รีวิว นั่งรถไฟสายน้ำตก(ไทรโยคน้อย-ใหญ่)นอนแพปฐมพร 1 คืน งบเพียง 1400

การเดินทางในครั้งนี้เกิดจากเรา 4 คน ชายสองหญิงสอง ก็คือแฟนกันสองคู่นั่นแหละ ชอบเที่ยวในแบบฉบับนั่งรถ ลงเรือ ไม่มีรถส่วนตัว ไปทะเลกันบ่อย จนเบื่อเลยมาลงเอยที่กาญจนบุรี แน่นอนว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับธรรมชาติและทางรถไฟสายมรณะ  ถึงจะถึงกาญจนบุรี 

    เราเลือกที่จะพักแพปฐมพร ซึ่งเป็นแพพักลอยน้ำบนแม่น้ำแควน้อย ตั้งอยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติไทรโยค เป็นแบบเตียงคู่ห้องน้ำในตัว และเลือกที่จะเดินทางด้วยรถไฟ 
รายละเอียดของทริปจึงมีดังนี้

*ค่าใช้จ่าย*
-ที่พักแพปฐมพร นอนพัดลมเตียงคู่(ห้องละ 1000) คนละ 500 บาท
-รถไฟนำเที่ยว 120 บาท (ต้องสำรองที่นั่งด้วยครับ ขบวนพิเศษนำเที่ยวที่ 909 จองได้ทุกสถานีทั่วประเทศ แต่สถานีที่สามารถขึ้นได้เช่น หัวลำโพง สามเสน บางซื่อ บางบำหรุ ศาลายา นครปฐม ฯลฯ)
-ค่าอาหารกลางวัน 200 บาท
-รถเมล์สายสังขละบุรี 40 บาท จากน้ำตกไทรโยคน้อยไปอุทยานไทรโยค
-สามล้อเข้าอุทยาน 30 บาท
-ค่าผ่านอุทยาน 100 บาท
-ค่าอาหารเย็น 200 บาท
-สามล้อออกจากที่พัก 30 บาท
-รถเมล์เข้ากาญจน์ 60 บาท
-รถตู้เข้ากทม. 120 บาท
*รวม 1400 บาท*

ตารางเวลาที่ออกแบบไว้
06.30 รถไฟขบวนพิเศษนำเที่ยวที่ 909 ออกจากสถานีกรุงเทพ(หัวลำโพง)
07.40 รถไฟถึงสถานีนครปฐม ให้ผู้โดยสารนมัสการพระปฐมเจดีย์ และรับประทานอาหารเช้า
08.20 รถไฟออกจากนครปฐม มุ่งหน้าจ.กาญจนบุรี
09.45 รถไฟถึงสะพานแควใหญ่ นักท่องถ่ายรูป เลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
10.20 รถไฟออกจากสะพานแควใหญ่
~11.15 รถไฟเคลื่อนผ่านสะพานไม้ถ้ำกระแซ อย่างช้าๆ เลาะไปตามหน้าผาริมแม่น้ำแควน้อย นี่คือจุดถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาด
~11.45 รถไฟผ่านสถานีน้ำตก ถึงปลายทางที่หยุดรถน้ำตกไทรโยคน้อย ชมน้ำตก รับประทานอาหารเที่ยงตามอัธยาศัย
~12.30 รอขึ้นรถเมล์สายกาญจนบุรี-สังขละบุรี เพื่อไปลงทางเข้าอุทยานฯไทรโยค
~13.50 ถึงทางเข้าอุทยาน เรียกรถรับจ้างเข้าอุทยานฯ
~14.00 ถึงที่พักแพปฐมพร ตามอัธยาศัย กิจกรรมเช่น เล่นน้ำ ล่องแพ
เช้าตรู่ 
~0730 รับประทานอาหารเช้า ถ่ายรูปบริเวณอุทยานตามอัธยาศัย
~1030 เชคเอ้าท์ เรียกรถสามล้อ ต่อรถเมล์สายเดิม เข้าตัวเมือง ต่อรถตู้เข้ากทม.


