สวัสดีครับ ผมและครอบครัวเพิ่งได้เดินทางไปยังจังหวัดราชบุรี เพื่อพาเด็กน้อยไปเรียนรู้พร้อมเล่นกันที่ ไร่ปลูกรัก ซึ่งเป็นฟาร์มออร์แกนิก (Thai Organic Farm) ตั้งอยู่ที่ กม. 78 ถนนเพชรเกษม อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ถ้าขับรถยนต์มาจากทางกรุงเทพผ่านลานแสดงช้างสามพรานและสวนสามพรานมาแล้ว จะต้องขับไปเรื่อยๆอีกซักพัก ก่อนถึงไร่ปลูกรักจะผ่านสหกรณ์โคนมหนองโพและให้ขับตรงไปอีก 5 กม. ด้านซ้ายจะเห็นป้ายทางเข้าไร่อย่างชัดเจน ตามไปเที่ยวกันเลยนะครับ
ที่อยู่ : ไร่ปลูกรัก 130 หมู่ 1 ถ.เพชรเกษม ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี
เว็บไซต์: www.thaiorganicfood.com
ราคาบัตร : ผู้ใหญ่ 150 บาท และเด็ก 120 บาท (ความสูงไม่เกิน 140 ซม.)
ก่อนเข้าเดินชมและทำกิจกรรมในไร่ปลูกรักนี้ เราต้องไปซื้อบัตรเข้าชมที่อาคารร้านฟาร์มชอปตรงด้านหน้าทางเข้า ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆลานจอดรถยนต์ครับ บัตรผู้ใหญ่ 150 บาท และเด็ก 120 บาท โดยทางไร่ได้แจ้งว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2559 นี้ จะเปิดไร่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น. โดยจะสะดวกเข้าไปเที่ยวเวลาไหนก็ได้ครับ ผมว่าเด็กๆคงใช้เวลาเที่ยวเล่นซัก 2-3 ชั่วโมง ก็น่าจะเหนื่อยและหมดแรงแล้วล่ะครับ เพราะว่าช่วงนี้อากาศยังคงร้อนอยู่ คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าลืมเตรียมทั้งร่ม หมวก กระติ๊กน้ำ และผ้าขนหนูไปชุบน้ำเย็นๆเช็คตามหน้าและตัวเพื่อคลายร้อนให้กับเด็กๆด้วยนะครับ
ทางไร่เองมีโปรแกรมที่ชื่อว่า Organic Family Day เพื่อการเรียนรู้และสนุกแบบเต็มที่กันในหนึ่งวันด้วย รายละเอียดตามแผ่นพับที่ได้รับมานี้ครับ ซึ่งจะจัดขึ้นในบางวันเท่านั้นหรือใครสนใจไปทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม ลองติดต่อสอบถามกับทางไร่โดยตรงได้ครับ ด้านหลังของแผ่นพับที่ได้มานี้จะเป็นรูปการ์ตูนสัตว์ให้เด็กๆได้เล่นสนุกพับทบกันไปมาเพื่อจับคู่ภาพด้วย
นอกจากนี้ทางไร่ยังมีออร์แกนิกเวริคชอปชื่อว่า Organic Cooking by Anothai ของคุณอโณทัย ก้องวัฒนา ผู้ก่อตั้งไร่แห่งนี้ โดยมีสอนทำขนมกระยาสารทสูตรโบราณ น้ำสลัดออร์แกนิกน้ำมันงา และไอศครีมโฮมเมดสูตรออร์แกนิก ราคาเมนูละ 300 บาท ใครไปลองทำเมนูไหนมาบ้าง ช่วยกลับมาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ
