รีวิว3 คืน 4 วัน กับสวรรค์บนดิน วันที่ 1 One day Trip in Lumphun

สวัสดีคร่า...........

มาตามสัญญา..สัญญาที่เราเคยมั่นนนนน อิอิ

มาตามสัญญาค่ะ กับทริป กรุงเทพฯ-ลำพูน-เชียงใหม่ รอบนี้ไปหลายวันเลยค่ะ เที่ยวอิ่ม อาหารอร่อย นอนสบาย ตลอดทั้งทริป

ครั้งนี้เราขอแบ่งเป็นวันๆ โน๊ะ เพราะเยอะม๊ากกกก ถ่ายภาพมาเป็นพันๆ แต่เอารูปสวยๆ ลงให้ดูละกัน บอกเลยว่าคุ้มค่ามากที่ได้ไป

วันแรกนี้เราจัดให้เป็น One day Trip in Lumphun ค่ะ เที่ยวลำพูนตลอดนั้งวันกันไปเลย ไปดูกันเลยว่าได้แอ่วไหนบ้าง 

เผื่อเป็นไอเดียให้เพื่อนๆ ที่กำลังจะขึ้นไปแอ่วเหนือจ้าวววว


เริ่มจากสนามบินดอนเมืองกันเลยค่ะ เราใช้บริการ Air Asia เป็นครั้งแรก คนเยอะมาก พูดเรอะ

ดีนะว่าเรา Check in online มาแล้ว เลยแค่ Drop กระเป๋าอย่างเดียว แต่ก้อใช้เวลาเกือบชั่วโมงเหมืนกันนะคะ

ช่วงเทศกาล เพื่อนๆ เผื่อเวลาไว้มากกว่าปกตินิดนึงก้อดีค่ะ



เที่ยวบินของเราออกเดินทางจากสนามบินดินเมือง 8.20 น. โดยประมาณ ถึงสนามบินเชียงใหม่ราวๆ 9.35 น.

วันที่ 23 ธ.ค. 2558 ฝนโปรยนิดหน่อยค่ะ อากาศดี อิอิ

  
ทริปนี้เราสั่งอาหารไว้ด้วยค่ะ เพราะว่าเป็นช่วงเช้า เดี๋ยวคุณแม่กับยัยนู๋จะหิวซะก่อน

หลังจากเครื่องขึ้นได้ประมาณครึ่งชั่วโมง พนักงานก้อมาเสิร์ฟอาหารให้ พร้อมสมุดฉีกที่ระลึก 1 เล่ม หน้าตาน่ารักเชียว

ลืมบอก ทริปนี้เรามากัน 4 คนค่ะ พาคุณแม่กับยัยนู๋มาด้วย




ถึงแล้วค่ะ สนามบินเชียงใหม่ ที่นี่คนน้อยดีค่ะ เดินสบายเลย

พี่ชายมารอรับค่ะ ตรงดิ่งไปลำพูนกันเร๊ยยยย

เม่าออกรถ


ที่แรกที่พี่ชายพาไป คือ อนุเสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ท่านเป็นผู้สร้างเมืองลำพูน มาถึงแล้วก้อต้องไปกราบท่านก่อนค่ะ เพื่อความเป็นศิริมงคล

ที่นี่จะเป็นรูปปั้นของท่านองค์ใหญ่มาก การจะขึ้นไปกราบสักการะท่านนั้นมี 2 ทางคือ นั่งรถรางไฟฟ้าขึ้นไป ทำบูญช่วยค่าไฟตามศรัทธา

หรืออีกทางสำหรับผู้ที่ออกแนวแอดแวนเจอรืหน่อย ก้อเดินขึ้นไปค่ะ เป็นทางเล็กๆ มีเชือกให้จับตลอดทาง 

ค่อนข้างชันนะคะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก เราเลือกขึ้นรถรางแน่นอนค่ะ อิอิ



รถรางจะไม่มีคนขับนะคะ แต่จะมีคนคอยบังคับอยู่ด้านบน หากจะใช้บริการ ก้อสามารถติดต่อได้ มีเบอร์โทรศัพท์ติดอยู่ค่ะ



กราบสักการะ ขอพรจากท่านเสร็จแล้ว ก้อเก็บภาพบรรยากาศซะหน่อย สวยไม่น้อยเลยค่ะ


วันนี้อากาศค่อนข้างร้อนค่ะ (หน้าหนาวไม่ใช่หรอเนี่ยยย)

ลงมาถึงก้อคอแห้งค่ะ ด้านหน้าจะมีร้านกาแฟตั้งอยู่ร้านนึง เล็งไว้ตั้งแต่ตอนเข้ามาแล้ว อิอิ

ชื่อร้าน ณ หละปูน เป็นร้านกาแฟเล็กๆ จัดตกแต่งได้น่ารักดีค่ะ ราคาก้อไม่แพงด้วย การบริการเป็นกันเองมาก พนง. น่ารักทุกคนเลยค่ะ



พักกายหายร้อนแล้ว เราก้อไปต่อค่ะ พาพันปั่นจักรยาน

สถานีต่อไป วัดพระธาตุหริภุญชัย เป็นอีก 1 สถานที่ ที่มาถึงลำพูนแล้ว ต้องมากราบสักการะค่ะ

แต่ก่อนเข้าสักการะพระธาตุ พี่ชายพามาโดนของอร่อยก่อน ร้านอยู่ด้านหน้าของวัดเลยค่ะ เดินเข้าวัดมาอยู่ฝั่งซ้ายมือ

สังเกตุง่ายๆ มักจะมีคนมุงเยอะๆ อิอิ

นั่นคือ...............เฉาก๊วยที่อร่อยที่สุดในเมืองมนุษย์ 555555

คนขายค่อนข้างอินดี้นะคะ ฮาดี ที่สำคัญอร่อยค่ะ เฉาก้วยที่ไม่ได้ใส่น้ำเชื่อม แต่ใส่นมคาเนชั่นแทน ราดด้วยน้ำเชื่อมที่ทำจากลำใย ฟินมาก พูดเรอะ

