รีวิว มือแตะหมอกที่เขาค้อ ด้วยงบ 1,100 บาท แลกกับบรรยากาศ หลัก 1,000,000


          งบ 1,100  จริงๆ ค่ะคู๊ณณณณณณ  กินอยู่แบบสบาย เหลือกินไม่มีอดซักมื้อนะคะด้วยเงินเท่านี้  ทริปนี้เราไปกัน 9 คนคะ 1,100 x 9 = 9,900  รวมทุกอย่างแล้วจริงๆ นะ  

          ค่าที่พัก บ้านภูเคียงดาวเขาค้อ 9 คน = 3,100
          ค่าน้ำมันรถ ไป-กลับ  (รถ Mu-7) + ค่าทางด่วน = 1,900
          ค่าอาหารตอนเย็น (ซื้อที่โลตัส) = 1,800
          ค่าเครื่องดื่ม = 1,000
          ไก่ย่างวิเชียรบุรี (มาถึงต้องได้กิน) = 250
          ค่าเข้าจุดชมวิวเขาตะเคียนโงะ = 90
          ค่าอาหาร วันที่ 2 = 1,050 
          ค่าจิปาถะ น้ำ-ขนม ระหว่างเดินทาง = 500    

          รวม       9,690/9      =    1,077 บาท / คน

          เราเริ่มออกเดินทางวันที่ 7 พ.ย.  เวลาประมาณบ่าย 2  (กะว่าให้ไปถึงได้ดูพระอาทิตย์ตกดินพอดี)  วิ่งเส้นวิภาวดี-รังสิต  ด้วยอนุภาคแห่งรถติดของถนนเส้นนี้ หึหึ  4 โมงเย็นยังไม่ถึงสระบุรีเลยคะ เอิ่มมมมม ความฝันดูพระอาทิตย์ตกดินบนเขาของฉ๊านนน วิ่งด้วยความเร็วปกติคะ ไปถึงเพชบูรณ์ ประมาณ 1 ทุ่ม แน่นอน การชมพระอาทิตย์ตกดิน คือ บนรถนี่แหละคะ ช่วงสระบุรี - โคราช ดูบนรถก็สวยไปอีกแบบเนอะ
          เมื่อถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ เราก็มุ่งหน้าไปอำเภอเขาค้อเลย  แวะโลตัส ซื้ออาหารสดไป ปิ้งย่างกันที่ ที่พัก
เราพักที่ บ้านภูเคียงดาว-เขาค้อ  ซึ่งไกลจากตัวอำเภอเขาไปลึกมากกกกกกกกกกกกกกก  แบบ 10-15 กิโลเลยหละ แล้วถนนหนทางเข้าไป เป็นภูเขาจ้า  คิดในใจ เอาวะ อยากได้บรรยากาศดี ยิ่งสูง ยิ่งไกล มันต้องยิ่งสวยมากๆ แน่นอน  เราก็พากันค่อยๆ ไป เนื่องจากทางเป็นทางโค้งค่อนข้างเยอะ และสูงชัน แนะนำให้ขับช้าๆ และระวังๆ นะคะ ผ่างงงงงงงงงงง มาถึงที่พัก ตอน 3 ทุ่มพอดีเป๊ะ  
          เวลานี้ การเดินทางกว่า 6 ชม. แบบนี้ มันต้องเหนื่อย มันต้องง่วง มันต้องไม่อยากทำอะไรทั้งนั่น แต่ดิชั้นและผองเพื่อนสุดสตรองงงงงงงงงงง ไม่นอนจ้า ปาร์ตี้กันต่อเลย


          สังสรรค์กันพอหอมปากหอมคอ ก็เข้านอน ชาร์ทพลังไว้ลุยพรุ่งนี้ต่อ เป็นการนอนที่บรรยากาศดีมากกก อากาศเย็นๆ สบายๆ ไม่หนาวมาก ลมพัดเบาๆ มีหมอกหนาผ่านตัวตลอด  คือฟินเหลือเกิน



