<< รีวิว >> เที่ยว “เกาะพยาม” สงบเงียบและงดงามเหมือนเกาะส่วนตัวในฝัน

สวัสดีชาว  Blueplanet  ทุกท่านค่ะ นี่เป็นรีวิวแรกของเรา หลังจากเป็นมนุษย์ซุ่มมานาน
คราวนี้ได้ฤกษ์ดีมณีเด้งมารีวิวเองบ้างละ  หากมีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ 
ใครจะไปเที่ยวด้วยกัน  สะพายเป้ตามมาเล้ยยยย  ^^



รูปอาจไม่สวยเพราะใช้กล้องมือถือธรรมดาถ่ายนะคะ OPPO บ้าง SONY บ้าง IPAD บ้าง 

ต้นกำเนิดของทริปนี้เริ่มมาจาก  วันที่  5 พฤษภาคม  เป็นวันเกิดเรา คุณแฟนเลยอยากจะพาเที่ยวทะเล
คุยไปคุยมา  ลงเอยกันที่ เกาะพยาม จังหวัดระนอง  ทริป 3 – 5 May 2015 
การเดินทางของเราในครั้งนี้  ไปกันด้วยรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ คันนี้เลยจ้า   
รถใหม่ สวย ขนมเยอะ (อันนี้สำคัญ 5555)  บริการน่าประทับใจ ใช้บริการครั้งแรกถือว่าผ่านค่ะ



โดยรถออกจากสายใต้ เวลา 20 : 30 น. ของวันที่ 2  ค่าโดยสาร คนละ 519฿ จองผ่านเน็ตไว้ มาถึงก็มารับตั๋วได้เลย




เวลาประมาณ ตี 5 ของวันที่ 3 เราก็เดินทางมาถึง บขส จังหวัดระนองแล้วค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง
*ทริคของการนั่งรถทางไกลให้ไม่เหนื่อย ให้นั่งรอบกลางคืนค่ะ อัดข้าวอัดขนมให้อิ่ม ขึ้นรถมาหลับโลด*
ตื่นมาอีกที  อุ๊ต๊ะ  ถึงแล้วหรอเนี่ย ไม่เห็นเหนื่อยเลย  ^^

หลังจากมาถึงแล้วก็รอรถสองแถวไปท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำกัน  
รถออกประมาณ 6 โมงค่ะ ค่าโดยสารคนละ 50฿  ไม่เกิน 20 นาทีก็ถึงค่ะ ระหว่างทางฝนตกนิดหน่อยพอชุ่มฉ่ำ
รถสองแถวจะจอดที่บ้านลุงเงาะ  ห่างจากท่าเรือนิดเดียว เดินไปแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้ว หัวโค้งเดียว
พอดีมีเรือสปีดโบ๊ทรอบ 7:00 น. เลยซื้อเลย ขี้เกียจรอ คนละ 350฿ (จองขากลับด้วยเลย รอบบ่าย 3:30 น.)
ที่ร้านมีรถพาไปส่งท่าเรือด้วย อุทานในใจ “ขุ่นพระ ใกล้ขนาดนี้เดินเถอะ” 



มาถึงท่าเรือแล้วววววววววว  เงียบเป็นป่าช้า  ตอนนั้นมีแค่เรา 2 คน กับนักท่องเที่ยวอีก 2 




รอเรือออกอีกตั้ง 30 นาทีนะ  หาอะไรกินกันก่อนดีกว่า  มีร้านนี้เปิดอยู่ เป็นร้านของThe Blue Sky Resort ค่ะ
ก็จะมีอาหารขาย  พวกชา กาแฟ โอวัลติน ติ่มซำ breakfast และก็พวกข้าวผัด อาหารตามสั่ง
มีห้องน้ำสะอาดมาก  ค่าบริการ 5฿  ตกแต่งสวยงามน่ารักมุ้งมิ้ง





