แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทะเล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ทะเล แสดงบทความทั้งหมด
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตเลยค่ะหลังจากอ่านรีวิวใน pantip มานาน ผิดพลาดอะไรต้องขออภัยไว้ด้วยนะคะ^^ 
**ขอโทษด้วยนะคะรูปมันใหญ่มาก ปรับไม่เป็น ^^
พอดีเป็นคนที่ชอบทะเลมากกกก ทะเลอันดามันก็เคยไปบ้างแล้ว ทะเลใกล้ๆ กรุงเทพฯ ก็เคยไปอยู่บ่อยๆ แต่ทะเลใต้โซนอ่าวไทยยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง เลยเริ่มหาข้อมูลจนไปเจอจุดมุ่งหมายที่น่าวิ่งชนยิ่งนัก คือดูรีวิวเพื่อนๆ ในห้องบลูแล้วมันมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เราอยากไปมากกกกก (เว่อร์ตลอดดด) บอกกับตัวเองเลยว่า ฉันจะต้องไปให้ได้ ฉันจะไป ฉันจะไป ฉันจะไปเกาะเต่า แต่ประเด็นคือใครจะเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์เราล่ะ? จะไปคนเดียวก็กล้าๆ กลัวๆ เพื่อนก็ไม่มีใครว่าง แฟนก็ไม่ชอบเที่ยว เอาไงดีทีนี่ คิดไปคิดมาเอาไว้ก่อนละกันเรื่องนั้น จัดเตรียมหาที่พักและการเดินทางก่อนดีว่า คนจะไปด้วยมันต้องมีอยู่แล้ว (ดูมั่นใจเกินนนน ฮ่าๆๆๆ ) ไปครั้งนี่เราเน้นไปแบบสะดวกและสบาย (คือสบายเงินในกระเป๋านะ^^)เราจอง รถ+เรือ ของเรือเร็วลมพระยา แต่ซื้อผ่านบริษัทอื่นนะ ได้ราคาถูกกว่านิดหน่อย ส่วนเรื่องที่พัก ได้ราคาแสนถูกและดีที่เกาะเต่าฮิลไซด์รีสอร์ท มันคุ้มค่าเกินราคาจริงๆ 
เราเลือกเดินทางหลังสงกรานต์ คือเย็นวันที่ 16 เมษายน ไปเช็คอินและรอขึ้นรถตรงซอยรามบุตรี ในใบจองรถแจ้งไว้ว่าเราต้องไปเช็คอินทุ่มครึ่ง แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เรารอรถเมล์เพลินไปหน่อย มองนาฬิกาอีกทีทุ่มนึงแล้ว เรายังอยู่แถวบางนาอยู่เลย จะทำยังไงดีให้ไปถึงทัน รนรานมากตอนนั้น จะนั่งแท็กซีไปก็เสียดายเงิน อ่อ!!! ลืมบอกไปเรามีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปกับเราคนนึง อย่าเรียกว่าร่วมอุดมการณ์เลยเรียกว่าบังคับดีกว่า เราทำการจองและจ่ายเงินทุกอย่างพร้อมเอาใบเสร็จไปวางตรงหน้าแฟนแล้วทำหน้าอ้อนว้อน ไปเป็นเพื่อนเค้าหน่อยนะ จ่ายไปทุกอย่างแล้วเนี้ยไม่มีเพื่อนไปเลยTT เค้าจึงตอบตกลง (เรานี่แอบหัวเราะในใจ มารยาหญิงใช้ได้ผล ฮ่าๆๆๆๆ) มาลุ้นระทึกกันต่อว่าจะไปทันไหม มองหน้าแฟนแล้วถามว่าเอาไงดี รถเมล์ก็ไม่มีวี่แววจะมา แถมเรากับแฟนก็ไม่ค่อยรู้ทางซะด้วย ตัวช่วยสุดท้ายที่เข้ามาในความคิด พ่อจ๋าาาาหนูจะไปแถวข้าวสาร จะไม่ทันแล้วพ่ออออ หนูจะแย่แล้ววววว พ่อบอกใจเย็นลูก นั่ง BTS ไปลงราชเทวีนะ แล้วต่อแท็กซี่เอาน่าจะไวสุด เรารีบวิ่งกันเลยจ้า พอไปถึงก็รีบไปเช็คอินเอาเบอร์ที่นั่งรถทัวร์ มีแต่ฝรั่งคนไทยแทบไม่มีเลย รถคันที่เรานั่งมีคนไทยประมาณ 5 คน ที่เหลือเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด แต่กว่าจะได้ขึ้นรถก็ปาไป 3 ทุ่มกว่า นึกไปถึงตอนจะมาเช็คอิน จะรีบกันทำไมมมมมม นึกแล้วเพลียย 
พอเราขึ้นรถได้ก็หลับยาวเลย ตื่นอีกทีก็ถึงท่าเรือลมพระยาแล้ว หลับดีจิงๆ แต่เหมือนรถจะจอดแวะที่ประจวบฯ ด้วย เราก็หลับไม่รู้เรื่องเลย ถึงท่าเรือประมาณตี5 แล้วก็มานอนรอเรือออกประมาณ 7โมง ขึ้นเรือได้เราก็หาที่เหมาะๆ เลย เป็นเรือสามชั้น เราเลือกชั้นที่สอง พอได้ที่เราก็ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นหลับยาว (เอาจริงๆ เราไปอดนอนมาจากไหน งงตัวเอง5555) ตื่นอีกทีถึงเกาะนางยวนแล้ว นั่งเรือประมาณเกือบ 2 ชม. ได้มั้ง คือไม่แน่ใจจริงๆ เพราะนอนอย่างเดียว




