รีวิว เขาหลวงสุโขทัย ** ตอน วาเลนไทน์แล้วไงคนเดียวก็เที่ยวได้ มีทางช้างเผือกด้วย **



นี่เป็นกระทู้แรกของผมเลย ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเดินทางไป "เขาหลวงสุโขทัย" ในช่วงวันวาเลนไทน์ 13-14 กุมภาพันธ์ 2559
เดิมผมมีแผนจะไปยังเชียงคานแต่แล้ว...ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับผู้ร่วมเดินทางจนแผนล่มไป T ^ T ฮือออ เอาวะ เหลือคนเดียวไปไหนดี 
เต่าเอือม
จึงได้ตั้งเงื่อนไขขึ้น
1. ถ่ายภาพดาวและทางช้างเผือก
2. สามารถไปคนเดียวได้
3. งบผมมีไม่มาก นอนเต็นท์ได้ก็ดี
4. หยุดแค่ 2 วันเสาร์อาทิตย์ก็ไปได้
หลังจากที่ปรึกษาเพื่อนๆหลายๆท่าน ก็ได้สถานที่มานั่นก็คือ "เขาหลวงสุโขทัย" นั่นเอง

และผมก็ได้ไปหาข้อมูลจึงทราบมาว่า เขาหลวงสุโขทัย นั้นอยู่จังหวัด สุโขทัย (<<< บอกทำไมเนี่ย?)
โอเค มาเริ่มกันดีกว่า

จัดของให้พร้อม
1. เต็นท์
2. ถุงนอน
3. ชุด 2 ชุด
4. รองเท้าแตะ
5. กล้องคู่ใจ เลนส์สุดรัก ขาตั้ง
6. สบู่ ยาสระผม
7. ยากันยุง
8. ทิชชู่ ทิชชู่เปียก
9. ไม้เท้า
รวม 14-15 กิโลกรัม(หนักแหะ บ้าหอบฟาง)

12/02/2559
ยามเย็นประมาณ 18:30 ผมเดินทางไปถึง ขนส่งหมอชิต2


ไปซื้อตั๋ว กทม. ไป อ.คีรีมาศ กับ วินทัวร์ ในราคา 319 บาท เที่ยว 21:30
ตั๋วจะมี 3 ใบและใบนึงจะใช้แลกอาหารระหว่างทางเก็บดีๆนะครับ
จุดซื้อตั๋วจะอยู่ด้านหน้าขนส่ง โซนทางขวา


เอาหละทีนี้ว่างสิครับ จัดก๋วยเตี๋ยวต้มยำไป 1 ชาม 35 บาท และ ราดหน้าอีกซักชาม 40 บาท(ไม่ได้ถ่ายมา)
ซื้อน้ำเปล่า 1 ขวด (จริงๆบนรถทัวร์เขาก็แจกให้อีกขวดนะ)


หลังจากนั่งๆนอนๆอยู่นานและแล้วเวลานั้นก็มาถึง (OwO)=b รถมาแล้ว !! 21:20
และในเวลา 21:30 รถออก (ตรงเวลาดีแหะ) ถ้าพนักงานถามว่าลงที่ไหนตอบเขาว่า "ศาลพระแม่ย่า อ.คีรีมาศ"


นั่งรถไปซักพักเวลา 23:50 รถจอดซะงั้น เกิดอะไรขึ้น อ๋อ กินข้าว ผมพึ่งทราบตอนนี้แหละ ว่าในตั๋วที่เขาให้มาใช้สำหรับแลกอาหารด้วย โอเครจัดไป


และแถมแมวอีก 1 ตัว จัดไป แชะๆ


หลังจากทานข้าวก็นอนต่ออีกซักพักวันที่ 13/02/2559 เวลา 03:00 ก็ถึงแล้วครับ อ.คีรีมาศ


บรรยากาศค่อนข้างมืด และจุดที่จอด ติดกับศาลพระแม่ย่า เลยทีเดียว


ระหว่างรอเวลาไปเซเว่นซื้อเสบียงกินตอนเย็นผมได้ขนมปัง 3 ชิ้น มาม่าถ้วย 1 ถ้วย ราคา 53 บาท
**ยอดเขามีน้ำธรรมชาติให้กรอกดื่ม แนะนำให้โทรสอบถามอุทยานอีกที**
ณ ตอนนั้นมีเพียงผมกับพี่นักท่องเที่ยวอีกท่านนึงนั่งคุยไปคุยมาก็พบว่าพี่เขามาคนเดียวเหมือนกันและแล้วก็ได้ผู้ร่วมเดินทางเพิ่ม 1 คน