กำลังเดินเข้าร้าน มีน้องหมาวิ่งมาต้อนรับแต่ไกล  ชื่อน้ำพุกับโอเลี้ยง  น่ารักมากๆ


สั่งขนมจีบมากินรองท้องก่อน รอนานมาก หิวมาก แทบจะกินหมาใต้โต๊ะแทน  50฿



ลำนี้เป็นเรือเมล์นะคะ  ราคา  150 – 200 ฿  ประมาณนี้เนี่ยแหละจำไม่ได้
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงถึงเกาะพยามค่ะ  ซึ่งแน่นอน  เราขอบาย ไม่สู้ค่ะ


เรือเราลำนี้ตะหาก  สปีดโบ๊ท  350฿  40  นาทีก็ถึง  ชิลๆค่ะ  รอบที่เราไปคนน้อยมาก ไม่ถึง 10 คน
ตอนแรกแอบกังวลนะ  ว่ามาช่วงวันหยุดยาว คนจะเยอะมั้ยนะ พอมาถึงยันเที่ยวเสร็จยัง งง อยู่  คนหายไปไหนกันหมด

7 โมงกว่าๆ เรือก็ออกค่ะ มุ่งหน้าสู่เกาะพยาม  ระหว่างทางเจอรุ้งกินน้ำด้วยค่ะ  สวยงามมมม


ตอนแรกมาครึ่งเดียว สักพักมาเต็ม ใครบอกชี้รุ้งละนิ้วจะกุด โมเม้นนั้นไม่สนละ ชี้รัวๆ ตื่นตาตื่นใจ


ประมาณ 40 นาที  เราก็เดินทางมาถึงท่าเรือเกาะพยามแล้วค่ะ เย้!!!



ยินดีต้อนรับเข้าสู่เกาะพยามมมมมมม เห็นป้ายนี้ก็ใช่เลยไม่ผิดเกาะแน่ เดินตรงมาเลยจ้า






อันดับแรกเราต้องมาเช่ามอเตอร์ไซค์ก่อนค่ะ  ร้านเยอะแยะมากมาย  เลือกเอาเลย
เราเลือกร้านนี้  สุ่มเอาค่ะ รถใหม่มาก สภาพดีมาก  เดินจากท่าเรือมานิดเดียว เผื่อตอนคืนรถจะได้ไม่ต้องเดินไกลเนอะ
ค่าเช่าก็วันละ 200฿  ไม่มีมัดจำไม่มีอะไร  เราเช่า 2 วันค่ะ  3-4 May
แต่งเนื่องจากวันที่ 5 วันกลับที่จริงต้องคืนรถเวลาที่มาจอง  คือ 8-9 โมงประมาณนี้  
แต่เราดันจองเรือกกลับตั้งบ่าย 3:30 (ก็อยากเที่ยวนานๆนี่) เลยขอเค้าเช่าต่อถึงตอนนั้น  คิดเพิ่ม 100฿ ค่ะ 
เติมน้ำมันไปด้วยเลย ขวดละ 40฿  ตลอดทริปเติมน้ำมันไปแค่ 2 ขวดเอง


หล่อไม่เบานะเนี่ยอิหนู ^^


ได้รถแล้วก็แว๊นไปรีสอร์ทเลยจ้า  ถามชาวบ้านเอาค่ะ  ทุกรีสอร์ทบนเกาะ ดังไม่ดังชาวบ้านรู้จักหมด GPS ไม่ต้อง ^^




ถนนตรงหน้าท่าเรือก็ดีอยู่หรอก  แต่ความเป็นจริงคือ 
ตลอดสองข้างทางคือป่าค่ะ  ป่าล้วนๆ ทางก็จะแคบๆแบบนี้แหละ ถนนดีบ้างไม่ดีบ้าง  
เส้นทางธรรมชาติสุดๆ  ขับกันดีๆนะ  อ้อ  อีกอย่าง  ไฟทางไม่มีนะคะ  
กลางคืนน่ากลัวมากกกกก มืดสุดพลังและเงียบมาก มโนไปไกล  กลัวทั้งผีกลัวทั้งคน
ใช้ไฟส่องสว่างจากมอเตอร์ไซค์อย่างเดียวเลย ทางที่ดี สาวๆอย่าออกไปไหนอนกลางคืนจะดีที่สุด 

