รีวิว เชียงคาน - ภูกระดึง วันฝนพรำ .. ไปแล้วรัก เล ย (3 วัน 2 คืน)




สวัสดีค่าาาา ทักทายกันก่อนนะคะ เราชื่อ มีมี่ ค่ะ
ชอบใช้วันหยุด ไปกับการท่องเที่ยว (แบบประหยัด) ก็ยังหารายได้ไม่ได้นี่นา
อดขนม - ของล่อตาล่อใจเอาละกัน การเดินทางของเราครั้งนี้ เกิดขึ้นภายในไม่ถึง 5 นาที
ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น ไม่ศึกษารีวิว เรียกว่าไปแล้ว พ ล า ด มาก 
เราและเพื่อนอยากไปทั้ง เชียงคาน และ ภูกระดึง
จึงเอา 2 ที่มารวมกัน ภายในเวลา 3 วัน 2 คืน 
หลายคนถามว่า คุ้มมั้ย เที่ยวหมดหรือเปล่า
นี่แหละค่ะความ ผิ ด พ ล า ด ของ เ ร า

------------------------------------------------------------------------------------------------

เราจองที่พักจาก agoda ก่อนไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ กะทันหันสุดๆ ที่พักหลายที่ก็เต็มหมดแล้ว
จองเสร็จ เราใจเย็นไม่ได้เปิดดูรถของ บขส.ด้วยซ้ำ
คิดว่าไม่ใช่เทศกาลท่องเที่ยว คนไม่น่าจะเยอะ
แต่คิดผิดค่ะ ตอนที่เราจอง รถ Vip ของบขส.ก็เต็มแล้ว
ตกใจมาก รีบเข้าไปดู ป.1 เหลือแค่ไม่กี่ที่ในขาไป ขากลับยิ่งแล้วใหญ่
เหลือ 3 ที่ เท่านั้นแหละ กดจองแบบไม่รู้ตัว ถ้าใครเแน่นอนว่าจะไป
อย่าชะล่าใจ จองก่อน เลือกที่นั่งก่อน เลยค่ะ

------------------------------------------------------------------------------------------------

การเดินทางของเราเริ่ม วันพฤหัสบดีที่ 5  พฤศจิกายน 2558
โดย รถบขส ป.1 กรุงเทพฯ-เมืองเลย-เชียงคาน รอบ 21.30 
ขึ้นรถที่ หมอชิต 2



รถมาจอดเลทไปนิดนึง ออก เกือบ 4 ทุ่ม ระหว่างทางมีจอดจุดพักรถของ บขส. ตอนเที่ยงคืน หรือ ตีหนึ่ง
ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แหะๆ ถึงผานกเค้าตอนประมาณตี 5 ค่ะ (ผานกเค้าคือที่ต่อรถไปภูกระดึง)
มีผู้เพื่อนร่วมทาง ลงจุดนี้เยอะมาก แทบจะหมดคัน



รถมาถึงเชียงคานตอน 7.30 ค่ะ พอลงรถ ก็เดินเข้าเชียงคาน เชียงคานตอนนี้เหมือนเมืองร้าง น้อยร้านมากที่เปิด











เรากับเพื่อนกะจะเอาของไปไว้ที่พัก ล้างหน้าแปรงฟัน ทำธุระส่วนตัวก่อน
จากนั้นค่อยออกมาทานอาหารเช้า-เช่าจักรยาน ปรากฎที่พักยังก็ไม่เปิดเช่นกัน





นี่คือ เกสท์เฮ้าส์ : แม่น้ำมีแก่ง ที่เราจองไว้
แย่ล่ะสิ ทำไงดีของหนักมาก อยากล้างหน้าแปรงฟันเข้าห้องน้ำด้วย จึงโทรหาเบอร์ของที่พัก
พี่เจ้าของใจดีค่ะ เค้ารับโทรศัพท์ (เสียงงัวเงียมาก เราเกรงใจสุดๆ)
แล้วเปิดประตู ให้เราสองคน  เข้าไปทำธุระส่วนตัว ก่อนจะออกมาลุยต่อ !!!

เราสองคนแวะรับประทานอาหารเช้าร้าน ลุกโภชนา (เพื่อนกินไข่กะทะ แต่ด้วยความหิว ได้มาแค่รูปเดียว)



ชามนี้คือ ข้าวเปียกเส้น : เส้นจะเหนียว ๆ เหมือนเส้นเล็กแต่ไม่ใช่ อร่อย !!
อยากซื้อเส้นกลับไปที่บ้าน แต่ไปภูกระดึงต่อ เลยไม่ซื้อดีกว่า


เวลา Check-in คือ 14.00 เราจึงตัดสินใจเช่า จักรยาน ปั่นไปเที่ยวเล่น ชมบรรยากาศ



แผนที่เชียงคาน



ได้จักรยานคู่ใจของเราวันนี้มาด้วยราคา 50 บาท ต่อ 1 วัน
(ราคาเช่าจักรยานอยู่ที่ 40-50 บาท)



จุดหมายของเราคือ แก่งคุดคู้ ปั่นไปถามทางไป เค้าว่ากันว่าไม่ไกล เราก็เชื่อค่ะ
ปั่นออกถนนใหญ่ไปเล้ยยยย



ปั่นๆ จักรยานไป ปั่นๆ จักรยานกัน ร้องเพลงนี้เพื่อความฮึกเหิม ตลอดทาง



ทางลูกรังก็มา ตลอดทางเข้าไปแก่งคุดคู้ มีร้าน มะพร้าวแก้ว เยอะมากๆ
ถ้าให้เดาคิดว่า น่าจะเป็นอาหารขึ้นชื่อ (เดาล้วนๆ)



