รีวิว 3 วัน 2 คืน : ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิต "ภูกระดึง" ดึ๋ง ดึ๋ง

ครั้งหนึ่งในชีวิตเราต้องขึ้นไปพิชิต "ภูกระดึง" ให้ได้!!!! เป็นคำกล่าวที่เราตั้งไว้มานานมากแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ไปสักที 5555
แต่ครั้งนี้เหมือนทุกอย่างเป็นใจ... ในที่สุด "เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกของพวกเราทั้ง 5 คน ยิปปี้ ประหลาดใจ



ถือว่าเป็นการเล่าประสบการณ์ในการขึ้นภูกระดึงครั้งแรกของเจ้าของกระทู้และผองเพื่อน รูปที่นำมาให้ชมนั้นถ่ายเองทั้งหมดด้วยฝีมืออันน้อยนิด 55555 แต่ก็อยากให้ทุกคนได้ชม หากผิดพลาดประการใด ตรงไหน อะไรยังไง ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย สาวแว่น พวกเราไปภูกระดึงกัน ในวันที่ 9-11 มกราคม 2559


- Day 1 -

เราเดินทางกันวันที่ 9 มกราคม 2559 ออกจากเชียงคานในตอนเช้าโดยรถยนต์ส่วนตัวของเพื่อน 5555 ระหว่างทางมีหมอกเต็มไปหมด อากาศกำลังเย็นสบาย ขับกันมาได้สักพัก..นั่นไง!!!! เห็นแล้วววววววว ภูเขาลูกนั่นที่พวกเราจะไปพิชิตกัน แท่นแท๊นนน


แค่เห็นภูเขาก็ตื่นเต้นแล้ว มือเย็น ใจสั่น ยิ่งกว่าตอนลุ้นผลแอดมิดชั่นอีก 5555555 โอ๊ยตื่นเต้นมาก!!! ขับกันต่อเรื่อยๆจนในที่สุดก็เข้าเขตอุทยานแล้ว โดยรถยนต์จะเสียค่าบริการในการเข้าอุทยานคันละ 30 บาท




จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็ขับต่อไปจ้า สักพักเราก็ถึงอุทยานจริงๆแล้ว ไปหาที่จอดรถกันเลย ที่จอดรถเลือกกันได้ตามใจชอบมาก คือใครอยากจอดตรงไหนก็จอดอ่ะเอาง่ายๆ 5555 แต่ก็จอดกันได้เป็นระเบียบมาก พวกเราเลือกที่จอดใต้ต้นไม้เพื่อความร่มเย็น



จอดรถเสร็จก็จัดการเตรียมของใช้สัมภาระที่จะแบกขึ้นภู และเตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อม แค่นั้นจริงๆ ก่อนจะไปที่จุดจองเต้นท์ ใครที่นำรถยนต์มาจะต้องไปลงบันทึกที่เจ้าหน้าที่อุทยานก่อน และจะได้รับบัตรจอดรถมา เก็บบัตรนี้ให้ดีๆเพราะตอนลงจากภูเราจะต้องคืนบัตรจอดรถให้เจ้าหน้าที่



พวกเราพร้อมแล้ว!!!! จากนั้นเราก็เดินเข้าไปข้างในจะมีจุดให้จองเต้นท์สำหรับคนที่ไม่ได้จองจากในเว็ป ราคาเช่าเต้นท์ต่อคืนก็ตกคืนละ 225 บาท เต้นท์หนึ่งนอนได้ 3 คน ส่วนใครที่เอาเต้นท์มากางเองก็จะมาชำระค่าบริการกันตรงนี้ไหมนะ ไม่แน่ใจ 555555555 ใช่แหละ เจ้าของกระทู้เริ่มงง Facepalm



จองเต้นท์อะไรเสร็จเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปข้างในต่อ ในส่วนต่อไปจะเป็นที่สำหรับจ้างลูกหาบแบกกระเป๋าขึ้นภู และจุดเอ่อจะเรียกว่าอะไรดี จุดตรวจเช็คซองขนมกับขวดน้ำไรงี้ คือจุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่เช็คซองขนม ขวดน้ำ อาหารกระป๋อง เพื่อจะให้เราวางค่ามัดจำไว้ และตอนเราลงมาจากภูก็สามารถมารับค่ามัดจำคืน ป้องกันการทิ้งขยะไม่เป็นที่อะไรประมาณนั้น คือเอาขึ้นไปเท่าไหร่ต้องเอากลับลงมาเท่านั้น งงม่ะ!! เออ จขกท.ก็เริ่มงงกับตัวเองเหมือนกัน 55555555 ในส่วนของจ้างลูกหาบแบกกระเป๋า จะคิดเป็นกิโล กิโลละ 30 บาท ค่าบัตรติดกระเป๋า 5 บาท จขกท.โดนไป 6 กิโล 180 บาท ตังค์ค่อยขึ้นไปจ่ายกับลูกหาบเองตอนไปรับกระเป๋าบนภูนะจ๊ะ เคลียทุกอย่างเสร็จก็ไปกันเลยยยยยยย pompom



