รีวิว 1 วันชิวๆ ใกล้กรุงฯ. ที่เกาะเกร็ดด้วยเงิน 200บาท

สวัสดีครับ : )) 
นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมได้เขียนบันทึกเรื่องราวออกมาแชร์ให้ทุกๆคนได้อ่านกัน  หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ (นี่ตูเขียนเรียงความปะวะเนี้ย 5555)

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กหนุ่ม3คนที่นัดกันมาร้องรำทำเพลงกัน (ไปงานปาร์ตี้เล็กๆ วันที่ 1 เมษา แถว ม.รังสิตก่อนจะกลับมาต่อกันที่บ้าน  สนุกมาก ^^) ตั้งแต่หัววันยันฟ้าสาง พอตื่นขึ้นมา ก็มานั่งคุยกันว่า “พวกเราจะไปไหนกันดี ที่ใกล้ๆ ประหยัดและชิวๆ”  ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าบ้านผมก็นำเสนอสถานที่ที่เป็นเกาะเล็กที่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย สบายๆ ตามสไตล์ชาวมอญเกาะเกร็ด ใช้ชีวิตโดยอาศัยเรือและจักรยานเป็นหลัก  นั้นคือ “เกาะเกร็ด” ครับ ถ้าถามว่าผมเคยไปไหม? ผมเคยครับบ่อยมาก