พี่ไม่ได้มาเล่น ๆ นะคะ พี่ปั่นมาไกลมากประมาณ 5 กิโลจากเชียงคาน ในความรู้สึก
แต่ 3 กิโลเมตรตามความเป็นจริง เราก็มาถึงแล้ว



แก่งคุดคู้ เนื่องจาก ตอนที่ไปน้ำเยอะ เลยไม่ค่อยเห็น



เราชอบมองวิวฝั่งทางลาวนะ เขียวไปหมด สวยมาก









เรานั่งชมวิวจน ง่วง ตอนนั้นเกือบสิบเอ็ดโมง เราไม่อยากปั่นจักรยานตอนเที่ยง
เพราะรู้สึกว่าพระอาทิตย์กลางหัว จึงชวนกันกลับ

ระหว่างทางกลับ ผ่านโรงเรียน มีคำว่าจุดชมวิว จะรออะไร แวะโลดดด





เห็นน้องๆกลุ่มนี้มั้ย น้องไหว้เราแล้วยิ้มให้ด้วย ตอนแรกเรางงมาก หรือเราหน้าแก่จนน้องคิดว่าเรามารับลูก TT
แต่พอผ่านน้องกลุ่มอื่น น้องกลุ่มอื่นก็ไหว้ เราแบบพูดไม่ถูก ถ้าพี่มีโล่มารยาทงามอย่างไทย พี่ยกให้เลยจ่ะ



ตอนนี้ลมเย็นกว่าแก่งคุดคู้ สบายจนไม่อยากขี่จักรยานกลับ ขอนอนตรงนี้แหละ



ในที่สุด เที่ยงกว่าๆ ทนไม่ไหว ต้องหาอะไรยัดใส่ท้อง มื้อกลางวันความหิวของเราฝากไว้กับร้านนี้



วุ้นเส้นต้มยำ กับ ตำไทยไข่เค็ม เราชอบส้มตำ อร่อยดี



เกือบบ่ายสอง เรา Check-iN เข้าที่พัก





ตอนเราไปข้างล่างกำลังต่อเติมอยู่ เลยรกนิด ๆ เสร็จแล้วคงสวย เราชอบที่พักที่นี่นะ
ตกแต่งสวย พี่เจ้าของใจดี มันครบทุกอย่าง ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม สะอาด
ในห้องอาบน้ำมีแชมพู สบู่ให้กด ตรงโถงรวม มีกาแฟ-โอวัลตินให้ชง มีข้อแม้แค่ล้างถ้วยเอง



ห้องตัวเองมีกัปตันอเมริกาอยู่ด้านหน้า ปลื้มปริ่ม



วิวหน้าระเบียงที่พัก ย้ำระเบียงที่พักไม่ใช่ห้องพัก ตรงนี้มีเก้าอี้-โต๊ะเล็ก ๆ ให้นั่งมองบรรยากาศในเชียงคาน



เรานั่งเล่นตรงนี้บ่อยมาก ตอนอยู่ในที่พัก ชอบสุดๆ 

หลังจากถึงที่พัก หลับยาวค่ะ ออกมาอีกที 4 โมงกว่า ๆ
เย็นนี้อยากดูพระอาทิตย์ตกน้ำ ที่ริมแม่น้ำ โขง ต่อด้วยถนนคนเดิน

----------------------------------------------------------------------

ไหน ๆ ก็เช่ามาแล้ว แก๊งจักรยาน ที่มีสมาชิก 2 คน ก็ปั่นกันต่อไป 
เคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า 7-11 เชียงคานสวย เราก็ตามรอย



เป็นไงคะ กับ เซเว่นเชียงคาน



อีกซักรูป หลังจากนั้นเราก็ปั่นไปเรื่อยเลยค่ะ ไม่มีจุดหมาย 



พอได้เวลา เราก็ปั่นมาริมแม่น้ำโขง ตามที่ตั้งใจไว้



ลัดเลาะไปตามสะพานไม้





เห็นดอกทานตะวัน ละคิดถึงแฮมทาโร่ 



ก็บอกแล้ว พี่ไม่ได้มาปั่นเล่น ๆ ปั่นจริงจังมากเช้า-เย็น





ตอนที่เราอยู่ที่นั่น ใจสงบมาก ทุกอย่างดูช้า ทำใจเราใจเย็น



ก่อนโดด มีแอบลังเล กลัวทำสะพานพัง 





เราก็เหมือนเดิม ถ่ายรูป-เดินเล่น จนพระอาทิตย์ตก แต่ไม่ได้ตกน้ำนะคะ ตกอีกฝั่ง เสียดายนิดๆ



ตอนพระอาทิตย์ตก แสงสวยมาก ก ก ก ก เข้ากับบรรยากาศริมโขง-บ้านไม้ ประทับใจสุดๆ
มองไปทางไหนก็สวย 



แอบกระซิกบอกจุดว่าถ้าหาที่เที่ยวโรแมนติก ให้พาแฟนมา 



แสงสุดท้ายของวัน ตลอดทริปเชียงคาน เราชอบที่นี่ ตอนนี้ที่สุดแล้ว (:

----------------------------------------------------------------------

หลังจากชื่นชมความสวยงามริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นเวลาของถนนคนเดิน
ระดับ มีมี่และเพื่อน ตอนนี้ต้องมองหาของ กิน เป็นอันดับแรก



เริ่มกันที่ร้านแรก : จิ๊กโก๋ยัดไส้ มี 2 ไส้คือไส้ หมู , กล้วย 



ไส้กล้วย ราดนมข้นหวาน ก็เหมือนเดิม เป็นคนกินอะไรก็อร่อย สังเกตจากหุ่น 555 (ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่)



