รีวิว backpack คนเดียวที่เชี่ยวหลาน


สวัสดีครับ วันนี้มารีวิวการเดินทางไปเที่ยวครั้งแรก
ถ้าผิดพลาดอะไร ก็ขออภัย ณ ที่นี้น่ะครับ
การเดินทางครั้งนี้ เป็นการเดินทางคนเดียว รวบรวมความกล้าอยู่นานว่าจะไปดีไหม ถ้าไม่ไปช่วงนี้ก็ไม่รู้ได้ไปไหม
เพราะงานแน่นมากๆ ตารางเวรนี่แทบจะไม่มีพักผ่อน
ตัดสินใจลาพักร้อน 3 วัน (5-7 มิถุนายน 2559) จัดการจองตั๋วรถไฟ และตั๋วเรื่องบินเสร็จสรรพ

เป็นการเดินทางที่สำคัญ พักกาย พักใจกับเรื่องราวมากมายที่เข้ามาในชีวิต
หลังจากที่ตัดสินใจลาพักร้อน 3 วัน ก็ทำการจองตัวรถไฟและตั๋วเครืองบิน
เริ่มเดินทางวันที่ 4 /6/59 หลังจากลงเวรดึก ก็แต่งตัว จัดของใส่กระเป๋า
ป่ะๆ กัน

กระเป๋า 1 ใบ รองเท้าผ้าใบกับใจกล้าๆ
ที่ขาดไม่ได้คือ กล้องไว้เก็บภาพประทับ
กล้องที่ใช้ในการเก็บภาพความประทับใจครั้งนี้ หลักๆคือกล้อง GoPro HERO4
และกล้องรองคือ SONY alpha 6000 (แต่เน่ื่องจากเลนส์ kit เสียต้องส่งซ่อม ภาพทั้งงหมดทั้งมวลเลยตกเป็นหน้าที่ของ GoPro
เดินทางจากสระบุรีด้วยรถเก๋งส่วนตัวไปจอดไว้ที่บ้าน จากนั้นนั่งรถตู้ไปอนุสาวรีย์ต่อด้วย BTS ไปลงสีลม ต่อด้วย MRT ไปหัวลำโพง
ณ วินาทีนั้นกลัวตกรถไฟเลยต้องใช้วิธีนี้ในการเดินทาง

และแล้วเราก็มาถึง สถานีรถไฟหัวลำโพง

ป่ะ ขึ้นรถไฟกัน ได้ขบวนสายกรุงเทพ-ตรัง เวลาออก 17.05 น.
ผมจองชั้น 2 รถนอนปรับอากาศเตียงล่าง

ออกเดินทางกันครับ รถออกมาก็เย็น หกโมงเย็นๆกว่า ก็หาไรทานกัน
บนรถมีเมนูให้เลือกเยอะมากๆ เอาที่สบายใจ
สำหรับเมนูเย็นนี้คือ แกงเป็ดย่างกับจต้มยำทะเล เสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และน้ำส้ม
เราสามารถให้พนักงานมาเสริฟที่เรานั่งได้ หรือเดินไปกินที่ขบวนเสบียง ผมเลือกเดินไปที่ขบวนเสบียง
เพราะมีโต๊ะอาหารที่ใหญ่ บรรยากาศโอเคเลยที่เดียว
ส่วนรดชาดก็พอกินได้ รสชาดไม่ขี้เร่เลยทีเดียว


ประมาณสองทุ่ม ฝนก็ตก เห้อออ เหงาไปอีก 
สองทุ่มกว่าๆ ก็มีเจ้าหน้าที่มาปูที่นอนให้ ได้เวลานอนแล้วซิน่ะ
จะบอกว่าเตียง หมอน นุ่มมากกกกกกก
ที่นอนดูวิญญาญ ฮ่าๆๆๆ และที่สำคัญสะอาดสอานมากๆครับ

นอนพักผ่อนๆๆ แอร์เย็นมากๆๆๆๆ
และแล้วเวลาประมาณ 05.00 น. เราก็มาถึงสถานีรถไฟสุราษฏร์ธานี อ.พุนพิน
งัวเงียตื่น มีเจ้าหน้าที่มาปลุกถึงที่นอน