ก่อนขึ้นภูจะต้องชำระค่าบริการคนละ 40 บาท



จะเริ่มแล้วนะ พร้อมยัง!!!?? ระวังงงงงง ไปปปป!! เดี๋ยววววววววว แค่เห็นป้ายก็เหนื่อยแล้ว ร้องไห้



เอาว่ะ!! ไหนๆก็มาถึงแล้ว แค่ 9 กิโลเองงงงงง ลุย!!!!!!






และแล้วเราก็ลากกันจนมาถึงปางกกค่า ทุกคนหันมองหน้ากันแล้วพูดว่า "ตูมาทำอะไรกันที่นี่" 5555555555555 นี่ขนาดยังไม่ถึงซำแรกเลยนะ แต่ละคนรีบโกยออกซิเจนเข้าปอดกันใหญ่ อยากจะบอกว่าทางขึ้นไปซำแรกโหดจริงๆ ได้มาเจอกับตัวเอง หลังจากที่อ่านรีวิวมาจากหลายๆกระทู้ ในที่สุดก็ได้รับรู้ความโหดนั้นเป็นเช่นไร 5555555 คือระหว่างทางนี่เพื่อนเราแบบ เห่ยกูลงไปรอข้างล่างได้มั้ยว่ะ 555555 ตอนเดินขึ้นแรกๆนี่โห้คุยกันเจี๊ยวจ๊าว เดินไปสักพักเท่านั้นแหละเสียงคุยเริ่มหาย 555555555 ทำไมขำ แต่ตอนเดินขึ้นตอนนั้นขำไม่ออกจริงๆ คือไหนๆก็ลากสังขารกันมาขนาดนี้แล้วก็ต้องไปให้ถึงงง คือเราต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน คอยบอกเพื่อนว่า อีกนิดเดียว แต่ในใจจริงๆก็รู้ว่า อีกไกล 5555555555555 เอาเว้ยย ภูกระดึงจ๋าาาาาาา



ในที่สุดดดดดดดดดดด!! อยากจะกรี๊ดดังๆ ถึงแล้วซำแรก ที่มีชื่อว่า "ซำแฮก" คือแฮกจริงๆ ทุกคนพร้อมใจกันปลดสัมภาระที่เป็นภาระจริงๆออก 55555 แล้วถอนหายใจ เฮ้อออออออออ!! เหนื่อยวัวตายควายล้มมากนี่แค่กิโลเมตรแรกเอ๊งงงง แต่วิวซำนี้ก็ทำให้หายเหนื่อย วิวสวยมากจริงๆ



ยังไหวววววววววววว




ซำนี้พวกเราพักกันนานทีเดียว เพราะมีเพื่อนจะอ้วก 5555555  แต่ละคนนี่ซัดแตงโม น้ำแข็งใสกันไปอิ่มหนำ แต่ไม่ค่อยสำราญเท่าไหร่ 555555 แตงโมกับน้ำแข็งใสถือเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ กินแล้วสดชื่น รู้สึกมีพลังในการเดินต่อ ในแต่ละซำจะมีร้านค้าเหมือนกันหมด ค่าของนั้นก็จะแพงขึ้นตามความสูง ความชันของซำนั้น



หลังจากพักกันให้หายเหนื่อยแล้วก็เดินทางต่อ... และระหว่างทางก็จะมีเสียงพูดแต่ประโยคที่ว่า "กูลงไปรอข้างล่างนะ" ปากก็บ่นนะ แต่เท้าก็ก้าวฉับ ฉับ 555555555555




ระหว่างทางเราก็จะพบเจอกับลูกหาบที่แข็งแรงมาก พูดเลยว่าสตรอง!!หนักมาก และในระหว่างทางที่เราเดินขึ้นภูนั้นก็จะมีคนที่เดินสวนลงมา และเดินขึ้นไป เราจะได้กำลังใจจากคนที่ไม่รู้จักกันที่นี่ บางคนถึงกับจับเข่านั่งคุยกันเลย ใครมาคนเดียว รับรองไม่มีเหงา มิตรภาพเกิดขึ้นได้ทุกที่จริงๆ ยิ้ม