ร้านส้มตำที่กิน เมื่อกลางวัน



บรรยากาศเชียงคาน ยามค่ำ ต่างกับตอนเช้าลิบลับ ตอนนี้เชียงคานคึกคักแบบสงบ ๆ 





ผ่านร้านกุ้ง ก็จัดมาหนึ่งไม้ เค็ม ๆ แต่หนวดกุ้งยาว ทิ่มปาก ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่



เราชอบการตกแต่งร้าน ของร้านนี้นะ เดินผ่านแล้วสะดุดตาตลอด



เราอยากพักที่นี่ แต่เต็ม







ซาลาเปาลายการ์ตูน







อยากกินข้าวจี่ แต่มืดแล้ว ไม่ค่อยอยากกินข้าวเท่าไหร่ กะว่าเช้าจะกิน
แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้กิน เสียดาย





ถนนคนเดิน เป็นศูนย์รวมของฝากน่ารักจากเชียงคาน 



เครื่องดนตรีน้อย มีเด็กๆเล่น แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา



ถ้าใครชอบโปสการ์ด เรียกได้ว่าสวรรค์เลย มีหลายร้านมาก แต่ละร้านมีลายต่างกัน สวยๆทั้งนั้น



โปสการ์ดไม้ ส่งได้จริง





เราสะดุดตากับแผงโปสการ์ดหนังของร้านนี้ พอเข้ามาดูใกล้ ๆ ลายของโปสการ์ดคือหนังเก่าๆ สมัยคุณตายังหนุ่ม
โปสการ์ดของคุณลุงติดแสตมป์ไว้แล้วเรียบร้อยพร้อมส่ง



ร้านนี้ชื่อว่าร้าน ภู่เชียงคาน คุณลุงที่เป็นเจ้าของ อดีตเคยมีโรงภาพยนตร์ที่เชียงคาน แต่ตอนนี้กลายเป็นที่จอดรถ (ไม่แน่ใจแต่ไม่มีแล้ว)



ลุงแกน่ารักมากค่ะ ลุงชวนเราคุยเรื่องหนัง แต่เราไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยเปลี่ยนเรื่องคุย ถ้าใครชอบหนังสมัยก่อน
คุยกับลุงแกได้ น่าจะสนุก ถูกคอ เราก็เล่าว่าวันนี้ไปแก่งคุดคู้มา ลุงบอกว่าถ้าไปแก่งคุดคู้ต้องกินส้มตำ เด็ด สุดๆ



นี่คือชื่อ โรงภาพยนตร์ของคุณลุง



สมัยหนุ่ม ๆ ลุงใช้เครื่องนี้ตลอด เราซื้อโปสการ์ดมาหนึ่งใบคือ หนังเรื่องวัลลี ไม่เคยดูหรอก
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กกตัญญู เราอยากส่งไปให้ป้าเรา (:



เดินกันต่อไป ร้านนี้ก็ขายโปสการ์ดเหมือนกัน





สังขยาคุณแม่ ร้านเด็ดในเชียงคาน เราปักหมุดไว้ในใจ พรุ่งนี้จะกินให้ได้



ธนาคารกรุงไทย แบบ ไทย ๆ



เราได้โปสการ์ดจากร้านนี้มาอีกแล้วว 







มีใครสนใจ กลับไปกินข้าวในถาด แบบสมัยประถมบ้าง เราขอนำเสนอร้านอาหารร้านนี้ให้พิจารณา



ข้าวขาหมู .. ของเพื่อนนะ 



กินไป มองกระดานดำไป ทำให้คิดถึงสมัยประถม หลังจากกินเสร็จ
เราก็เดินเล่นพักนึง ก่อนกลับที่พัก เตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้ 



วิวจากระเบียงที่พักเราเอง 



เรานั่งตรงนี้เขียนโปสการ์ด ส่งไปให้เพื่อน ๆ คลาสสิกมั้ย เขียนไปมองถนนคนเดินไป 
ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 

วันนี้ตอนเช้ามีทางเลือก 2 ทางคือ ใส่บาตรข้าวเหนียว หรือ ดูทะเลหมอกที่ ภูทอก 
ทั้งสองอย่าง เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ต้องเลือกเท่านั้น หลักเศรษฐศาสตร์สุด ๆ 
เรากับเพื่อนเลือก ไปดูทะเลหมอก เมื่อคืนเราติดต่อกับที่พัก พี่เค้าให้นามบัตรรถที่จะไปภูทอกมา
เราโทรไปติดต่อ เค้าคิด 100 บาท ไป-กลับ ราคาไม่เหมา เราก็โอเค นัดพี่เค้ามาเจอที่พัก ตอน 05.30

ตอนที่เรารอรถมา มีสกายแลปขับมา ถามว่าไปภูทอกมั้ย เราก็ตอบว่าใช่ 
เค้าก็ให้เราขึ้นไป เราก็ถามชื่อเค้าว่าใช่คนที่เรานัดหรือเปล่า แต่พี่คนขับบอกว่า ขึ้นมาเลย 
คนขับเราคงไปกับคนอื่นแล้ว คันไหนก็เหมือนกัน แต่เรากับเพื่อนไม่ได้ขึ้นไป หลังจากนั้นโทรไปหาเบอร์ที่ติดต่อไว้
โชคดีที่ไม่ได้ขึ้น เพราะเป็นคนละคนกัน ถ้าใครไปแล้วติดต่อรถ นัดกันดีดีนะคะ อย่าหลงขึ้นผิดคัน