เรือจะแวะส่งคนที่เกาะนางยวนก่อน แล้วค่อยไปเกาะเต่าซึ่งเกาะจะอยู่ห่างกันไม่มากนัก ประมาณ5นาทีเราก็มาถึงจุดหมาย


พอถึงท่าเรือก็จะมีคนของรีสอร์ทมารับ ระยะทางจากท่าเรือมาที่พักไกลพอสมควร แถมทางโหดมากกกก ขึ้นเขาลงเขา แถมทางขรุขระมากกกก พอถึงที่พักก็ทำการเช็คอินทันที พนักงานบริการดีมากๆ ต้อนรับด้วย welcome drink เป็นน้ำฝรั่งอร่อยและสดชื่นมากกกก


พอถึงห้องพักก็ทิ้งตัวลงที่นอนทันที เพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมาก นั่งรถ 8 ชม. ต่อด้วยเรืออีก 2ชม. ทรมารร่างมากแต่พอเห็นบบรยากาศห้องพักเท่านั้นแหละ รู้สึกเลยว่ามันเป็นการทรมารร่างกายที่โค-ตะ-ระ มีความสุขเลยยยยย 


วิวจากห้องพัก โอ๊ยยยย ฟินน^^


รีสอร์ทนี้บรรยากาศดีมากจิงๆ แถมเรายังได้อยู่ในโซนที่ไม่มีต้นไม้บังวิวอีกด้วย เราอยู่ห้อง F3 นะ (เผื่อใครจะไปแนะนำเลยว่าห้องนี้วิวแจ่มมากกก) ส่วนเรื่องราคาห้องพัก มันเกินคุ้มจริงๆ เราซื้อใน ensogo มาด้วยราคา 2,190 บาท เป็นบังกะโลซีวิว ราคานี้ 3 วัน 2 คืน/2 คน แถมรวมอาหารเช้าด้วย อื้อหื้ออออ อะไรจะคุ้มค่าขนาดนี้ แต่รีสอร์ทตั้งอยู่บนเขาทำให้การเดินทางเข้าออกค่อนข้างลำบาก เวลาจะออกไปข้างนอกต้องโทรเรียกให้รถกอล์ฟมารับ ไม่งั้นเดินไม่ถึงแน่ เพราะทางชันมาก ให้พี่เค้ารับส่งอยู่หลายรอบเกรงใจมาก เลยแอบซื้อเคื่องดื่มชูกำลังให้พี่เค้าไปบำรุง ^^






พอนอนเอาแรงได้สักพักเราก็เริ่มวางแผนกันว่าจะไปไหนบ้าง อันดับแรกเราต้องไปหาเช่ามอเตอร์ไซค์ก่อน เห็นว่าบางร้านเค้าต้องมีค่ามัดจำด้วยประมาณ 2-5 พัน โอ้ววววววว มัดจำเยอะไปไหน เราเลยให้ทางที่พักพาไปเช่าไม่ต้องเสียค่ามัดจำเลย ใช้แค่บัตรประชาชนหรือใบขับขี่เป็นค่ามัดจำเท่านั้น ค่าเช่าวันละ 200บาท ก่อนจะเอารถออกไปตลุย อย่าลืมถ่ายรูปรถไว้เป็นหลักฐาน เพราะค่าเสียหายที่นี่โหดร้ายมากจริงๆ แค่เป็นรอยนิดหน่อยอาจโดนค่าปรับได้เป็นพันเลย เราสังเกตไว้เลยว่ารถมีรอยตรงไหนบ้างหรือเปล่า คุยกันให้เคลียร์ก่อนเอารถออกมาจากร้าน  ทางร้านจะมีลิสรายการค่าเสียหายให้เราด้วยแต่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ แต่เท่าที่พอจะจำราคาได้ ก็บอกกับตัวเองเลยว่าฉันจะถนอมรถคันนี้ยิ่งกว่ารถตัวเอง พอเคลียร์เรื่องรถเสร็จก็ลุยกันเลย 

