สวัสดีครับชาว Blue Planet หลังจากที่ได้อ่านรีวิวของท่านอื่น ก็เลยอยากจะลองรีวิวดูเองบ้าง กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก หากผิดพลาดประการในก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
รีวิวนี้อาจจะไม่เหมือนรีวิวอื่นๆเพราะท่านจะไม่ค่อยได้สาระอะไรเลย แต่ที่ผมอยากให้ทุกคนได้รับรู้คือ ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นธรรมชาติของสถานที่ ความอบอุ่นที่ทางโฮมสเตย์มอบให้ รอยยิ้มความสนุกสนานของผมและผองเพื่อนซึ่งอธิบายผ่านรูปภาพเท่านั้น
การเดินทาง ผมและผองเพื่อนเดินทางโดยใช้รถส่วนตัวขับขึ้นไปจาก กทม ถ้าอยากทราบว่าไปยังไง ผมแนะนำ เปิด GPS ใน Google Map ย้ำ Google Map ครับ มิฉะนั้นท่านจะหลงได้ ก็เดินทางกันมาเรื่อยๆ จากเมืองเชียงใหม่ แต่!!!!! ทางขึ้นนี่บอกเรย ค่อนข้างชันและโค้งเยอะ ต้องใช้ความกล้าพอสมควรสำหรับคนที่จะขับขึ้นไป แต่ถนนดีครับ เป็นถนนลาดยาง ทางแคบนิดๆ สุดท้ายผมก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยกับคน ห้าคนในรถเก๋ง คันเล็กๆ พร้อมกระเป๋าใบโตๆ บอกเรยว่ารถผมอึด ฮ่าๆๆๆ
ถึง บ้านสายหมอก ต้องอ้าปากร้อง โอ้ววววว….กันเลยทีเดียว ต้องขอท้าวความนิดนึงครับ ทริปนี้เป็นทริปแรกที่ผม เดินทางขึ้นเหนือ และได้สัมผัสบรรยากาศภูเขาพร้อมอากาศหนาวๆ ซึ่งมันตื่นเต้นมาก เพราะปกติจะเที่ยวแต่ทะเล ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ อากาศหนาวๆ วิว….คือมันดีอ่ะ อธิบายไม่ถูก แต่บอกเรยว่าประทับใจมาก ยังกะเจอรักแรก ไม่อยากพูดเยอะไปชมความสวยงามกันเลยครับ
สำหรับที่นี่ ไม่มีเซเว่นหรือร้านสะดวกซื้อใดๆ เพราะฉะนั้นคัยอยากจะกิน ดื่ม หรือทำอะไรให้เตรียมไปก่อนจะขึ้นบนดอย
ได้เวลาอาหารเย็น ทางโฮมสเตย์ได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้ 2 มื้อ คือ มือเย็นของวันที่ไปถึง มื้อเช้าของวันถัดไป ซึ่งอาหาร จะไม่ใช่อาหารรสจัดแต่ อร่อยมากก มื้อเย็น ทานไข่เจียว แกงจืด และผัดผัก พร้อมผักกับน้ำพริกอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้คือทานกันห้าคนข้าวสามโถไม่พอ ไอ้พวกผมก็ขอเพิ่มเรื่อยๆ ทั้งข้าว ทั้งกับข้าว แต่บอกเลยทางโฮมสเตย์ บริการดีมากๆ ถามตลอดว่าอิ่มมั้ย สุดท้ายพุงพวกผมเกือบแตกครับ อิ่มมากๆ
ผมอยากให้ทุกคนลองนึกภาพดู ทานข้าวท่ามกลางหุบเขา อากาศหนาว พร้อมเพื่อนสามสี่คน คุยกันสนุกสนาน จิบเบียร์ไป ความรู้สึกแบบนี้มันหายากมากกับชีวิตการทำงานของมนุษย์เงินเดือนแบบผม