ไปไหนต่อกันดี ยังไม่ตื่นดี

โชคดีจังมีรถเหมาไปกับกรุ๊ปไปที่ตลาดเกษตร เป็นที่จอดรถของรถตู้ สุราษ-ตาขุน-เขื่อน
ที่จริงเป็นการไปครั้งแรก เราไม่ค่อยรู้อะไร สามารถโทรจองแล้วให้มารับได้ครับ
ราคาตั๋ว 150 บาท แต่ถ้าไปรับน่าจะ 200 บาทครับ

ไปเขื่อนกัน
เวลาประมาณ 10.00 น. มาถึงซะทีที่เขื่อน นั่งรถประมาณ 1.30 ชม
สิ่งที่เห็นครั้งแรกคือภูเขาและสายน้ำสีเขียวมรกต
อยากจะร้องดังว่ามาถึงแล้ววววว
ความฟินของสีน้ำและทัศนยภาพมันช่าง...

พอมาถึงท่าเรือ เราก็โทรติดต่อเจ้าของเรือ แล้วก็ขึ้นนเรือ
ออกเดินทางสู่เวิ้งน้ำสีเขียวมรกต
นี่ไงคนขับเรือ

นั่งเรือประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็มาถึงที่ แพนางไพร
ซึ่งเป็นที่พักของเราเอง ที่นี้ไม่แพงครับ คืนละ 400 บาท แต่ถ้ามาเหมาเพจเกจคนละ 800 บาท/วัน รวมอาหาร
บรรยากาศหรอ สวยมากครับ สงบมากๆ เหมาะแก่การพักผ่อน

ที่นี่เรียกอีกชื่อว่าวังปลา น่าจะเป็นปลากระแหครับ มีแต่ตัวอ้วนๆ น่ากิน 555+
สีหางแดงๆ กับน้ำสีเขียวมันตัดกันดูสวยแปลกตา กระโดดน้ำลงไปว่ายด้วยได้ไหม 555+

มาถึงก็หิวทันที สั่งผัดพริกแกงไก่ ไข่ดาว
เมนูที่นี้เน้นไก่กับปลาและผักครับ สาระพัดปลา 555+
ในวินาทีนั้น หิวมากๆๆ กินซิครับ อืมมมม คำแรกน้ำตาไหล
เผ็ดจนปากห้อยเลยครับ ฮ่าๆๆ แต่อร่อยน่ะ เพราะหิวหรือเปล่าก็ไม่รู้ 55+
หลังจากกินเสร็จก็หลับครับ หนังท้องตึงหนังตาย่อน ลมพัดโชยเย็นๆ
หลับซิครับ งานนี้
ก่อนหลับอีกสักภาพ

ตื่นมาก็ห้าโมงเย็นล่ะ

เริ่มบ่ายแก่ๆ ก็สดุ้งตื่นมาถ่ายรูปเล่น มุมนั้นก็สวย มุมนี้ก็สวย
เปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมลงพายเรือ เรือฟรีน่ะครับ แต่ต้องไปเอาไม้พายก่อนน่ะ
มัดจำ 500 บาท (แอบแพง) เอามาละ ก็พายซิครับ
ชูชีพพร้อม Let go



สักพักฝนตกครับ งานนี้ โอ้วว ฟินไปอีก เหงาไปอีก

ฝนหยุดตก ก็ท้องฟ้าเปิด เมฆก็ลอยต่ำลง

อมยิ้ม16เมื่ออาทิตย์ตกดิน ทุกอย่างก็มืดไปหมด ถ้าไม่มีไฟฟ้าปั่น ก็คงมองไม่เห็นอะไร
ยกเว้นแค่ท้องฟ้าและดวงดาว
คืนนี้ดาวสวยดีครับ นานๆจะได้มีโอกาสได้อยู่กับตัวเอง
รู้สึกดี และสบายใจที่สุด
คงลาไปด้วยภาพนี้ในวันแรกที่เขื่อนเชี่ยวหลาน
เมื่อคืนหลับสบาย อากาศไม่ร้อนมาก นอนฟังเสียงน้ำแล้วก็หลับไป ตื่นมาอีกที
ตอนนาฬิกาปลุก 05.30 น. อยยากเห็นทะเลหมอกในยามเช้า
เปิดหน้าต่างห้องมา โอ้วววว!! "ผมหลงรักที่นี้แล้วซิ"