ร้านฟาร์มชอปที่แวะมาซื้อบัตรภายในอาคารแห่งนี้ มีจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกต่างๆของทางไร่ให้ได้เลือกซื้อกัน ด้านในมีแอร์เย็นๆพร้อมโต๊ะเก้าอี้ อ่างล้างมือไว้คอยให้บริการอีกด้วยครับ
หากใครสนใจซื้อของที่ระลึกจากไร่ปลูกรัก ขากลับออกจากไร่ก็อย่าลืมแวะกลับมามุมนี้ มีทั้งเสื้อยืดสรีนลายของทางไร่และคอปเตอร์ไม้ไผ่ให้เด็กๆ
พร้อมกันแล้ว เรามาเดินเที่ยวชมไร่และทำกิจกรรมกันเลยดีกว่าครับ ราคาบัตรที่ซื้อมานั้นจะมีฐานต่างๆให้เรียนรู้ฟรี ตามนี้ครับ
- การเลี้ยงและร่อนไส้เดือน
- เก็บไข่เป็ดและทำไข่เค็มสูตรโบราณ (รับไข่ที่ทำฟรี คนละ 1 ฟอง)
- ปิ้งข้าวจี่ (รับฟรี คนละ 1 ไม้)
- เล่นสไลด์เดอร์ริมนา
- พายเรือริมนา
- หุ่นฟางทำมือ
นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมอื่นๆอีก ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ผ้ามัดย้อมทำมือ (120 บาท) เล่นว่าว (50 บาท) ศิลปะทำมือพิมพ์ภาพด้วยฟองน้ำ (30 บาท) เพ้นท์กระถางต้นไม้/ตุ๊กตา (30-50 บาท) ดำนาโยนข้าว (กล้าต้นละ 1 บาท) เกี่ยวข้าว (20 บาท) และภายในไร่จะมีเล้าสัตว์ต่างๆให้เดินชมกัน แต่ขนาดเล้าจะไม่ใหญ่มากนัก และมีขายอาหารให้เลี้ยงสัตว์ถุงละ 20 บาทด้วยครับ
เดินตามป้ายมาไม่ไกลถึงฐานกิจกรรมแรกก่อน เพื่อชมการสาธิตร่อนปุ๋ยไส้เดือน ที่นี่จะมีคุณป้านั่งคุยให้เด็กๆฟังในถึงประโยชน์ของการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อทำปุ๋ยไส้เดือน เด็กๆจะได้ลองร่อนปุ๋ยไส้เดือนและจับตัวไส้เดือนที่ร่อนออกมาได้กันครับ คุณป้าพาไปดูด้านหลังที่มีกะละมังหลายใบวางตั้งไว้ใส่ดินผสมด้วยขี้วัวเพื่อเป็นอาหารของไส้เดือน ใช้เวลาเลี้ยง 5 สัปดาห์ต่อรอบ พอคุณป้าเอื้อมมือลงไปพลิกดินในกะละมังให้ดู เราก็จะเห็นตัวไส้เดือนมากมายอยู่ข้างใต้นั้นครับ
ใครสนใจจะลองซื้อชุดสาธิตการเลี้ยงไส้เดือนกลับไปทำที่บ้านได้ในราคาชุดละ 299 บาท เสร็จกิจกรรมนี้คุณป้าจะให้เด็กๆหยิบคอปเตอร์ไม้ไผ่ไปได้คนละหนึ่งอัน เพื่อนั่งระบายสีก่อนนำกลับไปเล่นที่บ้าน ภายในฐานนี้จะมีอีกหนึ่งกิจกรรมให้ได้เลือกทำคือ ปลูกผักเพ้นท์กระถาง โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนิดหน่อยครับ
เดินๆกันต่อไปยังฐานกิจกรรมเก็บไข่เป็ดทำไข่เค็มสูตรโบราณ ไปตามป้ายบอกทางบ้านเป็ดเทศเลยครับ