วันนี้เราค่อนข้างทำเวลา เพราะจะไปภูกระดึงต่อ เราไม่อยากออกจากเชียงคานเกิน 9 โมงเช้า
รถไปภูกระดึง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิด ๆ เอาจริงๆนะ ตอนนั้นยังไม่ได้คิดว่าจะไปภูกระดึงยังไง
รู้แค่ว่ามีรถนครชัยไป แต่เราไม่รู้รอบ ไม่รู้ว่าขึ้นที่ไหน (อยากจะเขกหัวตัวเองสักสิบรอบ)



เชียงคานตอนเช้า คุณป้าเตรียมจัดของใส่บาตร แต่เราหมดสิทธิ์ เลือกภูทอกไปแล้ว



นี่คือรถที่เราติดต่อไว้ นั่งท้ายกระบะท้าลม ลืมเล่า อากาศวันที่ไป เย็น ๆ ไม่หนาว
แต่ด้วยความที่ว่าเราคิดไปเอง ว่าเดือนพฤศจิกายน หนาวแน่แก เราจัดไปแต่เสื้อแขนยาว กะว่าเป็นคอลเลคชั่นหน้าหนาว
แต่ละรูปที่ใส่แขนยาว .. เหงื่อท่วมทั้งนั้น หนาวอะไร ไม่มี มโนเองล้วนๆ (TT)



ใช้เวลาไม่นาน ก็ถึงภูทอก เราซื้อบัตรขึ้นไป 40 บาท มีบริการรถรับ-ส่ง ถึงยอดภู
หมอกจ๋า พี่หวังกับหนูไว้พอตัว โผล่มาให้เห็นเถอะนะ



ทะเลหมอก ? โผล่มาแล้ว เราพยายามบอกตัวเองว่า เดี๋ยวก็มี รอก่อนดิ 



แต่สุดท้ายน้องหมอกคนเดิม ไม่มีเพิ่มเติม โผล่มาแค่นั้นจริง ๆ วันนี้ฟ้าปิด สักพักฝนตกอีก จ้าาาาา ..

เราก็กลับมาที่พักเจ็ดโมงกว่า เราถามเรื่องรอบรถไปภูกระดึงกับพี่คนขับ พี่เค้าบอกว่ารถไปเชียงคานมีรอบ 7.30 , 8.30 จนถึง 11.30
เราถามถึงรายละเอียด ทุกอย่าง ไม่อยากให้พลาด พี่เค้าบอกอีกว่า อู่นครชัย ไม่ใกล้ เค้าไปส่งได้ 
เราสองคนมองหน้ากัน หันไปถามราคา พี่เค้าบอกว่าพี่ไปส่งให้ ไม่คิดราคา !!!!!!! บอกเวลานัด เดี๋ยวมารับ
เห้ยยย ใจพี่แมนมากค่ะ แต่เราอยากเช็ครอบรถก่อนค่อยบอกเวลา พี่เค้าก็ตกลง

เราโทรหานครชัย ทางนครชัย ขนส่ง บอกว่ารอบรถที่ไปผานกเค้ามี 2 รอบคือ 8.00 กับ 9.00 เท่านั้น ไม่มีการจองตั๋ว
เราตกใจมาก นี่ 7 โมงกว่า ๆ แล้วยังไม่ได้เก็บของ อาบน้ำ กินข้าว (ยังจะห่วงกิน) จะทันมั้ย 



คำตอบคือ .. ทันค่ะ ยังมีเวลากินข้าวเช้า ชมวิวสวย ๆ ก่อนกลับ (ทำตัวเหมือนไม่รีบ) 

เรานัดพี่คนขับ ที่จะไปส่งเราที่นครชัย ขนส่ง ตอน 8.30 ที่ตลาดเชียงคาน เพราะเราจะหาซื้อของกินก่อน
แต่เหตุการณ์ระทึกขวัญมาก เราลงมาแปดโมง เจ้าของเกสท์เฮ้าส์ยังไม่ตื่น ทำไงล่ะ !! ก็ต้องโทรปลุกด่วน
อยากฝากไว้ว่า ถ้าจะ check-out ก่อนเวลามาก ๆ ให้แจ้งก่อนค่ะ เพื่อประโยชน์-ความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย
จากนั้น เรารีบไปซื้อของกินตุนไว้ 



ร้านจิ๊กโก๋ ้ร้านเดียวกับเมื่อคืน แต่เป็นไส้หมู อร่อยกว่าไส้กล้วยค่ะ ไม่เลี่ยน ยังไม่พอ เราซื้อสังขยาคุณแม่ แต่ถ่ายไม่ทัน หิวไปหน่อย



พี่คนขับใจดี ส่งเราไปนครชัย ขนส่ง



แอบโปรโมทให้นิดนึง พี่เค้าใจดีมาก เราเดินยังไม่ถึงตลาด พี่เค้ามาก่อนเวลา เค้ากลัวเราตกรถ เลยขับมารับถึงที่



ถึง นครชัย ขนส่ง ละ ไม่ไกลมาก แต่ถ้าเดินคงขา ล า  ก



ตั๋วจากเชียงคานไปผานกเค้า 104 บาท 



ไปละนะ เ ชี ย ง ค า น สถานีต่อไป ภู ก ร ะ ดึ ง
จบไปละนะคะ สำหรับ Part เชียงคาน
เราไปต่อกันที่ ภูกระดึง มีใครกำลังสงสัยมั้ยคะว่า
คำว่า พ ล า ด ที่เราพิมไปตั้งแต่ต้นกระทู้ หมายถึงอะไร
เรื่องราวหลังจากนี้แหละค่ะ .. ที่เรียกว่า พ ล า ด