แก้วละ 30 บาท กินแทนข้าวได้เลยค่ะ อิ่มมมมมม

อมยิ้ม05อมยิ้ม05อมยิ้ม05





พอได้เฉาก๊วยแล้ว เราก้อเดินเข้ามาในบริเวณพระธาตุค่ะ ที่นี่สวยมาก ลืมร้อนไปเลย

ก่อนเข้าต้องถอดรองเท้าไว้ด้านนอกนะคะ พอเข้าไป พี่ชายให้เดินรอบพระธาตุ 3 รอบ แล้วค่อยมากราบพระะาตุค่ะ

ระหว่างเดินเราก้อชมความงามของพระธาตุไปด้วย ไม่คิดว่าจะได้มาเห้นของจริง เคยเห็นแต่ในกูเกิ้ล

ของจริงงดงามกว่ามากๆ เลยค่ะ

ชมความงามของพระธาตุเสร็จแล้ว เราก้อไปเดินต่อค่ะ ด้านข้างของพระธาตุ จะมีตลาดเล็กๆ ชื่อว่า ขัวมุงท่าสิงห์ 

(ขัว แปลว่าสะพาน / มุง แปลว่าหลังคา)

เป็นสะพานที่ข้ามคลอง ระยะทางน่าจะประมาณ 100-200 เมตรได้ (ประมาณเอานะคะ) มุงหลังคาสวยงาม

ด้านในส่วนใหญ่จะขายของพื้นเมือง และขนมที่แปรรูปมาจากลำใย

ไม่ต้องแปลกจัยนะคะ ถ้าไปไหนมาไหนในเมืองลำพูน แล้วจะเจอแต่ลำใย เพราะลำใยเป็นผลไม้ประจำจังหวัดคร่า


เดินทะลุขัวมุงท่าสิงห์มา ก้อจะพบร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านนี้พี่ชายบอกว่าอร่อยมาก มาทานบ่อย

เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำใยค่ะ เค้าว่ามาถึงลำพูน ต้องทานก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำใย

รออะไรล่ะคะ รีบเลย เดี๋ยวคนเยอะ อิอิ







จัดก๋วยเตี๋ยวไปคนละชาม และขนมจีบคนละถาด อิ่มเว่อร์วัง ราคาไม่แน่จัย เหมือนจะแค่ชามละ 30-40 บาทนะคะ

รสชาติดีค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะหวานๆ ซะอีก เพราะชื่อก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นลำใย แต่จริงๆแล้ว เค้าแค่ใส่เนื้อลำใยอบแห้งมาด้วยค่ะ

คัยไปลำพูนอย่าลืมหาทานกันนะคะ (จำชื่อร้านไม่ได้ แต่ถ้าเดินไป จะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ร้านใหญ่ โปร่งๆ 

อิ่มล๊าววววว ไปไหนต่อดี...........

พี่ชายมีสถานที่แนะนำค่ะ กำลังจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดลำพูน ตอนนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงนะคะ

มีชื่อว่า สะพานทาชมภู อยู่ที่ อ.แม่ทา ค่ะ เป็นสะพานคร่อมรางรถไฟ สีขาว เริ่มมีโปรโมททางเว็บไซด์แล้วค่ะ ลองไปเสิร์ชหาข้อมูลกันได้เลย

จากภาพที่ผ่านๆ มา เห็นเลยว่าแดดแรงมาก ลืมไปเลยว่านี่คือหน้าหนาว 55555

ปะปะ ไปกันต่อ พี่ชายพามาแวะที่นี่ค่ะ

วัดพระพุทธบาทตากผ้า มีรอยพระพุทธบาท 2 รอย เราไม่ทราบประว้ตินะคะ คัยอยากรู้ลองไปเสิร์ชดูโน๊ะ

วัดนี้เงียบและสงบมากค่ะ ไม่ค่อยมีคนเข้ามาสักการะสักเท่าไหร่ นอกจากเราแล้ว เห็นมีอีกครอบครัวนึง มาทีหลังเราค่ะ



ที่นี่มีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของครูบาศรีวิชัยด้วยนะคะ (ภาพล่างซ้าย)

ส่วนภาพบนซ้ายคือ ท่านครูบาพรหมา พฺรหฺจกฺโก ในอิริยาบทที่กำลังนั่งปฏิบัติธรรมใต้ต้นบุนนาคค่ะ

ส่วนภาพซ้ายล่างเป็นปู่ฤาษี กำลังนั่งวิปัสนากรรมฐานอยู่ในถ้ำ สามารถลงบันไดไปกราบสักการะท่านได้ค่ะ

ออกจากวัดพระพุทธบาทตากผ้าแล้ว เราก้อไปแวะตลาดสดใกล้ๆ ค่ะ หาขนม ของกิน

และแร้วเราก้อได้เจอเจ้านี่ ของโปรดเลยค่ะ ไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว

ราคาเอาเรื่องเลยค่ะ เค้าว่าหายาก ถุงนี้ 1 ขีดนะคะ 100 บาท ฟินเบยยยย อิอิ



หลังจากออกจากตลาดแล้ว เราก้อดิ่งตรงกลับบ้านพี่ชายก่อนค่ะ พักผ่อนเอาแรง ก่อนไปต่อตอนเย็น

ว่าแต่เราไปไหนต่อ ไปดูกันเลยคร่าาาาา

นั่งพัก นอนเล่นมา 2 ชั่วโมงก่าๆ พี่ชายก้อมาเรียก ไปหารัยกินกันดีก่า

ห๊าาาาาา........