ขับมาเรื่อยๆก็มาถึงแล้วค่า  เราพักกันที่  “ชมจันทร์ รีสอร์ท”
จองผ่าน Agoda  เลือกห้องพักติดทะเล  ราคาคืนละ  900฿ เท่านั้น  คุ้มมากกกกกกก  
เพราะวิวมันสุดติ่งกระดิ่งแมวเหมียวจริงๆ  เรามาถึงกันเช้าค่ะ ต้องรอแขกเช็คเอ้าท์ก่อน


ระหว่างรอก็นั่งทานอาหารเช้ากันก่อนดีกว่า ชักหิวแล้ว 




ห้องพักเราต้องเดินลงไปข้างล่างค่ะ  ตอนเดินลงนี่ดี๊ด๊าชิลเว่อร์  แต่ตอนเดินขึ้นนี่หอบค่ะ  ชันมากกกกกกก
มื้อเช้าทานที่รีสอร์ท ง่ายๆค่ะ  รีบทานจะได้รีบลงไปดูหน่อยซิว่าจะสวยขนาดไหน (มื้อนี้ 250฿)


ทานเสร็จก็ฝากกระเป๋าไว้ค่ะ  รีบกลิ้งลงมาหน้าหาด  อยากเห็นแย่แล้ว  จะเป็นยังไงน้า
และสิ่งที่เห็นคือ  แท๊แด…….  ขุ่นพระ  ชั้นเกิดมาเพื่อสิ่งนี้


ชายหาดส่วนตัว  ส่วนตัวสุดๆ  ไม่มีคนเลย  มีแต่น้องหมาเจ้าถิ่นเดินทอดน่องชิลๆกันอยู่







กำลังเล็งๆอยู่ค่ะ  ว่าเราจะได้บ้านหลังไหนน้า  


แอบอยากให้เป็นหลังนี้ เพราะวิวดีสุด เริ่ดสุด


เดินถ่ายรูปได้สักพัก  พนักงานมาเรียกบอกว่าห้องเสร็จแล้ว
และแล้วเราก็ได้บ้านหลังนี้  หลังที่เล็งไว้พอดีเป๊ะ !!!  ดีใจมากกกกกกกก

ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ไม่มีรูปในห้องพักให้ดูนะคะ  เนื่องจากพอเปิดห้องเข้าไปปุ๊บ
คุณแฟนรื้อของกระจุยกระจายเต็มไปหมด  ยังไม่ทันได้ถ่ายเลย  ห้องเละซะละ  เลยข้ามไปเลยละกัน 55555
คร่าวๆนะคะ  ไม่มีทีวี  ไม่มีตู้เย็น  ไม่มีแอร์ มีพัดลมติดเพดานพลังม้า (เบอร์ 1 คือแรงมาก ไม่กล้าเปิดเบอร์ 2 กลัวร่วง 55)
ไม่มี Wifi (wifi มีเฉพาะตรงล๊อบบี้สัญญาญถึงบ้างไม่ถึงบ้าง) แต่ สัญญาญโทรศัพท์โอเคค่ะ 3G โอเค
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นปัญหาเลย  เพราะตั้งใจมาพักผ่อน  ดื่มด่ำธรรมชาติล้วนๆ สนวิวมากกว่า ต้องอยู่แบบนี้สิถึงใช่!!!
คุณหนูไม่แนะนำ  คนรักสบาย ไม่แนะนำค่ะ  แบ๊คแพ๊ค ลุยๆ จะถูกใจมาก (เหมือนเรา)
จะบอกว่าห้องอาบน้ำกลางแจ้ง โรแมนติกมากกก  อาบน้ำท่ามกลางท้องฟ้าและเสียงคลื่น
ไม่ต้องกลัวใครมาแอบดูนะคะ มิดชิดค่ะ  ปลอดภัยแน่นอนคอนเฟิร์ม แค่ไม่มีหลังคาเฉยๆ


