รีวิว บันทึกการเดินทาง " ปางอุ๋ง-ปาย เมืองหนาว ที่แสนอบอุ่น



     เชื่อว่าในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา หลายต่อหลายคนคงได้ไปเที่ยวพักผ่อนกายและใจ(ยกเว้นเงินในกระเป๋า)กันมาบ้างแล้วน่ะครับ และแต่ละคน แต่ละครอบครัวก็คงจะมีสถานที่ใจดวงใจ ทั้งใกล้และไกลแตกต่างกันออกไปอย่างแน่นอน
     เมื่อช่วงต้นปีนี้ผมเองก็ได้ไปพักผ่อนเช่นเดียวกับใครหลายๆคน โดยสถานที่ที่ผมได้ไปสัมผัสอากาศหนาวก็คือ โครงการพระราชดำริปางตอง 2 หรือที่รู้จักคือ ปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในประเทศไทยเรานี่เองครับ มีลักษณะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง เรียกได้ว่าหนาวจับใจ จับ... กันเลยทีเดียว
และสถานที่ต่อมาก็คือ อำเภอปาย หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า "ปาย" นั่นเองครับ และแน่นอนว่า 2 สถานที่นี้อยู่ใกล้ๆกัน สามารถนั่งรถไปได้อย่างง่ายดายเลย อิอิ

     ก็พูดมากมาสักพักนึงแล้ว ก็มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่าครับ โดนกระทู้นี้จะแนะนำเกี่ยวกับ สถานที่พัก การเดินทาง อาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว แล้วก็ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ น่ะครับ โดยการเดินทางจะเดินทางทั้งหมด 5 วัน(4-8 มกราคม) รวมเวลาที่นั่งรถไว้แล้วน่ะครับ จุดเดินทางจาก กรุงเทพ-แม่ฮ่องสอน โดยไม่มีรถส่วนตัวแต่อย่างใดครับ ไม่เสียเวลาไปเริ่มกันดีกว่าครับ

     วันที่ 1 (4 มกราคม 2559)
เริ่มออกเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าหมอชิตเลยละกันน่ะครับ เดินทางกันทั้งหมด 4 คน (จริงๆมี 6 คน) ไหนๆก็เหลือกัน 4 คนก็ไม่เป็นไรครับยังคงความสนุกสนานได้อยู่ 5555+ 


ก็มาถึงกันจนได้ครับ 4 คน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เริ่มถ่ายรูปกันเลยละกัน 555+ หลังจากนั้นกล้องก็อยู่ที่คอผมตลอดเวลา // เริ่มเดินทางอย่างจริงจังสักที
หลังจากนั้นเราก็โบกแท็กซี่ หาร 4 ไปลงกันที่หมอชิต 2 กัน ใช้เวลาไม่นานครับ เรื่องราคา หาร4กันไปคงไม่เป็นไรหรอก 555+
     ลืมบอกไป คือผมโทรไปจองตั๋วรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ครับ ราคา 806 บาท (ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมี 6 บาท) พอมาถึงหมอชิต2 ก็เอาหลักฐานไปยื่นเพื่อแลกตั๋วรถครับผม โดยรอบที่ได้เป็นรอบ 17.30น. 

ได้ตั๋วมาแล้ว เวลายังเหลืออยู่นิดหน่อย ก็หาอะไรยัดท้องกันไปพลางๆครับ กลัวอยู่บนรถแล้วหิว 5555+ เรื่องกินนี่ยอมไม่ได้เลยจริงๆ

เอาของไปซ่ะเยอะเลย //หลังจากหาของรองท้องกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวขึ้นรถครับ โดยไปที่ชานชลาที่กำหนดไว้ในตั๋ว Let's go !

จริงๆแล้วบนรถทัวร์ เค้าก็มีน้ำมีของว่างแจกน่ะครับ แต่ว่ารสชาติมันแบบว่า.... พอเดินทางมาสักพัก ประมาณ 5ทุ่มกว่าๆ ก็ถึงจุดพักรถแล้วครับ ที่นครสวรรค์ พักกินข้าวเข้าห้องน้ำกัน ตั๋วที่จองจะมีอาหารให้ทานด้วยน่ะครับ เป็นบุฟเฟ่อาหาร สามารถทานได้ เดี๋ยวเรามาดูกันครับว่ามีอะไรกันบ้าง

โดยอย่างแรงที่ผมเดาๆว่าต้องมีคือ ข้าวผัดครับ 555+ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้าซื้อหวยนี่ถูกรางวัลไปแล้วครับ 5555+

อย่างต่อมาก็คือ .....เอิ่ม เค้าเรียกว่าไรน่ะ กุนเชียงใช่ไหม นั่นแหละใช่เลย เป็นกุนเชียงยำซ่ะด้วย แหม๋ = =''

อย่างต่อมาคือ แกงกะทิหมูเด้ง ฟังดูดี หน้าตาหน้ากินเลยทีเดียว แต่ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้ครับ เห็นหน้าตาดีดีอาจจะใจร้ายก็ได้ครับ 

สุดท้ายก็ถึงขั้นตอนการรับประทานครับ เป็นการเอาอาหารมาประมวลไว้ในจานเดียวกันครับ ทำให้ดูน่ากินที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใช้แสงช่วย ใช้มุมกล้องช่วย เอ้าลุยยย !!