ภารกิจของเราวันนี้คือ เที่ยวอย่างไรก็ได้ให้ไม่เกิน 300 บาท (เพราะลงขวดหมดแล้ว 5555+)  เราเริ่มจากการนั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือวัชรีวงศ์ อยู่บริเวณใต้สะพานพระราม 4  (คนท้องถิ่นจะรู้จักดี) จากนั้นพวกเราก็เดินลัดเข้าไปในซอยตลาดเก่าริมน้ำเพื่อจะไปขึ้นเรือข้ามไปเกาะเกร็ด สำหรับคนที่ไม่เคยไปนะครับ ผมขอแนะนำว่าให้หารถจากที่ไหนก็แล้วแต่เพื่อมาปากเกร็ดนะครับแล้วลงบริเวณโลตัสปากเกร็ดและนั่งวินมอเตอไซค์ไปวัดสนามเหนือและก็ข้ามไปเกาะเกร็ด แต่สำหรับพวกผมไปขึ้นตรงท่าเรือตลาดเก่าเพราะคนน้อยไม่ต้องรอนาน ไม่อันตราย ตรงวัดสนามเหนือคนเยอะ ต้องรอเต็มลำถึงจะออก 
หลังจากนั้นเรือที่พาเราข้ามฝากก็มาจอดที่บริเวณข้างวัดปรมัยยิกาวาส (ตอนนั่งผมแนะนำนั่งติดข้างๆเรือนะคับ เราจะมองเห็นปลาว่ายตามเรือด้วย ) พวกเราก็เป็นคนพุทธที่ดีดังนั้นก่อนเริ่มการเดินทางพวกเราต้องไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยซะก่อน (เหมือนตูจะไปรบทัพจับศึก 55555)  แต่ด้วยอากาศที่แสนจะร้อนอบอ้าวของประเทศไทย จึงตัดสินใจหาร้านชิวๆนั่งสบายๆลมเย็นๆ นั้นคือร้านกาแฟบ้านเลขที่1
ถ้าข้ามเรือมาจากวัดสนามเหนือ ร้านจะอยู่บริเวณซ้ายมือ เดินจากท่าเรือประมาณ 200 เมตร ร้านนี้บอกเลยถ้ามาคนเดียวอาจจะตายได้เพราะทั้งร้านเต็มไปด้วยคนมีคู่นั่งจับเจ่าคุยกันน้ำตาลที่ว่าหวานยังยอมแพ้ แล้วพวกตูละมา 3 คนคืออะไร!!!  55555555  ยิ่งมีเพลงเพราะๆชิลๆฟังไปด้วยนะ จะร้อง  TT_TT  
เป้าหมายของพวกเราวันนี้คือ ของกินอย่างเดียว!!! พวกเราจึงเดินย้อนกลับมาทางหน้าวัดปรมัยยิกาวาสครับ เลือกใช้เส้นทางที่จะไปวัดไผ่ล้อม (คนที่กำลังลดน้ำหนักผมไม่แนะนำให้มาครับ เพราะจะอดใจไม่ไหว ของกินเยอะเกิ๊นนนน)  เราเดินมาเรื่อยๆในฐานะเจ้าบ้านผมเลยแนะนำให้ลองชิมข้าวแช่ชาวมอญครับ  ซึ่งมีหลายร้านให้เลือกนะครับส่วนผมเลือกร้านข้าวแช่คุณแดงเป็นร้านประจำของผมถ้าได้มาจะต้องแวะครับ เป็นเรือนไม้อายุประมาณ 100 ปี อาศัยมาตั้งแต่รุ่นคุณทวดครับ (ไปกระแซะถามมา) บรรยากาศติดริมแม่น้ำ มองเห็นสะพานพระราม4 ชัดเจน
และมีท่าน้ำที่เราสามารถนั่งเอาเท่าจุ่มน้ำได้อีกด้วย  รสชาติของข้าวแช่จัดว่าดีครับ เครื่องเคียงก็อร่อย ข้าวแช่น้ำดอกไม้อบควันเทียน  หอมกรุ่น กินกับใส่น้ำแข็ง อากาศร้อนๆแบบนี้ขอเสนอเลยครับ แล้วท่านจะติดใจ นี่คือหน้าตาของข้าวแช่ชาวมอญครับ
หลังจากนั้นพวกเราก็ตะลอนทัวร์เลยครับ เดินไปเรื่อยๆ เจอร้านไหนมีอะไรน่ากินก็แวะทันที ระหว่าง2ข้างทาง มีของกินเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ขนมไทย ขนมฝรั่ง  สินค้าท้องถิ่นขึ้นชื่อของที่นี่ คือ “เครื่องปั้นดินเผา”  ครับ และถ้ามาเกาะเกร็ดแล้วไม่ได้ลองชิม แสดงว่ายังมาไม่ถึงเกาะเกร็ดคือ ทอดมันหน่อกะลา และดอกไม้ทอดครับ ต้องลองชิมให้ได้นะครับเดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง 555555
ซึ่งหลายท่านอาจจะยังไม่ทราบเกาะเกร็ดเป็นเกาะที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย ตอนแรกๆก็ไม่ได้เป็นเกาะนะครับ แต่ชาวบ้านขุดคลองลัดเกาะเพื่อจะให้เรือสินค้าจะได้ไมต้องอ้อมไปไกล เมื่อเวลาผ่านไป สายน้ำก็ไม่ไหลย้อนกลับ เอ้ย สายน้ำก็กัดเซาะจากคลองกลายเป็นแม่น้ำ ทำให้กลายเป็นเกาะมาถึงปัจจุบันครับ  (สาระก็มานะครับ 555) และบนเกาะยังมีพืชผักสวนครัวที่สะอาดและปลอดภัยด้วยนะครับ ราคาก็ไม่แพงด้วย  
หากมีใครกระหายน้ำ คอแห้งเพราะอากาศร้อน แล้วอยากดื่มเครื่องดื่มเช่น ชานม ชาเย็น ชาดำ กาแฟ ฯลฯ ผมขอเสนออออออออ แก้วดินเผาใส่เครื่องดื่มราคาไม่แพงแถมยังเอากลับไปใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย 
เมื่อเดินมาเรื่อยๆๆเราก็จะพบกับ  “วัดไผ่ล้อม” หลังจากที่พวกเราไหว้พระกันเสร็จก็ได้เวลาเดินย้อนกลับไป ตลอดทางที่เราเดินมาก็ได้สอดส่องของน่ากินไว้เรียบร้อยแล้ว ขากลับนี่แหละลุย!!! 55555 สนใจอะไรอยากกินอะไรลุย!!! ระหว่างทางกลับผมแนะนำให้ผู้ร่วมทริปของผมลองชิม “เมี้ยงคำ” ร้านนี้อร่อยครับ ห่อกันสดๆเลย บางวันต้องรอคิวครับ เพราะทางร้านห่อให้ไม่ทัน (มีอยู่กัน2คน 5555) และพวกเราเลือกที่จะกินเฉาก๊วยที่ร้าน 108 พันเก้า เป็นร้านริมน้ำเช่นกันแต่บรรยากาศสุดจะบรรยายเลยครับ เพราะพวกเราขอทางร้านมานั่งท่าน้ำของร้าน มองเห็นคุ้งน้ำชัดเจน แถมยังอยู่ตรงข้ามกับวัดสาลีโขภิตาราม ที่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ ( ปล.ถ้าอยากไปเที่ยววัดสาลีโขภิตารามนะครับ สามารถนั่งเรือข้ามไปจากวัดไผ่ล้อมได้นะครับ)
บอกได้เลยว่าไม่อยากลุกจากที่เลยครับ สบายมากชิลมากด้วย ลองนึกภาพตามผมนะครับทุกๆคน นั่งอยู่ท่าน้ำ ลมโชยมาเอื่อยๆ เอาเท้าจุ่มน้ำแล้วก็ซดเฉาก๊วยเย็นๆหวานจับใจ มองดู 2 ฝั่ง แม่น้ำเจ้าพระยามีเรือยาวเรือพายวิ่งผ่านไปผ่านมาเมื่อซดเฉาก๊วยหมดแล้วก็อย่าลืมเมี้ยงคำจากร้านก่อนหน้านี้มานั่งกินด้วย ซึ่งทางร้าน 108 พันเก่าแถมน้ำดื่มผสมอุทัยทิพย์เย็นมาให้เราล้างคออีกด้วยโอ้ยยมันชื่นใจอะไรอย่างนี้ไม่อยากไปต่อไหนแล้วนอนนี้เลยได้มัย ผมว่าทุกคนกำลังนึกภาพตามผมและกำลังยิ้มอยู่ (บรรยากาศแบบนี้ขอเบียร์สักขวด2ขวดได้เลย 5555)  
หลังจากกินของหวานเสร็จพวกเราก็ปฏิบัติการต่อ หลังจากที่ท้องมันก็ยังไม่อิ่มพวกเราก็เลือกที่จะกินขนมจีนร้านป้าอ้วน ซึ่งทางร้านมีน้ำยาให้เลือกหลายอย่างครับแล้วแต่คนจะชอบ พอได้ที่นั่งปุ๊บก็กวักมือเรียกบ๋อยทันที ว่าน้องๆขอขนมจีนน้ำเงี้ยว 2 ขนมจีนน้ำยาป่า 1 ส่วนตัวผมชอบกินขนมจีนน้ำเงี้ยวอยู่แล้ว ร้านนี้ผมให้10เต็มไปเลยครับ อร่อยสุดๆ ราคาไม่แพงแม่ค้ายังยิ้มหวานพูดจาไพเราะเหมือนนางงามมิตรภาพเลย 
หลังจากกินขนมจีนเสร็จพวกเราก็ต้องรีบกลับเพราะขณะนั้น เวลาก็ล่วงเลยมาพอสมควรเดี๋ยวจะมึดซะก่อนแต่ก็ไม่ลืมซื้อของฝากนะจ๊ะ 5555+