ก่อนจะเดินเข้าไปเก็บไข่เป็ดเทศกัน ตรงบริเวณประตูทางเข้าจะมีป้ายบอกให้เด็กๆสามารถเก็บไข่ได้คนละหนึ่งฟองเท่านั้น ส่วนของผู้ใหญ่สามารถรับกันได้ด้านนอก โดยคุณป้าที่คอยดูแลฐานนี้จะแจกไข่เป็ดเพิ่มให้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่คนละหนึ่งฟองครับ
เลือกเก็บไข่มาได้แล้วก็นำไปล้างทำความสะอาดกันก่อน จากนั้นพอกด้วยแกลบเกลือให้เป็นก้อนกลมๆ มีถุงให้ใส่นำกลับไปบ้านได้ คุณป้าที่ฐานนี้จะช่วยแนะนำระยะเวลาที่ควรเก็บไว้ก่อนนำไปทำอาหารทานกันได้ครับ
บริเวณนี้มีซุ้มของทางไร่เปิดบริการจำหน่ายทั้งอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรเย็นๆให้ผู้ที่มาเที่ยวชมไร่ด้วยครับ อากาศร้อนๆใกล้เที่ยงวันแบบนี้ เลยรีบสั่งน้ำกระเจี๊ยบและมัลเบอร์รี่ปั่นมาดื่มเพิ่มความสดชื่นกันซะหน่อย
ที่นี่เด็กๆจะได้รับข้าวจี่คนละหนึ่งไม้ เพื่อทำกิจกรรมย่างข้าวจี่ชุบไข่ทานร้อนๆกันที่ด้านข้างของซุ้มนี้เลยครับ แถมยังมี Mashmallow จำหน่ายเพิ่มให้เด็กๆเอามาย่างรนไฟพอให้อุ่นๆและเคี้ยวหนึบๆอร่อยกันไป
เที่ยงวันนั้นก็สั่งอาหารที่ซุ้มนี้มาทานกันครับ มีทั้งข้าวไข่พะโล้ แกงเขียวหวาน บาร์บิคิวไก่ และน่องไก่ทอด อาหารอร่อยใช้ได้ครับ แต่ด้วยสภาพอากาศร้อนๆและโต๊ะเก้าอี้ที่มีให้นั่งทานข้าวก็เล็กไปหน่อย แถมไม่ค่อยจะมีมุมให้นั่งหลบแดดได้มากนัก เลยทำให้ต้องรีบๆทานกันและคอยเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดปาดเหงื่อให้เด็กๆไปด้วย
อิ่มกันแล้วก็เดินตากแดดร้อนๆเข้าไปชมไร่กันต่อเลยครับ เดินผ่านฐานกิจกรรมสไลด์เดอร์ดินริมนาและพายเรือ เห็นเด็กๆหลายคนมาเล่นกันอย่างสนุก บางคนกำลังพายเรือเล่นในบ่อน้ำริมนาข้าว ในบริเวณใกล้ๆกันนี้ทางไร่ได้ตั้งวางตุ่มใส่น้ำไว้ให้เด็กๆได้มาอาบน้ำกลางแจ้งหลังจากที่เล่นสนุกอย่างเต็มที่แล้วด้วยครับ
จากนั้นเดินเข้าไปชมสัตว์กันบ้างครับ ด้านหน้าจะเป็นเล้าเล็กๆของลูกเป็ดที่วิ่งกันอยู่ไปมา เราสามารถพาเด็กๆเข้าไปในเล้านี้เพื่อดูลูกเป็ดใกล้ๆได้ครับ ทางด้านในจะเป็นบ้านวัวและหมู โดยสัตว์มีอยู่จำนวนไม่มากนะครับ มีตามที่เห็นในรูปที่ถ่ายมา ตรงบริเวณหน้าทางเข้านี้มีโต๊ะของเจ้าหน้าที่นั่งจำหน่ายอาหารเลี้ยงสัตว์อยู่ด้วยครับ
เดินผ่านแปลงนาข้าวเพื่อตรงไปยังบ้านของเป็ดกากี้ ปรากฎว่าประตูเล้าได้เปิดทิ้งไว้และบรรดาเป็ดทั้งหลายก็ออกไปลงเล่นน้ำในนาข้าวกันหมดแล้วครับ เลยได้แต่เพียงถ่ายรูปมาเท่านั้น จากนั้นรีบเดินต่อไปยังฐานกิจกรรมหุ่นฟางทำมือกันดีกว่า จะได้เข้าไปนั่งหลบแดดร้อนๆในซุ้มด้วยครับ
