รีวิว “เที่ยวตามฝัน ทำตามใจ ย้อนวัย ไประยอง-สัตหีบ”

สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่าน กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวแรกของพวกเรานะครับ ก่อนอื่น ต้องขอกล่าวถึงที่มาของกระทู้นี้ว่า พวกเราเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งอยู่ใกล้ๆสนามบินสุวรรณภูมิ มีพนักงานทั้งหมดไม่เกิน 20 คน พวกเราทำงานด้วยกันมาหลายปี ถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิกเลยก็ว่าได้ ที่บริษัทเจ้านายของเราใจดีมาก ให้โบนัสพวกเราได้ไปท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง มาปีนี้ครบ 6 ปี เจ้านายก็อยากรู้ว่าพนักงานแต่ละคนมีความฝันในชีวิตอย่างไรกันบ้าง พนักงานส่วนใหญ่ก็ฝันคล้ายๆกันว่าอยากมีหน้าที่การงานที่มั่นคง เงินเดือนเยอะๆ อยากมีบ้าน อยากมีรถ แต่ก็มีเพิ่มเติมจากพนักงานคนหนึ่งว่าอยากไปเที่ยวทะเลหรือที่ไหนก็ได้ แบบเที่ยวด้วยกันทุกคนค้างคืนสัก 1 คืน เพราะว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เวลาไปเที่ยวก็จะแบ่งๆกันไปเป็นทีม อีกทีมไปเที่ยว อีกทีมต้องทำงาน พอเจ้านายทราบเจ้านายบอกว่าฝันนี้น่ารักดี เพื่อเป็นกำลังใจและเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของลูกน้อง สำหรับรุ่นบุกเบิก เจ้านายจึงอนุมัติ จัดให้เลยครับ
     ซึ่งตอนแรกก็ปรึกษากันอยู่ว่าจะไปที่ไหนดี ใกล้กรุงเทพฯ แบบที่สามารถไปวันเสาร์ พัก 1 คืนกลับมา วันอาทิตย์ได้ และสามารถใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน ในที่สุดก็ได้ทริปนี้เลยครับ”เที่ยวตามฝัน ย้อนวัย ไป ระยอง-สัตหีบ” ขอเชิญทุกท่านติดตามการเดินทางของพวกเราเลยครับ


หมายเหตุ: ทริปนี้พวกเราไปเมื่อวันที่ 17-18 ตุลาคม 2558 นะครับ ข้อมูลต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง


พวกเราไปกันทั้งหมด 10คน โดยแบ่งออกเป็นสองทีม 
โดยทีมแรกถูกส่งไปซื้ออาหารทะเลกันที่ ตลาดสะพานปลาอ่างศิลา เริ่มออกเดินทางประมาณ 7.00 น. ถึงเวลา เกือบๆ 9โมงครับ


วันนี้อากาศปลอดโปร่งดี ท้องฟ้าแจ่มใสครับ


ทีม 1 เริ่มทำงานครับ เดินหาอาหารทะเล ได้ครบครับ ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา 


     หลังจากที่เราได้ของตามที่ต้องการแล้ว  ก็มุ่งหน้าไปที่พักทันที โดยใช้เวลาเดินทางจากตลาดสะพานปลาอ่างศิลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึงรีสอร์ท


     บ้านสบ๊าย สบาย หน้าหาดแม่รำพึง (ใกล้บ้านเพ) จ. ระยอง เราเลือกที่นี่เพราะเป็นรีสอร์ทตากอากาศ มีบ้านพักเป็นหลัง มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ มีสระว่ายน้ำ แถมมีอุปกรณ์สำหรับทำครัวอย่างครบครัน อยู่ตรงข้ามกับทะเล ข้ามถนนมาก็เล่นน้ำทะเลได้แล้วครับ
หลังจากเช็คอินเรียบร้อย ก็ได้เวลาขนของขึ้นที่พัก ครั้งนี้เราได้พักห้องแรกติดอาคารหลักเลยครับ 