แผนที่ภายในเกาะเต่า
พี่เค้าแนะนำว่าให้ลองไปเล่นน้ำที่อ่าวโตนดกับอ่าวลึกดู เค้าบอกว่าปลาเยอะ ดำน้ำได้สบายมาก เราก็มุ่งหน้าไปกันเลย เราเลือกไปอ่าวโตนดก่อน อ่าวแรกก็หินซะและ คือทางจะชันอะไรขนาดนี้ ลูกลัง หิน ดิน ทราย มาครบ เราแทบอยากจะลงเดินเลยเพราะกลัวรถไปไม่ไหว แต่แฟนเราสายแว๊น เค้าบอกเค้าไหวววว (แต่คนซ้อนนี่ขาสั่นไปหมด 55555) เราถึงอ่าวโตนดอย่างปลอดภัย เรากับแฟนไม่รอช้า วิ่งลงทะเลเหมือนเด็กเพิ่งเคยไปทะเลครั้งแรก น้ำทะเลสวยมากจริงๆ แต่ไม่ค่อยมีปลาเลย เราเลยลองไปอ่าวลึกดูเผื่อจะเจออะไรดีๆ 





อ่าวลึกน้ำก็น่าเล่นไม่แพ้อ่าวโตนด แต่วันนั้นคลื่นแรงมาก เล่นได้แป๊บเดียว เหนื่อยมากและหิวมากด้วย ตั้งแต่เช้าได้กินแต่ขนมที่ตุนมาจากกรุงเทพฯ เราเลยไปหาไรกินกันแถวท่าเรือเห็นร้านข้าวเยอะดี เราเลือกร้านอาหารตามสั่งจำชื่อร้านไม่ได้ แต่อาหารอร่อยดีหรือหิวไม่รู้นะ เราสั่งกระเพราหมูกรอบมากินคนละจาน ราคาจานละ 60 บาท ถือว่าไม่โหดร้ายเกินไป ไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะเพราะหิวมากซัดเรียบเลย พออิ่มท้องเรากลับไปตั้งหลักที่รีสอร์ท ไปขอเช่าสน็อกเกิ้ลเพื่อจะไปดำน้ำดูปลากันที่อ่าวหินวง ทางไปอ่าวหินวงมันโหดร้ายกว่า 2 อ่าวเมื่อกี๊มาก คือมันชันแทบจะ90องศา ถนนก็เป็นหิน ดิน ทราย อย่างกับขับรถอยู่ทางวิบาก กว่าจะไปถึงเรานี่ลุ้นจนตะคริวจะกินขา 55555 แต่พอถึงอ่าวเท่านั้นแหละ มันเหมือนเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมง (มาเป็นเพลงเลยจ้า ฮ่าๆๆๆๆ) อ่าวนี่ไม่มีคนเลยเงียบสงบมาก น้ำก็ใสแจ๋วปลานี่ว่ายเล่นกับคลื่นที่ซัดเข้าชายหาดเบาๆ เราไม่รอช้าใส่สน็อกเกิ้ลแล้วลงไปว่ายน้ำเล่นกับฝูงปลาเลย มันไม่กลัวคนซักนิด ไม่หนี ไม่ตกใจ มันเหมือนเราอยู่อีกโลกนึงเลย แต่เสียดายตอนเราไปมันไม่มีแดดแล้ว ถ้ามีแดดคงสวยมากว่านี้

น้ำไม่ค่อยใสเท่าไหร่เพราะไม่มีแดด เราใช้ซองกันน้ำใส่โทรศัพท์ลงไปถ่าย มันเลยได้แค่นี้จริงๆ ^^

เราเล่นน้ำกับฝูงปลาจนหมดแรง ได้เวลากลับไปนอนเอาแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ ก่อนกลับเข้าที่พัก เราก็ตุนเสบี่ยงกันที่เซเว่นของที่เซเว่นก็จะบวกเพิ่มประมาณ20บาท แล้วแต่สินค้าค่ะ เซเว่นมีหลายสาขาเหมือนกันบนเกาะ ร้านอาหารไทยก็มีเยอะค่ะ ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู บะหมี่ ทุกอย่างเริ่มต้น 60 บาทค่ะ แต่ปริมาณก็สมราคาอยู่นะคะ รสชาติก็โอเคเลย ตอนแรกว่าตอนกลางคืนจะออกไปท่องราตรี แต่ไม่ไหวแล้วค่ะ ร่างกายล้าจากการเดินทางและการเล่นน้ำมาทั้งวัน คืนนี้ขอนอนพักเอาแรงให้เต็มที่ พรุ่งนี้จะลุยให้หน้าไหม้เลย ^^