05.30 น. ได้เวลาตื่น เนื่องจากทุกคนคาดหวังว่าจะได้เห็นทะเลหมอก เลยรีบลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้ากับทะเลหมอก แต่วันนั้นไม่มีทะเลหมอก ถึงไม่มีทะเลหมอก แต่เชื่อไหมว่า ความสวยงามยามเช้าของวิวที่นี่ มองเห็นสายหมอกเล็กน้อยท่ามกลางวิวดอยหลวงช่างอัศจรรย์ตาเสียจริงๆ ไม่อยากจะละสายตายไปจากที่ตรงนั้นเรย ราวกับว่ากำลังจ้องเจ้าหญิงที่กำลังตกปลา เอ้ย!! ไม่ใช่ละ...กลับมา กลับมา เริ่มออกทะเลแล้ว ไปชมวิวกันเลย
ได้เวลามื้อเช้าก็ไม่มีอะไรมาก เป็นข้าวต้ม กับชา กาแฟ ความอร่อยไม่ได้อยู่ที่ข้าวต้ม หรือ ชา กาแฟ แต่ความอร่อยมันอยู่ที่วิวที่ได้รับ
สรุปครับ สรุป ไม่อยากเพ้อมาก เดี๋ยวจะรำคาญกัน อิอิ ค่าเสียหาย คนละ 600 บาท ย้ำ!! คนละ 600 เท่านั้น สำหรับที่พัก แต่...ดูสิ่งที่ได้สิ วิว บรรยากาศ ความอบอุ่น ความสุข ผมไม่สามารถพูดความรู้สึก ณ ตอนนั้นได้หมด แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือ ผมเชื่อแล้วกับฉายา “ที่พักหลักร้อยวิวหลักล้าน” อ้อ….ลืมบอก โฮมสเตย์ที่นี่ เจ้าของจะเป็นเครือญาติกันหมด จะไปถ่ายรูปที่โฮมสเตย์ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นระเบียงดาวหรือ สถานที่ใกล้เคียง เป็นกันเองมากครับ
ว่างๆเข้าไปแวะชมภาพสวยๆ กันได้ https://web.facebook.com/SlowBackpacking/?ref=hl
ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 949907
>>>ไปมา เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2558 ณ บ้านสายหมอก โฮมสเตย์ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ <<<
อยากบอกว่า ฟินนน มากกก คุ้มค่ามากที่ได้สัมผัส งั้นอย่ารอช้า ไปสัมผัสกันเลย
อยากบอกว่า ฟินนน มากกก คุ้มค่ามากที่ได้สัมผัส งั้นอย่ารอช้า ไปสัมผัสกันเลย
รีวิวนี้อาจจะไม่เหมือนรีวิวอื่นๆเพราะท่านจะไม่ค่อยได้สาระอะไรเลย แต่ที่ผมอยากให้ทุกคนได้รับรู้คือ ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นธรรมชาติของสถานที่ ความอบอุ่นที่ทางโฮมสเตย์มอบให้ รอยยิ้มความสนุกสนานของผมและผองเพื่อนซึ่งอธิบายผ่านรูปภาพเท่านั้น
การเดินทาง ผมและผองเพื่อนเดินทางโดยใช้รถส่วนตัวขับขึ้นไปจาก กทม ถ้าอยากทราบว่าไปยังไง ผมแนะนำ เปิด GPS ใน Google Map ย้ำ Google Map ครับ มิฉะนั้นท่านจะหลงได้ ก็เดินทางกันมาเรื่อยๆ จากเมืองเชียงใหม่ แต่!!!!! ทางขึ้นนี่บอกเรย ค่อนข้างชันและโค้งเยอะ ต้องใช้ความกล้าพอสมควรสำหรับคนที่จะขับขึ้นไป แต่ถนนดีครับ เป็นถนนลาดยาง ทางแคบนิดๆ สุดท้ายผมก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยกับคน ห้าคนในรถเก๋ง คันเล็กๆ พร้อมกระเป๋าใบโตๆ บอกเรยว่ารถผมอึด ฮ่าๆๆๆ