เข้ามาในบ้านส่วนแรกที่เห็นคือโต๊ะอาหาร และโซฟารับแขก มีทีวี LCD จอใหญ่ให้พร้อม



     หลังบ้านพักเป็นระเบียงไม้เชื่อมต่อไปยังสระว่ายน้ำรวมครับ ซึ่งจะใช้รวมกันกับบ้านอีก 3 หลังที่ติดสระ บ้านอื่นสามารถมาใช้บริการได้นะครับ เพียงแต่จะไม่สะดวกเท่านั้นเอง
     นอกจากนี้บริเวณนี้ยังเชื่อมกับอาคารหลักและร้านอาหารของรีสอร์ทอีกด้วย


สระว่ายน้ำทรงครึ่งวงรี มีส่วนของน้ำตื้นสำหรับเด็กน้อย เวลานี้ยังไม่มีใครลงมาเล่นครับ 

     ขึ้นมาชั้นสองของบ้านพัก มีห้องทั้งหมดแบ่งเป็น ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2  ซึ่งมีที่นอนกว้างขวางสามารถรองรับผู้พักอาศัยได้ถึง 10คนได้สบายๆ



     หลังจากนั้นลงมาที่ครัวครับ ในส่วนนี้ต้องขอชื่นชมเจ้าของรีสอร์ทครับ ที่จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องครัวพร้อมหมดทุกอย่าง ตั้งแต่ภาชนะจานชาม แก้วน้ำ ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆที่รีสอร์ทนำมาจัดเตรียมไว้ให้อย่างครบครัน หมดปัญหาที่ต้องนำอุปกรณ์ทำอาหารมาเองจากบ้าน นอกจากนี้ยังมีน้ำดื่มและน้ำแข็งยูนิคแช่ไว้ให้
(แต่เราก็ดันเอาเตาถ่านมาเอง เพราะคิดไปเองว่ามันต้องไม่มีให้แน่ๆ ที่ไหนได้ เขาเตรียมไว้ให้เป็นเตาบาร์บีคิวสำหรับย่างโดยเฉพาะ แค่เตรียมอาหารสดมา เราก็สามารถประกอบอาหารได้เลยครับ)



     จากนั้นก็ทำการสำรวจนอกบ้านครับ ตรงนี้ตอนแรกก็เข้าใจว่าเป็นห้องเก็บของนอกบ้านพัก แต่เมื่อเปิดเข้าไป ก็พบว่าเป็นห้องที่มีเตียงขนาดเล็ก และห้องน้ำในตัวพร้อม ถามพี่อีกคนที่เคยพักมาก่อนเขาบอกว่า ส่วนนี้เป็นห้องพักให้คนขับรถ สำหรับกลุ่มที่เหมารถมา ก็จะมีห้องพักนี้แหละ ให้คนขับรถได้ใช้นอน เจ้าของรีสอร์ทคิดเผื่อไว้ได้ดีมากๆเลยครับ คิดมาจนถึงจุดนี้ได้



     หลังจากนั้น ประมาณ 12.00 น. ทีม 2 ก็เดินทางมาสมทบพอดี พวกเราช่วยกันประกอบอาหารบางส่วนเพิ่มเติมอาหารเที่ยงที่เราเตรียมมาแล้วจากบ้าน  จากนั้นก็ร่วมทานอาหารเที่ยงกัน


  เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินทางไป ที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง ซึ่งตั้งอยู่แถวบ้านเพ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที 
สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำให้เลือกชมอย่างมากมายหลากหลายชนิด พร้อมด้วยแหล่งข้อมูลทางทะเลที่มีไว้ให้ศึกษาค้นคว้า สามารถเข้าชมเป็นหมู่คณะได้ เหมาะสำหรับการทัศนะศึกษาโดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษาและผู้สนใจ 
โดยมีอัตราค่าเข้าชมดังนี้ครับ
ผู้ใหญ่ 30 บาท
เด็ก(อายุไม่เกิน 15 ปี) 10 บาท
เด็กสูงไม่เกิน 120 ซม. และผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป เข้าชมฟรี
    เมื่อได้ตั๋วเข้าชมเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันเดินเที่ยวดู สัตว์น้ำต่างๆ มากมายหลากหลายชนิด ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ย้อนวัย ราวกับว่าเป็นเด็กๆที่เพิ่งเห็นและได้รู้จักสัตว์ทะเลครั้งแรก มาทราบทีหลังว่า  สมาชิกในทีมหลายๆคนก็ยอมรับว่า นี่เป็นครั้งแรกของพวกเขาจริงๆ ที่ได้เห็นสัตว์น้ำมากมายแบบนี้ 