เดินมาถึงฐานกิจกรรมทำหุ่นฟางกันแล้ว คุณป้าในซุ้มนี้จะมีอุปกรณ์ให้ทั้งฟางข้าว เชือก และกรรไกร ให้เด็กๆทำตุ๊กตาฟางทั้งชายหรือหญิงด้วยฟางข้าวกัน กิจกรรมนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถร่วมช่วยกันทำกับลูกได้เลยครับ
บริเวณด้านหน้าซุ้มนี้จะเป็นลานเล่นว่าวริมนา สามารถเลือกซื้อว่าวมาให้เด็กเล่นได้ หรือจะเลือกซื้อตุ๊กตาปูนปั้นมาเล่นระบายสีแทนก็ได้ครับ
สุดท้ายขอฝากความคิดเห็นส่วนตัว จากการไปเที่ยวชมไร่ในครั้งนี้ไว้ด้วยนะครับ
- บางฐานกิจกรรมน่าจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้ความรู้เด็กๆ เช่น บ้านเป็ด วัว และหมู หรืออย่างน้อยมีป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์บ้าง
- จุดบริการห้องน้ำมีน้อย เห็นเพียงห้องน้ำไม้ไผ่สองห้องที่ฐานเก็บไข่เป็ด หากไปทำกิจกรรมที่ฐานอื่นต้องเดินย้อนกลับมาไกลพอสมควรสำหรับเด็ก
- ซุ้มพักผ่อนรับประทานอาหาร น่าจะเป็นพื้นที่ร่มรื่นมากกว่านี้หรือมีตาข่ายกรองแสงก็น่าจะช่วยลดวามร้อนไปได้บ้าง
ในวันหยุดพักผ่อนของครอบครัวครั้งต่อไป ลองหาโอกาสพาเด็กๆไปเที่ยววิ่งเล่นสัมผัสธรรมชาติกันที่ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ “ไร่ปลูกรัก” แห่งนี้ด้วยนะครับ อย่างน้อยการใช้เวลาครึ่งค่อนวันกับการทำกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว เพียงเท่านี้ก็ทำให้เราได้ปลูกความสุขให้แก่ทุกคนได้แล้วล่ะครับ
ที่มา Pantip
Cr. Happy Gang
ที่อยู่ : ไร่ปลูกรัก 130 หมู่ 1 ถ.เพชรเกษม ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี
เว็บไซต์: www.thaiorganicfood.com
ราคาบัตร : ผู้ใหญ่ 150 บาท และเด็ก 120 บาท (ความสูงไม่เกิน 140 ซม.)
ก่อนเข้าเดินชมและทำกิจกรรมในไร่ปลูกรักนี้ เราต้องไปซื้อบัตรเข้าชมที่อาคารร้านฟาร์มชอปตรงด้านหน้าทางเข้า ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆลานจอดรถยนต์ครับ บัตรผู้ใหญ่ 150 บาท และเด็ก 120 บาท โดยทางไร่ได้แจ้งว่าช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2559 นี้ จะเปิดไร่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น. โดยจะสะดวกเข้าไปเที่ยวเวลาไหนก็ได้ครับ ผมว่าเด็กๆคงใช้เวลาเที่ยวเล่นซัก 2-3 ชั่วโมง ก็น่าจะเหนื่อยและหมดแรงแล้วล่ะครับ เพราะว่าช่วงนี้อากาศยังคงร้อนอยู่ คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าลืมเตรียมทั้งร่ม หมวก กระติ๊กน้ำ และผ้าขนหนูไปชุบน้ำเย็นๆเช็คตามหน้าและตัวเพื่อคลายร้อนให้กับเด็กๆด้วยนะครับ
