รีวิว จากหนองคายสู่เมืองเลย " เลาะริมโขง..ตามหาทะเลหมอก



..... หลายคนมีความสุขกับการเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ผมเองก็เช่นเดียวกัน การเดินทางในครั้งนี้ก็เหมือนกับหลายครั้งที่ผ่านมา เริ่มต้นจากการวางจุดหมายปลายทางที่จะพาผมและทีมงานเดินข้ามผ่านความสุขไปด้วยกัน... จึงเป็นที่มาของทริป "จากหนองคายสู่เมืองเลย "เลาะริมโขง..ตามหาทะเลหมอก"  ในครั้งนี้


เมื่อนึกถึง"..แม่น้ำโขง.." ในความทรงจำที่ผ่านมานั้นมันเลื่อนลางเสียเต็มที  จึงทำให้เกิดเป้าหมายที่จะต้องกลับไปรื้อฟื้นความทรงจำที่ผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อโอกาสมาถึงผมไม่รีรอที่จะเลือก เมืองหนองคาย  เลาะตามแม่น้ำโขงไปจนถึงเมืองเลยเป็นจุดหมายปลายทางของผมและทีมงาน
เราออกเดินทางในค่ำคืนวันที่ 8 มกราคม 2559 เพื่อให้ไปเช้าที่เมืองหนองคายเป้าหมายหลักสำหรับการเดินทางครั้งนี้
                               


หลังจากการขับรถอันยาวนานหลายชั่วโมง..จากรังสิตมุ่งสู่ปลายทางที่หนองคาย ผมเลือกเดินทางผ่านโคราช ขอนแก่น อุดรจนมาถึงหนองคาย โดยวางการเดินทางเป็นวงกลมเพื่อจะเก็บจุดท่องเที่ยวรายทางให้ครบตามแผนที่วางไว้....
    7 โมงกว่าผมและทีมงานก็เข้าสู่ หนองคายเมืองหน้าอยู่อันดับหนึ่งสำหรับผม...555  เป้าหมายแรกสำหรับวันนี้คือการเข้านมัสการองค์หลวงพ่อพระใส พระคู่บ้านคู่เมืองหนองคายเสริมศิริมงคลก่อนตะลอนทัวร์
                              

สะพานมิตรภาพไทย-ลาวทางผ่านก่อนลัดเลาะสู่ อ.สังคม เป้าหมายปลายทางในค่ำคื่นนี้ ความกว้างใหญ่ของแม่น้ำโขงจากจุดที่ยืนอยู่มองออกไปไกลสุดสายตา ผมให้เวลาตัวเองซึมซับความรู้สึกและบรรยากาศชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะลาจากไป
                                    


  ผมแวะนมัสการพระเจ้าองค์ตื้อพระพุทธรูปสำคัญอีกองค์หนึ่งประจำเมืองหนองคาย  บรรยากาศยามสายกับแสงแดดบางเบาทำให้ผมและทีมงานรู้สึกอบอุ่นอาจเป็นเพราะความสุขที่พวกเราตั้งเป้าไว้กำลังผ่านเข้ามาก็ได้....
                                 


วัดหินหมากเป้ง...เป้าหมายระหว่างการเดินทาง ลานหินริมน้ำโขงที่ปรากฎเบื้องหน้าอยู่เวลานี้มันดูเงียบสงบขนานกับสายน้ำโขงที่ไหลผ่านไปมาในทุกๆวัน บางครั้งความสุขของคนเราก็แค่นี้ผมเลือกที่จะปล่อยความรู้สึกไปกับภาพเบื้องหน้าทุกครั้ง มันทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราตามหาแท้จริงแล้วมันก็อยู่ตรงหน้าเรานี่เอง.....
                                 

                                 


.....สำหรับที่พักคืนนี้อยู่ที่ ราคา 500 บาทราคาหลักร้อยแต่คุณภาพเกินราคาจริงๆ.....5555  ผมเลือกที่จะไม่หรูหราอะไรมากมาย ขอแค่บรรยากาศได้ก็พอแล้ว บ้านพักหลังน้อย หน้าบ้านติดแม่น้ำโขงมองไปไกลสุดตา แค่นี้เกินคุ้มแล้ว
                                  
                            
หลังจากเติมพลังใส่ท้องผมและทีมงานก็ตะลุยอำเภอสังคมทันที....อำเภอเล็กๆที่ทำให้ผมหลงใหลได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง วัดผาตากเสื้อ จุดชมวิวอันดับต้นๆที่ใครก็ไม่ควรผลาด ภาพการบรรจบของสายน้ำโขงเบื้องหน้ามองผ่านจากยอดเขาทางขึ้นสู่วัด 
                                  