          ดูบรรยากาศตอนเช้าสิคะ ดูๆๆๆๆๆ มันเกินบรรยายจริงๆ นะ  คือนอนเปิดหน้าต่างห้อง แล้วมีหมอกอยู่ในห้อง คิดดูสิ ตื่นแต่เช้า ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หลังห้องนอนตัวเอง มีหมอกหนาๆ อากาศเย็นๆ  เสพบรรยากาศเสร็จแล้วก็อาบน้ำแต่งตัวมาทานอาหารเช้าได้คะ  ป้าเจ้าของที่พักใจดีมาก และทำข้าวต้มอร่อยมาก



          หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ก็เตรียมตัว เก็บของ เช็คเอาค์ เพื่อจะได้รีบไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ คะ  นี่เป็นบริเวณโดยรอบของที่พักคะ



          ฮืออออออออออ ยังไม่อยากเช็คเอาค์เลย วิวสวยมาก อยากนอนที่นี่ต่ออีกซักคืน แต่ก็ต้องไปต่อ 
สถานที่แรกที่จะไป หลังจากออกจากที่พัก คือ


*จุดชมวิวเขาตะเคียนโงะ*
          เนื่องจากเป็นจุดที่ใกล้ที่พักที่สุด เพียง 1 กิโลเมตร จากที่พัก เสียค่าบำรุงคนละ 10 บาทคะ





ถ่ายรูป ชมวิว รับลม กันสมใจ สถานที่ต่อไปที่เราจะไปก็คือ . . . .

*พระตำหนักเขาค้อ*
          ซึ่งไม่ไกลมากจากจุดชมวิว นั่งรถประมาณ 30 นาทีคะ  ขึ้นมาบนภูเขาเหมือนเดิม จุดนี้สูงมากนะคะ คือสัมผัสได้ว่า หูอื้อๆ เวลาเดินๆ อยู่  แต่อากาศดีคะ เย็นๆ เฉียบๆ ดี




          เดินเล่นจนทั่วแล้ว ท้องกะเริ่มหิว เวลากะเที่ยงพอดี เลยขับรถไปเรื่อยๆ ไปสืบหาร้านของกินอร่อยๆ ระหว่างทางไป เราจะผ่านอำเภอเพชรบูรณ์ จะเจอจุดซื้อของฝาก



          มาเมืองหนาว และที่ขาดไม่ได้เลย คือ . . . 


          ขับรถต่อจนมาเจอร้านขนมจีนไร่วันเย็น  ที่มากินที่นี่คือไม่รู้มาก่อนว่าอร่อยมั้ย แต่เห็นรถจอดเยอะ เลยมโนเองว่า แหมะ ต้องอร่อยแน่ๆ เลย  แล้วก็เลี้ยวเข้าไปในร้าน ป๊าบบบบบบบ


          ด้วยความหิวโหยของ 9 ท้องร้องระงม สั่งขนมจีนมาคนละถาดเลย (ความเป็นจริงไม่อิ่มหรอก ต้องคนละ 2 ถาด) ตามด้วยลาบ ส้มตำ น้ำตก ลาบเห็ด


          ขนมจีนที่เห็นจะถาดละ 40 บาท แต่น้ำยา และผัก ฟรี  เมื่อกินกันอิ่มหน่ำสำราญแล้ว  ก็เช็คบิล ค่าเสียหายทั้งหมดอยู่ที่ 1,050 บาท  ถือว่าราคาไม่แพงมาก สำหรับ 9 คนคะ
    กินข้าวอิ่มแล้ว ก็ไปใช้ชีวิต Slow Life  ซะหน่อย มองหาร้านกาแฟ กินกาแฟซักแก้วยามบ่าย ระหว่างทางบนเขาค้อจะมีไร่สตอเบอร์รี่เยอะมาก เลยแวะซะหน่อย ซึ่งจะมีสตอเบอร์รี่แปรรูป ให้ชิมให้ซื้อด้วยนะคะ 


