้ำตก



น้ำตกพลิ้วเป็นอุทยานแห่งชาติ ที่มีปลาพลวงหินเยอะมากกกกกกก แต่ก่อนคนนิยมนำถั่วฝักยาวเข้ามาให้ปลากินกัน แต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำมาแล้ว เพราะปลาจะไม่สามารถหาอาหารกินเองได้ มันจะทำลายระบบนิเวศ



ด้านบนน้ำตกมีชาวไทย และชาวต่างชาติมาเที่ยวเล่นกันมากหน้าหลายตา สามารถมาเที่ยวเล่นกัน เนื่องจากพวกเราไปกันวันธรรมดาคนจึงไม่เยอะเท่าวันหยุด ถ้าไปกันวันหยุดนะ หืม..  ปลาที่ว่าเยอะ คนยังเยอะกว่า
จบจากน้ำตกพลิ้ว ก็ไปถนนเส้นเลียบเมือง เข้าตัวเมืองจันทบุรี ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเข้าเมือง
อีกหนึ่งของดีเมืองจันท์ ก็คืออาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล เป็นโบสถ์โกธิคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
แต่... มันปิด ค่อยว่ากันพรุ่งนี้
พวกเราเลยไปเดินเล่นบริเวณเมืองเก่าริมน้ำจันทบูรณ์ แต่มันก็ปิดเหมือนกัน ค่อยไปพรุ่งนี้



เลยเข้าที่พัก เป็นโฮมสเตย์ ขอบอกว่า งานดีมาก ถ้าชอบบ้านพักที่ชิลๆ บรรยากาศกันเองเหมือนอยู่กันเป็นครอบครัว ตอนแรกที่เราเห็นบ้านพักครั้งแรก รู้สึกถึงพลังงานอะไรบางอย่าง ด้านข้างก็เป็นสุสาน ตัวบ้านทำมาจากไม้เก่า ให้อารมณ์บ้านเก่าๆ แต่คนเราอย่าเพิ่งตัดสินจากสิ่งที่เห็น ป้าเจ้าของบ้าน ใจดีมาก บ้านพักเราแบ่งออกมาเป็นสามห้อง แบ่งๆกันอยู่ก็สบายมาก





เช้าวันถัดมา ก็กินอาหารเช้า เป็นข้าวต้มกับปาท่องโก๋ รสชาติถูกปาก เป็นอาหารที่ป้าเจ้าของบ้านเตรียมมาให้
สิ่งที่พวกเราชอบมากที่บ้านพักก็คือบรรยากาศ มันผ่อนคลาย สบายใจ อยากย้ายสำมะโนครัวมาอยู่เลย หนีจากเมืองกรุงมาอยู่คงจะดี

เช้านี้เราเริ่มกันใหม่กับ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ที่เมื่อวานเย็นเราพลาดไป ที่นี่ค่อนข้างเคร่ง กางเกงขาสั้นห้าม สายเดี่ยวห้าม ต้องแต่งกายสุภาพ ก็เหมือนๆกับวัดทั่วๆไป แต่จะมากกว่าก็คือห้ามโพสท่าไม่สำรวม ต้องทำตัวเป็นสุภาพชน ดังนั้นจึงรู้สึกฝืนตัวเองมาก เพราะพวกเราไม่ใช่สุภาพชน




หลังจากเดินโบสถ์จนหนำใจแล้ว ก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวกั๊งป้าอี๊ด เด็ดมาก คนเยอะ รอกันร้อนๆเลย ถ้าไปสายๆอาจจะไม่เหลือให้กินแล้ว มาแล้วห้ามพลาด



เราเดินเล่นกันที่ริมน้ำต่อ เพราะเป็นตอนเช้าร้านค้าจึงเปิดตามปกติ จึงมาเดินสักหน่อยก่อนกลับ มีพิพิธภัณธ์เมืองจันท์ มีให้ซื้อของฝากด้วย มีขนมไข่ที่อร่อยมาก ที่ตรงนี้เป็นย่านเมืองเก่าริมน้ำ เป็นชุมชนเมืองเก่า จึงมีบรรยากาศที่เหมือนย้อนเวลากลับไปสมัยก่อน

สุดท้ายเราก็จบทริปกันที่ ศาลพระเจ้าตากสิน
ปิดท้ายทริปนี้ 



ค่าใช้จ่าย ต่อ 1 คน
วันที่ 1
    ค่ารถตู้ 200
    ค่าที่พัก 400
    ค่าอาหาร 200-400 (แล้วแต่คน)
วันที่ 2
    ค่าที่พัก 350
    ค่าอาหาร 200-400 (แล้วแต่คน)   

วันที่ 3
    ค่ารถตู้กลับ 200
    ค่าอาหาร 100-200 (แล้วแต่คน)

ค่าใช่จ่ายทั้งหมด 3 วัน 1650-2150

ที่มา Pantip