ที่อัดไปเมื่อกลางวันยังม่ะย่อยเรยคร๊าบบบบบ แต่...กลัวที่ไหน กินให้พุงแตกไปเร๊ยยยย

555555








เยอะมั๊ยคะ นี่สำหรับผู้ใหญ่ 5 เด็ก 2 นะคะ

เรียงชื่อเมนูให้ตามภาพเลยค่ะ ต้มยำรวมมิตรน้ำข้น / ปลาทับทิมทอดสมุนไพร (2 ชุด อร่อยมาก พูดเรอะ แนะนำค่ะ) / แหนมหมู /

ปีกไก่ทอดน้ำปลา / ปลาทับทิมนึ่งมะนาว / กุ้งทอดซอสมะขาม / ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ (กินเพลิน ลืมถ่าย อิอิ)

ยังไม่หมดนะคะ ต่อด้วยของหวานปิดท้าย




สนนราคามื้อนี้ 1,500 บาทนิดๆ ไม่เชื่อใช่มั๊ยคะ เพราะทีแรกเราก้อม่ะอยากเชื่อเหมือนกัน

แต่มันคือความจริงค่ะ อาหารอร่อย ราคาถูก บริการดี ไปโดนกันได้ที่ร้านนี้เลยค่ะ ร้าน Tammarine ไม่รู้พิกัดนะคะ

ร้านเปิดประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ คัยสนจัย อยากไปทานร้านนี้ โทรไปสอบถามเส้นทางได้เลยค่ะ 086-191-0388 คุณสุธี คุณเก๋ เจ้าของร้าน

อิ่มล๊าววววว ไปเดินย่อยกันดีก่า

ขับรถจากร้านแทมมารีนมาประมาณ 15 นาที พี่ชายพามาไหว้ พระนางจามเทวี เพื่อเป็นสิริมงคลค่ะ

ตำนานกล่าวว่า ท่านเคยเป็นจ้าวครองนครลำพูน ประมาณนี้ ถ้าผิดพลาดยังงัยขออภัยด้วยนะคะ

ตอนซื้อดอกไม้เพื่อสักการะ คนขายเห็นมาเป็นครอบครัว เลยแนะนำ บายศรีชุดใหญ่ ราคาน่าจะ 250 หรือเปล่าไม่แน่จัยค่ะ

ในชุดใหญ่จะมีบายศรี 2 พาน ถาดผลไม้และน้ำ ช่อดอกไม้สำหรับไหว้คนละช่อ(เรามา 4 คน เลยขอ 4 ช่อค่ะ)

ส่วนใหญ่จะอธิษฐานขอเรื่องการงาน การเงินกัน (เค้าบอกมา)


ไหว้พระนางจามเทวีเสร็จ เราก้อเดินตลาดข้างๆอนุเสาวรีย์กันต่อค่ะ ได้ขนมมาเพียบอีกตามเคย

ของที่นี่ราคาถุกมากค่ะ เห็นแล้วอยากหิ้วกลับ กทม. ได้ขนมแล้วเราก้อกลับที่พักบ้านพี่ชาย เม้าธ์มอยด์ อาบน้ำ พักผ่อนกันค่ะ

สวัสดีอีกรอบคร่าาา

มาต่อวันที่ 2 กันโน๊ะ ตื่นมาเช้านี้ที่ลำพูนค่ะ พี่ชายตื่นแต่เช้าไปซื้อโจ๊กมาให้น้องๆ ทาน เยอะและอร่อยม๊ากกกกก (ลืมถ่ายรูปมาให้ดู เก๊าขอโทษนร๊า)

อิ่มท้องแล้วเราก้อไปต่อค่ะ แต่วันนี้พี่ชายไม่ได้เป็นไกด์ให้แล้ว ปล่อยให้แกไปทำงานมั่ง อิอิ

พี่ชายเช่ารถตู้ไว้ให้ค่ะ เป็นน้าของพี่ชาย ชื่อน้านงค่ะ ราคากันเอง บริการดี สุภาพ ขับรถดีค่ะ ไม่เฟี๊ยวฟ้าว ความปลอดภัยมาเป็นอันดับ 1

ไม่ขัดจัยด้วย แกจัยดีมากค่ะ เพื่อนๆ คนไหนสนจัยเรียกใช้บริการได้นะคะ แกพาเที่ยวได้ทั่วภาคเหนือเลย

ออกจากลำพูน เราก้อตรงดิ่งไปขึ้นดอยอินทนนท์เลยค่ะ อยากสัมผัสบรรยากาศตอนเช้า

ที่แรกที่น้านงพาแวะ คือจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน ที่นี่สวยมาก อากาศเย็นกว่าข้างล่าง ดีจัยขึ้นมาหน่อย

แต่น้านงบอกว่า นี่ถือว่าร้อนนะ ปกติช่วงนี้ต้องหนาวปากสั่นแล้ว เศร้าแพร๊พพพ T.T

น้านงสอนให้ดูว่าอากาศจะหนาวมั๊ย โดยดูที่ท้องฟ้าค่ะ ถ้ฟ้ามีเมฆหรือมีฝ้ามาก แปลว่าจะไม่หนาว

แต่ถ้าท้องฟ้าโปร่งไปเลย เป็นสีฟ้าสว่างๆ ไม่มีเมฆ แบบนั้นหนาวแน่ ซึ่งทริปนี้ม่ะได้เจอเบยยยยย  เม่าโศก







เส้นทางศึกษาธรรมชาติ กิ่วแม่ปาน ตอนแรกว่าจะขึ้นไปค่ะ แต่ต้องเดิน ระยะทางก้อไม่ใกล้เลย

เลยตัดสินจัยไม่ขึ้น เพราะมีคุณแม่กับยัยนู๋มาด้วย คงไม่ค่อยสะดวกจะเดินทางไกล

เอาไว้รอบหน้านะ จะไม่พลาดเลยคอยดู

อ่อ ลืมบอกไป ก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ ต้องผ่าน 2 ด่านนะคะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยไป จะได้ไม่งงโน๊ะ

ด่านแรก ซื้อบัตรผ่านทางค่ะ ถ้าจำไม่ผิด ราคาคนละ 40 บาท รถคันละ 100 บาท

แล้วก้อสามารถซื้อดอกไม้สำหรับไหว้พระธาตุได้จากตรงนี้เลยนะคะ ด้านบนไม่มีขาย

ด่าน 2 จะตรวจบัตรผ่านอีกครั้งค่ะ จากนั้นก้อวิ่งยาวๆ ไปเลย

ถนนค่อนข้างคดเตี้ยวนะคะ ขับรถด้วยความระมัดระวังด้วย หาหมากฝรั่งไว้เคี้ยวด้วยก้อดีค่ะ เพราะหูอาจจะอื้อจนปวดได้