วันที่สอง เราลืมตาตื่นมาพร้อมวิวทะเลที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นอะไรที่อธิบายยากมากรู้แค่ว่าอยากจะตื่นมาเจอแบบนี้ทุกวัน (เพ้อไปอีกกกก) เราอาบน้ำแต่งตัวเตรียมลุยต่อวันนี้ จะเอาให้เต็มที่กว่าเมื่อวาน เริ่มจากทานอาหารเช้าที่รีสอร์ท เอาให้เต็มพุงเลยจะได้มีแรงเล่นเยอะๆ บรรยากาศห้องอาหารก็พาฟินแต่เช้า นั่งกินไปดูวิวทะเลไป โอ๊ยยยยย อะไรมันจะสุขขนาดนี้



หลังตุนอาหารเช้าเต็มกำลังก็พร้อมลุย ทีแรกว่าวันนี้จะไปนางยวนกันแต่หาเรือไม่ได้ เลยตัดสินใจเที่ยวบนเกาะให้หมดดีกว่า เกาะนางยวนเก็บเอาไว้ก่อน เอาไว้บอกกับตัวเองว่าเรายังไม่เคยไปนางยวนเลยนะ เราจะได้กลับมาอีกครั้ง (ความคิดอะไรของฉันเนี้ยยย 5555) เราตัดสินใจกลับไปอ่าวหินวงอีกรอบ เพราะอยากลองดำน้ำตอนที่มีแดดดู มันน่าจะสวยกว่าเมื่อวานตอนเย็นแน่ๆ ตกลงกันเรียบร้อยก็ลุยกันเลย






หลังจากดำน้ำกันจนเหนื่อย เราก็นั่งงมแผ่นที่กันสักพักเพื่อหาที่ไปต่อ และอ่าวต่อไปที่เราจะไปคือ อ่าวฟรีดอม (Freedom Bay) แค่ชื่อก็น่าไปและ งั้นก็ลุยกันเลยดีกว่า ระหว่างทางที่เรากำลังจะออกจากอ่าวหินวง แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แฟนเราค่อยๆ บิดมอไซค์ขึ้นทางที่ชันมากมันเกือบจะพ้นแล้ว แต่มันแค่เกือบไง รถมันหมดแรงส่งมันไปไม่ไหวแล้ว จะทำไงดีๆ ไม่ทันไม่คืดหรือพูดอะไรรถมันก็ล้มลงเรากลิ้ง3ตลบได้ แล้วก็ดึงสติตัวเองกลับมาตั้งหลัก แล้วตะโกนขึ้นไปบอกแฟนว่า ไม่ต้องห่วงช้านนนนน ประครองรถไว้ดีๆ คือนาทีแทบจะพลีชีพเพื่อปกป้องรถเพราะกลัวโดนค่าปรับอันเหี้ยมโหด มานึกได้อีกทีเมื่อกี๊ฉันเกือบตกเขานะ ฉันยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมเนี้ย หน้าพ่อลอยเข้ามาเลยยย TT ตอนนั้นใจเสียมากแล้ว ดีที่ไม่เจ็บมาก ตอนนั้นไม่อยากไปไหนแล้วใจเสียมาก อยากกลับบ้านตอนนั้นเลย แฟนก็ปลอบๆ แล้วมันก็ขับพาไปเที่ยวต่อ คือมันไม่ได้กลิ้ง3ตลบไง มันยังสนุกอยู่ แต่เรานี่ดิ  
แล้วเราก็ฝืนใจทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนมาถึงอ่าวฟรีดอมจนได้ อ่าวนี้สงบมากคนไม่ค่อยมี น้ำน่าเล่นเพราะไม่มีคลื่นเลย แต่เราไม่ได้เล่นนะเพราะยังขวัญเสียอยู่



ออกจากอ่าวฟรีดอมมาว่าจะกลับที่พักและ ขับรถไปเรื่อยๆ ดันไปเห็นป้ายชี้ทางไปอ่าวทรายแดง แฟนเรามันเลี้ยวแบบไม่ถามเราสักคำ เราก็ได้แต่เออออไปก็ไปมาทั้งทีเอาให้คุ้ม ขับไปได้พักนึงเจอทางลงเขาสูงมาก สูงเหมือนอ่าวหินวงที่รถล้มเมื่อกี๊เลย เราสั่งให้เบรกทันที ฉันไม่ไปแล้วเทอไม่เอาแล้วมันสูงมากจริงๆ ยังขวัญเสียไม่หาย เลยได้แต่ถ่ายรูปจากที่สูงมาแค่นั้น