ถึง บ้านสายหมอก ต้องอ้าปากร้อง โอ้ววววว….กันเลยทีเดียว ต้องขอท้าวความนิดนึงครับ ทริปนี้เป็นทริปแรกที่ผม เดินทางขึ้นเหนือ และได้สัมผัสบรรยากาศภูเขาพร้อมอากาศหนาวๆ ซึ่งมันตื่นเต้นมาก เพราะปกติจะเที่ยวแต่ทะเล ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ อากาศหนาวๆ วิว….คือมันดีอ่ะ อธิบายไม่ถูก แต่บอกเรยว่าประทับใจมาก ยังกะเจอรักแรก ไม่อยากพูดเยอะไปชมความสวยงามกันเลยครับ
สำหรับที่นี่ ไม่มีเซเว่นหรือร้านสะดวกซื้อใดๆ เพราะฉะนั้นคัยอยากจะกิน ดื่ม หรือทำอะไรให้เตรียมไปก่อนจะขึ้นบนดอย
ได้เวลาอาหารเย็น ทางโฮมสเตย์ได้จัดเตรียมอาหารไว้ให้ 2 มื้อ คือ มือเย็นของวันที่ไปถึง มื้อเช้าของวันถัดไป ซึ่งอาหาร จะไม่ใช่อาหารรสจัดแต่ อร่อยมากก มื้อเย็น ทานไข่เจียว แกงจืด และผัดผัก พร้อมผักกับน้ำพริกอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้คือทานกันห้าคนข้าวสามโถไม่พอ ไอ้พวกผมก็ขอเพิ่มเรื่อยๆ ทั้งข้าว ทั้งกับข้าว แต่บอกเลยทางโฮมสเตย์ บริการดีมากๆ ถามตลอดว่าอิ่มมั้ย สุดท้ายพุงพวกผมเกือบแตกครับ อิ่มมากๆ
ผมอยากให้ทุกคนลองนึกภาพดู ทานข้าวท่ามกลางหุบเขา อากาศหนาว พร้อมเพื่อนสามสี่คน คุยกันสนุกสนาน จิบเบียร์ไป ความรู้สึกแบบนี้มันหายากมากกับชีวิตการทำงานของมนุษย์เงินเดือนแบบผม
05.30 น. ได้เวลาตื่น เนื่องจากทุกคนคาดหวังว่าจะได้เห็นทะเลหมอก เลยรีบลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้ากับทะเลหมอก แต่วันนั้นไม่มีทะเลหมอก ถึงไม่มีทะเลหมอก แต่เชื่อไหมว่า ความสวยงามยามเช้าของวิวที่นี่ มองเห็นสายหมอกเล็กน้อยท่ามกลางวิวดอยหลวงช่างอัศจรรย์ตาเสียจริงๆ ไม่อยากจะละสายตายไปจากที่ตรงนั้นเรย ราวกับว่ากำลังจ้องเจ้าหญิงที่กำลังตกปลา เอ้ย!! ไม่ใช่ละ...กลับมา กลับมา เริ่มออกทะเลแล้ว ไปชมวิวกันเลย
ได้เวลามื้อเช้าก็ไม่มีอะไรมาก เป็นข้าวต้ม กับชา กาแฟ ความอร่อยไม่ได้อยู่ที่ข้าวต้ม หรือ ชา กาแฟ แต่ความอร่อยมันอยู่ที่วิวที่ได้รับ
สรุปครับ สรุป ไม่อยากเพ้อมาก เดี๋ยวจะรำคาญกัน อิอิ ค่าเสียหาย คนละ 600 บาท ย้ำ!! คนละ 600 เท่านั้น สำหรับที่พัก แต่...ดูสิ่งที่ได้สิ วิว บรรยากาศ ความอบอุ่น ความสุข ผมไม่สามารถพูดความรู้สึก ณ ตอนนั้นได้หมด แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือ ผมเชื่อแล้วกับฉายา “ที่พักหลักร้อยวิวหลักล้าน” อ้อ….ลืมบอก โฮมสเตย์ที่นี่ เจ้าของจะเป็นเครือญาติกันหมด จะไปถ่ายรูปที่โฮมสเตย์ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นระเบียงดาวหรือ สถานที่ใกล้เคียง เป็นกันเองมากครับ
ว่างๆเข้าไปแวะชมภาพสวยๆ กันได้ https://web.facebook.com/SlowBackpacking/?ref=hl
ที่มา Pantip
Cr. สมาชิกหมายเลข 949907