ก่อนจะกลับพวกเราขอแวะพิพิธภัณฑ์  ร.5 ของวัดปรมัยยิกาวาสสักหน่อยแต่น่าเสียดายพวกเรามาเย็นไปหน่อยชั้น2ของพิพิธภัณฑ์ได้ปิดแล้ว เหลือเพียงชั้น1 ที่ยังเปิดอยู่  โดยชั้น 1จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผา ขณะที่เราไปกำลังมีการสอนการปั้นดินเผา พวกเราก็เลยแวะชมสักหน่อย

ขากลับพวกเราเลือกที่จะกลับทางวัดสนามเหนือเพื่อจะได้ถ่ายรูปบริเวณคุ้งแม่น้ำทั้ง 2 ฝั่ง  ปล.พี่คนขับเรืออาจจะหน้าโหดไปนิดแต่รับรองปลอดภัยหายห่วง 555555 
สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด (3คน)
-ค่าเรือท่าตลาดริมน้ำ 15 บาท(ขาไป) ,ท่าเรือวัดสนามเหนือ 6 บาท(ขากลับ) 
-ค่าทำบุญดอกไม้ธูปเทียน แล้วแต่จิตศรัทธา (ไม่รู้ว่าแต่ละคนใส่ไปกี่บาท 5555) 
-ค่าชาเย็นจากร้านบ้านเลขที่ 1  3แก้ว 90บาท
-ค่าข้าวแช่ชาวมอญคุณแดง ชุดละ 60บาท เราไปกัน 3 คน สั่งมา 2 ชุด 120บาท 
-ขนมไทย 3ห่อ 50บาท  ซื้อคนละชุด3ชุด 150บาท 
-เฉาก๊วย 2ถ้วย 50 บาท 
-ขนมจีน 3จาน น้ำ 1ขวด 115บาท 
-เมี้ยงคำ 20 บาท 
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 566 บาท อาจจะมีจ่ายรายทางเล็กหน่อย รวมแล้วประมาณ 600 บาท ทริปนี้ผู้ร่วมเดินทาง 3 คน ตกคนละ 200 บาท เหลือตั้ง 100 บาทจากที่คุยกันไว้ตั้งแต่ต้น แต่ยังไม่รวมค่าเดินทางนะครับ 
สุดท้ายนี้ลากันไปด้วยภาพของหนุ่มโฉดทั้ง3คนที่มาร่วมทริปในครั้งนี้ 5555+ หากสนใจคนไหนติดต่อหลังไมค์นะครับ หรือติดตามผมได้ทาง
IG : zongpa 

ภาพถ่ายทั้งหมดผมถ่ายด้วย iphone5 (ไม่มีเงินซื้อกล้องครับ บ้านจน TT-TT) และแต่งภาพด้วย VSCOcam (SE3) 
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการได้อ่านเรื่องราวที่ผมบอกเล่านะครับ หากมีข้อติชมยังไงก็ฝากไว้ได้เลยนะครับ ผมจะนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไปครับ 
ขอบคุณครับ 


ที่มา Pantip
CR. สมาชิกหมายเลข 3096015