กลับที่พักกันเถอะไปตั้งหลักก่อนแล้วค่อยว่ากัน ขับไปเรื่อยๆ ยางแตกจ้า โอ๊ยยยย ซวยอะไรขนาดนี้ เสียเงินเปลี่ยนยางอีก 150บาท พอถึงที่พักก็คุยกันว่าเอาไงต่อดี ไปไหนกันต่อไหม ใจเราไม่อยากไปไหนแล้วไงแต่ใจนึงก็ยังอยากเล่นน้ำอยู่ เลยไปดำน้ำเล่นตรงที่พัก ที่นี่เค้าเก๋มากกกก มีสะพานให้โดด แถมมีหาส่วนตัวให้ลงเล่นน้ำด้วย ตรงนี้ปลาก็เยอะเหมือนกัน เจ๋งไปเลยยยยยย

รูปนี้ติดเรททท มีวันแพคซะด้วย 55555



เล่นกันจนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน คือเวลาดำน้ำนี่มันเพลินมากมันเหมือนเราอยู่อีกโลกนึงเลย เล่นกันจนลืมเหนื่อยลืมหิวมานึกได้อีกทีวันนี้เราลืมกินข้าวกลางวันกันนี่หน่า พอนึกได้เท่านั้นแหละหิวเลยยยย เราก็เดินกลับห้องกันเพื่อจะอาบน้ำน้ำเตรียมตัวไปดูแสงสีเกาะเต่าตอนกลางคืนกัน รีสอร์ทนี่บรรยากาศจะดีเป็นพิเศษตอนพระอาทิตย์จะตกดิน ระเบียงห้องทุกห้องจะหันไปทางทิศตะวันตก เราจะได้ดูพระอาทิตย์ค่อยๆ ตกลงในน้ำทะเล ฟินอีกแล้วววววว

บรรยากาศมันได้ขอแอบหวานหน่อยละกัน ตั้งกล้องถ่ายกันเองมันเลยได้แค่นี้จริงๆ เขินจัง 555555

แล้วเราก็ได้ออกมาดูแสงสีตอนกลางคืนกัน ก็มาเจอต้นมะพร้าวตรงโลตัสบาร์ นี่ธรรมชาติสร้างมันให้เป็นแบบนี้จริงๆ หรอ ทำไมสร้างมันได้สวยแบบนี้ เราไม่เคยเห็นต้นมะพร้าวแบบนี้มาก่อนเลย มันแปลกแต่สวยมาก เราแค่ไปเก็บบรรยากาศมานะไม่ได้ไปนั่งดื่ม แค่หาข้าวกินแล้วก็กลับที่พัก เพราะเหนื่อยกับการตลุยวันนี้มาก กลับไปเก็บของและนอนเอาแรงไว้เดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่เช้า 



เหมือนเราถ่ายกับฉากเลย ประทับใจมากกกกกก

เช้าวันสุดท้ายที่เกาะเต่า เรารีบเก็บสัมภาระข้าวของและไปทานอาหารเช้าให้ทันภายใน  8โมงครึ่ง เพราะเรากลับเรือรอบเช้าคือ 10 โมง ทางรีสอร์ทจะขับรถไปส่งเราที่ท่าเรือ โดยรวมเราประทับใจรีสอร์ทนี่นะ บริการดีสุดๆ ทุกคนเป็นมิตรพูดจาก็ดีมาก ดูแลอย่างดีไม่ว่าจะคนไทยหรือคนต่างชาติ ถ้ามีโอกาสเราจะมาพักที่นี่อีกแน่นอน



บอกลาเกาะเต่า 

เราอยากจะเก็บเกี่ยวความสุขและความประทับใจให้มากกว่านี้ เรารู้สึกเลยว่าเวลา3 วัน 2 คืน มันไม่พอจริงๆ บางทีการที่เรามาแบบไม่ง้อทัวร์ ไม่ค่อยรู้ข้อมูลอะไรเท่าไหร่ มันก็สนุกไปอีกแบบ มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากมายในต่างถิ่น สร้างเรื่องราวมากมายให้กับเราทั้งดีและร้าย แต่มันเต็มไปด้วยความสุข เราจะไปหาประสบการณ์แบบนี้ได้ที่ไหนล่ะถ้าเราไม่ออกมาเจอกับมันด้วยตัวเอง สำหรับเราแล้วการท่องเที่นวมันคือรางวัลที่ดีที่สุดของเราหลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการงาน และต้องปวดหัวกับการเผชิญหน้ากับผู้คนหลายรูปแบบ แค่อ่านรีวิวมันก็ไม่เท่ากับการออกไปเจอด้วยตัวเอง ^^

