รีวิว กินอิ่ม นอนหลับ ณ หลีเป๊ะ 3 วัน 2 คืน

ทริปหลีเป๊ะนี้เราเริ่มเดินทางจาก ขอนแก่นไปสู่หาดใหญ่
การเดินทางเราใช้บริการของแอร์เอเชียค่ะ  เค้าเพิ่มเปิดเส้นทางใหม่มาช่วงปลายเดือน เม.ษ
ไฟล์ทเราออกเดินทางจากขอนแก่นเวลา 9.20 ถึงหาดใหญ่ประมาณ 11.30 
พอถึงสนามบินเราก็นั่งรถ Private Taxi ไปที่ท่าเรือปากบารา  ซึ่งการเดินทางรถ-เรือ เราใช้บริการของ Jolly Travel
ที่เราเลือกนั่ง Private Taxi เพราะว่าเราต้องการจะไปเรือรอบ 13.30 ถ้านั่งรถตู้กลัวจะไปไม่ทัน
แต่ถ้าใครอยากจะเช่ารถขับไปเองก็ได้นะคะ  เพราาะในสนามบินมีเค้าเตอร์บริการอยู่



รถที่เรานั่งมาท่าเรือ พี่ที่ขับรถชื่อ "อาเขต" ค่ะพี่เค้าน่ารักดี ชวนเราคุยตลอดทางเลย 
เราใช้เวลานั่งรถจากสนามบินมาที่ท่าเรือปากบาราประมาณ ชม. ครึ่ง
พี่เค้าพาเรามาที่หน้า office ของ Jolly Travel เลย อยู่ข้างๆ Sita  



เราเข้าไปติดต่อรับตั๋วเรือ และก็เดินหาซื้อสเบียง พวกน้ำ  ขนม  เพราะกลัวว่าบนเกาะจะราคาแพงมากกกกก
และเข้าไปภายในท่าเรือท่องเที่ยว เพื่อรับบัตรที่จะขึ้นเรือค่ะ 





ได้บัตรที่จะขึ้นเรือเรียบร้อยแล้วเราก็ไปรอ บริเวณที่จะขึ้นเรือ เรือเราเป็นลำที่ 2 จอดอยู่ด้านในสุดเลย
พี่เค้าก็จะให้เราเอากระเป๋าไปวางรวมกันเพื่อที่เค้าจะได้ยกกระเป๋าลงไปให้ก่อน จากนั้นก็ค่อยให้เราทยอยขึ้นเรือค่ะ 
เรือที่เรานั่งทั้งขาไป และขากลับจะเป็นเรือของ พลอยสยาม ค่ะ



ภายในเรือค่ะ  คนเต็มลำเลยทีเดียว



เราใช้เวลานั่งเรือจากท่าเรือปากบารา ไปเกาะหลีเป๊ะประมาณ 1.30 ชม. เรือจะไปจอดที่โป๊ะ ซึ่งตอนที่เราไปโป๊ะอยู่ที่ หาดซันไรซ์
จากนั้นต้องต่อเรือหางยาวที่จะเข้าไปที่เกาะ และก็ซื้อบัตรค่าเยี่ยมชมอุทยานด้วย
แต่ถ้าใครซื้อบัตรนี้ตอนเข้าไปเกาะตะรุเตาแล้วก็ไม่ต้องซื้ออีกค่ะ  เพราะบัตรนี้ใช้ได้ตลอดทริปเลย รวมทั้งวันที่เราไปดำน้ำด้วย

ที่พักเราอยู่ที่หาดซันเซ็ต  ซึ่งโป๊ะย้ายมาอยู่ที่ หาดซันไรศ์ ระยะทางห่างกันพอสมควร เรากับเพื่อนเลยตัดสินใจนั่งรถ Taxi บนเกาะเข้าไปที่พัก
ค่า Taxi คิดคนละ 50 บาท ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ก็ราคานี้เท่ากัน



