รีวิว 333 Cottage - พักกาย พักใจ ใกล้น้ำปิง อิงธรรมชาติ บ้านพักส่วนตัวใกล้เมือง

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  รู้สึกอยากเปลี่ยนบรรยากาศ และชาร์ตแบตให้ตัวเอง  หาที่สงบๆ พักผ่อนแบบเงียบๆ 
แต่เนื่องจากไม่สามารถทิ้งงานและไปไกลได้  ที่สำคัญ เป็นช่วงกลางสัปดาห์ที่ลูกๆ ยังไปโรงเรียนตามปกติ     

ได้รับคำแนะนำจากน้องที่รู้จักกัน  ว่ารู้จักบ้านพักส่วนตัวแบบให้เช่ารายวัน อยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่  แต่สงบเงียบมาก บรรยากาศดี และติดน้ำปิง
ชื่อว่า  "333 Cottage"    .. ผมเลยเข้าไปดูในแฟนเพจ และติดต่อกับทางเจ้าของโดยตรงเพื่อจองเข้าพัก 1 คืน

ซึ่งถือว่าไม่ผิดหวัง  กับโจทย์ที่ผมตั้งไว้   .. เพราะตั้งใจพักผ่อนจริงๆ  ไม่เน้นการบริการ  และ บรรยากาศส่วนตัว  
เพราะที่นี่ เป็นบ้านพักเรือนไม้ 1 หลัง  ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกับบ้านเจ้าของ  แต่แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน    .. ลองไปชมบรรยากาศกันครับ

ผมว่ายิ่งใกล้ช่วงเทศกาล หรือไฮซีซั่นแบบนี้  ..  บ้านพักรายวัน ก็นับเป็นทางเลือกที่ดี และคุ้มค่าเลยทีเดียว 
เพราะบางครั้ง เราแค่อาศัยพักผ่อนหรือนอนหลับเท่านั้น    

โดยเฉพาะที่ 333 cottage นี้ ผมว่าเหมาะกับการมาพักผ่อนกับครอบครัว หรือเพื่อนฝูงกลุ่มเล็กๆ สัก 4-6 คน 
สามารถทำกับข้าวได้  มีห้องครัว อุปกรณ์ต่างๆ ให้ครบ   ทั้งไมโครเวฟ เตาแก๊ส หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน  เตาปิ้ง  เครื่องปิ้งขนมปัง เป็นต้น

หมายเหตุว่า  ต้องเป็นคนที่ชอบแนวธรรมชาตินะครับ .. เพราะสถานที่ไม่ได้หรูหรา  เป็นบ้านไม้ที่ดัดแปลงมาจากยุ้งข้าวเก่า
ซึ่งอยู่แบบแนวชนบทจริงๆ  




เห็นสงบเงียบแบบนี้  บรรยกาศชนบทแบบนี้  แต่อยู่ใกล้ตัวเมืองและเดินทางง่ายมาก  ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีจากตัวเมือง
หรือเพียง 5 นาทีจากศาลากลางจังหวัด(ศาลากลางใหม่)   

ตัวที่พักก็อยู่ใกล้กับชุมชน  ร้านค้าในหมู่บ้าน และตลาด   เพราะที่นี่ไม่มีอาหารบริการ  ฉะนั้นการดูแลตัวเองเรื่องการกิน ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
จะซื้อวัตถุดิบ หรืออาหารปรุงสำเร็จ  ก็ไปตลาดที่มีทั้งเช้าและเย็น (ขี่จักรยานไปได้)  หรือซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็ได้  (แต่เน้นว่าควรมีรถ)

กฎของการเช็คอินที่นี่ ก็ตามหลักสากลทั่วไป คือประมาณบ่าย 2 โมง   ซึ่งหากไม่มีลูกค้าพักก่อนหน้า ทางเจ้าของก็ไม่ได้ซีเรียสมากนัก




เมื่อมาถึงที่พัก  ก็จัดแจงกระเป๋าไปเก็บ สำรวจตัวบ้านและพื้นที่โดยรอบ  

บริเวณชั้นล่างซึ่งเป็นใต้ถุนบ้าน  เป็นทั้งห้องรับแขก  ทั้งห้องอาหาร และห้องครัว  จัดได้อย่างเป็นสัดส่วนลงตัว 
มีตู้หนังสือ ที่มีแมกกาซีนทั้งเก่าทั้งใหม่ให้อ่านเล่นมากมาย 