นั่งดื่มกาแฟอุ่นๆ เท้าจุ่มน้ำ อืมมมม!! ความสุขที่ไม่ต้องใช้เงิน 

หลังได้นั้นสายๆหน่อย ก็หาไรทานครับ 
มื้อเช้าวันนี้ เป็นข้าวต้มปลา..... กินจนจะหมด พพี่พนักงานมาทัก อร่อยไหมครับ
ก็เลยบอกไปว่า "อร่อยครับ ว่าแต่ปลาอะไรครับ" 
"ปลาชะโดครับ" อืมมมมม ... ปลาชะโด แต่ก็อร่อยครับ ไม่คาวเลย 
เลือกที่นั่งริมระเบียงสุด มองภูเขาและสายหมอก

วันนี้มีทริปไปถ้ำปะการังครับ 
ถ้ำปะการังอยู่ทะเลสาบน้อย 500 ไร่ ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่าครับ
เราเริ่มออกเดินทางตอน 09.00 น. ไปพร้อมกับชาวอังกฤษอีก 5 คนครับ
เขาดูเฟรนลี่ และเป็นมิตรมากครับ เราสนทนากันด้วยภาษาอังกฤษแบบงูๆปลาๆ
แต่สุดท้ายก็เหมือนเป็นไกด์ไปในตัวเนื่องจากคนขับเรือพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ 555+
เรานั่งเรือจากแพนางไพรมาประมาณ 45 นาที ก็มาถึงที่จอดเรือแล้วเดินต่อไปอีก 1.5 กม.


ถึงละครับท่าเรือไปทะเลสาบน้อย 500 ไร่ ลงเรือแล้วเดินต่อกันเลยครับ
ที่ท่าเรือมีร้านค้าขายของกินและเครื่องดืม เลือกซื้อได้ตามกำลังทรัพย์ 
อย่าลืมรักษาความสะอาดกันด้วยน่ะครับ
เดินมาประมาณ 30 นาที เราก็มาถึงท่าเรือในทะเลสาบน้อย 500 ไร่ 
ทันที่ที่เห็นภาพ อืมมมม มันสวยมากๆครับ ท้องฟ้า ภูเขา สายน้ำ และแสงแดง มันเป็นอะไรที่ลงตัวมากครับ
เหมือนในหนัง AVATAR เลย

เราต้องนั่งแพเรือยนต์ต่อไปถ้ำปะการังประมาณ 900 เมตร เวลาแค่ไม่กี่นาที เอนดอฟินมันหลั่งซะเยอะเลย 55++ สวย ฟิน โรแมนติก


ไปๆ ออกเดินทาง

เย้ๆ ถึงแล้ว ถ้ำปะการัง

จากนั้นก็เดินขึ้นไปดูถ้ำ ต้องใช้ไฟฉายส่องกบครับ 555+
ส่วนไกด์นำเที่ยวก็เอาไฟนีออนมาส่องครับ
ข้างในสวยมากๆครับ Amazing Thailand


เดินชมถ้ำกันได้สักพักใหญ่ มีหินรูปร่างๆต่างๆ ทั้งหินงอก หินย้อย 
บ้างอันเป็นผ้าม่านลงมาจากผนังถ้ำ สวยงามครับ 
จากนั้นก็ก็เดินทางกลับกัน

นี่คือกรุ๊ปทัวร์ของผมครับ สนุกสนาน แต่ตื่นเต้นในความงดงามของทะเลสาบ 500 ไร่
จากนั้นก็นั่งแพยนต์กลับครับ แล้วก็เดินทางไปยังท่าเรือในเขื่อนเพื่อกลับที่พัก 
ที่นี่สวย สงบมากๆ อยากอยู่นานๆ มีทั้งนกเหงือก และสัตว์ป่าหายากให้ดู พบเห็นบ่อยๆครับ
ทิ้งไปด้วยภาพสุดท้ายที่ถ่ายไว้ครับ