เปิดหน้าต่างห้องมาเจอแบบนี้เลย (เตียงนอนติดหน้าต่างเลย) ฟินไม่รู้จะฟินยังไง


หรือจะย้ายมาชิลที่ระเบียงหน้าบ้านก็มีความสุขไปอีกแบบ  หาดนี้เป็นของเรา  
เป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันเลย  อยากไปทะเลที่ไม่มีคน เงียบๆ  มีแค่เรา  ในที่สุดมันก็เป็นความจริง ^^


หลังจากนั้นก็อาบน้ำอาบท่าพักผ่อนค่ะ  ประมาณบ่าย 2 ก็ออกไปหาอะไรกินกัน
หาจาก app wongnai  เค้าแนะนำร้านส้มตำแม่ไก่  ก็เลยลองไปดู ทะเลกับส้มตำเป็นของคู่กันเนอะ
มาถึงร้านแล้ว  รีวิวแค่ป้ายละกัน ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปละ (ไม่อยากจะเม้าท์ อ่ะเม้าท์หน่อยก็ได้)
อาหารอร่อยนะคะ  แต่!!!!  คนที่หิวๆ ไปร้านอื่นโลดค่ะ  ตอนไปมีโต๊ะก่อนหน้าเราโต๊ะเดียว เรายังรอเกือบชั่วโมงค่ะ
มาถึงไม่มีโต๊ะนั่งเลย ถ้วยชามเต็มทุกโต๊ะ ไม่มีคนเก็บโต๊ะเลย เราต้องเก็บกันเอง 
อย่าเอาแน่เอานอนกับรายการในเมนู  ส่วนใหญ่จะไม่มี  จดบิลไปก็เท่านั้นค่ะ ป้าแกไม่อ่าน ตะโกนถามอีกรอบอยู่ดี
คิดเงินมั่วๆ มึนๆ งงๆ สั่งข้าวเหนียวรอบแรกน้อยมาก เอาใส่ถ้วยน้ำจิ้มมาให้ รอบสองใส่กระติ๊บมาให้เยอะมาก
ราคาเท่ากัน   งง  ค่ะ ความเห็นส่วนตัวคือครั้งเดียวพอ  แต่อาหารก็อร่อยจริงๆแหละยอมรับ


ทานเสร็จก็กลับรีสอร์ทค่ะ  นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่บ้าน ตกบ่ายแก่ๆน้ำทะเลเปลี่ยนสีอีกแล้ว มีความสุขมากจริงๆ 


รอดูพระอาทิตย์ตกทะเลที่หน้าบ้านพัก  ไม่ต้องไปไหนละ  ตกหลุมรักที่นี่อย่างแรง


จะตกแล้วววววววววพระอาทิตย์





มื้อค่ำวันนี้  เราไปทานกันที่ The Blue sky Resort กันค่ะ  กินกันง่ายๆ ไปเอาบรรยากาศเฉยๆ
ยอมรับค่ะว่าเป็นรีสอร์ทที่ทำเลที่ตั้งดีมากกกกกกก  วันนี้พระจันทร์เต็มดวงด้วย โรแมนติกสุดๆ





เลือกโต๊ะนี้ค่ะ  หันหน้าออกทะเล  เราชอบที่นั่งเค้านะ  สบายแทบจะขอหมอนกับผ้าห่ม 555
มื้อนี้  290฿  จะบอกว่าพนักงานที่นี่เฟรนลี่มากๆ น่ารักมากๆ ทุกคนเลยค่ะ มุขมาตรึม นึกว่าอยู่คาเฟ่



วันแรกจบลงด้วยความสุข  กินเสร็จ กลับรีสอร์ท อาบน้ำปุ๊บ สลบปั๊บ เก็บแรงไว้ตะลอนวันพรุ่งนี้กันต่อ
หัวใจฉันรักเธอจังเลย  เกาะพยาม 