พอกินเสร็จแล้วมาเล่าถึงรสชาติกันบ้างครับ เริ่มที่ข้าวผัดของเรา แหม๋ รสจืดไปนิดครับ ข้าวแข็งเชียว 555+ ยำกุนเชียงก็ ...ก็กุนเชียงแหละครับ ไม่รู้จะพูดยังไง ต่อมาแกงกะทิหมูเด้งของเรา เรามาคำนวณกันดีกว่าครับ แหม๋ รสชาติก็เป็นไปตามกรรมครับ จืดเชียว 555+ หมูเด้งนี่ หมูประมาณ 1% ครับ แต่พอกินสามอย่างรวมกันก็อร่อยดีน่ะครับ เป็นงั้นไป!! จริงๆแล้วรสชาติก็ถือว่าไม่โดดจนเกินไปน่ะ ถ้าเป็นคนกินรสอ่อนก็พอได้ครับ ไม่แย่ ^^

    วันที่ 2 (5 มกราคม 2559)
หลังจากปากและท้องอิ่มก็หลับยาวมาถึงประมาณตี1 รถก็เริ่มเข้าโค้งอย่างต่อเนื่องจนต้องลืมตาขึ้นมาดู แต่ก็พบว่ามองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากต้นไม้ในความมืด มองลึกออกไปอีกเป็นหลุมดำๆ นึกในใจว่า "เอะ!!นี่กูอยู่ไหนเนี้ย มืดชิบ ?" คือมืดจริงๆครับ มองไม่เห็นไรเลย //จริงๆแล้วรถกำลังขึ้นเขา เข้าแม่ฮ่องสอนแล้วครับ เพราะเพื่อนข้างๆเปิดมือถือดูเส้นทาง 555+ โล่งใจ นอนต่อ = =''
     ลืมตาอีกทีก็อยู่แม่เสรียงแล้วครับใกล้จะเช้าพอดี อากาศหนาวมาก อุณภูมิลดฮวบเลยครับ ประมาณ 10 กว่า ไหนๆก็จอดแล้วขอเก็บรูปสักใบละกัน บอกแล้วไงครับว่ากล้องอยู่ที่คอตลอด

หลังจากนั้นรถก็เดินทางต่อ พระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นแล้วครับ ความสวยงามก็เริ่มแสดงพลังของมันแล้วครับ "ผมว่าธรรมชาติมันจะสวยงามที่สุด กับคนที่มองเห็นมันจริงๆครับ ไม่ใช่ด้วยตา ...แต่เป็นด้วยใจ" 

ในที่สุดก็เช้าจนได้ เย้ๆๆๆ และสุดท้ายก็ถึงแล้วครับ สถานีขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาน 8 โมงน่ะ ถ้าผมจำไม่ผิด

คือหมอกยังหนาอยู่นิดหน่อย แต่อากาศนี่สิ แน่นอนยังคงหนาวมาก 555+ หลังจากนั้นก็ทำตามแผนที่วางไว้ครับ คือติดต่อรถเหลืองเพื่อต่อรถไปยังปางอุ๋ง เป้าหมายอันแสนยิ่งใหญ่ของเรา พอดีเจอลุงใจดีครับก้อตกลงกันไว้ว่ารถออกกี่โมง เวลลาไหนบ้าง ถามรายละเอียดต่างๆนาๆ ได้ความว่า 
---ขาขึ้นที่รอบ 9.00 น. กับ 14.00 น.**
---ขาลงที่รอบ ตี5 กับ 11.00 น.**

โอเคยังเหลือเวลา ก็ตามแบบนักท่องเที่ยวครับ คือถ่ายรูป 5555+

อันนี้เป็นภาพด้านหลังของสถานีน่ะครับ หมอกจางๆ ทุ่งนา ภูเขา บ้านหลังเล็กๆ กับดอกไม้ ช่างเป็นองค์ประกอบที่ลงตัวมากครับ งดงามทีเดียว ^^ 
ได้เวลาเดินทางกันแล้วครับ ตื่นเต้นจริงๆเลย 

"การเดินทางมันมีความหมายเสมอ ทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น 
ได้ปล่อยวางเรื่องราวที่เลวร้าย ...และมันทำให้เราพบเจอกับสิ่งที่เรายังคงไม่รู้อีกมากมาย"

แหม๋!! กำลังซึ้งเลย รถจอดและ = ='' 5555+ ถึงตลาดสายหยุดแล้วครับ นั้งรถไม่ถึง 5 นาที หาของกินสิครับ รออะไรอยู่หรืออออ 
เดินไปเดินมาก็มาสะดุดกับร้านก๋วยจั๊บ เรา4คนมองหน้ากัน ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปสั่งอาหาร หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปสั่ง "ป้าครับ .....บลาๆๆๆ"


มาแล้วววววว โดนไปสองเมนูด้วยกัน คือ ก๋วยจั๊บ กับไข่กะทะ (ของผมคนเดียว อิอิ) ลืมบอกไป จากรูปที่เป็นประตูตลาดร้านจะอยู่ซ้ายมือครับ เป็นร้านเล็กๆ รสชาติอร่อยมากครับ อากาศหนาวๆ ตัดกับน้ำซุปก๋วยจั๋บร้อนๆ ตามด้วยไข่กะทะ โอ้โห ฟินมากกก เขียนไปหิวไป

     หลังจากนั้นก็กลับมาขึ้นรถกันต่อ คราวนี้ยาวเลยครับ จนถึงแน่นอน 5555+


แอบเอาวิวข้างทางมาฝากครับ อดไม่ได้จริงๆ ^^

---**จ่ายเงินรถเหลืองไปคนละ 90 บาท //ถ้าไป-กลับ ก็ 180 บาทครับ**---

     นั่งรถประมาน 1.30 ชั่วโมง ก็ถึงแล้วครับ ที่พักของเรา "บ้านลุงปาละ" ครับบ้านลุงนี่แหละครับ ไม่ใช่ลุงที่เป็นญาติผมน่ะครับ (จะพูดทำไมให้งง) คือชื่อของที่พักครับ เจ้าของชื่อลุงปาละครับ ลุงเค้าใจดีมากเลย แอบได้ยินมาว่า กาแฟของลุงอร่อยมาก เดี๋ยวเรามาชิมกัน อิอิ