มาถึงแล้วค่ะ ดอยอินทนน์ จุดสูงสุดแดนสยาม อากาศ ณ ตอนนี้ 18 องศา เศร้าอีกที พาพันเศร้า

คิดบวก อย่างน้อยก้อเย็นดีนะ ถึงแม้จะหวังไว้ว่าต่ำกว่า 10 องศาก้อเหอะ ปีนี้ช่างเป็นปีที่ร้อนจริงๆ

ก่อนหน้าเราจะมา 3 วัน อากาศเย็นจนเกิดแม่คนิ้ง แต่วันนี้มันคืออารายยยยยย









หลังจากเดินขึ้นไป ณ จุดสูงสุดแล้ว ก้อไปตามทางค่ะ จะออกมาด้านข้าง รถจะมาจอดรอเราอยู่บริเวณนั้น

ส่วนใหญ่รถที่ไม่ใช่รถส่วนตัว จะไม่จอดด้านบนนะคะ พอส่งเราเสร็จ เค้าจะขับมาจอดบริเวณนี้กัน เพื่อไม่ให้ด้านบนแออัดจนเกินไป

มาถึงตรงนี้ เย็นขึ้นอีกนิดนุง 15 องศา

อิ่มกับบรรยากาศด้านบนแล้ว ก้อไปต่อค่ะ

ลงจากดอย กลับมาที่พระธาตุค่ะ ก่อนไปดูรูปภาพสวยๆ เรามารู้ประวัติคร่าวกันหน่อยดีก่าโน๊ะ

พระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อ ปี พ.ศ. 2530

และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อ พ.ศ. 2535

พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือ ฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ ยอดปลีขององค์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปบูชา รอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์ได้อย่างสวยงาม

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.chiangmaipao.go.th/tourism/index.php/attractions/get_detail/140



น้านงมาส่งเราที่จุดต่อรถค่ะ เรียกว่าลานจอดฮอร์(ฮอร์ลิคอร์ปเตอร์นั่นแหละค่ะ) ตรงนี้ก้อคือตรงจุดชมวิวกิ่วแม่ปานนั่นแหละค่ะ 

ฝั่งตรงข้าม เค้าทำเหือนเป็นจุดที่ยื่นออกไป พื้นเป็นเหล็ก แต่แข็งแรงนะคะ รถมาจอดตรงนี้เยอะมาก

เราต่อรถ 2 แถวสีเหลือง แบบที่เห็นในภาพ เป็นรถที่ให้บริการฟรีนะคะ บนหลังคาจะมีป้ายรับ-ส่งฟรี แบบนี้นะคะ ตอนขึ้นสังเกตุนิดนุง เดี๋ยวไปขึ้นแบบเสียเงินแย่เลย



พอมาถึงบริเวณด้านหน้าของพระธาตุ รถจะจอด แล้วจะมีพี่ทหารมาจำหน่ายตั๋วให้โดยที่เราไม่ต้องลงจากรถ ราคาคนละ 40 บาทค่ะ


ขึ้นมาถึงแล้วค่ะ แว๊บแรกที่เห็น รู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปในโลกอีกใบ

ก้อนเมฆที่ลมพัดผ่านไป เหมือนอยู่ใกล้จนเอื้อมมือคว้าได้ อากาศเย็นสบาย ถึงแดดจะแรงก้อตาม แต่สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้ลืมร้อนไปเลยค่ะ



พระธาตุทั้ง 2 มีทางขึ้นตรงกลางทางเดียวกันนะคะ พอขึ้นไปแล้วก้อแยกเป็น 2 ด้าน มีบันไดเลื่อนไว้บริการ แต่ไม่สูงมากนะคะ เดินขึ้นบันไดได้ชิลล์ๆ










ต่อๆ ค่ะ ภาพสวยๆ เยอะเลย







อิ่มเอมกับบรรยากาศที่นี่แล้ว เราก้อไปต่อกันค่ะ น้านงแนะนำให้ไปแวะเที่ยวน้ำตกก่อน แกว่าที่นี่สวยมากค่ะ

แต่ช่วงที่เราไปเนี่ยน้ำน้อยแล้ว ถ้าเป้นหน้าฝน น้านงบอกว่าละอองน้ำตกจะลงมาถึงตรงที่จอดรถเลย แรงม๊ากกก

แต่ก่อนจะไปชมน้ำตก เรามาเติมพลังให้พุงน้อยๆ กันก่อนดีกว่า

ระหว่างทางที่ลงมาจากพระธาตุ มีจุดที่จัดเป็นร้านอาหาร มี 3 ร้านตั้งรวมกันนะคะ จะทานร้านไหน ก้อเลือกนั่งโต๊ะให้ตรงร้านเค้านร๊า

เราเลือกร้านตรงกลางค่ะ เพราะเห็นมีโต๊ะนั่งช่วงกลางๆหน่อย อีก 2 ร้าน เหลือที่นั่งริมด้านหน้าแร้ว กลัวจะร้อนน่ะค่ะ



มื้อนี้เราสั่งมาแค่ 3 อย่างค่ะ ทอดมันปลากราย / ผัดพริกแกงหมู / ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ

ราคาเบาๆ นะคะ ไม่หนักเหมือนแหล่งท่องเที่ยวบางแห่ง รสชาติก้อใช้ได้ค่ะ ไม่จัดจ้านมากนัก อาจเพราะต้องขายต่างชาติด้วย

สังเกตุร้านนี้ง่ายๆ นะคะ จะอยู่ตรงป้ายนี้เลย หาไม่ยาก


ไปต่อกันค่ะ ที่ที่น้านงแนะนำ น้ำตกวชิรธาร ทางเข้าค่อนข้างแคบนะคะ เวลาสวนกันต้องหลบกันนิดหน่อย