เวลาประมาณ 7:00 เริ่มเช้า มีร้านข้าวมันไก่เปิด ไม่รอช้า ผมกับพี่ที่พึ่งรู้จักกัน ตัดสินใจไปทานมื้อเช้าที่นั่น


หลังจากทานเสร็จ นั่งคุยกับป้าร้านข้าวมันไก่ระหว่างรอมอไซด์วิน(150บาท) เพื่อเดินทางไปยังอุทยาน ป้าใจดีมากให้ข้อมูลเป็นอย่างดี แถมได้เบอร์ไว้โทรจองรถทัวร์ขากลับ รออยู่ซักพักป้าจึงเสนอไปส่งด้วยรถเก๋งราคาเดียวกัน(150บาท) เอาหละเพื่อไม่ให้เสียเวลาเดินทางต่อก็ไปสิครับ


ขับไปซักพัก เส้นทางช่วงแรกจะเป็นถนน พอเริ่มเข้าอุทยานจะเป็นถนนเลนเดียวขับค่อนข้างยาก ถ้ามีรถสวนกันคาดว่าคงลำบากหน่อย


ในที่สุด 07:40 ก็ถึงแล้วครับ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง เสียค่าเข้าอุทยาน 40 บาท
และไปยังที่ทำการอุทยานเพื่อลงทะเบียนและจ่ายค่าพื้นที่กางเต็นท์ 30 บาท
**ที่นี่มีลูกหาบบริการนะครับคิดกิโลกรัมละ 25 บาท**



ไปดูเส้นทางซักหน่อยอืมหืม ดูเหมือนจะไม่ไกลเท่าไหร่ประมาณ 3.7 กิโลเมตร
และไปสั่งข้าวห่อร้านสวัสดิการ 45 บาทเป็นเสบียงมื้อเที่ยง


หลังจากเตรียมเสบียงเสร็จก็ได้เวลาอันสมควร 08:50 มุ่งสู่ยอดเขาหลวงสุโขทัย


แหะๆ เหมือนจะฟิต แบกของเองซะด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า


เข้าไปช่วงแรกเป็นทางลงเขา เอาใจนักท่องเที่ยว


เดินซักพักจะเจอป้ายทางขึ้นเขานั่นแหละครับจุดเริ่มต้นที่แท้จริง


ทางแรกๆนั้นจะยังไม่ชันมากประมาณ 20-30 องศา


พอผ่านไป 10 นาทีเท่านั้นแหละ 40-60 องศาเลยทีเดียว


จุดแรกที่ต้องไปคือ ประดู่ใหญ่ ระยะทางจากจุดเริ่มต้น 1 กิโลเมตร มีป้ายบอกไม่ต้องกลัวหลง


ระหว่างทางจะมีจุดพักเป็นแคร่ไม้ไผ่ ให้นั่งพัก 


จุดพักแต่ละจุดจะมีถังเติมน้ำดื่มธรรมชาติ ดื่มได้นะครับผมลองแล้วเย็นสดชื่นดี


เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก 1 ชมกว่าเวลา 10:20 ถึงจุดชมวิวแล้วครับผม ประมาณเกือบครึ่งทางแล้ว


หลังจากจุดนี้ก็เริ่มชันขึ้นไปเรื่อยๆ ทางนี่เล่นซะเหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน ช่วงนั้นร่างกายยอมรับว่าไม่ฟิตเท่าไหร่


เอาหละ 13:00 ในที่สุดก็ถึงแล้วทำเวลาไป 4 ชั่วโมง ถึงยอดเขาหลวงสุโขทัย ถ่ายรูปกับป้ายผู้พิชิตซะหน่อย
(พี่ผู้ร่วมเดินทางถึงก่อนผมนานแล้ว)
แต่ช้าก่อน !! อย่าพึ่งดีใจไปนี่เป็นเพียงยอดสำหรับกางเต็นท์ ยอดที่แท้จริงอยู่หลังจากนี้