สุดท้ายนี้อยากบอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ไปเกาะเต่า แต่สัญญาเลยว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ๆ
แล้วฉันจะไปหาอีกนะ “เกาะเต่า”


ขอบคุณข้อมูลจาก : Pantip
Cr.:  สมาชิกหมายเลข 2269404
รีวิวเกาะตาชัย vs เกาะไม้ท่อน

       สวัสดีค่า เนื่องด้วยเป็นคน กทม หนีความวุ่นวายมาทำงานอยู่ที่ภูเก็ต (เอิ่ม..วุ่นวายไม่ต่างกัน 555+) มาที่นี่ทั้งทีก็ขอเที่ยวค่ะ 
วันนี้เลยขอมารีวิวเปรียบเทียบ เกาะทั้ง 2 ที่ เพราะเป็นเกาะที่ลักษณะคล้ายๆกันนะคะ

ปล. รีวิวตามสภาพจริงที่พบ ซึ่งไปในเวลาห่างกัน ประมาณ 2 เดือนนะคะ



หัวข้อ                                          เกาะตาชัย                                                                      เกาะไม้ท่อน
ท่าเรือ                                  ท่าเรือทับละมุ จ.พังงา                                             ท่าเรือน้ำลึกแหลมพันวา จ. ภูเก็ต
เวลาเดินทาง                   ประมาณ 1 ชม 30นาที                                                           15-30 นาที
(รถจากตัวเมืองภูเก็ต)            
เวลาเดินทางเรือ                  ประมาณ 1 ชม15นาที                                                              15 นาที
ปะการัง                                       สีสันสดใส                                                     สีไม่ค่อยสด(อาจเกิดจากภาวะฟอกขาว)
ชายหาด                               ทราย นุ่ม(มากกกก)                                                        ทรายนุ่ม+เศษปะการัง 
น้ำทะเล                                สีฟ้าใส เล่นตามหาด                                        สีฟ้าใส มีปะการังให้ดู ว่ายออกไปไม่ไกล
  
ถ้าจะถามว่าควรจะไปที่ไหน ก็คงทั้งสองที่......เอ้ย ไม่ช่ายยยย ก็ยังคงแนะนำเกาะตาชัยก่อนนะคะ แต่ช่วงเทศกาล เกาะตาชัยคนจะเยอะมาก
ตอนที่ไปเป็นวันธรรมดา คนไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ขยะเยอะ ไม่รู้ทำไม ทั้งที่หาด และที่ทะเลเลย แต่ถึงอย่างงั้น ความสวยก็ไม่ได้ลดลงไปเลยนะคะ 
คนที่ชอบดำน้ำ ดูปะการัง น่าจะชอบเกาะไม้ท่อนมากกว่า เพราะมีประการังให้ดูว่ายจากหน้าหาดไปดูได้เลย สวย ปลาเยอะ หลายหลายชนิดค่ะ 

เอารูปมาให้ดูคร่าวๆนะคะ เพราะน่าจะหาจากรีวิวอื่นๆ(ที่สวยๆกว่านี้)ได้ค่ะ
เกาะตาชัย



เกาะไม้ท่อน --ที่เห็นดำๆคือแนวปะการังนะคะ





ที่มา : Pantip
Cr. :  น้องกระรอกบิน
เริ่มค่ะเริ่ม ... หลังจากที่วางแผนทริปเที่ยวทะเลกับเพื่อนสาว 2 นาง มาแรมปี สุดท้ายได้ข้อสรุปคือ 'หลีเป๊ะ'
โดยการจองตั๋วเครื่องบิน/รีสอร์ทที่พัก/จองเรือสปีทโบ๊ท คือพวกเราจองกันข้ามปีทั้งหมดตั้งแต่ปี 2557 ค่ะ
เพื่อเป็นการประหยัดราคาในแต่ละส่วน (ก็คิดว่าประหยัดอยู่นะ) 
โดยพวกเราวางกำหนดการในการเดินทางคือ วันที่ 26-28 เมษายน 2558 ค่ะ
พวกเราเดินทางโดยสายการบิน Air Asia ไฟท์ 6.40 น. ถึงสนามบินหาดใหญ่ เวลา 8.00 น.
จากนั้น พวกเราได้จองทัวส์รถตู้ รับ-ส่ง จากสนามบินไปท่าเรือปากบารา ของ Jolly Travel ค่ะ
และจากนั้นก็ขึ้นสปีทโบ๊ทเพื่อมุ่งหน้าสู่เกาะหลีเป๊ะทันที (โดยไม่แวะเกาะใดๆ ทั้งสิ้น เพราะ "เหนื่อย")
เมื่อมาถึงเกาะหลีเป๊ะ .. สถานที่ที่พวกเราเลือกไปพัก 3 วัน 2 คืน คือที่ Idyllic Concept Resort 