คือมาถึงตรงนี้ไม่มีใครพูดคุยอะไรกันเลย 55555555555555555 ได้ยินแต่เสียงหอบแฮกๆของทุกคน เหนื่อยจริงๆ เหนื่อยมาก ขาก็เริ่มปวด แนะนำว่าถ้าหากเหนื่อยจริงๆต้องการพัก อยากให้พักแค่แปปเดียว เพราะหากพักนานจะทำให้ขาไม่มีแรงจะเดินต่อ จริงๆนะ คือพักแบบ 2 นาทีไรงี้ เหมือนเครื่องกำลังร้อนแล้วมาหยุดนานๆ ต้องเริ่มสตาร์ทใหม่ คราวนี้เหนื่อยกว่าเดิมอีก เอ้ออ!! ไปต่อ...




มาถึงซำกกโดน ซำนี้คนจะแวะพักกันเยอะ เพราะวิวซำนี้ค่อนข้างสวย แต่ช็อตที่เหนื่อยมากเลยไม่ได้ถ่ายรูปวิวสวยๆมาฝาก ได้แต่นั่งมองวิวให้ชื่นใจพร้อมกับลมพัดเย็นๆ โอ้วววววววว สุดจริงๆ คือตอนนี้อยากกินอะไรซ่าๆเย็นๆ คงหนีไม่พ้นเป๊ปซี่ใส่ถุง จัดไป 30 บาท เอาหล่ะ!! อีกแค่ซำเดียวก็จะถึงหลังแปแล้ว ฮึบ ฮึบ!!




ซำแคร่คนก็แวะพักเยอะเหมือนกัน เอาง่ายๆคือซำไหนมีร้านขายของคือแวะทุกซำ 5555555555



อยากจะบอกทุกคนว่าด่านต่อไปก็โหดใช่เล่น คือด่านที่จะเดินขึ้นไปหลังแป ทั้งชัน ทั้งหิน ทั้งบันได โหดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน และเป็นเช่นเดิมไม่มีแรงแม้กระทั้งหยิบกล้องออกมาถ่ายรูป ในใจคิดเมื่อไหร่กูจะถึงหลังแป ไม่ไหวแล้วววววววววววววววว



และในที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดด...เราก็ฝ่าฟันมาได้จนถึงหลังแป ีใจยิ่งกว่าถูกหวยก็ถึงหลังแปนี่แหละครัช 5555555555


พวกกระเป๋าที่เราจ้างหาบ พี่ลูกหาบเค้าจะมาเปลี่ยนใส่รถเข็นกันที่นี่


อย่าเพิ่งดีใจไป เหลือทางราบอีก 3 กิโลเว้ย 55555555 ในเสียงหัวเราะนี้ปนไปด้วยคราบน้ำตา 5555555 ไป!!!!




ถึงแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย







อากาศบนภูค่อนข้างเย็นสบาย เหมาะแก่การนอน 555555 เดี๋ยว!! ถึงภูแล้วก็นำใบเสร็จที่จองเต้นท์มาจากข้างล่างไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ ที่จุดรับ-คืนเต้นท์อะไรสักอย่างนั่นแหละ แล้วก็ไปเช่าพวกแผ่นรองนอน หมอน ถุงนอน ผ้าห่มที่ข้างในศูนย์บริการนักท่องเที่ยว นอนกี่คืนก็เช่าตามนั้น แต่ตอนจขกท.ไป หมอนหมด เลยเอากระเป๋าเนี่ยแหละทำเป็นหมอนแทน จริงๆแค่ถุงนอนก็เอาอยู่แล้ว 5555 หรอว่ะ แต่ตอนกลางคืนหนาวจริงๆ หลังจากจัดการอะไรทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าเก็บของในเต้นท์ อ้อ!!! สำหรับเต้นท์คือเดินเลือกได้ตามใจชอบ ถูกใจเต้นท์ไหนก็จับจองได้เลย อิอิ ส่วนคนที่จ้างลูกหาบแบกกระเป๋าขึ้นมา จะมีลานหน้าจุดยืมเต้นท์อ่ะ คือพี่ลูกหาบเค้าจะเข็นมากองไว้แล้วให้เราเดินหากระเป๋าของตัวเอง แต่อาจจะมาช้าหน่อยไม่เป็นไรเนอะ เพราะเราก็เห็นว่าพี่ลูกหาบคนนึงแบกขึ้นมาตั้งหลายกิโล ระหว่างรอกระเป๋าเราก็ไปเดินเล่นกันให้สบายใจก่อนแล้วค่อยกลับมาดูใหม่ ในส่วนนี้จะเป็นพื้นที่กางเต้นท์สำหรับคนที่นำเต้นท์มาเอง