ส่วนชั้นบน  เมื่อเดินขึ้นบันไดไป ก็เป็นระเบียงไม้  มีที่นั่งโดยรอบ     
ถัดไปเป็นห้องรับแขก  และห้องนอน 3 ห้อง     ซึ่งห้องที่ 1 และ 2  เป็นเตียงใหญ่มีมุ้งคลุม  และสองห้องนี้สามารถเปิดทะลุถึงกันได้ด้วย
ห้องสุดท้ายมีเตียง 2 ชั้น    .. ขนาดของห้องแต่ละห้องไม่ใหญ่มากนัก  แต่มีมุมที่เป็นโต๊ะเขียนหนังสือหรือโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ 
มีราวสำหรับแขวนผ้า   และไม่มีแอร์  








ที่ขาดไม่ได้คือ  "ห้องน้ำ"  ที่หลายคนอาจจะกังวลว่าจะสะอาด จะดี หรือจะสะดวกเพียงไร

ส่วนตัวผมชอบห้องน้ำที่นี่มากครับ  ให้บรรยากาศแบบห้องน้ำบ้านชนบท  พื้นเป็นพื้นไม้ระดับเดียวกับพื้นของตัวบ้านเลย
แต่ทำได้ดีมาก  แบ่งส่วนเปียก ส่วนแห้งชัดเจน  มีเครื่องทำน้ำอุ่น  มีสบู่ แชมพู ไว้ให้ด้วย
มาชมบรรยากาศและพื้นที่โดยรอบกันบ้างครับ  

อย่างที่บอกตั้งแต่ต้น .. สถานที่แห่งนี้คือบ้านของเจ้าของที่จัดสรรพื้นที่ของบ้านพักคอยให้บริการ  
ฉะนั้นพื้นที่โดยรอบ  จึงมีการทำสวน ปลูกผัก  ปลูกต้นไม้  ดอกไม้หลากหลายชนิด  และมีการเลี้ยงสัตว์ทั้งเป็ด ไก่  ห่าน
เรียกว่า เราเองได้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่นี่  .. ไม่มีการจัดฉาก  เพราะเขาทำการเกษตรแบบชาวบ้านจริงๆ





ยิ่งช่วงนี้ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว  ทางเจ้าของบ้านก็ได้เตรียมแปลงสตรอเบอรี่ ไว้ให้ลูกค้าได้ชม ได้เก็บ และได้ชิมกัน
(เสียดาย ช่วงนี้สตรอเบอรี่ยังไม่ออก  .. ได้เห็นแต่ใบ ..อดเลยคร้าบบบบ)


มาชมบรรยากาศบริเวณหน้าบ้าน  ที่เป็นฝั่งติดแม่น้ำปิงกันบ้าง 






ช่วงเย็นๆ นั่งเล่นเพลินๆ   โดยเฉพาะบริเวณริมน้ำปิง  ดูพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า 
มีเสียงตามสาย ประชาสัมพันธ์ข่าวสารและกิจกรรมของหมู่บ้าน  

*** แต่ต้องระวังมากๆ  และเป็นจุดด้อยที่สุดของที่นี่  คือ  ยุง และแมลงต่างๆ ***
โดยเฉพาะช่วงประมาณ 5 โมงเย็น ถึงค่ำๆ 1-2 ทุ่ม   .. ต้องฉีดยากันยุงป้องกันไว้เลยครับ  
เพราะพื้นที่ที่รายรอบด้วยต้นไม้แบบนี้ ติดน้ำแบบนี้   "ยุงดุมาก"   (ผมโดนไปหลายตัว ..บวมหลายตุ่มเลยครับ ไม่ทันระวัง )

ส่วนแมลงอื่นๆ ก็เป็นปกติครับ ไม่เดือดร้อนมาก  เพราะอยู่แบบธรรมชาติอย่างนี้  ถือว่าเป็นธรรมดา