ทางไร่เองมีโปรแกรมที่ชื่อว่า Organic Family Day เพื่อการเรียนรู้และสนุกแบบเต็มที่กันในหนึ่งวันด้วย รายละเอียดตามแผ่นพับที่ได้รับมานี้ครับ ซึ่งจะจัดขึ้นในบางวันเท่านั้นหรือใครสนใจไปทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม ลองติดต่อสอบถามกับทางไร่โดยตรงได้ครับ ด้านหลังของแผ่นพับที่ได้มานี้จะเป็นรูปการ์ตูนสัตว์ให้เด็กๆได้เล่นสนุกพับทบกันไปมาเพื่อจับคู่ภาพด้วย
นอกจากนี้ทางไร่ยังมีออร์แกนิกเวริคชอปชื่อว่า Organic Cooking by Anothai ของคุณอโณทัย ก้องวัฒนา ผู้ก่อตั้งไร่แห่งนี้ โดยมีสอนทำขนมกระยาสารทสูตรโบราณ น้ำสลัดออร์แกนิกน้ำมันงา และไอศครีมโฮมเมดสูตรออร์แกนิก ราคาเมนูละ 300 บาท ใครไปลองทำเมนูไหนมาบ้าง ช่วยกลับมาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ
ร้านฟาร์มชอปที่แวะมาซื้อบัตรภายในอาคารแห่งนี้ มีจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกต่างๆของทางไร่ให้ได้เลือกซื้อกัน ด้านในมีแอร์เย็นๆพร้อมโต๊ะเก้าอี้ อ่างล้างมือไว้คอยให้บริการอีกด้วยครับ
หากใครสนใจซื้อของที่ระลึกจากไร่ปลูกรัก ขากลับออกจากไร่ก็อย่าลืมแวะกลับมามุมนี้ มีทั้งเสื้อยืดสรีนลายของทางไร่และคอปเตอร์ไม้ไผ่ให้เด็กๆ
พร้อมกันแล้ว เรามาเดินเที่ยวชมไร่และทำกิจกรรมกันเลยดีกว่าครับ ราคาบัตรที่ซื้อมานั้นจะมีฐานต่างๆให้เรียนรู้ฟรี ตามนี้ครับ
- การเลี้ยงและร่อนไส้เดือน
- เก็บไข่เป็ดและทำไข่เค็มสูตรโบราณ (รับไข่ที่ทำฟรี คนละ 1 ฟอง)
- ปิ้งข้าวจี่ (รับฟรี คนละ 1 ไม้)
- เล่นสไลด์เดอร์ริมนา
- พายเรือริมนา
- หุ่นฟางทำมือ
นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมอื่นๆอีก ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ผ้ามัดย้อมทำมือ (120 บาท) เล่นว่าว (50 บาท) ศิลปะทำมือพิมพ์ภาพด้วยฟองน้ำ (30 บาท) เพ้นท์กระถางต้นไม้/ตุ๊กตา (30-50 บาท) ดำนาโยนข้าว (กล้าต้นละ 1 บาท) เกี่ยวข้าว (20 บาท) และภายในไร่จะมีเล้าสัตว์ต่างๆให้เดินชมกัน แต่ขนาดเล้าจะไม่ใหญ่มากนัก และมีขายอาหารให้เลี้ยงสัตว์ถุงละ 20 บาทด้วยครับ