สภาพภายนอกสวยจัง ดูเป็นธรรมชาติมากเลยครับ เดินเข้ามาดูข้างในกันบ้างดีกว่า แหะๆ

ต้นไผ่ใหญ่มากกกกกกกกกกกก 

ด้านหลังบ้านลุงมีที่ชมวิวด้วยน่ะ สวยงามไปตามระเบียบ


มาดูที่พักของเรากันบ้างดีกว่าครับ ว่าจะเป็นยังไง ไปเลยยยย

ที่พักเป็นแบบนอนได้ 6 คนน่ะครับ แต่เราไปแค่ 4 กว้างเลยทีนี้ //ชื่อบ้านว่า บ้านต้นขนุน จะเจอผีขนุนไหมน่ะ 5555+ ไม่น่ามีหรอกครับ 

มาดูที่นอนกัน

อาจจะดูไม่น่านอนน่ะครับ แต่ว่าจริงๆแล้วบ้านลุงบรรยากาศดีมากครับ เป็นสัดส่วน มีที่ก่อไฟผิงไฟด้วยน่ะ สวยงามมาก 
ที่นอนพร้อม เก็บของพร้อม 5555+ ก็ทำตามแผนต่อไปคือ ไปที่อ่างเก็บน้ำครับ(ปางอุ๋ง) เก็บภาพตอนกลางวัน แล้วกลับมากินข้าว
---**ราคาที่พัก บ้านลุงปาละ คืนละ 800 บาท // หาร4 คนละ 200 บาท**---
จากนั้นก็เดินไปที่อ่างเก็บน้ำกันครับ ประมาณ 500 เมตร ก็ถึง แต่รูปสวยๆของบ้านลุงยังไม่หมดครับ อิอิ


"ธรรมชาติสร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้เราแล้ว แต่เรามักจะมองข้ามมันไป ...ทั้งๆที่มันอยู่ใกล้ตัวเราเพียงแค่เอื้อม"

     เดินออกมาหน้าหมู่บ้านก็รู้สึกสงบมากครับ ทั้งที่เป็นช่วงปีใหม่ แต่ที่นี่ดูสงบและสะอาดมากๆ นี่สิ สุดยอด!!

เดินไปเรื่อยๆกินบรรยากาศกับไปก็ไปสะดุดกับร้านโปสการ์ดเข้าให้ครับ เพื่อนผู้หญิงนี่วิ่งเข้าไปคนแรกเลยทีเดียว 5555+ สุดท้ายก็ซื้อติดมือมาจนได้ 


ทำไมมันดูญี่ปุ่นจังฟร่ะ 555555+


กำลังเลือกกันมันมือเลยทีเดียว ส่วมผมหน่ะหรอ ถ่ายรูปสิครับ !! 


    หลังจากซื้อโปสการ์ดเสร็จแล้ว ก็เดินต่อไป ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนมาถึงจนได้ครับป้ายทางเข้า ถ่ายรูปสักหน่อยตามระเบียบ

ต้นไม้ของที่นี่สูงใหญ่มากครับ ส่วนมากเป็นต้นสนซ่ะส่วนใหญ่ มีพวกกล้วยไม้ด้วยน่ะ อุดมสมบูรณ์ดีทีเดียวครับ



     รู้สึกจะเสียเวลากันเกินไปและ 5555+ ไม่ถึงสักที 500 เมตร เดินกันชั่วโมงกว่า = =''
สุดท้ายก็มาถึงจนได้ ลงมือถ่ายรูปเก็บไว้ไปตามระเบียบ ไปชมกันครับ อาจจะไม่ค่อยส่วยเท่าไรเพราะว่าแดดลงหัวพอดีครับ แดดแรงมาก อากาศอุ่นขึ้นมาทันทีเลย



แนนตั้งบ้าง


"คนเราหาความสุขได้ง่ายๆ รอบเราเราเองครับ เพียงแค่เปิดใจ และปล่อยวาง"


     แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกหิวข้าวมากๆครับ เลยตัดสินใจกันว่าจะกลับไปทานข้าวกันที่บ้านลุง แล้วมาลุยกันต่อกับแสงตอนเย็นครับ go go!!
กลับมาถึงก็สั่งอาหารสิครับ ส่วนตัวผมชอบกินข้าวผัดกะเพราน่ะครับ ถ้าด่าผมว่าสิ้นคิดน่ะครับ 5555+

พร้อมกับสั่งชามะนาวมาหนึ่งแก้ว โอ้โห ตาสว่างเลยครับ เข้มข้นมากกกกกกกกกกก อร่อยมากก ผมชอบชามะนาวเปรี้ยวแบบนี้แหละใช่เลย !!
ส่วนผัดกะเพรารสชาติอร่อยมากครับ แต่ผมว่าน้ำมันเยอะไปนิดนึงครับ อร่อยกว่าข้าวผัด กับแกงหมูเด้งแน่นอน 5555+ ราคาไม่แพงครับ ราคาปกติ
     กินเสร็จก้อเข้าพักผ่อนแปปนึงครับ เดินทางนานมาก เพิ่งได้พัก เพิ่งคิดได้ว่าต้องเหนื่อย = ='' 
แอบเอาหน้าลุงมาฝากครับ อิอิ หล่อเชียว

แอบไปเห็นลุงตากกาแฟไว้ที่จุดชมวิว เลยเก็บภาพมาฝากกันครับ


รสชาติกาแฟผมไม่ได้ชิมหรอกครับ แต่เพื่อนผมชิม มันบอกว่า "อร่อย" จบครับ

     ในที่สุดก็ถึงเวลาออกล่าอีกครั้ง ฮึฮึ ไปถ่ายรูปอ่างเก็บน้ำตอนเย็นกัน เริ่มต้นด้วยต้นสนสุดคลาสสิค


ได้แสงเย็นมาสองรูป พระอาทิตย์ก็ใจร้ายเหลือเกินรีบจากกันไปเร็วเหลือเกิน 
//ไม่เป็นไร โปรแกรมที่ยิ่งใหญ่ของเราก็กำลังจะมาถึงครับ นั้นคือ "หมูกระทะ" นั่นเอง 55555+ มาเริ่มกันที่หาทำเลเหมาะสำหรับปิ้งย่าง go go!!