ก่อนไปต่อพักซักแปร๊ป ก็เริ่มกางเต็นท์ (แบกขึ้นไปเองทำไมเนี่ยอุทยานมีให้เช่า) ปูถุงนอนและพาลูกออกมาเดินเล่น
เต็นท์อุทยานมีให้เช่านะครับ 
- ขนาด 2 คน 150 บาท 
- ขนาด 3 คน 225 บาท 
- ถุงนอน 30 บาท


ซนจิงๆเด็กคนนี้ 


ระหว่างนี้ก็พักผ่อนไปก่อน 16:00 เริ่มเดินทางไปดูพระอาทิตย์ตก เป้าหมายคือ ยอดเขาแม่ย่า 1,060 เมตร


ทางถือว่าไม่ชันเท่าไหร่ เทียบกับทางที่ขึ้นมาถึงลานกางเต็นท์


ก่อนไปเขาพระแม่ย่า จะผ่านเขาพระเจดีย์ก่อน ก็ถ่ายรูปชมวิวซักหน่อย แต่แดดค่อนข้างร้อนเอาเรื่องเหมือนกัน


ถ่ายรูปซักพักลูกสุดที่รักบอก ไปต่อกันเถอะอีก 740 เมตร จัดไป


ระหว่างทางไปเขาแม่ย่า จะเจอป้ายแยกไปยอดเขาภูกา


เดินไม่นานก็ถึงยอดเขาแม่ย่า ณ เวลาโดยประมาณ 17:10


ระหว่างรอพระอาทิตย์ตก ก็ถ่ายภาพ ชมวิว หยิบกล้องตั้งขาตั้งนั่งสมาธิ (ไม่ใช่ละ ร้อนจะตาย) 


และแล้วเวลาก็มาถึง พระอาทิตย์ตก ถ่ายกันใหญ่เลย (พี่ผู้ร่วมเดินทาง)


ส่วนผมหนะหรอ ดูเพลินตกไปเสียแล้ว ฮ่าฮ่า


ถ่ายไม่นานก็เริ่มเดินทางกลับลานกางเต็นท์ โดยเส้นทางจะเป็นทางวนนะครับ ไม่ย้อนกลับทางเดิม
พักทานข้าว จัดการสัมภาระเสร็จก็มืดพอดี


ไม่รอช้า คว้ากล้องมา ตั้งขาตั้งถ่ายดาวอีกซักหน่อยตอนนั้น 17 องศา ไม่หนาวไม่ร้อน


เอ๊า ถ่ายอีกซักนิด แชะๆๆๆ มีรูปตัวเองบ้าง ถ่ายเสร็จรีบนอนนะครับ ต้องตื่นเช้า


บรี๊ยยยยย กลางคืนหนาวมาก นอนสั่นยิกๆๆ ในถุงนอน
เอาหละถึงเวลาตี 4 ตื่น เป้าหมายหลักที่มาเพื่อตอนนี้เลย "ทางช้างเผือก"
ปรับร่างกายซักพักออกจากเต็นท์ หากลุ่มดาวแมงป่อง ตั้งกล้องลองก่อน 1 ภาพ อืมหืม โดน !!


เอาอีกซักรูป อืมหืมได้


รีบเก็บกล้องเลยครับ บนยอดเขาต้องสวยกว่า ผมเชื่อว่าอย่างงั้น
ผมจึงเดินไปยอดเขานาราย จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น (เดินคนเดียวแอบหวิวเหมือนกันแหะ)


ไปถึงก็ลองเชคหน่อย ทางช้างเผือกยังอยู่ไหม


หลังจากที่ได้ลองอยู่หลายครั้งก็ได้ภาพนี้มาจากยอดเขานาราย


นั่งชมวิวเมือง ดูดาว ฟินอย่าบอกใคร จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มขึ้น