----------------------------------------------------------------------------

ระหว่างทาง รถจอดหลายที่มากประมาณนึง บวกกับ ฝนตก
เราภาวนาในใจว่า ขอให้ภูกระดึงฝนไม่ตกเถิดดดดด สาธุ 



มาถึง ผานกเค้า 11.30  ตอนลงไปร้านเจ๊กิม ร้านเงียบมาก ไม่มีคน ต่างกับวันแรกที่นั่งรถผ่าน ตอนเช้ามืดคึกคักสุดๆ
เราก็ตายละ ทำไงดี ส่วนมากเค้าจะเหมารถสองแถว ไปภูกระดึง  10 คน 300 บาท ตกคนละ 30 
แต่นี่ มีเรากับเพื่อน เพื่อนกับเรา เรากับเพื่อน แล้วก็เพื่อนกับเรา รวมกัน 2 คนถ้วน ไม่ขาดไม่เกิน
เราอยากรอ หาสมาชิกเพิ่ม แต่คิดอีกที ส่วนมากเค้าก็ขึ้นกันไปเช้า ป่านนี้ถึงยอดกันไปหมดละ ภูกระดึงเปิดให้ขึ้นถึงบ่าย 2 
รถสองแถวที่มี ก็เหลือคันเดียว ลุงคนขับบอกว่า แกรอคนอยู่นี่มานานแล้ว พึ่งมีเราสองคนมา สุดท้าย ไปก็ไปค่าาาาา !!
สองแถวนี้เป็นของเราาาา (ได้แต่ยินยอมรับความเจ็บปวด) นี่แหละค่ะ จุดเริ่มต้นความ พ ล า ด เรื่องเวลา ของเรา





ถึงเรียบร้อย พร้อม ซื้อบัตร 40 บาท ประกาศ ๆ บัตรนิสิต ลดได้เหลือครึ่งราคา (แต่เราถือว่าสนับสนุนอุทยานแห่งชาติ)



ตอนนี้เราไม่ค่อยได้ถ่ายรูป รีบ แล้วก็ เพราะ ฝนตก ที่อฐิษธานบนรถ ไม่ได้ผลค่าาา  เราตัดสินใจซื้อ รองเท้าสตั๊ดดอย (80 บาท) กับ ถุงกันทาก (60 บาท)

แบกตัวเองขึ้นภูตอนฝนตกน่าจะเอาเรื่องอยู่ จึงจ้างลูกหาบค่ะ น้ำหนักกระเป๋าเรา 6 โล (กิโลละ 30 บาท) ตอนนั้นไม่คิดอะไร  อยากขึ้นยอดภูกระดึงไวไว ตอนนี้เลทมากแล้ว
( หลังจากได้สติสะท้านค่าลูกหาบเบา ๆ ขอแนะนำนะคะ ถ้าในกระเป๋ามีของไม่จำเป็นสำหรับใช้บนภู ฝากไว้ที่จุดฝากสัมภาระด้านล่างได้ค่ะ เห็นอยู่ พึ่งมาคิดได้ตอนขึ้นไปแล้ว )



ระยะทาง ที่เราจะพิชิต ประมาณ 5.5 กิโลเมตร 



ตอนเราลงชื่อไป เราเขียนเป็นคนที่ 100 เวลาคนก่อนหน้าเราที่ขึ้นไปคือ 11.30



ถ่ายไว้ เผื่อฉุกเฉิน .. 



เราเริ่มขึ้นไปตอน 12.30 จากที่ฟังหลาย ๆ คนเล่า ส่วนมาใช้เวลา 4 ชั่วโมง ++



ยังไม่ถึง ซำแฮ่ก ก็แฮ่ก ไปหลายแฮ่ก แต่ตอนนั้นใจมันไป รู้แค่ว่าเราไม่อยากถึงมืด



บอกเลยว่า จุดเริ่ม - ซำแฮ่ก เหนื่อยสุด ๆ แล้ว อาจเพราะร่างกายยังไม่ปรับตัว ขอให้อดทนไว้ค่ะ หลังจากนี้สบายละ



ตอนเราเห็น ซำแฮ่ก เรานี่แทบกรี๊ดออกมา ประหนึ่งว่าถึงยอดเขาภูกระดึง !!!! 



เราถ่ายรูปกับป้ายนี้ หลายรูป ซำแรกยังคึกอยู่ มีคนขึ้นมาหลังเราอีก 2 กลุ่มค่ะ กลุ่มแรกมากันเป็นครอบครัว อีกกลุ่มเป็นผู้ชาย 2 คนแบกกีต้าร์ ไล่ตามกันมาติด ๆ คาดว่าเป็นกลุ่มสุดท้ายของวัน



ระหว่างรอเพื่อนกินข้าว เราเดินเล่น คุยกับพี่ ๆ ที่ลงมา เค้าบอกให้เราหาไม้ไว้ยัน เราเลยขอร้านค้ามา คุณป้าก็หาให้นะคะ ใจดีมาก



กดดันเรื่องเวลาเหมือนกัน เราใช้เวลามาถึงซำแฮ่ก เกือบชั่วโมง แต่ไม่ท้อ ไม่ถอย จะไปให้ถึงภูให้ได้ !!



พอพักหายเหนื่อย กินข้าวเสร็จ ได้เวลาไปต่อ เราออกกำลังกาย (วิ่ง) บ้างแต่เพื่อนเราไม่ค่อยออกกำลังกายจะเหนื่อยง่ายกว่า
ก่อนไปพิชิตภู แนะนำให้เตรียมความพร้อมด้านร่างกาย ออกกำลังกายก่อนไปค่ะ !!