ส่วนร้านอาหารที่นี่จะมีข้าวราดแกง หมูกระทะ ประมาณนั้น ข้าวราดแกง 3 อย่าง 70 บาท สรุปเลยกิน 3 อย่างคุ้มสุด 55555 น้ำเปล่าขวดเล็ก 30 บาท ขวดใหญ่ 50 บาท โกโก้เย็นแก้วละ 40 บาท มื้อแรกพวกเราทั้ง 5 คนก็จัดไปเลยข้าวราดแกงคนละ 3 อย่าง คือให้เยอะมาก อิ่มจนจุกไปเลย ส่วนน้ำเปล่าพวกเราถือกันขึ้นมาคนละขวด รอดค่าน้ำเปล่าไปแค่มื้อแรกมื้อเดียว มื้ออื่นซื้อจ้าาา 55555555 เดินสำรวจ กินข้าวอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็เดินไปหากระเป๋า เย้!! ได้กระเป๋าแล้วก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน บอกไว้ก่อนให้รีบอาบ เพราะค่ำๆคนจะต่อแถวอาบน้ำกันเยอะมาก อ้อ!! บนภูจะปิดไปตอน 4 ทุ่ม อย่าลืม!!!! พกไฟฉายไปด้วย สำคัญและจำเป็นอย่างใหญ่หลวง ส่วนที่ชาร์จแบตมือถือ แบตกล้องจะอยู่ในศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ชาร์จแบตมือถือ แบตกล้อง 20 บาทต่อครั้ง พาวเวอร์แบงค์ 40 บาทต่อครั้ง ห้องน้ำแยกหญิง-ชายชัดเจน และจะแบ่งเป็นโซนห้องอาบน้ำกับห้องส้วม อ่างล้างหน้าจะมีทั้งข้างในและข้างนอก บอกไว้ก่อนน้ำเย็นเยี่ยงน้ำแข็งขั้วโลก 55555555 จริงๆนะ!!!
ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำ ระหว่างที่เรานั่งรอเพื่อนอยู่หน้าห้องน้ำ ก็ได้นั่งคุยกับพี่ 2 คน พี่เค้ามานั่งรอกระเป๋า และด้วยความที่เรายังไม่อยากกลับเต้นท์ก่อนเพราะไม่มีอะไรทำเลยนั่งคุยเป็นเพื่อนพี่ๆเค้า ได้ความว่าพี่เค้าเดินขึ้นภูใช่เวลาไป 2 ชั่วโมงครึ่ง คือมีใครให้เวลาน้อยกว่านี้มั้ย ในขนาดที่พวกเราเดินขึ้น 4 ชั่วโมงครึ่ง พวกพี่เค้าเคยมาภูกระดึงกันก่อนแล้ว เลยแนะนำว่าพรุ่งนี้จะต้องไปไหนอะไรยังไงบ้าง โอ๊ยยยยคือคุยกันเยอะมาก เห็นม่ะ!!! มิตรภาพเกิดขึ้นได้ทุกที่ หัวเราะ คุยกันสักพักเวลาก็ล่วงเลยมาจนสามทุ่มแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับเต้นท์ พรุ่งนี้ตอนตี5 จะมีเจ้าหน้าที่นำทางไปที่ผานกแอ่นเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น อย่างน้อยภูกระดึงก็ไม่ได้อยู่ลำพังว่ะ 555555555