ตื่นเช้าด้วยความสดใส  นอนหลับเต็มอิ่ม เสียงคลื่นนี่เหมือนเป็นดนตรีบำบัดนะ หลับสบายจัง ได้ชาร์ตพลังเต็มที่
อันดับแรกต้องหาอะไรรองท้องกันก่อน  ขับย้อนไปทางที่จะไปท่าเรือ มีร้านอาหารชาวบ้านเพียบค่ะ
อร่อย  โดยเฉพาะอาหารทะเลนี่สดมากเลยทีเดียว  ราคาก็สูงเหมือนอาหารตามเกาะทั่วๆไปค่ะ
มื้อนี้  220฿  ร้าน Bouw & Tong


หลังจากทานอิ่มแล้วเรามุ่งหน้าไป The Blue Sky Resort กันอีกรอบค่ะ มาดูบรรยากาศตอนเช้ากันสักหน่อย
ช่วงที่เราไป  ช่วงเช้าค่ะ  น้ำขึ้น  ฝั่งห้องพักนี่เขียว สวยมาก สวยเหมือนที่ดูรีวิวมาเลย (อยู่ที่จังหวะน้ำขึ้นน้ำลงด้วยนะ)



แต่ส่วนตัวชอบฝั่งหน้าหาดมากกว่าค่ะ เป็นรีสอร์ทที่ทำเลที่ตั้งดีมากจริงๆ แถมอยู่ใกล้ท่าเรือมากอีกตะหาก
น้ำทะเลสีฟ้า  สวยงาม  ท้องฟ้าก็ใส  วิวดีสุดๆ 







และนี่คือในส่วนของร้านอาหารที่เรามานั่งทานเมื่อคืนค่ะ


หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยววัดเกาะพยามกันค่ะ  หากหันหน้าเข้าหาทะเล วัดจะอยู่ทางซ้ายค่ะ
ขับมอเตอร์ไซค์มาเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็ถึง  ความน่าสนใจของวัดเกาะพยามคือ โบสถ์กลางทะเลค่ะ






แวะเข้ามากราบสักการะสักหน่อย  ที่นี่เงียบสงบมากค่ะ  ตอนที่เรามาไม่มีนักท่องเที่ยวแม้แต่คนเดียว
ไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกของมนุษย์  ได้ยินแค่เสียงคลื่น และ เสียงของสัตว์ต่างๆ ล้วนๆ


และเมื่อมองจากโบสถ์กลับไปยังฝั่งเราจะเห็นพระอยู่บนเขา ลิปๆนั่นไงเห็นมั้ยเอ่ย


เดินกลับมาสักการะ  ยังสร้างไม่เสร็จนะคะ  ถ้าเสร็จแล้วคงต้องสวยมากแน่ๆเลย


และเมื่อมองจากองค์พระลงมา  เราก็จะเจอวิวแบบนี้  เห็นโบสถ์มั้ย ที่เราเพิ่งไปมาเมื่อสักครู่นี้ไง



หลังจากเที่ยววัดกันเสร็จก็ออกมาหาข้าวเที่ยงทานกันค่ะ  ร้านชาวบ้านเหมือนเดิม
คุณแฟนทานคนเดียวนะ  เราไม่ได้ทาน  อิ่มบุญ  อิ่มอก  อิ่มใจ  อิอิ  เลยไม่ได้ถ่ายมานะคะ

ทานข้าวเสร็จก็นั่งนึก  ไปไหนกันดีน้า  ไปอ่าวกวางบีปดีกว่า  มีคนแนะนำมาว่าสวยมากกกก
รอช้าอยู่ใย  ก็ลุยเลยสิ  แว๊นๆๆๆๆๆๆ  แต่!!
ทางไปอ่าวกวางบีป วิบากมากกกก  แหม่ นึกว่ามาแข่งมอเตอร์ครอสชิงแชมป์โลก
ทั้งขึ้นเนิน ลงเนิน หลุมนี่มาเต็ม  นึกว่าอยู่บนดวงจันทร์ ทางบางช่วงชันมากขึ้นไม่ไหวเราต้องลงเดิน (หรือเราอ้วนวะ)
บุกป่าฝ่าดงกันสุดฤทธิ์  บางทีขับๆอยู่ crocodile junior ก็โผล่มาแลบลิ้นแผล่บๆทักทายซะอย่างงั้น