     พวกเราใช้เวลาเที่ยวชมประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะออกมาเดินเล่น และ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ยืนมองดูเรือประมงของคนพื้นที่ที่ทอดสมอจอดลอยน้ำไว้ ด้วยความชื่นชอบในวิถีชีวิตชาวท้องถิ่นบ้านเพ

เสร็จจากที่นี่ เราก็เดินทางต่อไปยังตลาดบ้านเพครับ ซื้อของฝากเผื่อไว้เลย วันรุ่งขึ้นจะได้ไม่ยุ่งยากและไม่ต้องย้อนกลับมาอีก


     จากการสังเกตดู ช่วงที่ไปแม้ว่าจะเป็นวันเสาร์ แต่คนเดินเที่ยวกลับมีน้อยมากครับ เห็นแต่ร้านค้าเปิดมากมาย นักท่องเที่ยวหดหายไปเยอะเลย ทั้งในโซนตลาดบ้านเพ และตลาดกลาง สอบถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นบอกว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ผู้คนเลยต้องประหยัด
ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเหมือนเมื่อก่อน พวกเค้าก็คงได้แต่หวังและรอคอยว่าเมื่อไหร่เศรษฐกิจดีขึ้น นักท่องเที่ยวก็จะกลับมาคึกคักเหมือนเดิม
พอได้ของครบแล้วพวกเราก็มุ่งหน้ากลับไปยังที่พักเลยครับ
     ระหว่างทางก็แวะตรงจุดป้ายหาดแม่รำพึง เดินรับลมพัดเอื่อยๆ มองไปไกลๆเห็นคนกำลังพายเรือกลางทะเลดูเหมือนกำลังเก็บอะไรสักอย่างจากน้ำ พวกเราถ่ายรูปหมู่แล้วก็เล่นถ่ายภาพย้อนแสงกัน สนุกกันเลยทีเดียว 


     เมื่อกลับมาถึงรีสอร์ทก็พบว่า มีการขึ้นป้าย”ห้องเต็ม” ที่หน้าทางเข้า แสดงว่ารีสอร์ทนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว  ต่อจากนั้นพวกเราก็ไปเล่นน้ำกัน ที่สระว่ายน้ำรีสอร์ท เมื่อเล่นเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัวและได้เวลามาช่วยกันประกอบอาหาร 


     เมนูอาหารวันนี้ซีฟู้ดล้วนๆ มี ต้มยำปลากะพงขาว ผัดหอยตลับ  ปูนึ่ง กุ้งเผา ปลาหมึกย่าง แถมยังมีน้ำพริกที่เราเตรียมกันมาแต่แรกเหลือไว้สำหรับเพิ่มรสชาติอาหารอีกด้วยครับ
     พอทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ร่วมกันทานอาหารเย็น ทานไป คุยกันไป คุยเรื่องเก่าๆ เล่าเรื่องอนาคตกัน เมื่ออิ่มหมีพีมันกันแล้ว ก็ได้เวลาผ่อนกาย คลายเส้น ร้องเล่นคาราโอเกะที่เราเตรียมมา กันอย่างครื้นเครง

ประมาณเที่ยงคืนก็แยกย้ายกันเข้านอน พักผ่อนเก็บแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้

 ตื่นเช้ามาก็พาออกไปเดินเล่นหน้าหาดแม่รำพึง สัมผัสน้ำทะเล  แสงแดดอ่อนๆตอนเช้า กลุ่มเด็กๆก็ปูเสื่อเล่นก่อกองทราย และเล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน ส่วนใครไม่เล่นน้ำ ก็เดินเล่น ถ่ายรูป รอบๆชายหาดไป 