ที่นี่สามารถสั่งหมูกระทะมาทานได้ ชมบรรยากาศ สัมผัสความหนาวกันไป ทานกันไป สุดยอดไปเลย
---**ราคาหมูกระทะ นี่ผมไม่แน่ใจจริงๆ น่าจะชุดละ 300 น่ะครับ**---
---**แต่ผมเพิ่มหมูไปถุงละ 80 บาท 3ถุง น้ำจิ้มอีก 1 ถุง**---
---** ราคาที่ผมกินกัน 600 บาท หาร4 คน 150 บาทครับ ถือว่ารับได้ **---

ลงมือทานกันอย่างอร่อย หนาวไป ย่างไป ฟินไปอีกแบบ ได้บรรยากาศสุดๆ หาที่กรุงเทพไม่ได้แน่นอน

พอตกดึกอุณภูมิลดเร็วมากครับ หนาวจนเจ็บแขนเลย ทำยังไงละครับ ทางออกที่ดีที่สุดคือ เตาไฟจากหมูกระทะนี่แหละครับมีประโยชน์ที่สุด ผิงไฟไปสิครับ

จากนั้นก็นั่งคุยกันยาววววววว ขุดเรื่องมาคุยกันสารพัด จนง่วงนอนในที่สุด นี่แหละครับที่เค้าเรียกว่า "หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน" เลยตัดสินใจไปนอนกัน พรุ่งนี้เช้ามาลุยกันต่อ ...

วันที่ 3
(6 มกราคม 2559)


     ในที่สุดก็เข้าวันที่ 3 แล้วครับ พยากรบอกว่าพระอาทิตย์ขึ้น 7.00 น. ก็เลยเลทได้นิดหน่อย //ตอนแรกกะว่าจะออกไปตอน ตี4 จะบ้าหรอ หนาวจะตายครับ 7 องศา (อันนี้เรียกโชคดีหรือโชคร้ายครับ เพราะตอนถามชาวบ้าน เค้าบอกว่าช่วงนี้หนาวที่สุดในรอบปีแล้ว 555+)

     ออกไปถ่ายรูปกัน ตอนเช้าเป็นนาทีทองที่สุดสำหรับการถ่ายแสงครับ มันจะสวยที่สุด ช่วงไม่เกิน 9 โมง **--







หมอกตอนเช้าที่นี่สวยมากครับ สวยมากจริงๆ บางทีเห็นแค่รูปมันอาจจะไม่เท่าได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ผมพยายามถ่ายมาให้สวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ จะได้เข้าถึงความรู้สึกกันได้









     อิ่มอกอิ่มใจ หายเหนื่อยกันไปแบบหมดสิ้น แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่คืออิ่มท้องครับ ก็เป็นเวลาอันสมควรแล้วที่เราจะกลับไปที่พักเพื่อหาอาหารเช้าทานกัน ระหว่างทางชาวบ้านก็จะขายของกันครับ พวก กาแฟ ของทำบุญตอนเช้า มันย่าง ขนม //แต่ที่สะดุดตาที่สุดคือคุณยายคนนึงครับ กำลังทำกับข้าวอยู่ ก็เลยเดินเข้าไปคุยด้วย คุณยายก็เป็นมิตรดีครับ ยิ้มให้ด้วยความอบอุ่น แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป คุณยายแร็ปเหนือมาเลยครับ 555+ ฟังไม่ทัน แถมยังฟังไม่ออกอีกต่างหาก เวรแท้ ผมได้แต่ยิ้มแล้วก้อตอบไปว่า "ครับ" พร้อมกับยิ้มให้คุณยายหนึ่งที แล้วก็พูดต่อไปว่า "ผมขอถ่ายรูปหน่อยน่ะครับ" คุณยายก้อยิ้มรับ แปลว่าได้แล้วมั้ง 5555+ เอารูปมาฝากครับ

ช่างเป็นอะไรที่อบอุ่นจริงๆ ชาวบ้านยิ้มให้อย่างใจดี ผมชอบมาก ^^
ว่าแต่ลืมอาหารเช้าไปได้อย่างไร มาถึงที่พักก็สั่งอาหารครับ สั่งเป็นข้าวต้มเห็ดหอมไก่ กับใส้กรอกทอด ไปชิมกันเลย

รสชาติอร่อยครับ เหมาะแล้วที่เป็นอาหารเช้า คลายความหนาวไปได้เยอะเลยทีเดียว

     หลังจากที่ทานข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็กลับเข้าห้องกันไปทำธุระ เก็บของเตรียมเช็คเอาท์ออกกัน เพราะว่ารถเหลืองจะมารับตอน 11.00 โมงครับ พอเก็บเสร็จก็มานั่งคุยกับลุงครับ ลุงฟังเพลงสากลด้วยน่ะจะบอกให้ เห็นแบบนี้อินเตอร์ใช่เล่นเลย
พอรถมาก็บอกลาคุณลุง กล่าวขอบคุณที่ให้ที่พักและความทรงจำดีดีแบบนี้ ไว้ถ้ามีโอกาศจะมาพักใหม่ แล้วเจอกันน่ะครับ ^^