- Day 2 -

ประมาณตี4 คนส่วนใหญ่ก็ลุกขึ้นล้างหน้า แปรงฟันกันเกือบหมดแล้ว มีแค่เต้นท์พวกเราที่ยังนอนอืดกันอยู่ 5555555 จขกท.จะเป็นคนที่ตื่นคนแรก และงานสำหรับคนที่ตื่นก่อนคือ ปลุกเพื่อนที่เหลือ 555555 จัดไป แต่ละคนกว่าจะลุก ลาก กระชาก ได้เล่นเอาเหนื่อย เพื่อน 2 คนที่นอนเต้นท์เดียวกันบอกเดี๋ยวจามให้ไปกันก่อน คือมันบอกว่าไปตอน 6 โมงเช้าก็ทัน รอดูกันว่าจะทันรึเปล่า!! หึหึ จขกท.กับเพื่อนอีก 2 คนก็เลยเดินไปกันก่อน นี่ไม่ได้ทิ้งเพื่อนนะ จริงๆ 55555555 เดินไปผานกแอ่นประมาณ 2 กิโลได้มั้ง จำไม่ได้แล้วอ่ะ คือเดินอย่างเดียว และเราก็เดินมาถึงผานกแอ่น วันนี้คนมาดูพระอาทิตย์ขึ้นเยอะมาก เจ้าหน้าที่บอกพระอาทิตย์ขึ้นตอน 06.45 แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! พระอาทิตย์ไม่ขึ้น กรีดร้องงงงงงงร้องไห้ เพราะเนื่องจากเมื่อคืนฝนตกเลยทำให้เช้านี้มีหมอกและเมฆมาก 


แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดี อุตส่าห์โผล่มาให้ถ่ายรูปนิดนึง นิดนึงจริงๆ 



สรุปเดินมาตอน 6 โมงเช้าก็ทัน 5555555555555 เมื่อเหงาหงอยกับการที่พระอาทิตย์ขึ้นไม่ได้ดั่งใจแล้ว ก็เดินกลับที่พัก ระหว่างทางก็จะเดินผ่านลานพระพุทธรูป เอ่อจำชื่อไม่ได้ง่ะ >< 




บนภูส่วนใหญ่จะมีต้นสนสองใบเต็มไปหมด คือเป็นป่าสนได้เลย นอกจากจะมีสนสองใบแล้ว ก็จะมีพวกมอส เฟิร์น จะเห็นไลเคนสีเขียวบนต้นไม้ซึ่งถือว่าอากาศดีมาก 


ถึงที่พักก็จัดการแต่งตัว แต่งหน้าให้เรียบร้อย น้ำไม่อาบเนอะ อาบไปแล้วไงเมื่อวาน 55555555 โหยยยเน่าได้อีก หนาวขนาดนี้ใครเขาอาบกัน จริงม่ะ?!! แต่งตัว แต่งหน้าเสร็จก็ออกไปหาอะไรกินกัน ตอนเช้าจะมีปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ โจ๊ก ไข่กระทะ ข้าวเหนียวหมูทอด โอ๊ยยใครอยากกินอะไรกินเลยค๊าาาาา พวกเราเลือกที่จะกินโจ๊กและข้าว แอบซื้อข้าวเหนียวหมูทอดชุดละ 70 บาทไว้กินมื้อเที่ยงด้วย 


หลังจากเติมพลังกันเรียบร้อย เราก็ออกเดิน ใช่ค่ะ!! เดิน!!! วันนี้วางแผนกันไว้ว่าจะเดินเลาะไปทางน้ำตกเรื่อยๆ ไปโผล่ที่ผาหล่มสักเลย เอาหล่ะ!! เริ่มเดินกันเลยย อย่าลืมพกข้าวเที่ยง น้ำดื่ม ขนมอะไรไปให้พร้อมนะ เพราะเดินกันไกลมาก กว่าจะเจอร้านค้าก็นู้นผาหล่มสักเลย พวกเราเดินเลาะน้ำตกกันหลายน้ำตกมาก จำไม่ได้ว่าน้ำตกไหนบ้าง 555555 เดินไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก และจุดประสงค์คือตามหาใบเมเปิ้ล Yeah!!!


คือเพลินไปกับการเดินเลาะน้ำตกมาก ถึงจะไม่ค่อยมีน้ำก็เถอะ 5555555 ระหว่างทางคือเย็นมาก เย็นโดยธรรมชาติ ได้ยินเสียงนกชัดแจ๋ว เหมือนกับได้พักผ่อนไปในตัวจริงๆ สบายใจมากก เดินไปเรื่อยๆเราก็จะเจอใบเมเปิ้ลเต็มไปหมด 






และแล้วเราก็ได้พบกับ แท่น แท่น แท๊นนน ใบเมเปิ้ลที่ตามหา 



เดินเลาะน้ำตกมาได้สักพักใหญ่ๆ เราก็จะเจอป้ายบอกทางไปผาหล่มสัก พร้อมกับบรรยากาศทุ่งหญ้าสะวันนา 55555555