                                  


หากนึกถึงอำเภอสังคมคงหนีไม่พ้นการขึ่นภูห้วยอีสัน ชมทะเลหมอกยามเช้าแต่สำหรับผมและทีมงานนั่นคือ1ใน2สิ่งที่เราตั้งเป้าหมายไว้ในการมาอำเภอสังคมคราวนี้ ...5555
  ช่วงเย็นยามที่อาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าผมและทีมงานมาพร้อมกันที่ครัวไม้น้ำร้านอาหารและบ้านพักเพื่อปฎิบัติภาระกิจอีก1อย่าง นั้นคือการนั่งเรือเลาะริมโขงชมความงามยามอาทิตย์อัสดง....ผมเคยได้ยินพันโขดแสนไคร้สถานที่เที่ยวกลางลำน้ำโขงและอีกไม่กี่นาทีผมก็จะได้รู้แล้วว่าของจริงนั้นเป็นเช่นไร......
                                  
                                                   หากต้องการบรรยากาศกางเต๊นท์ริมโขงที่นี่ก้อมีไว้บริการ


เรือหางยาวลอยลำอยู่ริ่มตลิ่งรอรับผมและทีมงานสู่กลางแม่น้ำโขงผืนน้ำกว้างใหญ่เบื้องหน้า พี่ผู้ชายท่าทางใจดีกล่าวคำทักทายก่อนที่เราจะก้าวขึ้นเรือ...นอกจากความสุขจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆแล้วการได้พูดคุยสัมผัสชีวิตคนพื้นเมืองนี่แหละอีกหนึ่งความสุขที่ได้กลับมาทุกครั้งจากการเดินทาง
                         
หลังจากที่ใส่เสื้อชูชีพเรียบร้อยแล้วพวกเราก็พร้อมกับการโลดแล่นกลางลำน้ำโขง..สายลมยามเย็นกระทบผิวหน้ายามเรื่อแล่นฝ่าสายน้ำบวกกับละอองน้ำที่กระเด็นรอบทาง การเดินทางเรียบง่ายแต่อบอวนไปด้วยเรื่องราวมากมายที่ผ่านกาลเวลา
                         
                         
                        


ความงามของเกาะแก่งกลางลำน้ำโขงในยามเย็น  ความเงียบสงบที่ปกคลุมไปด้วยเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา  แสงแดดที่สาดกระทบกับพื้นผิวน้ำ
ผมและทีมงานซึมซับกับความสุขเบื้องหน้า..วันเวลาที่นำพาให้เราได้พบกันและสุดท้ายก็พาเราจากกัน เหมือนรอยเท้าบนพื้นทรายที่จางหายยามที่น้ำเอ่อล้นจากขอบฝั่ง 
                                                                     
                                                 
                              

จุดที่เรายืนนี้ยามฤดูน้ำหลากจะท่วมจนมิด มองเห็นเป็นผืนน้ำเวิ้งว้างกว้างสุดสายตา จนไม่สามารถล่องเรือเที่ยวได้เนื่องจากกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด
                               
                               
  พี่คนขับเรือยื่นคุยกับชาวบ้านที่ลอยเรือหาปลา บางคนเป็นชาวบ้านจากฝั่งลาวบ้านพี่เมืองน้องที่แม้สายน้ำก็ไม่อาจกั้นได้ ผมลองพูดคุยกับพี่ๆในกลุ่มรอยยิ้มไมตรีมีให้กันไม่ขาดสาย  จนอยากหยุดเวลาไว้แบบนี้นานๆ..5555   ก็ไม่รู้เพราะเหตุผลอะไรผมถึงชอบคุยกับชาวบ้านพื้นเมืองแบบนี้ ผู้คนที่ไม่มีการปรุงแต่ง แต่งดงามด้วยหัวใจจริงๆ นี่แหละที่ผลเรียกมันว่า "กำไรชีวิต..สำหรับการเดินทาง "
                               
                                


ผมรอจนพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าจึงพากันนั่งเรือกลับขึ้นฝั่ง เช่นเดียวกับพี่ชาวประมงชาวลาวที่ขับเรือกลับสู่ฝังลาวเช่นกันและก้อไม่ลืมที่จะกล่าวคำอำลากับนักท่องเที่ยวอย่างพวกผม แม้จะเจอกันในช่วงเวลาอันสั้นก็ตาม....
                             