ตอนเย็น ..แว้บออกไปรับลูกชายที่โรงเรียน     พามานอนเปลี่ยนบรรยากาศด้วย 1 คืน
เด็กๆ สนุกและตื่นเต้นมากครับ   นัดกันว่าถ้ามีเวลาในวันหยุด  จะพามานอนอีก  จะได้มีเวลาทำกิจกรรมต่างๆ  อย่างเช่น ทำสวน ตกปลา
ขี่จักรยาน  

>> ในรูป ลูกสาวเจ้าของบ้าน(ตัวเล็ก)  มาต้อนรับ มาเล่นกับพี่ๆ   ... ทำให้รู้สึกเหมือนมานอนมาเที่ยวบ้านเพื่อน  
คุณเอื้อง เจ้าของบ้านก็มาดูแลต้อนรับอย่างเป็นกันเองมากๆ
มื้อเย็น เราขับรถออกไปทานข้าวที่ร้านอาหารข้างนอก ซึ่งไม่ไกลจากที่พัก

พอตอนค่ำ  ก็ถึงเวลาพักผ่อน  อากาศเริ่มเย็นลง  บรรยากาศสบายและเงียบมาก  
ได้ยินเสียงจักจั่น  จิ้งหรีด กบ เขียด และแมลงต่างๆ 
เหมือนเป็นช่วง "ไฮไลท์" (สำหรับตัวผมนะ)  ที่ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์  นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียง
ลืมโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตไปชั่วระยะหนึ่ง (แต่ที่นี่มี wifi นะ)

ส่วนลูกๆ ก็อาบน้ำ  และเอาเกมส์มานั่งเล่นกัน  ก่อนที่จะเข้านอน  




ตอนกลางคืน หลับสบายจริงๆ  .. ได้พักผ่อนสมใจอยาก  หลับสนิทมากๆ (ยกเว้นตอนตุ๊กแกร้อง 55555)

ตื่นตอนเช้าประมาณ 6 โมง  อากาศเย็นสบาย(แอบหนาวนิดๆ)  นี่ถ้าเข้าช่วงหน้าหนาวจริงๆ  รับรองสั่น 
และบรรยากาศต้องดีกว่านี้มากแน่ๆ   .. ขนาดครั้งนี้ยังรู้สึกคุ้มค่ามากกับการตื่นเช้า 

ช่วงเช้าก็ทำอาหารแบบง่ายๆ (ซื้อมาจาก 7-11 ตั้งแต่ตอนเย็น) .. ชงโอวัลตินสำหรับลูกๆ  
ซึ่งเซ็ตชา กาแฟ โอวัลติน  ทางบ้านพักมีไว้บริการ 







หลังจากส่งลูกๆ ไปโรงเรียน  .. ผมก็ได้กลับมาใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่อีกหลายชั่วโมง  แบบ "ลืมโลกภายนอก" จริงๆ 
นั่งเล่น นอนเล่น  จนแทบไม่อยากกลับไปทำงาน  (เริ่มขี้เกียจ)   อารมณ์ชีวิต Slow Life กันเลยทีเดียว


แค่ช่วงระยะเวลาประมาณ 1 วัน กับอีก 1 คืน  ก็สามารถทำให้เรามีความสุขขึ้นมาได้ไม่น้อย  สำหรับการมาพักผ่อนในครั้งนี้ 

แนะนำเลยครับ สำหรับคนที่ชอบแนวธรรมชาติแบบนี้  .. ผมว่าไม่ผิดหวัง
ยิ่งช่วงนี้ ทาง 333 Cottage ถือว่าเปิดใหม่เป็นปีแรก  เขาจึงคิดราคาพิเศษ ยิ่งถ้ามาหลายคนยิ่งคุ้ม 

ขอบคุณสำหรับการติดตามรีวิวครับ .. เชื่อว่าน่าจะเป็นข้อมูล สำหรับคนที่กำลังจะมาเที่ยวเชียงใหม่ แล้วหาที่พักแนวๆ นี้
หรือแม้กระทั่งคนเชียงใหม่อย่างผม  ที่อาจจะต้องการสถานที่สงบๆ เปลี่ยนบรรยากาศในการพักผ่อน  แบบมีเวลาน้อย 








ขอขอบคุณข้อมูลจาก Pantip