ที่พักเราชื่อว่า "เบย์ วิว รีสอร์ท"  ที่พักนี้เราหาจากใน Agoda ค่ะ และก็โทรติดต่อไปยังรีสอร์ท
เราไม่ได้จองผ่าน Agoda โดยตรง เพราะค่าที่พักแพงกว่าที่โทรถามจากรีสอร์ทโดยตรง ตอนแรกก็ลังเลกับทีนี่
เพราะว่า ไม่ค่อยมีคนรีวิว  แต่ที่ตัดสินใจเพราะว่าราคาอยู่เกณฑ์ที่เราตั้งไว้ คือราคาไม่เกิน 1000 บาท เป็นห้องแอร์ มองเห็นทะเลได้ และก็รวมอาหารเช้า
ซึ่งทีนี่ถือว่าครบค่ะ  พอไปถึงรีสอร์ทที่พักเราก้เช็คอิน และเข้าห้องพัก สำรวจโดยรอบห้อง 
ที่นี่เป็นห้องไม้ มีแอร์  มีระเบียงให้สำหรับทานอาหารเช้า ซึ่งระเบียบจะสามารถมองเห็นวิวทะเลได้  



ในห้องมีโซพาให้ด้วยคะ  ทีวี ตู้เย็น ก็มีถ้าซื้อเบียร์มาแช่ก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากขนมา ที่พักเค้าก็มีเบียร์แช่ไว้ในตู้ให้ค่ะ



อันนี้ตรงบริเวณระเบียงค่ะ  ที่ห้องเราจะมีต้นไม้บังอยู่ แต่ถ้าได้ห้อง No.2 แบบรูปที่สอง จะสามารถเห็นวิวทะเลได้เต็มๆเลย





หลังจากเราเก็บของเข้าที่พัก และนอนพัก  ประมาณ 6 โมงเย็นเราก็ออกไปหาอะไรกินที่ถนนคนเดินกัน
พี่เจ้าของรีสอร์ทบอกเราว่ามีทางลัดเดินไปหาดพัทยาอยู่  แล้วเดินตามหาดไป ก็จะเจอถนนคนเดิน 

ถนนคนเดินบนเกาะมีของให้ซื้อมากมายเลย  ใครที่ลืมพกครีมกันแดดมาก็สามารถมาซื้อบนเกาะได้ค่ะ
ราคาก็พอๆกับใน Boots, Watson ในช่วงที่ไม่มีโปรลดราคา 50% หรือ 1 แถม 1 



ร้านอาหารก็มีหลากหลาย  ร้านนั่งชิว  ร้านเค้ก ก็มีนะคะ





แต่เลือกที่จะกินร้าน บุฟเฟ่ อาหารทะเล!!!!  สนราคาอยู่ที่หัวละ 499 บาท ไม่รวมราคาน้ำดื่มนะคะ
น้ำดื่มราคาค่อนข้างแพงอยู่พอสมควร ราคาโค้กขวด 1.5 ลิตรอยู่ที่ 80 บาท
อาหารทะเลถือว่าสดใช้ได้เลยนะคะ  กุ้งลายเสือ ปลาอินทรี  ปลาเก๋า  ปลาหมึก รายการอาหารสดเลือกที่หน้าร้าน
ส่งให้เค้าย่าง แล้วก็จะมาเสิร์ฟที่โต๊ะให้เลยค่ะ  (รับแต่ย่างเท่านั้นนะคะ  ไม่สามารถให้เค้าไปทำอย่างอื่นให้ได้)





นอกจากอาหารสด ก็จะมีสลัดบาร์  ของทอด รวมทั้งอาหารอื่นๆเช่น ปูผัดผงกระหรี่  กุ้งอบวุ้นเส้น  ข้าวผัด 
ถือว่ามีอาหารให้เราเลือกได้เยอะพอสมควร  ในความคิดเรา มาทานอาหารที่นี่ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียวค่ะ

หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็กลับเข้าที่พัก พร้อมบอกพี่ที่รีสอร์ทว่าพรุ่งนี้เราจะไปดำน้ำกันตอน 9.00 จะขออาหารเช้าตอน 8.00 
เนื่องจากว่าอาหารเช้าของที่นี่จะเป็นแบบจานเดียว เสิร์ฟที่ห้องพักเลย
อาหารเช้าก็จะเป็น ออมเล็ต ไส้กรอก มีเบคอน 2 ชิ้น ขนมปังปิ้งพร้อมเนย  และก็น้ำส้มคั้นอีก 1 แก้ว
ส่วน ชา กาแฟ ก็สามารถไปชงเองได้ที่เคาเตอร์ด้านล่างค่ะ