ระหว่างทางพบเเท่นหินอยู่กลางลำน้ำสอบถามพี่คนขับเรือบอกว่ามันคือหลักเขตแบ่งแยกระหว่างไทย-ลาว  ผมจึงถือโอกาสไปถ่ายรูปสักนิดนึง  555
                             
                             
                             
                                         ลากันด้วยแสงสุดท้ายก่อนตะวันจะลับขอบฟ้า..
                   เสน่ห์ของการล่องลำน้ำโขงคงไม่สามารถอธิบายได้นอกจากการที่ได้มาสัมผัสด้วยตนเอง .......
                            


เป้าหมายเช้านี้คือการตามล่าทะเลหมอก ที่ภูห้วยอีสัน  เราตื่นกันตั้งแต่ตี่4กว่าเนื่องจากต้นขับรถไปยังอบต.บ้านม่วงที่อยู่ห่างไปประมาณ20กม ระยะทางที่นำพวกเราขึ้นสู่ยอดภูดูทรหดพอสมควร กับรถอีแต๋นพาหนะสำหรับการเดินทางเช้านี้ ผมและทีมงานรวมทั้งผู้คนรอบข้างต่างเฝ้ารอว่าพี่หมอก..เป้าหมายของพวกเราจะมาเมื่อไหร่..55555
                                      
                                      
สุดท้ายพี่หมอกก็ไม่มา เนื่องจากเมื่อคืนมีพร่ำตกพร่ำๆจึงทำให้ไม่เกิดหมอกในช่วงเช้าวันนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามผมและทีมงานก็ยังถือว่าคุ้มเกินคุ้มกับการที่ได้มาเยือนภูห้วยอีสันในเช้านี้แม้จะไม่เกิดทะเลหมอก แต่ภาพบรรยากาศของแม่น้ำโขงที่มองจากยอดภูมันก็ทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปได้อย่างงดงาม  ความงดงามของธรรมชาติที่ปรากฎเบื้องหน้าในเวลานี้  ทำให้ผมอดอิจฉาชาวสังคมไม่ได้กับของขวัญชิ้นนี้
                                                     
                                     
                                     
                                     


หลังจากร่ำลาทะเลหมอกในตอนเช้า ...ผมและทีมงานก็เดินทางไป ยังอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย  เมืองเล็กๆริมโขง ระหว่างเส้นทาง
ลัดเลาะตามสายน้ำมีจุดชมวิวให้เราสัมผัสหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ " หนองปลาบึก"  เกาะแก่งมากมายกลางลำน้ำโขงช่วงปลายหนาวปรากกฎเป็นแผ่นภาพกว้างใหญ่สุดสายตา
                            
                            
  ผมและทีมงานเลือกที่จะพักห่างจากตัวเมืองพอสมควร ที่พักหลักร้อยกับวิวหลักล้านแค่นี้ก็เกินคุ้มแล้วสำหรับการเดินทางครั้งนี้
                              

เวลาบ่ายกว่าๆผมและทีมงานก็พร้อมตะลุยเมืองเชียงคาน...เมืองที่วันเวลาหมุนช้าๆ "  แก่งคุ้ดคู้คือจุดหมายปลายทางแรกของพวกเรา  โขดหินขนาดมหึมาทอดตัวขว้างกั้นสายน้ำโขงยาม น้ำลดจะปรากฎหาดทรายกว้างสามารถลงไปเดินเล่นได้                     
                              
                              
จุดหมายต่อไปคือไปไหว้พระใหญ่วัดภูคกงิ้ว   ระยะทางเลาะตามริมน้ำโขงบริเวณที่ตั้งองค์พระเป็นจุดเริ่มต้นของแม่น้ำโขงที่ไหลสู่ภาคอีสาน
                            
                            


เช้าวันนี้เราเตรียมพร้อมที่จะขึ้นไปดูทะเลหมอกที่ภูทอก หลังจากที่พลากจากภูห้วยอีสัน ในเช้าวันก่อน  บรรยากาศเช้านี้อบอวนไปด้วยไอหมอกจากแม่น้ำโขงหน้าบ้านพัก ทำให้พวกเราใจชื้นขึ้นมาบ้าง..55555
เราเอารถไปขจอดที่ด้านล่างภูเนื่องจากต้องนั่งรถที่ชาวบ้านจัดเตรียมไว้ บรรยากกาศข้างบนคนเยอะพอสมควรแม้จะเลยช่วงเทศกาลมาแล้วก็ตาม
                          
                           
                           
                           
.การลัดเลาะริมโขงในครั้งนี้ทำให้ผมและทีมงานได้พบกับความสุขของการเดินทางอีกครั้ง..ไม่ต้องมีอะไรมากมายแค่ทีมงานคุณภาพและเป้าหมายของการเดินทางดีๆซักแห่งก็พอ.................
                          


ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 2287364