จนมาถึงช่วงนึงที่มอเตอร์ไซค์จะลงไปไม่ได้ละ  เราต้องจอดรถแล้วเดินลงไปอีก
ตอนลงก็ชิลสิ ดี๊ด๊าๆ  แต่ตอนขึ้นนี่แหละ  ต้องหยุดพักเป็นระลอก  คิดในใจ  นี่ฉันมาเล่นปีนเขาหรืออย่างไร


แต่ถามว่าคุ้มมั้ย  คุ้มมากกกกกก  แล้วเหนื่อยมั้ย  เหนื่อยมากกกกก  เหมือนกัน 5555
บรรยากาศดี  เงียบสงบ  อย่างกะหาดส่วนตัวอีกแล้ว  เรานี่ถามแฟนตลอด คนหายไปไหน?
ไม่เคยเที่ยวทะเลแล้วสงบขนาดนี้  อย่างน้อยๆต้องเจอทัวร์จีนบ้างหละ
แต่นี่ไม่เลย  แค่คนไทยยังเจอไม่ถึง 10 คนเลย  ต่อการไปหาดหนึ่งหาด  ตอบโจทย์คนรักสงบสุดๆ
(แต่ก่อนมา  ออกกำลังกายมาสักหน่อยก็ดีนะ  แหะๆ เล่นเอาลิ้นห้อยเลย)





เสร็จจากการชมความงามของอ่าวกวางบีป  เราก็ไปต่อกันที่  “อ่าวเขาควาย” (ทางดีกว่ากวางบีปเยอะค่ะ ขับชิลๆ อิอิ)
ถึงแล้วววววว  แต่เหมือนว่าน้ำจะลดเยอะเลยนะฝั่งนี้  หินเยอะจัง ส่วนตัวเราเฉยๆค่ะ
หรือหมดแรงมาจากอ่าวกวางบีปไม่รู้  เลยไม่ค่อยมีแรงตื่นเต้นเท่าไหร่ 55
แต่ก็มีมุมให้ถ่ายรูปชิคๆ เก๋ๆอยู่นะพวกเธอ และก็เช่นเดิมค่ะ  ไม่มีคน




หมดแรงแล้วค่ะ  กลับรีสอร์ทไปอาบน้ำ  พักผ่อน  ชาร์ตพลังก่อน  ประมาณ 5:30 น. เราก็แว๊นออกมา
“อ่าวใหญ่”  เพื่อดูพระอาทิตย์ตกกันค่ะ  อ่าวใหญ่นี่ใหญ่สมชื่อค่ะ หาดทอดยาว 3 – 4 กิโลได้
เดินจนสุดไม่ไหวค่ะ  แต่มันเก๋ตรงที่  เอารถมอเตอร์ไซค์ลงไปแว๊นได้นี่แหละ



และแล้วเราก็เจอเจ้าถิ่นเช่นเคย  น้องหมาทะเล  เกาะพยามน้องหมาเยอะมากจริงๆ น่ารักทั้งนั้น
แต่ตัวนี้เปรี้ยวหน่อยนึง ชอบวิ่งไล่มอเตอร์ไซค์ เหมือนอยากจะเล่นด้วย 





ใกล้ตกแล้ว  สวยจังเลย  ทำไมธรรมชาติถึงสวยงามขนาดนี้นะ



“รักทะเลเวลามีเธอด้วย  สวยซะเกินกว่าบรรยายได้”