วันที่สองงงงง
เราไปแพลนว่าจะไปดำน้ำกัน ทั้งเกาะใน และเกาะนอก
แล้วเราก้หาข้อมูล เรือหางยาว สำหรับดำน้ำในพันทิฟนี่หล่ะค่ะ
ได้เรือหางยาวของน้องรอน  สนราคาอยู่ที่ 2500 บาท รวมชูชีพและสน็อคเกิล  เป็นราคาเกาะใน-นอก
ส่วนเรื่องอาหารกลางวัน และน้ำดื่มเราต้องเตรียมไปเอง    เวลาที่เรานัดจะไปดำน้ำกันคือตอน 9.00 
เรือมาถึงหน้าที่พักเราตอน 8.40 ถือว่าตรงเวลามากเลยทีเดียวค่ะ  



ดำน้ำวันนี้ เราได้ไปดำน้ำทั้งหมด 6 จุด พร้อมแวะถ่ายรูปอีก 3 จุดค่ะ  ที่แรกที่เราแวะ เป็นจุดถ่ายรูป เกาะหินงาม







มีศาล และป้ายบอกหน้านำหินกลับไปไว้ที่บ้าน  น้องรอน คนขับเรือบอกว่า มีบางคนเคยนำหินกลับไป
แล้วต้องกลับมาอีกครั้ง  เพื่อนำหินมาคืนไว้ที่เดิม    และที่เค้าห้ามซ้อนหินเพราะว่า หินจะหล่นลงมาโดนหินก้อนอื่นๆทำให้หินแตกเสียหายได้

จุดที่เราแวะถ่ายรูปอีกจุดหนึ่งคือบนเกาะรอ-กลอย  ทีนี่ น้องรอน พาเราขึ้นไปที่จุดชมวิวด้านบน และก็มีเกาะราวีอีดจุดที่พักเข้าห้องน้ำและถ่ายรูป







มาหลีะเป๊ะ ดำน้ำดูปะการัง คือไฮไลท์เลย เราได้ลงดำน้ำทั้งหมด 6 จุด
แต่จะจุดก็มีปะการัง ที่ต่างกันออกไปค่ะ  แต่ที่ประทับใจสุดคือร่องน้ำจาบัง  เพราะปะการังมีหลายสีมากกกกก
แต่ที่ร่องน้ำจาบัง เราได้แวะช่วงบ่ายๆ คลื่นตอนนั้นค่อนข้างแรง ต้องจับเชือกตลอด
น้องรอนบอกว่าถ้ามาช่วง 7-12 ค่ำจะเป็นช่วงที่น้ำนิ่งที่สุด  แต่วันที่เรามาเป็นขึ้น 15 ค่ำ คลื่นเลยแรงหน่อย

นอกจากปะการังแล้ว ยังมี หอยเม่น  ปลานีโม  ดอกไม้ทะเล แล้วก็อีกหลายอย่างเลย  เอาเป็นว่าไปดูรูปเลยแล้วกันค่ะ









ปะการังสมอง



อันนี้เค้าบอกว่าเป็น ปะการังโต๊ะ



อันนี้คืออะไรไม่รู้  แต่ว่ามันใหญ่ม๊ากกกก



ตามมาด้วยหอยมือเสือ และปลาดาว









หอยเม่นนนนน   อีกรอบ



น้องปลานีโมมมมมม   บางจุดนี่ออกมาให้ถ่ายรูป ไม่กลัวคนกันเลยทีเดียว  แต่บางจุดก้จะชอบซ่อนอยู่ในดอกไม้ทะเล





ต่อไปจะเป็นปะการังที่ร่องน้ำจาบังค่ะ  คือมันสวยมากจริงๆๆ









ช่วงที่เราดำน้ำเสร็จ กำลังจะขึ้นเรือก็เจอฝูงปลา มาอยู่ใกล้กับเรือเราพอดีเลย  น้องรอนบอกว่าปลาจะมาใกล้คนเพราะว่า เคยให้อาหารมัน
แต่ตอนนี้เค้าไม่อนุญาติให้ ให้อาหารปลาแล้ว เพราะจะทำให้ปลาเสียนิสัย
มันจะไม่หาอาหารเอง  และก็จะทำให้ระบบนิเวศในท้องทะเลเสียสมดุล





ที่มา Pantip
Cr. ปั๊ป ปา ดี๊ ดั๊บ