เหงื่อท่วมตัว แต่ยังมีแรง คุยเล่นได้อยู่



จากซำแฮ่ก ไปซำกกกอกไม่ค่อยเหนื่อย หรือร่างกายเริ่มชินก็ไม่รู้



เราแวะทุกซำ ที่มีที่พัก อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ เราแวะซำทีไร ฝนตกทุกที เรารอฝนหยุดค่อยออกเดินต่อ





อยากขอบคุณ คุณป้าที่ให้ไม้หลาย ๆ รอบ ไม้ช่วยได้เยอะ



เนื่องจากฝนตก ทางเดินฟุ้งมาก มีแต่หมอก หมอก หมอก หมอก มองไม่ค่อยเห็นด้านหน้า



สองข้างทางสวย อากาศเย็นชื้นฝน แต่ทางเละมาก



แม้ว่าฝนตก แต่เรายังไม่เอาเสื้อกันฝนมาใส่ แค่ปรอยๆ ศรีทนได้



เวลามีคนลงมาแล้วเดินผ่านเราสองคน 
เค้าก็จะทักว่า น้องโชคดีมาก ที่ซื้อรองเท้าสตั๊ดดอย ไม่ลื่น แต่ละคนที่ลงมาแทบทิ้งรองเท้ากันหมด
มีแต่โคลน เราว่ารองเท้าสตั๊ด ถ้าฝนตกคุ้มนะ ลงทุนหน่อย .. เดินสบาย



เรากับเพื่อน เดินไปเรื่อยๆแบบรีบๆ อย่างที่บอกแวะซำไหน ซำนั้นฝนตก



พอถึงซำแคร่ ฝนตกหนักมาก มีเพื่อนร่วมทางติดฝนหลายกลุ่ม ฝนเม็ดใหญ่ เราอยู่ซำนั้นตอนสี่โมง 
แต่กว่าจะออกมาจากซำ สี่โมงครึ่ง ฝนยังไม่หยุดนะยังตกแรกอยู่ แต่คนอื่นไปกันแล้ว เราเลยไปด้วย กลัวถึงมืด 



ภาพนี้ทำให้เราคิดถึง ฉากในการ์ตูนดิสนีย์ บ้านน้อยในป่าใหญ่ พร้อมร้องเพลงเจ้าหญิงตาม อายจัง
หลังจากนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปเลย ฝนตกหนักมาก ทางตั้งแต่ซำแคร่ โหดมาก ก ก ก ก ส่วนมากเป็นหิน - บันได 
ขาล้าไปหมด



ประมาณ 5 โมง ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น เอ๊ย ความสำเร็จต่างหาก .. พอเราเห็นป้ายนี้เราวิ่งเข้าใส่เลยค่ะ
ดีใจมาก เหมือนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ (เว่อร์ไป) ที่เดินเหนื่อยๆมาทั้งวันหายไปในพริบตา
เราลั้ลลากระโดดโลดเต้นกับป้ายอย่างมีความสุข



หารู้ไม่ ว่ายังไม่ถึง คุณมีมี่คะ คุณได้ไปต่อค่ะ จากหลังแปต้องเดินจุดบริการนักท่องเที่ยว - จุดกางเต้นท์อีก 300 เมตร
เราพิมไม่ผิด ด้วยความเบลอตอนนั้นเราเห็นแบบนั้น 555555 แต่เรื่องจริงคือ 3176 เมตร แทบช๊อค นี่ยังต้องเดินต่ออีกหรอ



หลังจากนี้ทางเดินเป็นทางเรียบ ๆ คุยกับเพื่อนเล่นๆว่า ไม่เหมือนอยู่บนภู เหมือนเดินเล่นอยู่ข้างล่าง



ตอนที่เห็นพี่คนนี้เดิน ผ่านต้นไม้ เป็นภาพที่สวยมากในความทรงจำ แต่ถ่ายไม่ทัน



ต้นนี้ ใครเห็นก็คงหยุดแวะชม ระหว่างทางเราเจอพี่ลูกหาบ ขนกระเป๋านำหน้าเรา 



รูปสุดท้ายของวัน ก่อนจะมืด
ตั้งแต่ตอนนี้ - เช้า ไม่ได้ถ่ายรูปค่ะ มืดแล้ว 

----------------------------------------------------------------

เราถึง จุดบริการนักท่องเที่ยว สถานที่กางเต้นท์ ตอน 18.30 
พี่เจ้าหน้าที่อุทยาน คงตกใจกับสภาพเราสองคนมาก 5555
พี่เค้าถามเราหลายคำถามมาก ที่พอจำได้คือ มากันกี่คน โดนแซงมาหรอ
มีใครมาหลังจากนี้มั้ย ตอนนั้นเรากับเพื่อนเบลอมาก ตอบคำถามพี่เค้าไม่รู้เรื่อง
เราเช่า แผ่นรองนอนมา 3 แผ่น กับเต้นท์ เพราะว่าเราเอาถุงนอนมา 
รู้สึกพลาดอีกแล้ว น่าจะเช่าถุงนอนจากที่นี่ (TT)

หลังจากนั้นเราก็ไปเอากระเป๋าจากลูกหาบ แล้วก็ไปเลือกเต้นท์นอน
เราสองคนไม่มีไฟฉาย ฝนก็ตก ลำบากพอสมควร มืดแล้วมองไม่เห็น
เราเลือกเต้นท์ที่ว่างกันยากมาก หลายเต้นท์ที่ไม่มีใครนอน แต่ เปิดซิปทิ้งไว้
เราอยากบอกทุกคนว่า ถ้าเข้าไปเลือกแล้วไม่ชอบใจ ออกมาปิดซิปให้ด้วยนะคะ 
เพื่อคนข้างหลังค่ะ เราไม่รู้ว่าในเต้นท์จะมีทาก มีแมลงอะไรบ้าง ไม่น่าไว้วางใจ
ในที่สุดเราก็ได้มาหลังนึง ตั้งแต่เดินมาที่ปิดซิป แต่หน้าเต้นท์น้ำท่วมมาก ชื้นสุดๆ
แต่ก็ยอม ล้ามาทั้งวัน ขอวางของแล้วไปหาอะไรกินดีกว่า