    เมื่อมองหาร้านกาแฟ ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่พลาดร้านนี้ ร้านกาแฟ Pino Latte’  มาเพชรบูรณ์ไม่มาร้านนี้เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงเขาค้อ  แท๊นแท่นนนนนนนน

*ร้านกาแฟ Pino Latte’*
    ร้านจะอยู่ก่อนถึงวัดพระธาตุผาซ้อนแก้วค่ะ อยู่บนภูเขา นีแหละบรรยากาศหลัก 1,000,000  ที่ตามหา    ขึ้นมาแล้วเจอวิว แบบนี้ ตอนแรกนี่อึ้งอยู่พักนึง สวยจังเลย - อากาศดีจังเลย - อยากอยู่ทีนี่จังเลย 55555555555



นั่งจากจุดชมวิว มองลงมาด้านล่าง จะเจอวิวนี้ คือสวยมากกกกกกกกก ( ก. ล้านตัว)



    บรรยากาศ ด้านภูเขา ท้องฟ้า แดดร้อนมานะคะ แต่อากาศเย็น งงป่ะ สรุปแล้ว โอเคมากๆ คะ ถือว่าวิวดีงามมาก 
วันที่ไป เป็นวันอาทิตย์ คนค่านข้างเยอะเลยนะคะ  ได้เข้าคิวซื้อกาแฟนานเลยหละคะ ราคาอยู่ที่ประมาณแก้วละ 120-180 บาท มีขนม มีเค้ก ด้วยคะ แล้วเราก็เข้าแถวฝ่าฟัน จนได้กาแฟมา เย้ !!!


    ทั้งหมดนี้ ค่าเสียหาย อยู่ที่ 960 บาทถ้วน จะถามว่าแพงมั้ย?  บางคนบอกแพงมาก บางคนบอกก็ราคาปกติ แต่สำหรับคนที่คิดว่า มานั่งกินกาแฟ แลกกับวิวดีๆ อากาศดีๆ แบบนี้ ถือว่าคุ้มคะ คุ้มมากกกกกก
    และที่พลาดไม่ได้เด็ดขาดคือจุดนี้ เป็นชื่อร้าน มุมยอดฮิตของนักเดินทางทั้งหลาย ใครมาก็ต้องถ้ารูปด้วยตล๊อดๆ  อย่าพลาดเชียวนะเดี๋ยวหาว่ามาไม่ถึง



    ใช้วิถี Slow Life กันหนำใจแล้ว ก็ไปไหว้พระต่อที่วัดพระธาตุผาซ้อนแก้ว ซึ่งไม่ไกลกันมากนะคะ ประมาณ 4-5 กิโล ก็ถึงแล้ว แต่ระยะทางนี่แบบ ลาดชัน และเป็นเนินสูงซะส่วนใหญ่

*วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว*
    ที่โดดเด่นเลย จะเห็นรูปปั้นพระเรียงซ้อนกันองค์ใหญ่มาก ก่อนเข้าวัดทางวัดไม่ให้นุ่งกางเกงขาสั้นนะคะ แต่จะมีผ้าถุงให้ ไว้สำหรับเปลี่ยนหรือสวมเพื่อเข้าไปไหว้พระคะ



    ไหว้พระขอพรกันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับกรุงเทพซะแล้ว  ฮืออออออ หมดเวลาสนุกแล้วสิ  แต่ก็ประทับใจกับที่นี่มาก  ได้ทุกอรรถรส ทั้งภูเขา ต้นไม้ ท้องฟ้า เมฆ หมอก ถนนคดเคี้ยว ทางลาดชัน พื้นที่สูงจนหูอื้อ ทางโค้งเยอะจนเวียนหัว เหมือนดูแย่นะ แต่ทำไมรู้สึกว่า อยากกลับไปอีก  และแน่นอนเราจะไปอีกคะ

ขอขอบคุณข้อมุลจาก Pantip
Cr. นางร้าย พาสเทล