การเดินทางต่อไปคือจากขนส่งแม่ฮ่องสอนตรงไปที่อำเภอปายครับ พวกเราเลือกที่จะนั่งรถเหลืองไปครับถึงปาย คนละ 100 บาท ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงครับ พอขึ้นรถได้ก็หมดแรงกันแล้ว เพราะต้องนั่งรถมาประมาณเกือบ 2 ชม. เพื่อลงมาจากปางอุ๋ง ลงมาถึงขนส่งก็ต่อรถทันที สภาพหรอครับ ตามภาพเลย เบลอไปหมด

เดินทางด้วยเจ้ารถเหลื่องคันนี้แหละครับ

ขอตัดภาพไปเลยละกันน่ะครับ งีบแปป ถึงแล้วเจอกัน ^^

ในที่สุดก้อมาถึงแล้วครับ โค้งจะเยอะไปไหน = ='' ถึงแล้วก้อเอาของลงสิครับ เตรียมเข้าที่พักที่จองไว้

ก็คุยกันว่าจะเข้าที่พักยังไง ก็ตัดสินใจกันว่าเช่ามอเตอร์ไซค์ขับกัน 1 วัน พอไปติดต่อก็ได้ราคาดังนี้ครับ 
----**คันละ 200 บาท มัดจำ 1000 บาท พร้อมบัตรประชาชน***---
---**ได้มา 2 คัน 400 บาทครับ คนละ 100 บาท // ส่วนมัดจำจ่ายแค่ 1000 บาทเท่านั้น**---

     หลังจากนั้นก็ถามทางว่าที่พักของเราไปทางไหน ชื่อที่พักคือ "บ้านน้ำฮู" ครับผม เค้าก็บอกว่าไม่ไกลมาก ตรงไปก็ถึง 
แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นแบบนั้นสิครับ คือ ทุกอย่างมันผิดหมด ไม่บ่แม่น มันบ่ช่ายย ชายรับบ่ได่ .... คือสภาพเก่ามาก เหมือนไม่ได้ดูแลแล้วเป็นปีๆ ที่พักเก่าผุพัง ไม่มีไฟตามทางเดิน อ่านแบบนี้คงไม่เห็นภาพ ไปดูกันดีกว่า





ที่เห็นมีหลอดไฟทางเดินนี่ ใช้ไม่ได้น่ะครับ ผมสัมผัสมาแล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้เห็นข้างในน่ะเนี้ย บรรยากาศจะวังเวงไปไหนเนี้ย ไร้ผู้คน เงียบสงัดเหมือนคนละโลกกับตอนที่ถึงถนนคนเดินเลย = ='' เริ่มรู้สึกแปลกๆ ไปดูต่อดีกว่า

หน้าต่างรูขนาดนี้ตอนกลางคืนยุงกัดตายแน่นอน เพราะติดที่พักเป็นบ่อน้ำขัง มีไข่ยุงเพียบ แบบรูปข้างบน




อย่างหลอนอะครับ T^T // ไปดูห้องน้ำกัน surprise madafaka มากก 555+



     พอเห็นสภาพแบบนี้พวกเรา 4 คน ก็นั่งคิดว่าจะเอาไงดีกันซักพัก ก็ได้ข้อตกลงกันว่าจะออกไปหาที่พักอื่นแทน แล้วทิ้งที่นี่ไป //
**อย่าเพิ่งด่าพวกเราว่าโลกสวยหรือจริตสูงอะไรน่ะครับ เป็นคุณหนูหรือป่าว บอกเลยว่าไม่ใช่ครับ** 
แต่ผมมองถึงความปลอดภัยของเราครับ ตกดึกมืดสนิด ข้าวของพวกเราก้อเยอะ กล้อง 4 ตัว ราคาก็หลายแสนบาทแล้วครับ ไหนจะสัตว์มีพิษอีก งู ตะขาบ แมงป่อง บลาๆ ถูกกัดใครจะรับผิดชอบครับ พวกผมมองถึงเรื่องพวกนี้มากกว่า

     จริงๆแล้วที่พักนี้ผมหาเอาทางเน็ตครับ ที่นี่มีเวปไซต์ด้วยน่ะครับ http://www.bannumhoohomestay.com/ เห็นไหมครับว่าต่างกับของจริงขนาดไหน //ความรู้สึกของผมเหมือนโดนหลอกมา เหมือนเค้าโกหกเราครับ 

"เจอคนแบบนี้ ในสังคมแบบนี้ แย่จริงๆครับ //อยากขอความเห็นใจด้วยครับ"

     ข่าวร้ายกว่านั้นคือ พวกผมจ่ายมัดจำไปแล้วครับ คืนละ 1400 กะว่าจะนอน 2 คืน 2800 บาท บอกเลยว่าไม่อยู่แล้วครับ ส่วนเงินมัดจำหนะหรอ ไม่เอาคืนก็ได้ครับ ยอม บายครับ จบไปกับที่พักนี้~~~~

    

--**บางทีผมก็อยากจะเตือนน่ะครับ ว่าถ้ามีคนจะไปเที่ยวแบบผม แล้วสนใจที่พักนี้ ก็พิจารณากันให้ดีดีน่ะครับว่าคุ้มค่ารึป่าว**--


สุดท้ายก็หอบกระเป๋าออกจากบ้านทรายทอง โดยที่คุณชายเจ้าของไม่รู้ เพราะไปข้างนอก 555+ [เพลงบ้านทรายทองนี่ขึ้นมาเลยครับ]