ประมาณ 1 ทุ่ม เราก็มาหาข้าวทานกันค่ะ  วันนี้อยากทานอาหารทะเล  เลยมาทานร้านนี้
“เกาะพยามซีฟู้ด”  อยู่ใกล้ๆท่าเรือเลยค่ะ แป๊บเดียวถึง เป็นร้านอาหารริมทะเล


ระหว่างรออาหาร  เจอแมวทะเลด้วย


วันนี้พระจันทร์เต็มดวงอีกแล้ว แสงจันทร์สะท้อนกับน้ำทะเล  โรแมนติกชะมัดเลย


ไม่นานอาหารก็มาค่ะ  สั่งไป 5 อย่าง  ปูผัดผงกระหรี่ แกงส้มกุ้งผักรวม ฉู่ฉี่กุ้ง ปลาผัดคื่นฉ่าย ทะเลผัดพริกไทยดำ
ก็ไม่คิดว่าจานมันจะใหญ่มากขนาดนี้ เตือนไว้ก่อนเลยว่าจานใหญ่มาก (เกือบกินไม่หมด แต่ก็หมด ฮ่าๆ)
โดยรวมรสชาติอร่อยค่ะ  อาหารทะเลสดมากๆ หวานนำนิดหน่อยนะคะ (มื้อนี้ 1,340฿)


ร้องไห้หมดไปแล้วอีกหนึ่งวัน  พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วหรอ  ยังไม่อยากกลับเลย 


วันสุดท้ายที่เกาะพยาม  ฝนตกจ้า  ไปทานข้าวเช้าข้างนอกไม่ได้  มื้อนี้เลยฝากท้องที่รีสอร์ทนะคะ
มื้อนี้ 380฿ ค่ะ (ยังถ่ายไม่หมดนะ  มี Breakfast อีกจานของคุณแฟนยังไม่มา รีบถ่ายรีบกินก่อน หิวค่ะ 55)
นี่สาบานว่าผู้หญิงคนเดียวกิน  เป็นผู้หญิงกินน้อยค่ะ   



แต่ตกแค่แป๊บเดียวเท่านั้นค่ะ  พอหยุดแล้ว ฟ้าใสกิ๊งเลย  เราก็เช็คเอาท์เลยค่ะ  เดี๋ยวจะไปเที่ยวต่อ
แต่ฝากกระเป๋าไว้ที่รีสอร์ทก่อนนะ  รอกลับเรือรอบ บ่าย 3:30 น. 
คุณแฟนอยากกินโกโก้ค่ะ  เลยขับรถหาร้านชิลๆ ชิคๆกัน  หวยมาออกที่ร้านนี้ค่ะ  “Coffee Resort”
เป็นร้านกาแฟที่มีที่พักบริการด้วย การตกแต่งร้านเก๋มาก 
นั่งกินกาแฟในป่า  ที่เกาะ  แต่ฟิลล้านนา เปิดเพลงฝรั่ง มีขันโตกอีกตะหาก  เอากะเค้าสิ เหมาหมดทุกอารมณ์ 
กินไปกลิ้งไป  ฟินแท้  ไม่อยากจะกลับเลย 2 คืนไม่พอจริงๆ เก็บไม่หมดอ่ะ อยากอยู่สักอาทิตย์





นั่งๆนอนๆอยู่สักพักก็ออกเดินทางต่อค่ะ  มุ่งหน้าสู่ “อ่าวหินขาว”
ไม่ไกลจากนี้ค่ะ  แว๊นประมาณ 10-15 ก็ถึงแล้ว  และก็ตามคาดอ่ะ  ไม่มีคนแม้แต่คนเดียว
ตอนนี้เราเริ่มทำใจได้แล้วค่ะ  ว่า  อ๋อ  นี่คือเกาะส่วนตัวสินะ คนไม่มี มีธรรมชาติเป็นเพื่อน อิอิ



หลังจากนั้น  เราก็นึกขึ้นได้ค่ะ  ว่าวันนี้วันเกิด (5 May)  ยังไม่ได้ทำบุญเลยนี่นา
ก็เลยไปแวะเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่รีสอร์ท แล้วขับมาที่วัดเกาะพยามอีกครั้งค่ะ  วัดอยู่ใกล้ท่าเรือ เอามาเลยทีเดียว