เดินเลาะมาเรื่อยๆเราจะพบเจอกับสระอะโนดาตก่อน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะพักกินข้าวกลางวันกันที่นี่ และพวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้น นั่งตั้งวงกินข้าวกันเลยจ้า ตรงสระอะโนดาตลมพัดเย็นมากถึงแม้แดดจะร้อนแค่ไหนก็ตาม คืออารมณ์แบบมานั่งปิคนิคริมทะเล 555555 เออจริงๆ!! และมีน้องกลุ่มนึงคือกรอกน้ำจากสระไปกินด้วยคือน้องบอกว่าทำไงได้อ่ะพี่ น้ำมันหมดอ่ะ กว่าจะถึงผาโอ๊ยหิวน้ำตายพอดี เอิ่มมม 555555 จ้าน้องจ้าผู้อยู่รอดของจริง



หลังจากกินข้าวอิ่มกันแล้วก็เดินต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ คือเมื่อไหร่ถึงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!! ระหว่างทางเดินจะเจอกันดินทรายขาวละเอียดมากเหมือนเดินอยู่ริมชายหาด พวกเราเดินมาได้สักพักใหญ่ๆ ก็เจอป้ายบอกทางตรงไปคือไปผาหล่มสัก แต่ถ้าเดินแยกไปอีกทางคือผาแดง จากการคำนวณเส้นทางของเพื่อนจขกท.แล้ว เดินเลาะไปทางผาแดงใกล้กว่านิดนึง 55555 อีกอย่างไม่ใช่อะไรหรอก คือทุกคนหิวววววว!! ที่ผาแดงก็มีร้านอาหารนะ ไป!!! เดินกันมาเรื่อยๆก็ถึงผาแดง ทุกคนแวะเติมพลังกันที่นี่ จากนั้นก็เดินต่อยาวๆไปผาหล่มสักเลย




ระหว่างทางเดินไปผาหล่มสักก็มีจุดชมวิวเล็กๆให้ได้ชื่นชมบรรยากาศกันตลอดทาง เดินเลาะผานี่สบายใจมาก ลมพัดเย็น วิวดีมาก เดินกันไปคุยเล่นกันไป ในที่สุดก็ถึงสักทีผาหล่มสัก พวกเราก็มุ่งกันไปร้านกาแฟร้านแรกบนภูกระดึงที่เป็นที่กล่าวขานในเรื่องของกาแฟเอสเพรสโซ่ที่อร่อย โดยปกติจขกท.ไม่ค่อยดื่มกาแฟ แต่มาทั้งทีขอลองหน่อยแล้วกัน สำหรับจขกท.คิดว่าก็ดี 55555 แต่สำหรับคนชอบกาแฟอาจจะอร่อยก็ได้ 

คือที่ร้านจะมีสมุดให้เขียนความในใจ ความรู้สึกด้วยนะ คือคนเขียนเยอะมาก บางคนพบรักกันที่ภูกระดึง บางคนนี่ขึ้นมา 6 ครั้งแล้วอ่ะ โห้วววววฟิตไปไหน บางคนมากับเพื่อนแล้วได้เป็นแฟนกัน เป็นกลุ่มเป็นแก๊งค์ก็มีมาไม่ขาดสาย สุดยอดดด อ่านเพลินมาก 555555 นั่งกินกาแฟกันสักพักก็เดินกันไปที่จุดมหาชนเพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้น

ระหว่างรอก็ถ่ายรูปมุมมหาชนสักหน่อย คือต่อแถวกันถ่ายรูปเลยทีเดียว

ระหว่างนั่งรอพระอาทิตย์ตก ก็คุยกันไปเรื่อย คือคุยเหมือนกับว่าที่ตรงนั้นมีแค่เรากลุ่มเดียว 5555 คือพี่ๆกลุ่มอื่นก็พลอยหัวเราะไปกับเรื่องที่พวกเราคุยกันด้วย แล้วคือแบบทุกคนตั้งใจฟังกลุ่มเราคุยกันมาก คือรู้จักพวกเราในนามแก๊งค์น้องศิลปากรไปเป็นที่เรียบร้อย 5555555 และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง...พระอาทิตย์ตกที่นี่สวยจริงๆนะ สวยมาก ประทับใจมาก แล้วมีคนบอกว่าพระอาทิตย์ตกที่นี่ไม่เหมือนกันสักวัน โหวววอยากมาดูทุกวันเลย เดี๋ยววว!!!!! 555555555