จขกท.ขอเริ่มต้นการเดินทางที่สถานีรถไฟกรุงเทพ หรือที่เราเรียกกันว่าหัวลำโพง โดยจขกท.เดินทางมาถึงประมาณ 05.30 ขบวนรถไฟทางไกลกำลังเข้าและออกสู่สถานี ถึงแม้จะเป็นช่วงเช้ามาก แต่ก็มีผู้โดยสารมากมายทั้งชาวไทยและเทศ



พาหนะในการเดินทางในครั้งนี้ของจขกท. โดยจขกท.ได้จองตั๋วล่วงหน้ามาก่อนสองสัปดาห์ไว้แล้วครับ แนะนำให้จองนะครับ เพราะมีนักท่องเที่ยวใช้บริการขบวนนี้มาก เพราะเป็นรถนำเที่ยวเดินรถแค่เสาร์-อาทิตย์ ส่วนถ้าจะไปรถไฟในวันธรรมดาให้ใช้บริการที่สถานีธนบุรี จะมีรถไฟไปน้ำตกทุกวันครับ(รถไฟฟรี)

รถดีเซลรางรุ่น Tokyu THN หมายเลข 1118
คันนำของขบวนรถพิเศษนำเที่ยวที่ 909 กรุงเทพ-น้ำตกไทรโยคน้อย ออกเดินทางเวลา 06.30
โดยในตั๋วจะระบุประเภทรถว่า กซข.74 หมายความว่า รถกำลังดีเซลรางชนิดมีห้องขับนั่งชั้นสาม 74 ที่นั่ง
ปล.รถดีเซลรางคือรถไฟที่มีเครื่องยนต์ในทุกคัน(รถไฟปกติใช้กำลังขับจากหัวรถจักรในการฉุดลาก) มีข้อดีคือออกตัวเร็วหยุดเร็ว ดีเซลรางของไทยที่มีช่อเสียงมากที่สุดคือ Sprinter สามารถทำความเร็วได้กว่า 140 กม./ชม. แต่ถูกจำกัดเหลือ 120 กม./ชม.


ขบวนรถนำเที่ยวกำลังข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพระรามหก


ขบวนรถไฟมาจอดที่สถานีนครชัยศรี จ.นครปฐม(ปกติไม่จอด) เพื่อรับคณะนักเรียนประถมไม่ทราบว่าโรงเรียนไหน เหมาคันที่ 2-3-4 ไปครับ คึกคักเลยทีเดียว


07.40 ขบวนรถไฟมาถึงสถานีนครปฐม เพื่อให้นักท่องเที่ยวรับประทานอาหาร ชมเมืองนครปฐม และสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีมากนัก มีเวลาประมาณ 45 นาที เมื่อใกล้เวลาจะมีเสียงหวูดจากขบวนรถคอยเตือน


09.45 ขบวนรถพิเศษนำเที่ยว ก็ได้พานักท่องเที่ยวถึงที่หยุดรถสะพานแควใหญ่ นักท่องเที่ยวมีเวลาถ่ายรูป เดินบนสะพานข้ามแม่น้ำแคว และช้อบปิ้งสินค้าพื้นเมือง เช่น อัญมณี ประมาณ 25 นาที


บรรยากาศบนรถตลอดการเดินทาง จะมีเจ้าหน้าที่จากรฟท.คอยบรรยายตลอดการเดินทางครับ


เวลาประมาณ 11.15 ขบวนรถเคลื่อนผ่านสะพานไม้ถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นจุดที่ไม่ควรพลาดในการถ่าย (จขกท.ขออนุญาตพขร.ในการไปถ่ายที่ห้องขับครับ^^) โดยด้านนึงเป็นผาหินสูงชัน อีกด้านเป็นเหวลึกลงไปในแม่น้ำแควน้อย ติ่นเต้นกันเป็นอย่างมากครับ เพราะสามารถนำมือไปแตะหน้าผาได้



เมื่อคณะจขกท. เสร็จจากการทานข้าว ก็มาตามแผนเราต่อคือ นั่งรถเมล์(หวานเย็นนิดๆ^^แต่ไม่ถึงกับลำบากมาก) สายกาญจนบุรี-สังขละบุรี ซึ่งมีทุกๆชั่วโมงต่อหนึ่งคัน ถ้าใครดวงดีจะเจอรถแอร์แต่ถ้าดวงปกติจะนั่งรถแอร์ธรรมชาติ ซึ่งเจ้าของกระทู้ดวงดีจริงๆ รถแอร์ครับ เสียค่าเดินทางไป 40 บาท เดินทางประมาณ 1 ชม. 14.00 เราก็ถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาตไทรโยค 

   แน่นอนว่าเจ้าของกระทู้เห็นป้ายที่ปากทางว่า ที่ทำการอุทยาน 3 กม. แน่นอนว่าเราคงไม่เดิน 555 หันหลังกลับมาพบกับรถตุ๊กๆรับจ้างดีใจจริงๆ สนนราคาเหมาเข้าอุทยานคนละ 30 บาท เมื่อถึงประตูอุทยาน ต้องเสียค่าผ่านประตูคนละ 100 บาท สักพักรถตุ๊กๆก็พาเข้ามาในอุทยาน ผ่านร่องรอยทางรถไฟสายมรณะ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ที่ทำการอุทยาน และมาส่งเราที่หน้าแพปฐมพรเลยครับ