มาต่อกันเลยนะคะ .. เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา 
อย่างที่บอกค่ะ .. ทริปนี้พวกเราเลือกใช้บริการสายการบิน Air Asia จากสนามบินดอนเมือง-หาดใหญ่
บรรยากาศตอนเช้าคิดว่าคนจะน้อย แต่เปล่าเลยค่ะ .. คนค่อนข้างเยอะ (นี่ไฟท์เช้าและไฟท์แรกเชียวนะ!)


การเดินครั้งนี้ จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จึงไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศบนเครื่องยามเช้ามาฝากค่ะ

 
กลับมาแล้วค่ะๆ ขอโทษด้วย ไปแวะกินข้าวมา มาเริ่มกันต่อเลยนะคะ
ก็ ......... เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินหาดใหญ่ เราก็ไม่ต้องรอเลยค่ะ
เพราะรถตู้ของบริษัท Jolly Travel มารอรับอยู่หน้าสนามบินเลย (บริการประทับใจจริงๆ)
จากนั้น เราจะใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมง 30 นาที จากสนามบิน เพื่อไปที่ท่าเรือปากบารา ค่ะ


มาถึงท่าเรือปากบาราก็กินก่อนอันดับแรกเลยค่ะ เพราะหิวมากๆ
จัดไปเลย ข้าวหมกไก่ ราคา 50 บาท ก็ถือว่าราคายังปกติ


หลังจากกินอิ่ม ก็มานั่งรอเวลาเรือที่จะนำพวกเราไปยังเกาะหลีเป๊ะ ตอน 11.30 น.
ก็จะเดินผ่านป้ายบอกเส้นทาง บอกว่าที่ที่เราจะไปเจอนั้นมีอะไรบ้าง ก็เก็บภาพไว้ด้วยนิดนึง
ระหว่างยืนรอขึ้นเรือสปีทโบ๊ตค่ะ ก็ยืนชื่นชมความงามของท้องทะเลไปพลางๆ

บรรดาผู้คนที่พร้อมหน้าพร้อมตากันไปเที่ยวหลีเป๊ะ เยอะจริงจังทั้งไทยและเทศ


และแล้ว ...พวกเราก็นั่งสปีทโบ๊ตมาถึง 'โป๊ะเรือ' หน้าเกาะหลีเป๊ะ 
เพื่อต่อเรือหางยาวเข้าเกาะค่ะ ก็เสียค่านั่งเรือหางยาวอีกคนละ 50 บาท

แดดแบบว่าแรงมาก แต่ไม่รู้สึกว่าร้อนเลยค่ะ แปลกแต่จริง 
น้ำด้านหน้าเกาะหลีเป๊ะ น้ำใสจริงๆ ค่ะ เห็นแล้วแบบว่าปลื้มปริ่ม 
พูดไม่ออกเลย สมแล้วที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเที่ยวที่นี้

เมื่อมาถึงเกาะแล้ว ก็มีเจ้าหน้าที่ของ  Idyllic Concept Resort ขับรถมารับที่หน้าหาด
รถจะเป็นมอเตอรืไซด์พ่วงด้านข้าง แต่คนที่นี่เรียกว่า 'Taxi' ค่ะ บริการดีมากๆ ประทับใจ

เมื่อรถมาจอดด้านหน้าหาดของรีสอร์ท .. พระเจ้า!!..สิ่งที่ธรรมชาติสรรสร้าง สวยงามจริงๆค่ะ

มาถึงแล้วค่ะ ...Idyllic Concept Resort นี่คือห้องพักของพวกเรา 
บรรยากาศโดยรอบ ร่มรื่นดีค่ะ ให้ไปเลย 5 ดาว 
นี่คือห้องที่พวกเราพักกันค่ะ สำหรับ 2 คน แต่พวกเราไป 3 เลยต้องเสียเงินเพิ่ม
พวกเราไม่เอาเตียงเสริม แต่ยอมนอนด้วยกันและเสียค่าหัวสำหรับอาหารเช้าแทน 

มองจากในห้องออกไปข้างหน้าก็มีระเบียงและโต๊ะ+เก้าอี้พร้อมนั่งรับลมชมวิว
หันหน้าออกไปเป้นทะเล สวยงามมากค่ะ 

เนื่องจากรีสอร์ทที่ จขกท. พักอยู่ทางฝั่งพระอาทิตย์ขึ้น
พอเวลาพระอาทิตย์ตกดิน จึงเลยเป็นบรรยากาศแบบนี้ค่ะ
ก็สวยงามตามท้องเรื่องกันไป
Landmark ที่นี่น่าจะหนีไม่พ้น Walking Street นะคะ 

ผู้คนไม่ค่อยเยอะ หรืออาจจะเป็นเพราะ จขกท. ไปเร็ว (ตอนนั้น 18.30 น.)