แต่น้านงบอกว่า ดีกว่าขุนช่างเคี่ยนเยอะเลย เส้นนั้นไม่มีไหล่ทางให้หลบ รถสวนกันแทบไม่ได้ ต้องถอยหลบกันบางทีเป็นกิโลๆ

ถึงแร้วคร่า เปิดประตูรถปุ๊บ ได้ยินเสียงน้ำตกปั๊บ เย็นและฉ่ำไปด้วยละอองน้ำ ทางเดินขึ้นไปชมน้ำตก เป็นบันไดไม้นะคะ

ขนาดเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ระดับขั้นไม่เสมอ เดินด้วยความระมัดระวังนะคะ







ยัยนู๋สู้ตายค่ะ จะพาปีนขึ้นปีนลง ไปหมด สนุกเค้าเลย อิอิ



ด้านล่างของน้ำตก ตรงบริเวณที่จดรถ จะมีร้านกาแฟอยู่ค่ะ ร้านเล็กๆ น่ารัก แต่เค้าสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะลูกค้าร้านกาแฟนั่งนะคะ

คุณผู้ชายสั่งกาแฟเย็นมา 1 แก้ว เราเลยสั่งบ้าง แต่เป็นคนไม่ทานกาแฟค่ะ เลยสั่งโกโก้มา 1 แก้ว แบบหวานน้อย เพราะพึ่งทานข้าวมา

แต่....................................

ได้ดูดไป 2 ทีเองค่ะ ทานไม่ได้จริงๆ จากที่ดูดเข้าไป ลิ้นรับรสได้แค่ 2 รส คือขมและจืด ไม่มีเศษเสี้ยวของความหวานสักนิด

เสียจัยอย่างแรง ได้แค่เอามาตั้งไหว้หน้ารถ เป็นอุทาหรณ์เตือนจัย ว่าถ้าไม่ใช่ร้านที่เคยกิน ไม่ต้องมีคำสั่งพิเศษ ให้กินตามสูตรของเค้า

(สามีกล่าวไว้)

ออกจาน้ำตกวชิรธารแล้ว เราก้อตรงดิ่งไปวัดพระธาตุศรีจอมทอง พระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีชวดกันเลยค่ะ

วัดนี้ค่อนข้างเงียบสงบ คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ มีของพื้นเมืองขายอยู่บ้าง ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้านะคะ

บริเวณโดยรอบพระธาตุ จะมีรุปปั้นหนูมากมาย ไม่บอกก้อรู้แหละค่ะ ว่าสำหรับคนเกิดปีชวดแน่นอน อิอิ

หนูหนูหนู









โชคดีของเรา ตอนเข้าไปกราบพระประธานในอุโบสถ มีหลวงพ่อลงมาพอดีเลยค่ะ


อิ่มบุญแล้ว ก้อไปต่อค่ะ ที่สุดท้ายของวันนี้ก่อนเข้าที่พัก

น้ำพุร้อนสันกำแพง





ก่อนจะมาพักแช่เท้า คลายเมื่อย เราเดินไปดูจุที่น้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมากันดีกว่าค่ะ เค้าบอกว่าความสูงประมาณ 15 เมตร อุณหภูมิประมาณ 100 องศาฯ

ไม่ควรเข้าใกล้มากนะคะ อันตราย  ส่วนบริเวณนั้นจะมีบ่อซีเมนต์อยู่ประมาณ 3 บ่อ ไว้ให้สำหรับลวกไข่ค่ะ แต่เราไม่ได้ลวก เพราะเดี๋ยวเข้าที่พักแล้วค่ะ



เดินย้อนกลับมาด้านหน้า จะมีร่องซีเมนต์เป้นแนวยาว สำหรับให้แช่เท้าฟรีค่ะ ช้าอยู่ใย จัดไปเลยค่ะ ความร้อนขึ้นอยู่กับระยะทางนะคะ 

ถ้าอยากได้ร้อนมากหน่อยก้อเลือกนั่งบริเวณต้นทาง แต่ถ้าไม่ไหวก้อไปปลายๆ ค่ะ ไม่ร้อนมาก 

เราเลือกช่วงกลางๆ ร้อนพอสมควรค่ะ น่าจะ 40 กว่าองศาฯ ต้องค่อยๆหย่อนเท้าลงไปนะคะ ป้องกันการบาดเจ็บ และให้ร่างกายได้ค่อยๆปรับสภาพ





สบายเท้ามากเลยค่ะ เราแช่กันอยู่ประมาณ 20 นาทีค่ะ จากนั้นก้อออกมาหาของกินกันด้านหน้า (ซื้อไปกินที่รีสอร์ทค่ะ)

เรียบร้อยแล้วเราก้อเข้า Check in กันที่ สิปปะ ฮอทสปริง รีสอร์ท แอนด์ สปา แต่ว่าเดี๋ยวเรามารีวิวแยกให้ทีหลังดีกว่าโน๊ะ รีวิวนี้ยาวไปแระ อิอิ

วันที่ 3 แล้วคร่า 25 ธ.ค. 2558

วันนี้ทริปหลวมค่ะ เพราะคุณแม่กับยัยนู๋ค่อนข้างเหนื่อย แน่นไปเดี๋ยวจะหมดสนุกซะก่อนโน๊ะ

วันนี้นัดน้านงมารับตอน 8 โมงเช้าค่ะ ทานอาหารเช้าเสร็จพอดี พอน้านงมาถึงก้อตรงดิ่งไปม่อนแจ่มกันเลยค่ะ





ต้องเล่าก่อนนิดนึงว่า จริงๆ แล้วม่อนแจ่มไม่ได้อยู่ในแพลนของเราค่ะ

แพลนจริงๆของวันนี้คือ ดอยสุเทพ / ม้งดอยปุย / พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวช / ขุนช่างเคี่ยน

แต่ด้วยปีนี้อากาศร้อนมาก ทำให้พญาเสือโคร่งไม่ออกดอกเลยค่ะ เป็นกิ่งแห้งๆ ซะส่วนใหญ่ และเส้นทางค่อนข้างอันตราย