บอกลาพระอาทิตย์ตกกันด้วยภาพนี้...พวกเราเองงงง เท่


และวินาทีนี้ต่อไปใส่เกียร์สปอร์ตรีบเดินกลับที่พักโดยด่วน 555555 เพราะระยะทางในการเดินกลับประมาณ 9 กิโล อื้อหืออออ!! และตอนกลางคืนสัตว์ป่าจะเริ่มออกหากิน เพราะฉะนั้นต้องรีบเดินเพื่อความปลอดภัยของพวกเรา แต่ไม่ต้องห่วงคนเดินกลับเยอะมาก และยังมีขบวนจักรยานอีกเพียบ แต่จักรยานก็แซงไปกันหมด 55555 เหลือพวกที่เดินไว้ สิ่งสำคัญคือไฟฉาย ทางเดินกลับมืดมาก แต่กลับสบายใจมากเช่นกัน คือตลอดทางเดินกลับเราจะเห็นดาวเต็มท้องฟ้าเลย อยากจะนอนดูดาวที่นี่เลย 55555 คือดาวสวยมาก ระยิบระยับเต็มท้องฟ้า มีน้องที่เดินนำไปข้างหน้าเห็นดาวตกด้วย พวกเราเดินเลาะผามาเรื่อยๆ และจะตัดเข้าทางผาหมากดูกเพื่อไปโผล่หลังที่พักเลย ถ้าเดินไปทางหลังแปจะไกล เพราะฉะนั้นทางไหนลัดได้ลัด เรากับเพื่อน 2 คน เดินนำมาก่อน ซึ่งไม่มีใครตามหลังมาเลย เอาหล่ะว่ะ แบตโทรศัพท์ก็จะหมด คือเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ คือรีบเดินมาก เดินไปคุยกันไปกลบเกลื่อนบรรยากาศที่เงียบและวังเวงมาก เดินมาสักพัก ก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรขยับอยู่ในพุ่มไม้ คือทุกคนหยุด!!! คือหยุดจริงๆ แล้วเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรเลย เรานี่รีบวิ่งไปหลบอีกฝั่ง 55555 มีช็อตนึงทุกคนหันมองหน้ากัน!! แล้วคือกึ่งวิ่งกึ่งเดิน ยังไม่มีใครพูดอะไรนะ เดินไปได้สักพักก็ถามกัน เห้ยเมื่อกี้มันคืออะไรว่ะ กวาง หรือช้าง เราก็บอกถ้าเป็นกวางหรือช้างก็ต้องเห็นดิ เพราะพุ่มไม้มันเตี้ย เอิ่มมมม....คิดเอา ผ่านเนอะ 55555 และในที่สุดเราก็เดินมาถึงที่พัก เฮ้อโล่งงงงงงงงปลอดภัย ถึงที่พักก็แยกย้ายฮะพักผ่อน คือวันนี้เดินกันขาขวิดมาก 27 กิโลเมตร เบา เบา 
- Day 3 -

วันนี้ทุกคนขอตื่นสาย ซึ่งเราก็เห็นด้วย พิษจากการเดินเมื่อวานทำให้วันนี้ปวดขามาก ใครที่จะฝากสัมภาระลงไปกับลูกหาบ ให้รีบไปฝากในตอนเช้าเลย เพราะขาลงพี่ลูกหาบอาจจะถึงช้ากว่าเรา และถ้าหากใครจะเดินลงภูก็ให้เดินลงในตอนเช้าเลย เพราะระหว่างทางจากวังกวางไปหลังแปจะไม่ร้อน ซึ่งถ้าเราลงตอนสายๆ อื้อหือแสงแดดแผดเผามาก ซึ่งพวกเราเป็นหนึ่งในนั้นที่เดินลงภูช่วงสาย 555555 เอาหล่ะ!! คือทุกคนตื่นสาย แต่จขกท.ตื่นเช้าเพราะต้องไปฝากกระเป๋าลงไปกับพี่ลูกหาบ ตื่นแล้วก็นอนต่อไม่ได้แล้วฮะ มันนอนไม่หลับ จขกท.เลยเดินไปหาอะไรกิน 55555 ได้น้ำเต้าหู้ร้อนๆมาหนึ่งแก้ว เอ้อ!! ลืมเล่า จขกท.กระเป๋าซิปแตก เลยไปขอซื้อเทียนมาซ่อมกระเป๋า เลยเดินไปร้านนึงขอซื้อเทียน ป้าก็ถามว่าเอาไปทำอะไรลูก เราก็บอกอ๋อเอาไปซ่อมกระเป๋าค่ะ ป้าก็บอกงั้นเอาเข็มกับด้ายป้าไปมั้ย เย็บเสร็จแล้วค่อยเอามาคืน คือปริ่มมาก น้ำตาจิไหล ทำไมป้าใจดี ไม่รอช้า จขกท.ก็รีบกลับไปเย็บกระเป๋าทันที เสร็จก็เอามาคืนป้า เลยอุดหนุนน้ำเต้าหู้ร้อนๆร้านป้ามาแก้วนึง ร้านป้าขายขนมปังแผ่นทาเนยกรอบๆอ่ะมั้งนะถ้าจำไม่ผิด 555555 ทุกคนคงคิดว่า จขกท.จำอะไรได้มั้งว่ะ 555555 จำได้แค่ว่ารักคนอ่านทุกคน อิอิ โหวตให้เก๊าด้วยน๊าา อ้อนนนน จุ๊บๆ หลังจากปลุกทุกคนให้ไปอาบน้ำ แต่งตัวกันเรียบร้อย ก็เตรียมเดินลงภูค่ะ ส่วนพวกแผ่นรองนอน ถุงนอน หมอน เราจะเอาไปคืนตรงหน้าจุดรับ-คืนเต้นท์ ตรงนั้นจะมีผ้ายางปูไว้