คืนนั้นเราเจอทากเยอะมาก ดีนะที่พก กย.15 เจอแล้วบีบใส่ลูกเดียวเลย
ดึงไม่ออกค่ะ ตอนนั้นรู้สึกตัวเองเป็นหญิงแกร่ง ปกติไปกับเพื่อนผู้ชาย ใช้ให้เพื่อนเอาออก
แต่คราวนี้ เพื่อนเรากลัวค่ะ เราเลยต้องปราบทากเอง 55555 ฝนตกพรำ ๆ ตลอดคืน

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2258 



ตอนเช้าตื่นตีสี่ครึ่ง ไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ ผานกแอ่น แต่ฝนตกปรอยๆเช่นเดิม



ทุกคนคงหวังแบบเดียวกับเรา ว่าพระอาทิตย์จะขึ้น



แต่ก็ต้องผิดหวังค่ะ 55555555555 หัวเราะทั้งน้ำตา



อีกซักรูป ให้เห็นกันชัด ๆ



ยืนไว้อาลัยให้กับคุณพระอาทิตย์ และ ชะตาชีวิตตัวเอง





หน้าสด หัวกระเซิง ผมไม่ได้สระค่ะ ลุ้นมากว่าจะป่วยมั้ย 



หลังจากนี้คุยกับเพื่อนจริงจังมาก ทำยังไงกันดี ฝนตกไม่เห็นอะไร จะไปไหนต่อ รถกลับบ้านก็ตั้งรอบ 19.30
ถ้าลงไปเย็น แล้วต้องเหมารถไปผานกเค้าอีก ไม่ไหวนะ ต่างคนต่างวิตกกังวลกันไป



เหมือนเป็นกระดาษขาว ๆ มีคนมาวาดภาพไว้ ธรรมชาติสวยงามเสมอด้วยตัวเอง



หลังจากนั้นก็ เดินไปหาไรกินค่ะ แก้เครียด อยู่แถวลานกางเต้นท์ ราคาอาหารด้านบนก็ตามค่าขนขึ้นค่ะ
ยิ่งสูง ราคาก็สูงตาม เราก็เข้าใจนะ ค่าลูกหาบ หาบขึ้นมา ถ้าอยากประหยัด เอามาม่า-ของแห้งขึ้นมาเลยค่าาา
ร้านอาหารบางร้าน ให้ชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือฟรี แล้วก็ทางจุดบริการนักท่องเที่ยว มีบริการชาร์จแบต 20 บาท ต่อเครื่อง



ร้านขายของที่ระลึก ขายราคาพอ ๆ กับด้านล่าง อดไม่ได้ที่จะเขียนโปสการ์ดให้ตัวเอง
มีตราปั้มด้วยนะคะ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต พิชิตภูกระดึง เราปั้มสนุกสนานเลย ก่อนออกจากร้าน
เราถามคุณน้าคนขายว่า เราจะลงวันนี้มีที่ไหนให้เที่ยวบ้าน คุณน้าให้แผนที่มา 
เราสองคนตัดสินใจไปผาหมากดูกแล้วทะลุออกหลังแปร ลงด้านล่าง



เราเริ่มเดินกันตอนเก้าโมง ที่ผาหมากดูกสวย สงบดี แต่เหมือนเดิม ไม่เห็นอะไร





นั่งกันเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ค่อยๆมองหมอกไล่มา 



ฟุ้ ง รู้สึกดีมาก ไม่อยากกลับ อยากอยู่ต่อ อยากเที่ยวให้คุ้ม แต่ว่าพรุ่งนี้มีส่งงานที่มหาลัย เลื่อนไม่ได้



ตอนนี้ฟ้าเริ่มโปร่งแล้ว รันทดในชะตาชีวิตตัวเองมาก 55555 หลังจากนี้ไม่ได้ถ่ายแล้วค่ะ
ตอนเดินลงจากหลังแปร ไปด้านล่าง โหววว คนเยอะ พึ่งเจอเหมือนกัน
เมื่อวานเดินเหมือนภูกระดึงเป็นของเรา วันนี้เป็นคึกคักมาก เราชอบบรรยากาศของการขึ้นภู-เขาที่ลำบาก ๆ
เราว่าทุกคนพร้อมจะช่วยเหลือ - ถามกันว่าไหวมั้ย ยิ้มให้กันตลอด ชอบมากจริง ๆ