เดินตามป้ายมาไม่ไกลถึงฐานกิจกรรมแรกก่อน เพื่อชมการสาธิตร่อนปุ๋ยไส้เดือน ที่นี่จะมีคุณป้านั่งคุยให้เด็กๆฟังในถึงประโยชน์ของการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อทำปุ๋ยไส้เดือน เด็กๆจะได้ลองร่อนปุ๋ยไส้เดือนและจับตัวไส้เดือนที่ร่อนออกมาได้กันครับ คุณป้าพาไปดูด้านหลังที่มีกะละมังหลายใบวางตั้งไว้ใส่ดินผสมด้วยขี้วัวเพื่อเป็นอาหารของไส้เดือน ใช้เวลาเลี้ยง 5 สัปดาห์ต่อรอบ พอคุณป้าเอื้อมมือลงไปพลิกดินในกะละมังให้ดู เราก็จะเห็นตัวไส้เดือนมากมายอยู่ข้างใต้นั้นครับ
ใครสนใจจะลองซื้อชุดสาธิตการเลี้ยงไส้เดือนกลับไปทำที่บ้านได้ในราคาชุดละ 299 บาท เสร็จกิจกรรมนี้คุณป้าจะให้เด็กๆหยิบคอปเตอร์ไม้ไผ่ไปได้คนละหนึ่งอัน เพื่อนั่งระบายสีก่อนนำกลับไปเล่นที่บ้าน ภายในฐานนี้จะมีอีกหนึ่งกิจกรรมให้ได้เลือกทำคือ ปลูกผักเพ้นท์กระถาง โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนิดหน่อยครับ
เดินๆกันต่อไปยังฐานกิจกรรมเก็บไข่เป็ดทำไข่เค็มสูตรโบราณ ไปตามป้ายบอกทางบ้านเป็ดเทศเลยครับ
ก่อนจะเดินเข้าไปเก็บไข่เป็ดเทศกัน ตรงบริเวณประตูทางเข้าจะมีป้ายบอกให้เด็กๆสามารถเก็บไข่ได้คนละหนึ่งฟองเท่านั้น ส่วนของผู้ใหญ่สามารถรับกันได้ด้านนอก โดยคุณป้าที่คอยดูแลฐานนี้จะแจกไข่เป็ดเพิ่มให้ทั้งคุณพ่อและคุณแม่คนละหนึ่งฟองครับ
เลือกเก็บไข่มาได้แล้วก็นำไปล้างทำความสะอาดกันก่อน จากนั้นพอกด้วยแกลบเกลือให้เป็นก้อนกลมๆ มีถุงให้ใส่นำกลับไปบ้านได้ คุณป้าที่ฐานนี้จะช่วยแนะนำระยะเวลาที่ควรเก็บไว้ก่อนนำไปทำอาหารทานกันได้ครับ
บริเวณนี้มีซุ้มของทางไร่เปิดบริการจำหน่ายทั้งอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรเย็นๆให้ผู้ที่มาเที่ยวชมไร่ด้วยครับ อากาศร้อนๆใกล้เที่ยงวันแบบนี้ เลยรีบสั่งน้ำกระเจี๊ยบและมัลเบอร์รี่ปั่นมาดื่มเพิ่มความสดชื่นกันซะหน่อย
ที่นี่เด็กๆจะได้รับข้าวจี่คนละหนึ่งไม้ เพื่อทำกิจกรรมย่างข้าวจี่ชุบไข่ทานร้อนๆกันที่ด้านข้างของซุ้มนี้เลยครับ แถมยังมี Mashmallow จำหน่ายเพิ่มให้เด็กๆเอามาย่างรนไฟพอให้อุ่นๆและเคี้ยวหนึบๆอร่อยกันไป
เที่ยงวันนั้นก็สั่งอาหารที่ซุ้มนี้มาทานกันครับ มีทั้งข้าวไข่พะโล้ แกงเขียวหวาน บาร์บิคิวไก่ และน่องไก่ทอด อาหารอร่อยใช้ได้ครับ แต่ด้วยสภาพอากาศร้อนๆและโต๊ะเก้าอี้ที่มีให้นั่งทานข้าวก็เล็กไปหน่อย แถมไม่ค่อยจะมีมุมให้นั่งหลบแดดได้มากนัก เลยทำให้ต้องรีบๆทานกันและคอยเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดปาดเหงื่อให้เด็กๆไปด้วย