พี่ชายกับน้านงแลยแนะนำให้ไปแอ่วม่อนแจ่มแทนค่ะ 

จริงๆ แล้ว พญาเสือโคร่งนี่เป็นไฮไลท์ของทริปเลยนะคะ ตั้งจัยมาชมเป็นอย่างมาก เศร้าแพร๊พพพพ

ถึงล๊าววววว ม่อนแจ่ม ผ่านมา 121 โค้งมั้งคะ ถ้าจำตัวเลขไม่ผิด เส้นทางคดเคี้ยว ลาดชัน ค่อนข้างอันตรายค่ะ เรานี่นั่งตัวเกร็งเลย

คัยไปก้อขับรถด้วยความระมัดระวังนะคะ อย่าขับเร็วมากค่ะ อันตรายจริงๆ

วันนี้อากาศร้อนม๊ากกกกกกกกกกก 30 องศาฯค่ะ ลมก้อไม่ค่อยมี ไม่ฟินเลยอ่า

แต่ก้อเดินเก็บภาพสวยๆ มาฝากนะคะ ไปดูกัน




ด้านหน้าตรงทางเดินขึ้น เป็นจุดช้อปปิ้งค่ะแต่เราเดินผ่านไปก่อน ขากลับลงมาค่อยแวะ

อ่อ ต้องเดินขึ้นนะคะ รถขึ้นได้ไม่ถึงค่ะ แต่ก้อมีรถสาธารณะบ้างขึ้นมาจอดรับส่งผู้โดยสาร รถส่วนตัวเล้กน้อยน่าจะเป็นของผู้เข้าพักที่นี่ค่ะ



พาเด็กมาขึ้นดอยค่ะ 55555

ร้อนแต่ก้อสู้ตายคร่า อยากได้ภาพสวยๆ มาอวดเพื่อนๆ

เดินวนไปเรื่อยๆค่ะ เก็บภาพสวยๆ แต่ผิวนี่แสบยิบๆเลย ร้อนมากกกกก




จากมุมด้านหน้าที่ขึ้นไปถึง จะได้บรรยากาศประมาณนี้ค่ะ สวยนะ ให้อภัยกับอากาศที่ร้อนตับแล่บได้ 5555

ม่อนแจ่ม ปลูกดอกไม้หลากหลายชนิดนะคะ สีสันสวยงาม เราไปกำลังผลิดอกบานแข่งกันถึงแม้อากาศจะร้อนก้อตาม

แต่ก้อไม่ได้ทำให้ที่นี่สวยน้อยลงเลยค่ะ

ด้านบนมีบริการร้านอาหาร กาแฟอยู่นะคะ เค้ามีจัดที่นั่งเป็นซุ้มริมหน้าผา เป็นจุดชมวิวด้วยค่ะ

ทานไป ชมวิวภูเขาสวยๆสลับซับซ้อนกันไป ก้อเพลินๆดี

แต่เราไม่ได้นั่งค่ะ ไปถึง 10 โมงแล้ว ที่นั่งเต็มเอี๊ยด เอาแค่เดินเก็บภาพสวยๆ แล้วกันโน๊ะ



เก็บภาพบรรยากาศพอแล้ว เดินกลับลงมาชมแหล่งช้อปปิ้งกันดีก่า อิอิ

ที่นี่ขายของพื้นเมืองนะคะ ผัก ผลไม้ของชาวบ้านปลูกเอง ขายถูกมากค่ะ



เดินลงมาอีกหน่อย เห็นมีคนมุง เลยไปมุงด้วย คนไทยนี่นา 55555

เจอเจ้านี่ค่ะ ไอศติมกะทิ อากาศร้อนๆแบนี้ขายดีขายดิบกันเลยทีเดียว เราก้อไม่พลาดค่ะจัดมาคนละถ้วยกับคุณผู้ชาย



อร่อยดีนะคะ เย็นชื่นจัย ไม่หวานจนเกินไป ออกมันๆมากกว่า

เราไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับมานะคะ เพราะส่วนใหญ่เป็ยพืช ผัก ผลไม้ เรากลัวจะเสียก่อนจะได้กลับกรุงเทพฯ

ลงจากม่อนแจ่ม ให้น้านงพาแวะเก็บสตรอเบอร์รี่ค่ะ แกเลยพาแวะที่นี่ เป็นไร่เล็กๆข้างทางนะคะ จำชื่อไม่ได้ ขอโทษนร๊า

ที่นี่ไม่คิดค่าเก็บค่ะ หยิบตะกร้า เดินเข้าไปได้เลย เค้าคิด กก.ละ 300 บาท

แต่น่าจะด้วยความที่เป็นไร่สตอเบอร์รี่เล็กๆ มีคนเข้ามาเรื่อยๆ เลยไม่มีลูกใหญ่ๆ ให้เก็บเท่าไหร่

 

Tips ในการเก็บสตรอเบอร์รี่นะคะ เชื่อว่าหลายคนไม่ทราบแน่ๆ เพราะเราเองตอนกเก็บก้อไม่คิดอะไร เอาลูกแดงๆ สวยๆ ไว้ก่อน
จริงๆแล้วเลือกลูกที่ยังมีสีเหลืองๆอยู่บ้างจะดีกว่านะคะ เพราะจะเก็บได้นานกว่า
ลูกแดงๆ ที่เราเก็บมาช่วงเช้า ตกบ่ายฉ่ำแล้วค่ะ บางลูกเกือบเละเลย ต้องรีบกินให้หมด กะว่าจะเอากลับบ้านซะหน่อย



เก็บเสร็จแล้วคร่า คิดว่าน่าจาครึ่ง กก. แต่ที่ไหนได้แค่ 3 ขีดเอง เยอะเหมือนกันนะเนี่ย

ทำมัยเวลาเราซื้อกินตามตลาดมันได้น้อยจังหว่า ???