หลังจากจบทริปก็หลับเป็นตายครับ ฮ่าๆๆ ก็มาพักผ่อนเนอะ ก็นอนๆ
ประมาณ บ่าย 3 ฝนก็ตกอย่างแรง แพนอนสั่นคลอน น้ำกระเซ็นอย่างแรง
ปลาน้อยใหญ่กระโดดจากน้ำกันให้ควัก ตื่นซิครับ งานนี้
ตื่นมานั่งหน้าแพ ดูสายฝนโปรยปราย

ฝนตกได้สักพักใหญ่คับ กิจกรรมก็ไม่มีอะไร
นอกจากนั่งเล่นเกมส์ และก็นอน เตรียมตัวกลับในวันพรุ่งนี้
อยู่ที่เชี่ยวหลาน วันหนึ่งมี 3 ฤดูครับ เช้าอากาศเย็นสบาย สายๆหน่อยเริ่มร้อน
บ่ายๆหน่อย ฝนตกครับ หวัดกินเล็กน้อย น้ำมูกไหล
ดูแลตัวเองซิครับ มาคนเดียวนิ 555+

อรุณสวัสดิ์เช้าวันสุดท้าย ใจหายเหมือนกันครับ
อยู่มาสองคืน แต่รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก วันนี้ต้องเดินทางกลับแล้วซิน่ะ
ตื่นเช้ามาดูหมอกตามเคย นั่งริมน้ำ หนังสือเล่มโปรด กับผ้าห่มคลุม
รู้สึกอย่างไงหรอตอนนั้น เหงามั่ง




เช๊คเฮาท์ ก่อน 09.00 ครับที่นี่
ประมาณ 08.30 น. เรือก็มารับเรากลับแล้วครับ
เหมือนมาพากความสุขออกจากเราไปเลย
ก่อนกลับ จะไปดูเขาสามเกลอหรือกุ๊ยหลินเมืองไทยก่อนกลับครับ
ก็ไม่ได้ไกลอะไรมากมาย อยู่ห่างจากแพประมาณ 1 กม.ทางน้ำ 

ลาก่อนน่ะ แพนางไพร จะกลับมาอีก
มุ่งหน้าสู่ เขาสามเกลอ

ไม่ถึง 5 นาที เราก็มาถึงครับ
มุมมหาชนเลยครับ ไฮไลต์ของที่นี่ แต่สำหรับผมว่ามันเฉยๆน่ะ


ถ่ายรูปได้สักแปป ก็ให้คนขับเรือออกเดินทางต่อ
เลาะซอกเขาสามเกลอออกมา ใกล้ชิดไปอีก

บ๊าย บายอมยิ้ม08อมยิ้ม08อมยิ้ม08 เชี่ยวหลาน อย่างเป็นทางการ
นั่งเรือออกมา เหมือนน้ำตาจะซึม ดราม่า ไม่อยากกลับไปทำงานเลย
ถ้าไม่ไปทำงานจะเอาเงินที่ไหนเที่ยว เนอะๆๆ

ถึงท่าเรือ เขื่อน โอ้ยย อยากงอแง ไม่อยากจากไป

เดินทางไปสนามบินสุราษฯ เพื่อเดินทางกลับ กทม.


กลับนกแอร์ครับ 

กลับกรุงเทพฯ อย่างปลอดภัย มากับสายฝนที่ตกอย่างหนัก

การเดินทางครั้งนี้ ฝึกอะไรหลายๆอย่างครับ
ความอดทน การเอาชนะใจตัวเอง เอาชนะความกลัวและป๊อดต่างๆ
ค่าใช้จ่าย
ค่าเครื่อง 1100 บาท
ค่ารถไฟ 740 บาท
ค่าที่พัก 800 บาท
ค่าเรือ 2500 บาท
ค่าทริปเที่ยวถ้ำปะการัง 500 บาท
ค่าอาหาร 700 บาท ร่วมทุกมื้อ
ค่าขนมนั้นนี่ 200 บาท
ค่ารถตู้ไปเขื่อน 150 บาท
ค่ารถตู้ไปสนามบิน 200 บาท
รวมๆแล้ว ก็ 7 พันกว่าบาท
ถ้าไปหลายคน จะถูกครับ แชร์ค่าเรือกันได้
แต่ไปครั้งนี้ไม่ได้ซีเรียสเรือค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย
ใครจะไปสามารถวางแผนการใช้เงินได้ครับ

ที่มา Pantip