=========================================


    มาตั้งหลักกันไหน โดยขับมอเตอร์ไซค์ไปที่ร้านเช้าอีกครั้ง แล้วถามหาที่พัก ก็ได้ความว่า มีที่พักดีดีอยู่ไม่ไกลนี้ ชื่อว่า "บ้านโชคดี" แหม๋แค่ชื่อจะไปรู้อะไรละครับ ก็เลยตัดสินใจไปดูที่นั่น ปรากฏว่า----



โอ้โหหหหหหหหหหห !! เหมือนอยู่กันคนละโลกครับพี่น้องครับ  อยากจะจุดพลุฉลอง (เยอะไป)
ก็ขอดูห้องครับ เค้าก็ใจดีพาไปดู แนะนำอย่างดี 


ห้องน้ำ




หลังจากนั้นก็ตกลงจ่ายเงินเข้าพักครับด้วยความรวดเร็วเพราะอยากเก็บของ อยากอาบน้ำ อยากพักผ่อนจากการนั้งรถขึ้นเขา เป็นร้อยๆโค้ง 
--**รวม 2 คืน ก็ 3000 บาท ครับ**-- 
เมื่อตกลงได้กุญแกเป็นที่เรียบร้อย ก็ตามสภาพครับ เละ!!


ยังมีบรรยากาศให้ชมอีกน่ะครับ ไปดุกันดีกว่า

ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วยน่ะครับ แต่ว่าคัยจะเล่น หนาวจะตายครับ = =''



"ถึงจะสุขใจแค่ไหน ...ก็ไม่เท่าได้อยู่บ้านของเราครับ"
ที่นี่มีแมวด้วยน่ะครับ ยังจะเป็นโรงแรมแมว 555+ วิ่งเพล่นพล่านตรงห้องนอน อยู่ 3 ตัวครับ 555+ น่ารักดี แต่ถ่ายมาได้แค่ตัวเดียว ชื่อ"เชียงคาน" รึป่าวผมไม่แน่ใจ แต่ได้ยินคนแถวนั้นเรียกแบบนั้นครับ หน้าตาแบว่า "พวกแกมาทำไรบ้านฉันน"

พอเปิดห้องทีนึง มันได้ยินเสียงประตูมันรีบวิ่งมาเลยครับ 555+ ไวจริงๆ โฟกัสไม่ทันเลย


ไม่รู้มันนั่งรออะไรของมัน 555+


ที่พักหลังข้างๆ ก็สวยดีครับ 


"จบไปครับ กับการหาที่พัก เหนื่อยจริงๆ แต่เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาก"

มาต่อครับ หลังจากที่ได้ที่พักแล้วก้อพักผ่อนครับ อาบน้ำอุ่น เปิดแอร์ นอนกันสบายใจเลยครับ ตามแผนที่วางไว้คือจะไปเดินถนนคนเดินปาย หาของกิน ซื้อของฝากน่ารักๆ อุอิอุอิ กันไป 5555+ //และแล้วก้อถึงเวลาที่รอคอย เย้ๆ ไปกันเลย เรื่องกินนี่รีบเลย 5555+

โดยการเดินนี้คนอื่นซื้อไรไม่สนใจครับ ผมถ่ายรูป แล้วก็แนะนำของกินที่เด็ดๆ ละกันน่ะครับ เริ่มกันที่...

1. หอยทอด 
อาจจะดูแปลกๆน่ะครับ มาเหนือ แต่กินหอยทอด 555+

รสชาติอร่อยครับ ชิ้นพอดีคำ เค็มๆ มันๆ ซอสเผ็ดๆ //แต่ถ้าร้อนๆหน่อยน่าจะอร่อยกว่านี้ครับ 
เดินต่อไปครับ ยังไม่อิ่ม แต่เอ ทำไมคนถือกระบอกไม้ไผ่กันเยอะจัง อยากรู้อยากเห็นครับ ว่าเค้ากินไรกิน (ขี้ยิ้มน่ะเราเนี้ย555+) และก็ได้คำตอบครับ ว่ามันคือ

2.น้ำกระบอกครับ 
นั่นแหละครับ เป็นกระบอกจริงด้วย ไอเราก็นึกว่าข้าวหลาม 555+ นึกว่ามาเที่ยวหนองมน



จริงๆแอบคนเยอะน่ะครับ 555+ จริงๆอาจจะไม่เยอะ แต่ช้าตรงคนจีนมายืนเลือกกระบอกไม้ไผ่กัน = ='' //รสชาตินี่อร่อยครับ มีแบบร้อน และเย็น กินแบบร้อนจะฟินมาก หอมเยื้อไผ่มากๆ หนาวๆตัดกับเครื่องดื่มอุ่นๆ ฟินมาก หอมมาก
--**อันนี้ส่วนตัวน่ะครับ ผมคิดว่าร้านที่ผมถ่ายมาให้ดูเนี้ย อร่อยกว่าร้านที่มีสาขาเยอะๆในตลาดครับ อิอิ**--

3. ข้าวจี่
อาจจะดูธรรมดาครับ แต่ว่า จะกินเครื่องดื่มร้อนๆทั้งที มันต้องมีของแหล้มครับ มองหาสักแปป เจอเจ้านี้ขายข้างๆกันเลยครับ จัดมา 1 ไม้ เค็มๆ มันๆ เข้ากันดีกับชาดำ ในกระบอก



4. สตรอว์เบอร์รีชุบช๊อกโกแลต
อันนี้ก็อร่อยครับ ขนมกิเล่นระหว่างหาของหนัก 



5. หมูคำหวาน 
โห อันนี้อร่อยมากครับ หมูย่างแบบเสต็ก ราดน้ำจิ้มเผ็ดๆ จี๊ดจ๊าดมาก หมูนุ่ม เค็มหวานกำลังดีมาก ตัดกับน้ำจิ้มเผ็ดๆ สุดยอด ถ้าได้ไปอีกก็กินอีกครับ แน่นอนอันนี้ห้ามพลาดเลย ^^ หน้าตาหน้ากินมากบอกเลย