แพปฐมพร เป็นแพเอกชนซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ลอยอยู่บนแม่น้ำแควน้อย โดยแพมีห้องพัก 20 ห้อง ห้องเป็นแบบเตียงคู่ พัดลม มีปลั๊กไฟ แต่ไม่มีทีวีตู้เย็น(มาพักผ่อนจริงๆครับ) มีน้ำและแก้ว สบู่ ผ้าเช็ดตัวพร้อม มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง หน้าห้องทุกห้องมีเปลนอนชิวๆ เตียงไม้ชิว และสามารถกระโดดลงเล่นน้ำได้(น้ำเย็นชื่นใจมาก) โดยใช้เสื้อชูชีพฟรี  ทางแพได้คิดค่าบริการสำหรับหนึ่งคืนพร้อมอาหารเช้า 1000 บาท/ห้อง  สามารถติดต่อได้ทางเฟสบุค"แพปฐมพร" และโทร 083-8798997 เจ้าของเป็นกันเองมากครับ

เมื่อเราเก็บสัมภาระในห้อง ดูจากอากาศภายนอกแล้ว แดดส่องจ้ามาก เราจึงนอนพักในห้องก่อน และคลายเหนื่อยจากการเดินทางมา และเย็นๆค่อยมากระโดดน้ำกัน เราสามารถกระโดดลงแม่น้ำพร้อมชูชีพจากหน้าแพ ลอยไปตามกระแสน้ำผ่านน้ำตกไทรโยคใหญ่ ลอดใต้สะพาน ผ่านแพอื่นๆได้ แล้วค่อยเดินกลับมาได้ครับ น้ำเย็นฟินๆ

นี่คือแพของเรายามค่ำคืนครับ

ตื่นเช้าขึ้นมา แพอาจจะเปียกบ้างเพราะฝนตกทั้งคืนเลย ทำให้อากาศเย็นสบายมาก ถึงแม้จะเป็นห้องพัดลมก็ตาม


แพรับประทานอาหารครับ โดยเราจะมารับประทานอาหารเช้าที่นี่


   อาหารเช้าจากทางแพครับ(รวมค่าห้อง) เครื่องดื่ม กาแฟ โอวันตินเติมไม่อั้น

บรรยากาศบริเวณอุทยานแ่งชาติไทรโยคน้อย ที่นี่เคยเป็นแค้มป์ของทหารญี่ปุ่นและเชลยศึก ในการสร้างทางรถไฟสายมรณะจากชุมทางหนองปลาดุก(อ.บ้านโป่ง ราชบุรี) ผ่านกาญจนบุรี เข้าไปยังพม่า และยังมีร่องรอยทางประวัติศาสตร์เช่น ทางรถไฟเก่า เตาหุงข้าวทหารญี่ปุ่น หลงเหลืออยู่



นี่คือสะพานแขวนไทรโยค ทอดข้ามลำน้ำแควน้อย โดยเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก


มองไปทางด้านซ้าย แม่น้ำแควน้อยจะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำแควใหญ่ที่ตัวเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำแม่กลองนั่นเอง
ส่วนที่เห็นด้านล่างก็จะเป็นแพเจ้าอื่นๆ เช่น แพร่มสัก กริตราฟต์เฮาส์ ซึ่งราคาไม่ต่างกันมากครับ


มองไปทางด้านขวา ที่เห็นนั่นคือน้ำตกไทรโยคใหญ่ครับ กลุ่มแพไกลๆนั่นก็เป็นแพปฐมพร และแพอื่นๆครับ

หลังจากนี้ เราก็ทำการเชคเอ้าท์ออกจากที่พักครับ และโทรเรียกรถตุ๊กๆคันเมื่อวานให้มารับเพื่อส่งเราไปยังปากทางอุทยาน เสียคนละ 30 บาทเช่นเดิม
     จากนั้นเราก็รอรถเมล์สายกาญจนบุรี-สังขละบุรี(สายเดิมนั่นแหละ)เที่ยวกลับ เพื่อเข้าไปยังสถานีขนส่งกาญจนบุรี ในตัวเมืองกาญจน์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. 60 บาท เพื่อที่จะต่อรถตู้กลับเข้ากทม. ใช้เวลาเดินทางอีก 2 ชม. 120 บาท เป็นอันจบทริปไทรโยคของผม

ขอบคุณขอมูลจาก Pantip

Cr. สมาชิกหมายเลข 2581781