ไหนๆ แวะเก็บสตรอเบอรี่แร้ว ก้อเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ ด้วยซะหน่อย




สวยเหมือนกันนร๊าาา

ไปต่อค่ะ จากม่อนแจ่ม เราไปแวะที่สวนพฤกษศาสตร์ฯ

ที่นี่พี่ชายแนะนำมาค่ะ บอกว่าสวยมาก เราก้อเลยไม่พลาดค่ะ ต้องไปชมซะหน่อย

ที่นี่เสียค่าเข้านะคะ เหมือนจะคนละ 40 บาท (ไม่แน่จัย)



มีอเมซอนอยู่ด้านหน้าเลย อดกิน รถจอดลำบาก

พอเข้าไปด้านใน จนท.บอกว่าให้เอาหางบัตรไปแลกบัตรคิว ซึ่งเราก้อไม่รู้ว่าคืออะไร บอกแล้วว่านอกแพลน เลยไม่ได้ศึกษาข้อมูลมา

ยืนเก้ๆ กังๆ กันอยู่พักนึง เลยให้คุณผู้ชายไปถาม สรุปได้บัตรคิวมา 2 ใบ (คุณแม่กับยัยนู๋ไม่เข้า) เลขที่ 91 กับ 92

จากนั้นได้ยินเสียง จนท.ประกาศ บัตรคิว 00-30 ให้มาเตรียมตัว 

คือเราไม่รู้จริงๆ นะว่าเค้าจะพาไปไหน รู้แต่ว่าจากตรงนี้ไป ข้างหน้าเป็นเหมือนสะพานเหล็ก ซึ่งไม่รู้ว่าให้เดิน หรือขึ้นกระเช้า หรืออะไร เอ๋อมากกก

สักพักให้คุณผู้ชายไปถามอีก ได้ความมาแค่ว่า เค้าให้ไปได้รอบละ 30 คิว รอบละ 30 นาที ซึ่งตอนนี้เวลา 11.45 น. เดี๋ยว จนท. จะพักเที่ยงอีก 1 ชม.

...........ห๊าาาาาาา..........

ก่าจาถึงชั้นมิบ่าย 2 รึ จากนั้นก้อเลยตัดสินจัยไม่เข้าละกัน เวลาเราไม่ได้มากขนาดจะรอได้ เลยมาเดินถ่ายรูปด้านหน้าแทน





ได้ยินว่าข้างในสวยงามมาก จัดเป็นโดมๆ มีดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ แต่ข้างหน้าก้อสวยไม่แพ้กันนร๊า แค่ได้มาแค่นี้ก้อพอจัยแล้วโน๊ะ

ออกจากสวนพฤกษศาสตร์ ก้อตรงดิ่งไปดอยสุเทพเลยค่ะ

แต่ว่านี่บ่ายแล้ว หิวจุง ก่อนขึ้นดอยสุเทพ หาร้านอาหารหน่อยละกัน

ได้ร้านนิค่ะ เฮือนห้วยแก้ว ร้านนี้ดูจากในเว็บ บรรยากาศดีมากค่ะ แต่แนะนำให้มาช่วงเย้นๆ นะคะ เรามาบ่าย ร้อนค่ะ เค้าปิดผ้าใบลงมาหมด อดฟินเบย




จอดรถแล้วเห็นเงียบๆ ไม่ต้องตกจัยว่าร้านเปิดหรือเปล่านะคะ เดินเข้าไปทางประตูอิฐเลยค่ะ





เดินตามทางไปเลยค่ะ ชมจิตรกรรมความงามของร้านไปด้วย พนง.จะรอต้อนรับเราด้านในค่ะ

ที่นั่งมีให้เลือก 2 แบบ indoor ติดแอร์ หรือ outdoor ชมธรรมชาติ

เราเลือก outdoor ค่ะ ถึงแม้จะมองไม่เห็นอะไรก้อตาม 55555

หิว

อาหารมาล๊าวววววว



เรียงเมนูตามภาพเลยนะคะ ทอดมันกุ้ง / เนื้อแดดเดียว / ส้มตำทะเล / แกงส้มกุ้งผักรวม 

สนนราคามื้อนี้ 8 ร้อยก่าบาท ถูกมากเลยค่ะ รวมน้ำและข้าว 1 โถด้วยนร๊า

อาหารอร่อยทุกอย่างค่ะ รสชาติกลางๆ ไม่โดด โดยเฉพาะแกงส้มเค้าบอกว่าได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศด้วย 

รสชาติกลมกล่อมค่ะ เปรี้ยว หวาน ไม่เผ็ด ถูกจัยทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ค่ะ

ทานเสร็จแล้ว ก้อต้องไปสำรวจห้องน้ำกันซะหน่อย ที่นี่เค้าจัดได้สวยมากค่ะ ให้ความรู้สึกถึงความเป็นล้านนามาก

วัสดุเป็นไม้ทั้งหมด ยกเว้นเครื่องสุขภัณฑ์นะคะ ประตูห้องน้ำก้อเป็นไม้ บานเปิดคู่ ใช้ไม้ขัดแบบโบราณ

แนะนำว่าไม่ควรให้เด็กเข้าใช้ตามลำพังนะคะ เดี๋ยวเปิดประตูออกไม่ได้




บอกพิกัดนิดนึง หาไม่ยากค่ะ อยู่ตรงศาลครูบาศรีวิชัยเลยค่ะ เป็นทางเลี้ยวซ้าย ถ้าตรงไปจะเป็นทางที่ไปขึ้นดอยสุเทพ ร้านอยู่ซ้ายมือนะคะ

วันนี้เราไป เหมือนมีการก่อสร้าต่อเติมอะไรสักอย่าง เหลือทางเข้าแคบๆ หน่อย แต่รถตู้คันใหญ่ของเราก้อเข้าได้สบายค่ะ

อิ่มหนำสำราญ ก้อสตาร์ทเครื่องไปต่อกันเลยค่ะ

ออกจากร้านอาหารมาก้อขึ้นไปดอยสุเทพ ไหว้พระธาตุกันค่ะ พระธาตุดอยสุเทพ เป็นพระธาตุประจำปีเกิด ของคนเกิดปีมะเมีย ซึ่งคือคุณผู้ชายของเราค่ะ