6. โรตีชีส
ครับโรตีชีส เพิ่มความอ้วนอย่างมหาสารครับ 555+ แต่เราก็กิน แต่ต้องขอโทดที่ผมไม่ได้ลองแบบชีสน่ะครับ ลองเป็นกล้วย-สตรอว์เบอร์รี //ร้านนี้เค้าเขียนป้ายไว้ว่าอร่อยที่สุดในปาย จริงดิ!! 
--**ส่วนตัวลองแล้ว เฉยๆครับ โรตีธรรมดานี่หว่า 5555+ แค่ราดซอสสตรอว์เบอร์รี**-- ลิ้นผมอาจจะไม่ถึงขั้นก็ได้

แต่ราคาไม่แพงครับ รับได้



7. เกี๊ยวซ่าผัก
อันนี้อร่อยครับ ร้อนๆ กรอบๆ ใส่ผัก ราดน้ำจิ้มเค็มๆ ใช้ได้เลยทเดียว ป้าเค้าทอดเร็วมากครับ 



     อิ่มท้อง อิ่มใจ อิ่มกาย กันไป ก็ได้เวลากลับแล้วครับ (กลับที่พักน่ะ) ง่วงมากมาย อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆครับ 
**--ผมลืมบอกไป ขากลับ หน้าบ้านโชคดี มีบาร์อยู่บาร์นึงครับ ชื่อว่า"แรปบิดบาร์" ดนตรีสดเพราะมากครับ อาหารอร่อยมาก ต้มยำเอ็นไก่ กับปีกไก่ทอดน้ำปลา โห อย่างเด็ดบอกเลย**--
วันที่ 4
(7 มกราคม 2559)


     หลังจากที่กลับมาพักผ่อนกันจนเต็มอิ่มแล้ว แผนต่อไปคือ ขับรถเที่ยวในปายกันครับ โดยที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ หมู่บ้านสันติชลครับ ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก ขับรถไม่ถึง 10 นาทีก้ถึงครับ แต่ที่ช้าเพราะว่าหนาวมากครับ ขับรถตากลมกันไป สุดยอดเลย 

โดยที่ท่องเที่ยวนี้จะออกแนวเป็นเมืองจีนครับ เหมือนเราได้ก้าวเข้ามาสู่ ประเทศจีน เนื่องจากลักษณะของการตกแต่ง สถานที่จะเป็นสไตล์จีนยูนานทั้งหมดครับ คงไม่มีอะไรจะพูดครับ ไปชมภาพสวยๆกันดีกว่า ^^











ชิงช้าครับ เห็นคนแล้วน่าสนุกมาก แต่ว่าไม่ได้ลองเล่นเองครับ 5555+




ที่จำลองกำแพงเมืองจีนด้วยน่ะครับ ได้บรรยากาศเหมือนหนังจีนเลย (พูดแล้วหิวขนมจีน ...?)



     หลังจากที่เที่ยวถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้ว สถานที่ต่อไปก็คือทะเลหมอกหยุนไหลครับ ทะเลหมอกเลยน่ะ ตื่นเต้นสุดๆ //ไม่รีรอก็ขับรถต่อไปจากเดิมอีกนิดเดียวก็ถึงแล้วครับ จุดชมทะเลหมอกหยุนไหล ไหล ไหล ไหล ล ล ล 


ที่นี่มีต้นไม้แห่งความรักด้วยน่ะครับ สวยดี ที่ต้นไม้ก็จะมีข้อความต่างๆเขียนไว้ บอกรักกัน น่ารักไปอีกแบบครับ ^^



มาถึงพระเอกของเราครับ ทะเลหมอกครับ 

แต่ว่ามันช่างเจือจางซ่ะเหลือเกินครับ T^T ผมมาช้าไป มันเสียเวลากับหมู่บ้านสันติชล ผิดแผนไปหมดเลย ภาพที่ได้เลยเหลือหมอกแค่นี้ครับ...

     เมื่อผิดหวังเล็กน้อย ก็เริ่มหิวครับ เลยตัดสินใจกลับไปทานอาหารเช้ากันที่บ้านพัก มีอาหารให้ทานด้วยน่ะครับ ราคารวมในค่าที่พัก ไปดูซิว่ามีไรกิน แห่ะๆ



เดาว่าข้าวผัด -*-

ถ้าซื้อหวยก็ถูกรางวัลสองรอบละ 5555+ //ตกแต่งจานให้ดูหน้ากินที่สุดแล้วครับ แต่รสชาติดีกว่าของทัวร์แน่นอน 5555+


     อิ่มแล้ววววว นึกขึ้นได้ต้องไปจองตั๋วขึ้นเชียงใหม่นี่หว่า เลยตรงไปที่ขนส่งเปรมประชาครับ เพื่อจองรถตู้



ผ่าน Kbank ที่นี่แปลกตาดีครับ เก็บภาพมาฝาก

---**ราคาตั๋วน่ะครับ คนละ 150 บาทครับ**--

     เสร็จกิจธุระกันแล้วก็เตรียมตัวเที่ยวต่อ อิอิ โดนที่ที่เราจะไปคือน้ำตกหมอแปงครับ ซึ่งไม่ไกลจากหมู่บ้านสันติชลครับ ขับต่อไปอีกนิดเดียวแต่ทางจะขรุขระนิดนึงน่ะครับ แต่แอบเสียดายที่น้ำน้อยไปหน่อย คิดในแง่ดีคือ อาจจะไม่ใช้ฤดูที่มีน้ำมากก็ได้ครับ 