มาทำบุญวันเกิดค่ะ  ขอให้ชีวิตมีแต่ความสุข ขอให้ได้มาที่นี่อีก ^^


วันนี้มาช่วงบ่ายค่ะ  น้ำลง  หินเต็มเลย  สวยไปอีกแบบน้า อากาศดี๊ดี แดดแรงแต่ไม่แสบผิวค่ะ




หลังจากนั้นเราก็มาคืนรถค่ะ  แล้วก็มานั่งรอที่มินิมาร์ทหน้าท่าเรือ  
จะซื้อตั๋วขึ้นเรือก็ซื้อที่นี่ค่ะ แต่เราซื้อล่วงหน้าตอนขามาแล้ว นั่งรออย่างเดียวค่ะ


ถึงเวลา บ่าย 3:30 น. พี่ที่มินิมาร์ทก็เรียกลงเรือแล้วจ้า  สิ้นสุดทริปเกาะพยามที่แสนประทับใจเพียงเท่านี้
แล้วปีหน้า  เราจะกลับไปหาเธออีกนะ  คิดถึงที่สุดเลย  
ปล. น้องหมาที่นี่ก็น่ารักจนวันกลับ  เห็นพวกเราเดินมา  ก็เดินตามมาส่งจนถึงเรือ  น่ารักมากๆ เจ้าแบทแมน 





สรุปค่าใช้จ่าย ทริปเกาะพยาม 3-5 May 2015

ค่ารถทัวร์สมบัติทัวร์  (เที่ยวละ 519฿) / 2 คน = 2,076฿
ค่าห้องพัก ชมจันทร์ รีสอร์ท / 2 คืน = 1,819฿
ค่าสองแถวไปท่าเรือ (คนละ 50฿) / 2 คน = 100฿
ค่าสปีดโบ๊ท (เที่ยวละ 350฿) / 2 คน = 1,400฿
ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ (วันละ 200฿) สองวันครึ่ง = 500฿
ค่าน้ำมัน  = 80฿
ค่าอาหารตลอดทริป (รวมขนมอื่นๆที่ไม่ได้ลงในรีวิว คร่าวๆ)  = 3,000฿

รวม = 8,975฿  ถ้า หารครึ่งก็คนละ  4,487฿  จ้า




ข้อควรรู้สำหรับการเที่ยวเกาะพยาม

-    บนเกาะไม่มี ATM  กรุณากดเงินมาให้พอ
-    บนเกาะไม่มี  7-11 อยากกินอะไรขนมาจากฝั่งโลดจ้า (มีแต่มินิมาร์ทของชาวบ้าน)
-    พกไฟฉายมาด้วยก็ดี กลางคืนไม่มีไฟทาง อันตราย ผู้หญิงไม่ควรมาเที่ยวคนเดียว
-    มนุษย์รักแสงสี ไม่ใช่เป้าหมาย ที่นี่อยู่กันสงบและเงียบมาก มีเพียงบาร์เรกเก้เล็กๆไม่กี่ร้านเท่านั้น
-    พนักงานที่นี่ 90% เป็นพม่า คุยกัน รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ขำๆไป
-    หัดขับรถมอเตอร์ไซค์มาให้ชำนาญ  ถนนค่อนข้างแคบ บางช่วงค่อนข้างวิบาก
-    ที่ท่าเรือมีวินมอเตอไซค์อยู่  ราคาเท่าไหร่ไม่รู้ไม่ได้ถาม  อิอิ
-    บนเกาะไม่มีรถยนต์  มีแค่มอเตอร์ไซค์  จักรยาน  และรถอีแต๊กรถไถไรประมาณนั้น 
-    ชาวบ้านที่นี่เป็นมิตรและใจดี
-    น้องหมาน่ารักทุกตัว <3

แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้านะคะ  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก : Pantip
Cr . : มะนินาว