จากสูงสุดคืนสู่สามัญ เมื่อเรามาถึงจุดเริ่มต้น คราวนี้เราขนกระเป๋าลงมาเอง แต่ฝากถุงนอนไว้กับลูกหาบ (ถุงนอนก็ปาไป 3 โล)
เราภูมิใจมาก ถ้าตั้งใจจะขนเอง ก็ทำได้นี่หน่า ตอนลงมาพี่ลูกหาบทักเรากับเพื่อนว่า พี่เค้าขนของลงมาให้แล้วนะ เป็นไงบ้างสะบักสะบอมกันมาเชียว เราลงมาเจอพี่ ๆ ที่ขามาขึ้นบขส.คันเดียวกัน หลังจากอาบน้ำ กินข้าวเสร็จ ชวนกันไปร้านเจ๊กิม ระหว่างรอรถกลับกรุงเทพ
เราได้รู้จักเพื่อนๆ - พี่ๆ เยอะมาก จากกลุ่มแบกเป้เที่ยว และพี่คนอื่น ๆ ทุกคนชวนคุย แลกเปลี่ยนเรื่องการเดินทาง ท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ พี่เค้าเอารูปวิวบนภูกระดึงที่เราไม่ได้ไป มาให้เราดู เราประทับใจมาก ความทรงจำที่นั่นมีความหมายกับเรา ขอบคุณประสบการณ์ดีดีที่เกิดขึ้น เราไม่เสียใจแม้แต่นิดเดียว ที่ไปภูกระดึงแค่วันเดียว ถึงหลายๆคนจะบอกก็ตาม ว่าไม่คุ้ม 



ด้วยคำว่าเราจะมาพบกันใหม่ ... ภูกระดึง 
สิ่งที่เรารู้สึก พ ล า ด แล้ว อยากจะ เ ล่ า สู่ กั น ฟั ง 

ภูกระดึง ควรไปมากกว่า 2 วัน 1 คืน เพราะคุณจะไม่ได้ทำอะไร นอกจากการ พิชิตภูกระดึง ควรอยู่อย่างน้อย 3 วัน 2 คืน

ควรขึ้นไปบนที่พัก ก่อนฟ้ามืด ถ้ามืดแล้วทำอะไรไม่สะดวกเหมือนตอนฟ้าสว่าง การเลือกเต้นท์ ทำเลที่นอนยากมาก
ยิ่งตอนฝนตกแบบเรา .. โหดไปค่ะ

พกไฟฉาย หากคิดว่าโทรศัพท์มือถือก็มีไฟฉายแบบเรา อยากบอกว่าคิดผิดค่ะ พกไปเถอะ สะดวกกว่ามือถือเป็นร้อยเท่า

ไม่ควรพิชิต ท า ก ด้วยมือเปล่า ใช้ตาเล็ง มือหยิบสเปย์-โลชั่นกันยุง พ่นใส่ตัวทาก  บางคนสงสัย จะพิมทำไม ใครๆก็รู้
เผื่อมีใครเป็นเหมือนเรา ตอนที่ทากมา สติไม่มี จะจับทากกระชากออกอย่างเดียวเลย เลือดท่วม !!

ถ้าใครนั่ง บขส. กรุงเทพ-เลย-เชียงคาน แบบเราหยิบตั๋วมาดูตอนนี้เลยค่ะ ถึงแม้ว่าในใบจะเขียนรอบรถออก 18.30 , 19.30 
หรืออะไรก็ตาม นั่นคือเวลาออกจากเชียงคาน ไม่ใช่เวลาที่เราไปรอรถที่ผานกเค้า การเดินทางจากเชียงคาน - ผานกเค้า ประมาณ 2-3 ชั่วโมง

กว่าจะจะได้ขึ้นรถจากผานกเค้า ประมาณ 21.30 นาฬิกา คุยกับพี่ ๆ ที่รอรถด้วยกัน แทบไม่มีใครทราบ ข้อนี้สำคัญมากค่ะ !!

พกยาคลายกล้ามเนื้อ - ยานวดไป เพื่อนเรากินยาคลายกล้ามเนื้อตั้งแต่วันแรก แต่เราสายโหด ไม่ยอมกิน กลับมาขาพัง
เดินขึ้น-ลงบันไดที ทรมาณใจมาก 

----------------------------------------------------------------------------------

การเดินทางไป เชียงคาน ก่อน ภูกระดึง

ข้อดี : 

มีพลังสด - ใหม่ เฟรช เต็มที่กับทุกอย่าง คิดไม่ออกละ

ข้อเสีย :

ถ้าใครชอบซื้อของฝาก มีคิดหนักนะ ถ้าขนของขึ้นไปภูกระดึงด้วย น้ำหนักเป็นเท่าไหร่ แล้วของจะอยู่ในสภาพไหน 
เช่น เราอยากซื้อเส้นข้าวเปียก แต่กว่าจะถึงบ้าน ตอนพิชิตภู คงแหลกกลายเป็นเส้นมาม่าตอนแตก

รอบรถจากนครชัย ขนส่ง ไปผานกเค้า มี 2 รอบ คือรอบ 8.00 และ 9.00 
เมื่อไปถึง คุณอาจจะเจอปัญหาแบบเรา เจ๊กิมเงียบประหนึ่งเวลาทำงานวันธรรมดา และมีแนวโน้มสูงต้องเหมารถไปภูกระดึง

ถ้าคุณลงภูกระดึงตอนเช้า บ่ายๆ ก็ถึงด้านล่างแล้ว ถ้าคุณจองรอบรถแบบเรา จะมีเวลาเหลือเฟือในการ นอนเล่น 
เดินเล่น ชวนคนข้างๆคุย กลิ้งไปมา จนเบื่อ เวลานี้คุณสามารถนั่งรถไปเชียงคานได้ ขากลับจะได้ขึ้นรถทัวร์ รถบขส. ที่ต้นทางได้เลย
เวลาไม่เลท เกินจริง แบบจุดรอที่จุดอื่น 

--------------------------------------------------------------------------------------


แต่ว่า นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของเรานะ 
จะเชียงคาน ไป ภูกระดึง จะภูกระดึง ไป เชียงคาน
เราว่าก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกันไป เพราะสุดท้าย ปลายทางไม่สำคัญเท่า ระหว่างทางเราจะเจออะไร (:


--------------------------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pantip
Cr. miasmapn