น้านงจอดรถให้เรา ตรงทางขึ้นไปเพื่อซื้อตัวขึ้นรถราง ราคาน่าจะ 20 บาทนะคะ ระหว่างทางขึ้นก้อจะมีแม่ค้ามาขายระฆังทองใบเล็กใบน้อย

เราเลยซื้อมา 1 ใบ ให้คุณผู้ชาย เขียนชื่อนามสกุลที่ใบโพธิ์นะคะ



ขึ้นรถรางไปแล้ว ก้อเดินขึ้นไปอีกหน่อยค่ะ เข้าไปไหว้พระธาตุ ถอดรองเท้าด้วยนร๊า




พระธาตุดอยสุเทพ มีความคล้ายคลึงกับพระธาตุหริภุญชัยมากค่ะ

เข้าไปถึง จะมีคนดูแลนะคะ เค้าจะบอกว่าให้เราทำอะไรบ้าง โดยปกติแล้วเค้าจะให้เดินวนรอบพระะาตุ 3 รอบ พร้อมสวดบูชาพระธาตุ 3 จบ

เราก้อทำตามค่ะ สำหรับคัยที่ซื้อระฆังมา เดินครบ 3 รอบแล้วก้อแขวนไว้ที่กำแพงเหล็กรอบพระธาตุได้เลยค่ะ

จากนั้นก้อมาจุดธูปเทียน บูชาพระธาตุอีกครั้ง



นอกจากไหว้พระธาตุแล้ว เราก้อทำบุญพระประจำวันเกิดด้วย ดูกำลังด้วยนะคะ เราวันพุธกำลัง 17 ค่ะ คุณผู้ชายวันศุกร์กำลัง 21 ยัยนู๋วันอาทิตย์กำลัง 6

เสร็จแล้วเราก้อถวายสังฆทาน กรวดน้ำ รับพร รับน้ำมนต์ต่อ

อิ่มบุญแล้ว ไปชมบรรยากาศกันต่อ

เราลงจากพระธาตุมา(แต่ยังไม่ลงรถรางนร๊า) เดินวนไปด้านข้างค่ะ มีร้านกาแฟอยู่ร้านนึง ต้องลองโดนซะหน่อย

แต่พอเห็นราคาแล้วต้องตกจัยกันเลยทีเดียว


ตกจัยมั๊ยคะ ไม่น่าเชื่อว่าแหล่งท่องเที่ยวแบบนี้ จะมีกาแฟราคาถูกมากมายอยู่ด้วย เป็นกาแฟสดด้วยนะคะ รสชาติก้อใช้ได้ ไม่ขี้เหร่เลย เลิศศศศศ

ได้กาแฟ 1 แก้ว โกโก้ 1 แก้ว แล้วเราก้อเดินไปต่อจนถึงจุดชมวิวดอยสุเทพ จากตรงนี้มองลงไป เหมือนเห็นเชียงใหม่ทั้งเมืองเลยค่ะ สวยมาก

สวยคนละแบบกับดอยอินทนนท์นะคะ

จุดชมวิวบนดอยสุเทพ มี 2 ที่นะคะ ที่แรกคนส่วนใหญ่จะไปชมกัน แต่มีอีกจุดนึง ที่เราบังเอิญเจอค่ะ ต้องเดินเข้าซอกเข้าหลืบนิดหน่อย

แต่สวยไม่แพ้กันเลยค่ะ วิธีการเดินหานะคะ เดินไปตรงแถวๆ ที่เค้าตกแต่งด้วยดอกไม้พลาสติกเยอะๆ ค่ะ จนเจอซุ้มน้ำตก

จะมีทางเดินเล็กๆ ออกไปอีกหน่อย เห็นบันไดขึ้นไปเลยค่ะ ด้านบนจะจัดตกแต่งแนวล้านนาแบบในภาพ เก็บภาพมุมกว้างได้ไม่หมดแต่รับรองว่างามมากมายค่ะ

ออกจากดอยสุเทพก้อเย็นแล้วค่ะ ว่าจะไปพระธาตุดอยคำต่อ แต่เวลาไม่น่าทัน วันนี้เลยกลับที่พักก่อน หิ้วท้องไปฝากมื้อเย้นที่นั่นดีกว่า

ถึงรีสอร์ทประมาณ 6 โมงครึ่ง มืดตื๋อแล้ว เข้าห้องพักแปีบนึง ค่อยออกมาปั่นจักรยานไปด้านหน้าตรงส่วนต้อนรับนั่นแหละค่ะ

เจอเจ้าของรีสอร์นั่งทานอาหารอยู่กับครอบครัวพอดีเลย น่าจะเป็นลูกหลานมาเยี่ยมน่ะค่ะ เฮฮาปาร์ตี้กันมากมาย

จัดการสั่งอาหารแล้วก้อนั่งรอ เม้าธ์มอยด์กันไป รออาหารพักนึงค่ะ เพราะเค้าทำให้ใหม่ๆ เลย ไม่ได้ทำทิ้งไว้

เมนูอาหารก้อมีไม่มากนะคะ ไม่ต้องคิดว่าจะมีอาหารอะไรพิเศษๆ เป็นแบบธรรมดาๆ นี่แหละค่ะ



มื้อนี้เอาง่ายๆค่ะ ข้าวเปล่าคนละจาน ยำวุ้นเส้นรวมมิตร / ไก่ผัดเม็ดมะม่วง / ปลาดอลลี่นึ่งมะนาว

รสชาติดีค่ะ เป็นโชคดีของเราที่ทริปนี้เจอแต่อาหารอร่อยๆ อิอิ

ไปก่อนดีกว่า อิ่มแล้วนอน พรุ่งนี้ไปตะลอนต่อ ฝากติดตามด้วยนะคร๊าาาา บายยยย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pantip
วันที่ 1 >> http://pantip.com/topic/34611896
วันที่ 2 >> http://pantip.com/topic/34615230