     ระหว่างเดินเล่น ผมเจอน้องหมาโกลเด้น 2 ตัว กับหมาไทย อีก 2 ที่ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่พื้นที่แถวนั้นเอามาเล่นน้ำทะเล น่ารักมากๆ ครับ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ทำท่าเหมือนจะอยากมาทำความรู้จักกับเรา แต่ผมกลัวกางเกงเปื้อนทรายเปียกๆเลยทำท่าขู่นิดๆ มันเลยเดินไปหาเจ้าของแทน ผมเลยรอดตัวไปไม่เปื้อนทราย ^^
     เสร็จจากเดินเล่นหน้าหาดแล้ว  เราก็เดินกลับมาอาบน้ำ ทานข้าวกัน  (ลืมบอกไปว่าห้องพักที่นี่รวมอาหารเช้าให้ด้วยครับ) โดยจะแบ่งสลับกันทำทั้งสองอย่างตามความสะดวกของแต่ละคน เพราะห้องน้ำมีแค่ 2 ห้อง เพื่อความรวดเร็ว 

     เมื่อลงมาที่โซนอาหารเช้า พบว่าห้องอาหารของโรงแรมไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้เข้าพักครับ เนื่องจากคืนที่เราไปนอนห้องเต็มหมด จึงมีโต๊ะเสริมมาตั้งข้างนอก และบางคนก็ออกมาทานที่โต๊ะริมสระว่ายน้ำ เอาตามที่สบายใจกันเลยครับ
     ส่วนอาหารเช้ามีทั้งขนมปัง ข้าว ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว ผลไม้ และน้ำผลไม้ อาหารที่นี่กับข้าวเป็นอาหารไทยทั้งหมด รสชาติก็อร่อยพอใช้ได้  อ้อ! มีถาดของอาหารเจด้วยนะครับ เพราะช่วงนั้นยังเป็นช่วงกินเจอยู่ เลยไม่แน่ใจว่าหากเป็นช่วงปกติจะมีการเตรียมอาหารในส่วนของผู้ไม่ทานเนื้อหรือเปล่า?


     หลังจากเช็คเอ้าท์เสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ส่งท้ายด้วยการถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกก่อนโบกมืออำลาระยอง เพื่อเดินทางไปสัตหีบต่อ


สรุป:
รีสอร์ทสบ๊าย สบาย มีบ้านพักกว้างขวาง  ร่มรื่น เย็นสบายตลอดเวลา เพราะมีต้นไม้สูงใหญ่ให้ร่มเงา ตามมุมทางเดินมีการจัดซุ้มดอกไม้ กระถางสวยงามเพื่อให้ผู้เข้าพักแวะมากดชัตเตอร์เป็นระยะๆ มีสวนหย่อม สนามหญ้าเล็กๆ น่าจะมีไว้เผื่อสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง  เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัว หรือเป็นหมู่คณะ

แต่พอออกตัวมาได้พักเดียวนี่แหละ เพิ่งรู้ตัวกันว่ามันเป็นเวลา 9โมงกว่าๆแล้ว จากหน้าหาดแม่รำพึงไปยังท่าเรือไม่ใช่ใกล้ๆเลย และเรือที่จะไปยังเกาะขามเที่ยวสุดท้ายคือรอบ 11.00 ทำเวลากันสุดๆกลัวจะไปไม่ทัน 

     พอขับเลยสนามบินอู่ตะเภาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ว่าเหลือเวลา 15 นาที กับทางอีก 5-6 กิโล สบายแหละ เราทันแน่ๆ แต่พอเลี้ยวเข้าถนน 3126 เส้นเข้าท่าเรือนี่สิ้นหวังกันเลยครับ เพราะเป็นถนนเลนเดียว แถมมีรถวิ่งเป็นแถวยาวต่อเนื่อง ก็เป็นอันว่าไปไม่ทันเรือที่จะข้ามไปเกาะขามเที่ยวสุดท้าย แต่โชคดียังมีเรือไปเกาะแสมสาร ในเวลา13.00 น. พวกเราก็ตัดสินใจซื้อตั๋วไปยังเกาะแสมสารแทน ระหว่างรอเวลา พวกเราก็พากันไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านค้าสวัสดิการทหาร จากนั้นก็เดินไปรอที่จุดขึ้นเรือ ตรงท่าเรือเขาหมาจอ