อาหารที่พวกเราเลือกทานกันสำหรับค่ำคืนที่ Walking Street คือ Seafood ค่ะ
มาทะเลทั้งที จะกิน หมู ไก่ เนื้อ ก็จะน่าเบื่อไป เลยจัดเลยค่ะ !!!!
แต่ก็ต้องเลือกกันนิดนึงนะคะ เพราะราคาไม่ขำนะคะ 
จนเรามาเจอร้านนี้ ราคาน่ารัก บริการประทับใจ อาหารอร่อยจนค้องยกนิ้วให้เลยจริงๆ
หมดมื้อนี้ไปด้วยงบไม่ถึงพัน ก็ถือว่าอยู่ในงบใช้จ่ายของพวกเรา
เริ่มต้นกันวันใหม่ ... วันที่ 2 ที่ 'เกาะหลีเป๊ะ' 
พวกเราตื่นเช้ากันมากๆ ประมาณ 6 โมงเช้าค่ะ เพื่อที่จะมาดูพระอาทิตย์ขึ้น 

งานนี้มีน้องหมาดำมาร่วมเฟรมกับพวกเราด้วยค่ะ นั่งเป็นแบบให้ถ่ายซะด้วย

จขกท. และเพื่อนๆ ก็นั่งรับลม ชมวิวกันจนพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าค่ะ
เป็นภาพที่ถ่ายออกมาแล้วชอบมากๆ องค์ประกอบโดยรวมคือ ใช่เลย!!

กลับมาจาก Walking Street ก็ไม่เข้าที่พักกันนะคะ 
พวกเราก็ออกมารับลมชมวิวกันบริเวณสระว่ายน้ำของรีสอร์ทค่ะ
เวลาตอนนั้นประมาณเกือบ 4 ทุ่มแล้ว ลมฝนก็เริ่มมีมาบ้างเล็กน้อย 
แต่ก็ยังคงยินยันนั่งกันต่อไป เพราะ ลมมันเย็นมากกกกกก!!!!!!!!
เริ่มต้นวันที่ 3 ที่เกาะหลีเป๊ะค่ะ 
วันนี้วันกลับแล้ว แต่อารมณ์แบบยังไม่อยากกลับ กทม. เลย 
เช้านี้ จขกท. ตื่นไม่ทันมาดูพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ ตื่นมาก็สว่างแล้ว บรรยากาศก็ประมาณนี้

ก่อนกลับ ก็ถ่ายภาพเพื่อเป็นที่ระลึกไว้ซักหน่อยแล้วกัน

เมื่อถึงเวลากลับ ก็พร้อมกลับกันแล้วค่ะ (แต่ใจนี้แบบ ไม่อยากกลับเลย)
เมื่อนั่งเรือสปีทโบ๊ตกลับมาถึงท่าเรือปากบาราแล้ว
เราก็รอเวลาเพื่อที่จะให้รถตู้นั้นไปส่งพวกเราต่อที่ ตลาดกิมหยง หาดใหญ่
เพื่อซื้อขอที่ระลึกหรือของฝากกลับ กทม. ค่ะ (แต่จะไม่ขอเล่ารายละเอียดตรงนี้)
เมื่อมาถึงสนามบิน พวกเราก็รีบ Check in รอขึ้นเครื่องตอน 17.40 น. ค่ะ
ก็กลับถึงสนามบินดอนเมืองด้วยความสวัสดิภาพ เวลาประมาณ 19.20 น. 


ขอขอบพระคุณสมาชิกชาว Pantip ทุกคนด้วยนะคะที่มาร่วมทริปกับ จขกท. และเพื่อนๆครั้งนี้
นี่คือการรีวิวครั้งแรก อาจจะผิดพลาดไปบ้าง แต่ก็ยินดีนำเสนอค่ะ
ส่วนใครที่อยากทราบรายละเอียดตรงไหน .. บางที จขกท. อาจจะบอกไม่ครบ
สามารถสอบถามมาได้เลยนะคะ ถ้าตรงไหนทราบก็จะรีบตอบทันทีค่ะ
ที่มา : Pantip