อากาศถือว่าดีมาก


นักท่องเที่ยวเริ่มทะยอยๆมาชมพระอาทิตย์ขึ้น


ไอเราก็ไปคนเดียวอยากมีรูปบ้าง จึงให้พี่ผู้ร่วมชะตากรรม ถ่ายให้ แชะๆ จัดไป


เสร็จภารกิจเดินลงจากยอดเขานารายนั่งพักกับลูกซักหน่อย


คุยกับนักท่องเที่ยวเต็นท์ข้างเคียงก็ได้ข้อมูลมาว่ามีต้น พญาเสือโคร่ง หืมม ว่าไงนะ !! 
โชคดีแท้ เหนือความคาดหมาย อยู่ไหนครับพี่ พี่แกก็ชี้ต้นไม้ข้างๆเต็นท์นี่ไง เฮิ๊ก จริงด้วยแหะ มองข้ามไปได้ไง




ความงามอยู่พักใหญ่คุยกับพี่เต็นท์ข้างๆอยู่นานก็ได้ บะหมี่ถ้วยมา 1 ถ้วย ขอขอบคุณพี่ๆเหล่านั้นอีกครั้งตรงนี้ด้วยนะครับ เผื่อเข้ามาอ่าน ^^


ก่อนลงเดินเล่นรอบๆดูซักรอบนึง ได้ผีเสื้อมาอีก 1 ตัว


ถ่ายภาพสุดท้ายก่อนจาก 


เริ่มลงจากเขา 09:00 ถึงอุทยานเวลา 13:00 ผมเดินช้ามาก หมดแรง ฮ่าๆๆ

ขากลับโชคดีได้ติดรถนักท่องเที่ยวท่านหนึ่งที่กำลังจะเข้า กทม พอดี ถึง กทม. ประมาณ 19:00กว่าๆ
ขอขอบคุณพี่ที่ให้ติดรถกลับอีกครั้งนึงด้วยนะครับ

----สรุปค่าใช้จ่าย 1,127 บาท----
12/2/2559
วินทัวรอบ 21:30 ไปลง อ.คีรีมาศ สุโขทัย 319
ก๋วยเตี๋ยว 35
ราดหน้า 40
น้ำเปล่า 10
13/2/2559
เสบียงมื้อเย็น 53
มื้อเช้าข้าวมันไก่ 45
ค่าเข้าอุทยาน 40
ค่ารถไปอุทยาน 150 (รถเก๋งป้าร้านข้าวมันไก่)
ค่าพื้นที่กางเต็นท์ 30
มื้อเที่ยง 45 ใส่ห่อ ร้านสวัสดิการ
แป๊ปซี่ 35
14/2/2559
100พลัส 15
ช่วยค่าน้ำมันรถ 200
ก๋วยเตี๋ยว 35
น้ำ 20
ชาเขียว 55

สิ่งที่อยากจะบอกหลังจากที่ไปมา
1. ควรฟิตร่างกายมาอย่างดี ตลอดทางค่อนข้างชัน ถามว่าขนาดไหน คงวิ่งเบาๆได้ 8-10 กิโลก็น่าจะไหวอยู่ผมก็กะไม่ถูก
2. เขาหลวงสุโขทัย ระยะทางสั้นกว่าภูกระดึง แต่เหนื่อยกว่า ชันกว่า
3. สเปรย์กันแมลงค่อนข้างสำคัญ อย่าลืมเด็ดขาด เห็บลม ยุง มีในที่แห่งนี้
4. ก่อนขึ้นควรหาไม้เท้า มีไม้ไผ่ข้างทางตรงทางเข้าอย่าลืมหยิบเชียว
5. จุดกางเต็นท์มีน้ำร้อนบริการฟรี
6. จุดกางเต็นท์มีหม้อ ให้ยืมมีค่าใช้จ่ายนิดหน่อย(ไม่ทราบว่าเท่าไหร่)
7. จุดกางเต็นท์ไม่มีร้านอาหาร แต่มีร้านสวัสดิการขายพวกของแห้ง เครื่องดื่มจากตู้เย็น
8. ห้องน้ำ น้ำเย็นมาก มีห้องอาบน้ำ ห้องสุขา น้ำสะอาด
9. มีจุดกรอกน้ำดื่ม เป็นน้ำธรรมชาติ ถ้าไม่มั่นใจก็ต้มก่อนก็ได้ แต่ผมดื่มไปก็สดชื่นดีนะ
10. รองเท้าที่ใส่เดินขึ้นควรยึดเกาะได้ดี
11. ดาวสวยมากกกกกกกกกกกกกกกก !!! อันนี้ประเด็นเลย


ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 816693