ใกล้ๆจุดขึ้นเรือ มีร้านกาแฟ ให้แวะดื่มระหว่างรอเวลาขึ้นเรือด้วยครับ



     หลังจากนั้น เกือบบ่ายโมง ก็มีเรือมาเทียบท่า  ระหว่างทางเดินขึ้นเรือมองไปที่น้ำทะเลหน้าหาด และสิ่งที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที ก็คือน้ำทะเลที่ใสแจ๋วขนาดที่สามารถมองทะลุจนถึงพื้นทราย มีฝูงปลาแหวกว่ายไปมา ดูแล้วถึงกับทึ่งในความงดงามจนลืมไปเลยว่ากำลังเดินอยู่ท่ามกลางแสงแดดจ้ายามบ่ายโมง



     พอพวกเราเดินมาถึงเรือก็พบเจ้าหน้าที่ ของหน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือมนุษย์กบ เป็นผู้ดูแล และคอยให้บริการส่งผู้โดยสารขึ้นเรือ พอครบจำนวนก็ออกเรือทันทีครับ 

เรือข้ามฟากนั้นใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 – 10 นาทีมาถึงเกาะแสมสาร เมื่อถึงท่ามีเจ้าหน้าที่มารอเช่นเดิม คอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย ก่อนที่จะแยกย้ายกันเที่ยว นักท่องเที่ยวต้องไปรับฟังการบรรยายจากเจ้าหน้าที่ก่อน


     เจ้าหน้าที่บรรยายได้ละเอียดมากๆครับ ว่าเกาะนี้มีความเป็นมาอย่างไร, กองทัพเรือมอบหมายให้หน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจมจัดการ และการดำเนินการเป็นอย่างไร,นักท่องเที่ยวจะต้องปฏิบัติตัวเช่นไรบ้าง  จากนั้นก็แนะนำโปรแกรมศึกษาธรรมชาติต่างๆ เช่น เดินป่า ปั่นจักรยาน นั่งเรือท้องกระจกชมปะการังใต้น้ำ การท่องเที่ยวที่นี่เป็นลักษณะการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ ใครอยากจำทำกิจกรรมไหน ก็แยกไปยังจุดต่างๆที่เจ้าหน้าที่กำหนด ส่วนกลุ่มพวกเรา สิ่งที่พวกเราต้องการที่สุดคือ สน็อคดูปลา ดูปะการังครับ 
     โดยพวกเราเลือกจะไปที่หาดลูกลม ด้วยเพราะว่ากลุ่มเรามีกัน 10 คน จึงถือเป็นกลุ่มขนาดกลางที่สามารถไป สน็อคได้ทั้งกลุ่มโดยไม่ต้องแยกกัน
จากนั้นพวกเราก็ไปรอที่จุดนัดสำหรับไปหาดลูกลม สักพักก็มีรถบรรทุกมารับผู้โดยสารไปยังจุดหมาย