เมื่อคืนสัมภาระอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินไปหลังแปกันเลย เย้!! ยังไม่อยากกลับเลย 55555 พวกเราแวะถ่ายรูปกับป้ายก่อนลง เพราะตอนขึ้นมา มาถึงไม่พร้อมกันเลยยังไม่ได้ถ่าย คราวนี้พร้อมกันแล้ว เอ้า 1 2 3 แชะ!!

วิวหลังป้าย

ลาก่อนนะภูกระดึง มีโอกาสจะกลับมาอีก ปากบอกกับเพื่อนว่าไม่มาแล้วครั้งเดียวก็พอ แต่ทำไมในใจมันบอกว่าอยากมาอีกว่ะ 5555555 ขาลงภูจขกท.ไม่ได้จับกล้องเลย จับแต่เมล็ดทานตะวัน 5555555 ขาลงนี่ก็โหดเหมือนกันนะ ต้องจิกเท้า โอ๊ยเกร็งไปหมด คือจิกมาก จิกจนปวดเท้า คือพูดกันแบบบ้านๆเลยคือมีสิทธิ์เป็นเล็บขบอ่ะ 55555555 แต่ขาลงจะเร็วกว่าขาขึ้น แต่ถ้าให้เราเลือก ขอเลือกขาขึ้นมากกว่าขาลง ขาลงนี่ยอมแพ้จริงๆ พักใหญ่ๆเราก็ลงมาถึงตีนภู อื้อหืออปวดขาได้อีก ไม่มีใครให้มากกว่านี้แล้วเพราะปวดมาก เดินขาถ่างกันเลยทีเดียว 5555 นี่!!!! ลืมเล่า ขาลงผมทรงดังโงะของจขกท.ไปติดกับก้านไผ่ คือเดินยังไงให้ผมไปเกี่ยวไปติดก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน == แล้วววววพรหมลิขิตก็เกิดขึ้น เมื่อมีหนุ่มหน้าตาดีมาแกะผมให้ กรี๊ดดดดดด!! เค้าคงคิดในใจนะคืออินี่มันเดินยังไงของมันว่ะ 55555 เอ้อออ!!ไปอิ๊กกกกก โอ๊ยยยเม้าท์แก!!! จริงๆมีอีกหลายเรื่องราวที่เล่าไม่หมด... ขอบคุณฟอง ตั๊ก เก่ง เติม ที่ฝ่าฟันกันมาจนจบทริป!! เยี่ยม

คือในการมาภูกระดึงครั้งนี้ประทับใจหลายๆอย่าง โดยเฉพาะมิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ความมีน้ำใจ ดาวสวย บรรยากาศดี คือทุกอย่างมันดีจริงๆนะ แค่เหนื่อยตรงเดินขึ้น-เดินลงแค่นั้นเอง 55555555 อยากให้ทุกคนได้มาสัมผัสครั้งหนึ่งก็ยังดี แล้วทุกคนจะหลงรักที่นี่ "ภูกระดึง"
นานาชอบนานาชอบนานาชอบ



ปล. ฝากกระทู้แรกไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะค๊าา http://pantip.com/topic/33812762
ขอบคุณข้อมูลจาก Pantip