อิ่มกันแล้วก็เดินตากแดดร้อนๆเข้าไปชมไร่กันต่อเลยครับ เดินผ่านฐานกิจกรรมสไลด์เดอร์ดินริมนาและพายเรือ เห็นเด็กๆหลายคนมาเล่นกันอย่างสนุก บางคนกำลังพายเรือเล่นในบ่อน้ำริมนาข้าว ในบริเวณใกล้ๆกันนี้ทางไร่ได้ตั้งวางตุ่มใส่น้ำไว้ให้เด็กๆได้มาอาบน้ำกลางแจ้งหลังจากที่เล่นสนุกอย่างเต็มที่แล้วด้วยครับ
จากนั้นเดินเข้าไปชมสัตว์กันบ้างครับ ด้านหน้าจะเป็นเล้าเล็กๆของลูกเป็ดที่วิ่งกันอยู่ไปมา เราสามารถพาเด็กๆเข้าไปในเล้านี้เพื่อดูลูกเป็ดใกล้ๆได้ครับ ทางด้านในจะเป็นบ้านวัวและหมู โดยสัตว์มีอยู่จำนวนไม่มากนะครับ มีตามที่เห็นในรูปที่ถ่ายมา ตรงบริเวณหน้าทางเข้านี้มีโต๊ะของเจ้าหน้าที่นั่งจำหน่ายอาหารเลี้ยงสัตว์อยู่ด้วยครับ
เดินผ่านแปลงนาข้าวเพื่อตรงไปยังบ้านของเป็ดกากี้ ปรากฎว่าประตูเล้าได้เปิดทิ้งไว้และบรรดาเป็ดทั้งหลายก็ออกไปลงเล่นน้ำในนาข้าวกันหมดแล้วครับ เลยได้แต่เพียงถ่ายรูปมาเท่านั้น จากนั้นรีบเดินต่อไปยังฐานกิจกรรมหุ่นฟางทำมือกันดีกว่า จะได้เข้าไปนั่งหลบแดดร้อนๆในซุ้มด้วยครับ
เดินมาถึงฐานกิจกรรมทำหุ่นฟางกันแล้ว คุณป้าในซุ้มนี้จะมีอุปกรณ์ให้ทั้งฟางข้าว เชือก และกรรไกร ให้เด็กๆทำตุ๊กตาฟางทั้งชายหรือหญิงด้วยฟางข้าวกัน กิจกรรมนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถร่วมช่วยกันทำกับลูกได้เลยครับ
บริเวณด้านหน้าซุ้มนี้จะเป็นลานเล่นว่าวริมนา สามารถเลือกซื้อว่าวมาให้เด็กเล่นได้ หรือจะเลือกซื้อตุ๊กตาปูนปั้นมาเล่นระบายสีแทนก็ได้ครับ
สุดท้ายขอฝากความคิดเห็นส่วนตัว จากการไปเที่ยวชมไร่ในครั้งนี้ไว้ด้วยนะครับ
- บางฐานกิจกรรมน่าจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้ความรู้เด็กๆ เช่น บ้านเป็ด วัว และหมู หรืออย่างน้อยมีป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์บ้าง
- จุดบริการห้องน้ำมีน้อย เห็นเพียงห้องน้ำไม้ไผ่สองห้องที่ฐานเก็บไข่เป็ด หากไปทำกิจกรรมที่ฐานอื่นต้องเดินย้อนกลับมาไกลพอสมควรสำหรับเด็ก
- ซุ้มพักผ่อนรับประทานอาหาร น่าจะเป็นพื้นที่ร่มรื่นมากกว่านี้หรือมีตาข่ายกรองแสงก็น่าจะช่วยลดวามร้อนไปได้บ้าง
ในวันหยุดพักผ่อนของครอบครัวครั้งต่อไป ลองหาโอกาสพาเด็กๆไปเที่ยววิ่งเล่นสัมผัสธรรมชาติกันที่ฟาร์มเกษตรอินทรีย์ “ไร่ปลูกรัก” แห่งนี้ด้วยนะครับ อย่างน้อยการใช้เวลาครึ่งค่อนวันกับการทำกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว เพียงเท่านี้ก็ทำให้เราได้ปลูกความสุขให้แก่ทุกคนได้แล้วล่ะครับ
ที่มา Pantip
Cr. Happy Gang