     เมื่อถึงที่หมายแล้วพวกเราได้แจ้งความประสงค์ เจ้าหน้าที่ประจำหาดให้ลงทะเบียนรอไว้ นับจำนวนคนที่ต้องการเช่า สน็อคเกิ้ลซึ่งต้องรอผู้ที่เช่าก่อนหน้านี้นำกลับมาคืนครับ จากนั้นเมื่อได้อุปกรณ์ครบชุดแล้ว ก็พากันไปลงเล่นน้ำฝึกการใช้อุปกรณ์ไปพลางๆก่อน ณ เวลานั้น ผู้คนไม่แน่นมาก เจ้าหน้าที่บอกว่าบ่ายๆ จำนวนคนเริ่มลดน้อยลงแล้ว ที่หาดมีที่บังแดด เตียงผ้าใบ เสื่อ ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว  มีล็อกเกอร์ให้เช่าไว้เก็บของ โดยผู้เช่าจะต้องเก็บสิ่งของเอง เจ้าหน้าที่จะไม่แตะต้องของ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลัง มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำจืดให้บริการสะดวกดีครับ
หลังจากรอ ไม่ถึง 10 นาที คิวของเราก็มาถึง เจ้าหน้าที่ให้ นั่งเรือยางไปยังโป๊ะเรือที่จอดกลางทะเล 
     เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ก็แจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้กระแสน้ำไหลเชี่ยว จนสามารถสังเกตเห็นกระแสน้ำได้ด้วยตาเปล่า  เมื่อลงไปในน้ำทุกคนต้องเกาะเชือกไต่ตามๆกันไปเพื่อความปลอดภัย เมื่อลงไปเราก็เกาะเชือกค่อยๆลอยไปครับ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ 1 ท่านคอยตามดูอยู่ไม่ห่าง ขณะนั้น 1 ในทีมของเราได้ทำท่อหายใจหลุดไปจากหน้ากากดำน้ำ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สามารถตามไปเก็บมาให้ครับ ต้องขอบคุณจริงๆ ไม่เช่นนั้นคงจะต้องเสียค่าอุปกรณ์สูญหายแน่ๆ 
     หลังจากนั้นพวกเราก็เพลิดเพลินกับปะการังอ่าวไทย ที่อยู่ในความดูแลของมนุษย์กบ และยังมีโอกาสได้เห็นปลานกแก้ว แหวกกระแสน้ำมาเยี่ยมชม ตัวแบนใหญ่เกล็ดสีรุ้งสวยงาม เหมือนธงสะบัดพลิ้วใต้น้ำ 
     ดำน้ำไปเพลินๆ เวลาก็ผ่านไป 30 นาทีอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ก็เรียกกลับขึ้นฝั่ง พวกเราจึงพากันขึ้น และนั่งเรือยางกลับไปหน้าหาด อาบน้ำจืด เปลี่ยนเสื้อผ้า และ นั่งรถกลับไปยังหน้าหาดที่เรานั่งเรือข้ามฟากมา

ถึงหน้าหาดเวลาประมาณ 16.00   เจ้าหน้าที่แต่ละท่านประจำตามจุดต่างๆคอยให้บริการ ด้วยความจริงใจ และทำหน้าที่กันอย่างแข็งขันเช่นเดิมครับ

และแล้วพวกเราก็กลับขึ้นฝั่งแผ่นดินใหญ่อย่างปลอดภัย ภายใต้ความดูแลอย่างดีของเหล่ามนุษย์กบและกองทัพเรือ

     จากนั้นก็เดินทางขึ้นรถกลับครับ ตอนออกมาฟ้ากำลังครึ้มเลย และสุดท้ายก็ตกลงมาอย่างหนักหน่วง โชคดีสำหรับพวกเรามากที่ฟ้าฝนยังให้โอกาสพวกเราได้ท่องเที่ยวตามใจฝัน ถึงกรุงเทพฯกันประมาณ ทุ่มกว่าๆ ก็เป็นอันจบทริปท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืนนี้ลงอย่างสมบูรณ์แบบครับ 


     สุดท้ายนี้พวกเราขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหารเรือทุกท่านที่ให้ความรู้ และช่วยเหลือ ดูแลความปลอดภัย และคอยอำนวยความสะดวกให้พวกเรารู้สึกว่า การดำน้ำครั้งนี้ สนุก และปลอดภัย และที่สำคัญที่สุด ขอบพระคุณเจ้านายผู้ใจดีที่สานฝันของพวกเราให้เป็นจริงอีก 1 ฝัน พวกเราขอสัญญาว่า พวกเราจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่สุดความสามารถ และหวังว่า สิ่งที่พวกเราฝันไว้อีกหลายๆฝันนั้นจะเป็นจริง
     ถ้าหากกระทู้รีวิวกระทู้นี้ มีความผิดพลาดประการใด มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง พวกเราก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และหากมีทริปต่อๆไป ผมจะขอโอกาสนำมาเล่าสู่กันฟังใหม่อีกนะครับ
สวัสดีครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pantip