สถานที่ถัดไปคือ กองแลน(pai canyon) ครับผม เดินทางต่อไปไม่นานมากครับ ขับไหวอยู่แหะๆ 

ที่นี่แอบน่ากลัวนิดๆน่ะครับ เพราะสูงมาก 555+ แล้วทางเดินแคบนิดเดียวเอง ถ้าตกลงไปก็ GG ครับ 555+





แดดร้อนเหลือเกิน = =''



     และสถานที่สุดท้ายที่จะไปได้แก่ สะพานข้ามแม่น้ำปายครับ มาแล้วต้องมาให้ถึงแม่น้ำปายซักหน่อย ถ่ายรูปติดไม้ติดมือก็ไม่เสียหายอะไร เอาหน่อย ไปโลด
สายเบิร์นก็มา 5555+





     ถ่ายรูปจนเสร็จแล้ว เหลือบไปเห็น เอะ! นั่นร้านอะไรน่ารักจังเลย ทันใดนั้นเองพวกเราก็พร้อมจะกินข้าวแล้วครับ 5555+ เที่ยงแล้วด้วยสิ
ร้านนี้มีชื่อร้านว่า "Jinko" ชื่อแปลกๆดี สัญลักษณ์ร้านเป็นรูปหมูน่ารักดี มีมุมถ่ายรูปสวยๆหลายมุมเลยน่ะครับ ใครมีนางแบบส่วนตัวไม่ควรพลาดครับ





มาดูอาหารสิว่าจะเด็ดเหมือนร้านรึป่าว ไปพบกับผัดกะเพราไข่ดาว อีกแล้ว 555+ ทำไงได้ ก็ชอบอะ 
**--ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าร้านไหนทำเมนูนี้ไม่อร่อย ก็ไม่ต้องหวังว่าเมนูอื่นจะอร่อยครับ เพราะง่ายขนาดนี้--**


เอิ่มหน้าตานายแปลกๆน่ะ เหมื่อนเราไม่ค่อยสนิทกับนายเลยน่ะ นายมีหัวหอมด้วยน่ะ นายแปลกๆน่ะ

อันนี้ไก่ไม่มีกระดูกครับ 
     รสชาตินี่คงจะเดาไม่ยากครับ ผัดกะเพราไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร ไก่ไร้กระดูกก็งั้นๆ ไม่กรอบเลย //จริงๆแล้วผัดกะเพราตามสูตรแล้วไม่มีหัวหอมน่ะครับ ย้ำว่าไม่มี //ผมเคยเจอบางร้านใส่ข้าวโพดอ่อน แครอท หัวหอม จะกลายเป็นผัดอะไรแล้วก็ไม่รู้ ผัดผักรึป่าว =='' 
//สปาเก็ตตี้ขี้เมาเพื่อนผม เป็นผัดผักเลยครับ 5555+

--**แนะนำน่ะครับ ไม่ต้องหวังดีขนาดนั้น หมูกับใบกะเพราะเท่านั้นที่ต้องการ**--


สุดท้ายเราต้องมาดูที่ราคากันครับ เจ็บปวดแน่นอน

กะเพราะผมโดนไป 90 บาท ขุ่นพระ !!!!!!! แพงกว่าสปาเก็ตตี้อีก แม่เจ้า T^T
แนะนำน่ะครับ เข้ามาถ่ายรูปน่าจะเหมาะกว่า T^T


     ได้เวลาคืนรถแล้วครับ ก็ตัดสินใจขับรถกลับไปคืน แล้วก็กลับที่พักไปพักผ่อนกัน ลาก่อนกะเพราที่แสนโหดร้าย
หลังจากนั้นก็นอนพักผ่อน จนถึงเย็นเดินเที่ยวตลาดเหมือนเดิม 5555+ กินข้าว กลับมานอนพร้อมจะกลับบ้านจริงๆแล้วครับ อิอิ
     
วันที่ 5
(8 มกราคม 2559)


วันนี้ได้ตื่นสายหน่อยครับ ตื่นมาทานอาหารเช้าของที่พัก เข้ามาเก็บของใส่กระเป๋า พร้อมกลับไปขึ้นรถตู้เพื่อไปเชียงใหม่ครับ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครับถึงเชียงใหม่ 
แล้วเราก็จองตั๋วกลับของสมบัติทัวร์ไว้แล้วครับคนละ 700 กว่าบาท ไม่แน่ในราคาเต็มครับ แต่ขากลับถูกกว่าขามาครับ
พอถึงเชียงใหม่ก็แลกตั๋วกับพนักงานครับ ได้รอบ 18.30 น. แหนะ นานจัง 555+ ไม่เป็นไรครับ นั่งรอกันไป


สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนน่ะครับที่ติดตามอ่านจนจบ หวังว่าจะมีประโยชน์ในการเดินทางของใครหลายๆคนน่ะครับ ถ้าอะไรที่ขาดไป ตกหล่นไป ก็ขอโทษด้วยน่ะครับ ผมเขียนกระทู้นี้เป็นครั้งแรกเลย ผมก็พยายามที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ ^^


ถ้าอยากชมภาพถ่ายอื่นๆของผมก็เชิญที่นี่ครับ https://www.facebook.com/anan.wangsook
ไม่มี IG ครับ 
"การเดินทางจะมีคุณค่ามาก กับคนที่เห็นคุณค่าของมันอย่างแท้จริงครับ"

" K n o w "

ในสิ่งที่รู้ มักมีสิ่งที่ไม่รู้เสมอ

และเราสามารถรับรู้ได้ ...แค่เพียงเปิดรับ
ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip